อนาคตอันใกล้ เกษตรกรไทยจะคลายทุกข์ร้อนจากปัญหาสารเคมี เมื่อนักวิจัยสองหน่วยงานร่วมกันพัฒนาข้าว 3 สายพันธุ์ใหม่ ต้านโรค-ทนเค็ม-ทนน้ำท่วม
ดร.ธีรยุทธ ตู้จินดา นักวิจัยจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ความร่วมมือในระยะที่ 2 สวทช.กับกรมการข้าวจะร่วมกันพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ข้าวที่มีศักยภาพสูง สำหรับนาน้ำฝน และนาชลประทานให้แก่เกษตรในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เสริมศักยภาพชาวนาในอนาคต
“ความร่วมมือในระยะแรก 2549-2552 ทีมวิจัยสามารถพัฒนาพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ สายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ทนน้ำท่วมฉับพลัน สายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ทนดินเค็ม และสายพันธุ์ กข6 ต้านทานโรคไหม้ โดยอยู่ระหว่างการยื่นขอรับรองพันธุ์ ก่อนนำไปขยายพันธุ์จำหน่ายให้แก่เกษตรในอีก 1-2 ปีข้างหน้า”
ผลที่ทีมวิจัยคาดจะได้รับจากความร่วมมือดังกล่าวคือ พันธุ์ข้าวใหม่ที่มีเสถียรภาพในการให้ผลผลิต ภายใต้สภาวะแวดล้อมวิกฤต และการระบาดของโรครวมถึงแมลงจำนวน 14 สายพันธุ์ โดยสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และเกษตรกรที่มีความรู้ความเข้าใจในการนำพันธุ์ข้าวไปใช้อย่างเหมาะสมด้วย
ความร่วมมือในระยะที่ 2 มีในระยะเวลา 5 ปีระหว่าง 2553-2558 หน่วยงานทั้งสองมีพันธกิจร่วมกัน 7 ประการหลัก ได้แก่
พันธกิจ 1 การพัฒนาข้าวขาวดอกมะลิ 105 และ กข6 ให้มีเสถียรภาพในการให้ผลผลิตโดยการใช้เครื่องหมายโมเลกุลดีเอ็นเอ เพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่จะรับรองพันธุ์ 4 สายพันธุ์ และ ข้าวเหนียว กข6 ที่จะรับรองพันธุ์ 7 สายพันธุ์ ซึ่งมีเสถียรภาพในการให้ผลผลิตในสภาพนาน้ำฝนภาคเหนือละตะวันออกเฉียงเหนือ
พันธกิจ 2 ทีมวิจัยจะพัฒนาสายพันธุ์ข้าวนาชลประทานโดยใช้เครื่องหมายโมเลกุลดีเอ็นเอ ได้แก่ ข้าวชัยนาท 1 ให้มีความต้านทานโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลแบบยั่งยืนรวมถึงต้านทานโรคขอบใบแห้ง เพื่อให้ได้พันธุ์ข้าวนาชลประทานที่มีเสถียรภาพในการผลิตที่จะรับรองพันธุ์ 2 สายพันธุ์
พันธกิจ 3 จะเป็นการสืบหาแหล่งพันธุกรรม และยีนที่เกี่ยวข้อง สำหรับพัฒนาเครื่องหมายโมเลกุลดีเอ็นเอเพื่อใช้ในการคัดเลือกและติดตาม
พันธกิจที่ 4 ทีมวิจัยจะพัฒนาเกี่ยวกับระบบทดสอบลักษณะปรากฏที่แม่นยำและรวดเร็ว เพื่อการประเมินความดีเด่นของสายพันธุ์ข้าวระดับโรงเรือน อาทิ ระบบทดสอบความต้านทานโรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง โรคเมล็ดด่าง โรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หลังขาว และบั่ว รวมถึงความสามารถในการทนเค็ม ทนต่อน้ำท่วม และทนแล้ง
พันธกิจ 5 ทีมวิจัยจะทดสอบศักยภาพของผลผลิต และลักษณะทางการเกษตร รวมทั้งลักษณะหุงต้ม และความต้านทานโรคแมลงของสายพันธุ์ใหม่ที่ได้จากโครงการร่วมในระดับสถานีและไร่นาเกษตรกร เพื่อหาสายพันธุ์ดีเด่นสำหรับรับรองพันธุ์
พันธกิจที่ 6 จะเป็นการศึกษาความดีเด่นของพันธุกรรมข้าวไทย เพื่อการใช้ประโยชน์ในอนาคต และจัดเก็บสายพันธุ์ข้าวที่พัฒนาขึ้นใหม่อย่างเป็นระบบในธนาคารพันธุ์ข้าวเพื่อใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมในอนาคต และ
