-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 550 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สารสมุนไพร








 

ทางเลือกใหม่เกษตรกรทดแทนสารเคมีคิดสูตรพืชสมุนไพรไล่และกำจัดแมลง


เกษม ลิมะพันธุ์



นับแต่มีการปรับเปลี่ยนวิถีการเกษตร เพื่อเป้าหมายทางการค้าเป็นสำคัญ ปริมาณการใช้สารเคมีทางการเกษตรของไทยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถือได้ว่าติดอันดับประเทศที่ใช้สารเคมีทางการเกษตรมากที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเซีย สารเคมีที่เกษตรใช้เป็นหลักมีอยู่ 2 ประเภทคือ ปุ๋ยเคมีและสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช หรือที่เราเรียกว่า "ยาปราบศัตรูพืช"


ในส่วนของปุ๋ยเคมีนั้น สำนักงานควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร รายงานสถิติปี 2546 ว่า มีปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี 3,952,356 ตัน ในจำนวนนี้เป็นปุ๋ยนำเข้า 3,837,787 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 97.1 มูลค่า 25,747 ล้านบาท สำหรับยาปราบศัตรูพืชนั้น ฝ่ายวัตถุมีพิษ กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า มีปริมาณ 50,331 ตัน มูลค่า 11,341 ล้านบาท ประเภทนำเข้าสูงสุดคือสารกำจัดวัชพืช 31,879 ตัน รวมแล้วจึงเท่ากับว่าปริมาณการใช้สารเคมีในปี 2546 ไม่น้อยกว่า 4 ล้านตัน


โดยทั่วไปตัวเลขของกรมวิชาการเกษตรดังกล่าว หากเปรียบเทียบกับแหล่งอื่น จะมีความขัดแย้งเพราะค่อนข้างต่ำ แต่ประเด็นที่ยังคงชัดเจนคือ ปริมาณสารเคมีที่มีการนำเข้ามาหว่านโปรยหรือฉีดพ่นลงบนแผ่นดินไทยในแต่ละปีนั้น มีปริมาณมหาศาลและอัตราเพิ่มก็สูงมากตามไปด้วย


ปัจจุบัน ทางเลือกของเกษตรกรแม้ว่าจะยังไม่แพร่หลายมากนัก เพื่อทดแทนการใช้ยาปราบศัตรูพืช โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาจัดการและให้ผลดีในระดับหนึ่งคือ การใช้พืชสมุนไพร เช่นที่เกษตรกร ต.ทุ่งขมิ้น อ.นาหม่อม จ.สงขลา ได้รวมตัวกันจัดทำโครงการ "พืชสมุนไพรไล่แมลง" นำพืชที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาบดผสมเข้าด้วยกัน แล้วหมักไว้ประมาณ 45-50 วัน หลังจากนั้นนำมาใช้ทดแทนยาปราบศัตรูพืช ให้ผลในระดับที่ดี ปริมาณการใช้น้ำหมัก 1 แก้วผสมน้ำ 20 ลิตร


นายสมศักดิ์ คงไชย กรรมการโครงการพืชสมุนไพรไล่แมลง เปิดเผยว่า เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการผลิตปุ๋ยชีวภาพ เพื่อต้องการให้ผู้บริโภคพืชผักได้ปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง มีการทดลองและกำหนดสูตรขึ้นมา เป็นสูตรสมุนไพรที่มีคุณสมบัติไล่และกำจัดแมลง มีทั้งหมด 6 อย่าง ประกอบด้วย ชนิดผล ชนิดแช่ ชนิดพ่น ชนิดดองเหล้า ชนิดสกัดเอาไอน้ำ และชนิดหมัก ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัด เก็บรักษาคุณสมบัติไว้ได้นาน นอกจากนี้ยังได้สารโฮโมนต์ และวิตามินแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอีกด้วย


"ส่วนผสมสาบเสือหรือใบขี้ไก่ ต้นยาสูบ ตะไคร้หอม ใบพลู ฯลฯ ซึ่งทางเราคิดค้นสูตรนี้ขึ้นมาเพื่อลดต้นทุนการผลิต และลดเงินตราที่ไหลออกนอกประเทศแต่ละปีนับหมื่นๆ ล้านเพื่อซื้อยาปราบศัตรูพืชที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย เกษตรกรควนหันกลับมาใช้พืชสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติไล่แมลงกำจัดแมลงกันเถอะครับ"

สารเคมียาปราบศัตรูพืช ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรง จากข้อเสนอแลกเปลี่ยนในเวทีสมัชชาสุขภาพครั้งล่าสุด โดยมีเป้าหมายร่วมกันในอนาคตคือ "ให้มีกระบวนการควบคุมการโฆษณาและส่งเสริมการขายสารเคมีการเกษตรทั้งระบบ เช่นเดียวกับภัยคุกคามต่อสุขภาพอื่นๆ" เกษม ลิมะพันธุ์ ข่าว

www.songkhlahealth.org/paper/64 -









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-06-09 (2778 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©