-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 577 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ข่าวทั่วไป





ส่ง 'เกษตรอินทรีย์ไทย' สู่ตลาดโลก

ปัจจุบัน ตลาดโลกมีความต้องการสินค้าอินทรีย์เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยแต่ละปีมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-20% ซึ่งปี 2553 นี้ คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีตลาดหลักอยู่ที่ กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา  ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และ ตลาดใหม่ที่คาดว่าจะมีการขยายตัวที่รวดเร็ว คือ กลุ่มสแกนดิเนเวีย และ อิสราเอล ส่วน การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยในขณะนี้ 
มีพื้นที่ประมาณ 300,000 ไร่ แต่มีฟาร์มที่ ผ่านการรับรองมาตรฐานเพียง 140,000 ไร่ ทั่วประเทศ นับเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับพื้นที่เกษตรอินทรีย์ของโลก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้เร่งพัฒนาพร้อมขยายฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์ของไทยให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันในเวทีการค้าโลกซึ่งจะนำรายได้เข้าประเทศสูงขึ้นในอนาคต
   
นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรม ส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ช่วงปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ ประมาณ 1,000-1,100 ล้านบาท หรือประมาณ 0.2% ของตลาดโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อส่งออกโดยสินค้าที่ส่งออกมากที่สุด คือ ข้าวอินทรีย์ ประมาณ  80% มีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป  สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และฮ่องกง รองลงมา คือ พืชผักอินทรีย์ อาทิ หน่อไม้ฝรั่ง ส่งออกไปยังญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ ผลไม้อินทรีย์ อาทิ ลำไย มะม่วง สับปะรด และลองกอง เป็นต้น
   
การพัฒนาฟาร์มเกษตรอินทรีย์ของไทย ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นเรื่องที่ทำยากขึ้นทุกขณะ เพราะนอกจากมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของไทยเองแล้ว หากต้องการที่จะส่งออก ผู้ประกอบการต้องพัฒนาฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานตามเงื่อนไขของประเทศผู้นำเข้าด้วย โดยแต่ละประเทศได้กำหนดมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แตกต่างกัน ทั้งมาตรฐาน EEC 2092/91 และกฎระเบียบใหม่ EC No 834/2007 ของสหภาพยุโรป มาตรฐาน JAS ของญี่ปุ่น มาตรฐาน NOP ของสหรัฐอเมริกา มาตรฐาน IFOAM ของสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ  ซึ่งมาตรฐานต่าง ๆ ได้มีการปรับกฎเกณฑ์อยู่บ่อยครั้งเพื่อให้ทันสมัย และยังมีกฎเกณฑ์เพื่อกีดกันทางการค้ามากขึ้นทุกปีด้วย ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ส่งออกต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
   
ปีนี้กรมส่งเสริมการเกษตรมีแผนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งขยายผลต่อยอดโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้เพื่อการส่งออก พื้นที่เป้าหมายไม่น้อยกว่า 400 ไร่ เกษตรกรประมาณ 75 ราย โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เช่น พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ป้อนตลาดได้ 450 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณ 100 ตันต่อปี
   
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตั้งงบประมาณปี 2554 จำนวน 630 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการ มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การทำเกษตรอินทรีย์ได้อย่างเต็มศักยภาพ แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ส่วนหลัก คือ การปรับโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่เกษตรกรรม และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยตั้งเป้าเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกษตรแบบเคมีเป็นเกษตรอินทรีย์ประมาณ 853,420 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 9 ล้านไร่ ขณะเดียวกันยังสนับสนุนให้เกษตรกรได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เพิ่มอีกกว่า 20,000 ไร่ เน้นสินค้าหลักที่มีศักยภาพสูง ประกอบด้วย ข้าว 14,420 ไร่ ผัก 1,540 ไร่ ผลไม้ 290 ไร่  ชา 2,710 ไร่ และสมุนไพร 1,040 ไร่ เพื่อให้สามารถส่งออกและบริโภคภายในประเทศได้เพิ่มมากขึ้น.









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-06-06 (813 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©