ในเรื่องของการตวงสิ่งของ อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่ชาวบ้านมีมากจนต้องมีการตวงปริมาณ ได้แก่ ข้าว จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่มาตราตวงจะใช้ข้าวเป็นมาตรฐาน ดังมูลบทบรรพกิจเขียนไว้ว่า
นับด้วยตวงไป จงนับใช้ดังนี้นา
เข้าเกวียนหนึ่งนั้นท่านว่า ห้าตะล่อมหนา ตะล่อมหนึ่งยี่สิบสัด
สัดหนึ่งยี่สิบทะนานชัด ทะนานหนึ่งสังกัด สองจังออนจงจำไว้
จังออนหนึ่งสี่กำมือได้ กำมือหนึ่งไซร้ สี่ใจมือตามมีมา
ใจมือหนึ่งนั้นท่านว่า ร้อยเมล็ดเข้าหนา นับด้วยตวงเพียงนี้แล……"
อย่างไรก็ตามในหนังสือสำนวนไทย กาญจนาคพันธุ์ ได้พูดถึงการตวงข้าวที่กำหนดด้วยมาตราตวงของไทยแตกต่างจากมูลบทบรรพกิจ คงเป็นเพราะใช้ในช่วงเวลาที่ต่างกัน จึงทำให้การกำหนดมาตรฐานการตวงแตกต่างกันออกไปด้วย มาตราตวงในหนังสือสำนวนไทยมีดังนี้
๑๕๐ เมล็ดข้าว เท่ากับ ๑ หยิบมือ , ๔ หยิบมือ เท่ากับ ๑ กำมือ , ๔ กำมือ ๑ เท่ากับ ๑ ฟายมือ , ๒ ฟายมือ เท่ากับ ๑ กอบ , ๔ กอบ เท่ากับ ๑ ทะนาน , ๒๕ ทะนาน เท่ากับ ๑ สัด , ๘๐ สัด เท่ากับ ๑ เกวียน
แม้มาตราวัดทั้ง ๒ สมัยแตกต่างกัน แต่ข้าวเป็นสิ่งที่ใช้เป็นมาตรฐานในการตวงเหมือนกัน แสดงว่าคนไทยอยู่กับข้าว และแสดงออกถึงความสำคัญของข้าวทางภาษา สำนวนในภาษาไทยที่ว่า “เป็นกอบเป็นกำ ” นั้น ก็ได้มาจากการตวงข้าว คือได้มาจากคำ หยิบมือ กำมือ ฟายมือ ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้มือ สิ่งที่เกิดจากมือแสดงว่าตนได้ทำด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง การปลูกข้าวและการได้ผลผลิตข้าวจึงเป้นสิ่งที่คนไทยได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรง (มือ) ของตนอย่างแท้จริง คำว่า “ กอบ ” และ ” กำ ” ได้กลายมาเป็นสำนวนพูดในภาษาว่า " เป็นกอบเป็นกำ ”
|