พันธกิจที่ 7 กรมการข้าวจะร่วมกับหน่วยค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าวผลิตเมล็ดพันธุ์คัด และพันธุ์หลัก ข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
นายสุนิยม ตาปราบ นักวิชาการชำนาญการพิเศษ กรมการข้าว กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรที่อยู่ในระบบการผลิตทั้งเขตนาน้ำฝนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นาชลประทานภาคกลางและภาคเหนือตอนบนสามารถลดต้นทุนในการผลิต โดยลดการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
“ข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ทีมวิจัยร่วมกันพัฒนาขึ้น จะลดการนำเข้าสารเคมี และมลภาวะที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต โดยที่เกษตรกรมีศักยภาพที่จะแข่งขันกับต่างประเทศเนื่องจากสามารถเพาะปลูกข้าวที่มีผลผลิตสูงได้อย่างยั่งยืน”
www.creativeenterprise.in.th/.../ข้าวไทยพันธุ์ใหม่-สู้น้ำท่วม-ทนเค็ม-ต้านโรค.html -
ไบโอเทค ชู ดีเอ็นเอ พัฒนาข้าวสายพันธุ์อึด
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ต่อสัญญาระยะ 2 กับกรมการข้าว ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพพัฒนา 3 สายพันธุ์ข้าวใหม่ "พลังอึด"
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และกรมการข้าว ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระยะ 2 (2553-2558) พัฒนาข้าวสายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์คือ สายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ทนน้ำท่วมฉับพลัน สายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ทนดินเค็ม และสายพันธุ์ กข6 ต้านทานโรคไหม้ โดยเป็นโครงการวิจัยต่อเนื่องจากระยะ 1(2549-2552) และได้ปลูกทดสอบในศูนย์วิจัยข้าวและแปลงของเกษตรกรแล้ว ซึ่งมีผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอรับรองพันธุ์ข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นจะนำไปขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายให้เกษตรกรในอีก 1-2 ปีถัดไป
"ทีมวิจัยได้พัฒนาและใช้โมเลกุลเครื่องหมายดีเอ็นเอ ในการพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ข้าวใหม่ที่มีศักยภาพและเสถียรภาพในการให้ผลผลิต ภายใต้สภาวะแวดล้อมวิกฤติ และการระบาดของโรครวมถึงแมลง พร้อมทั้งสามารถสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงพันธุ์ และเกษตรกรที่มีความรู้ความเข้าใจในการนำพันธุ์ข้าวไปใช้อย่างเหมาะสม" ดร.ธีรยุทธ ตู้จินดา นักวิจัยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค/สวทช.) กล่าว
ความร่วมมือระยะ 2 เวลา 5 ปีนี้ ทั้งสองหน่วยงานมีพันธกิจร่วมกัน 7 ประการหลัก เช่น การพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ข้าวทั้งสามสายพันธุ์ให้มีเสถียรภาพในการให้ผลผลิต การปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวนาชลประทานหรือพันธุ์ข้าวชัยนาท 1 ให้มีความต้านทานโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลแบบยั่งยืน รวมถึงต้านทานโรคขอบใบแห้ง การสืบหาแหล่งพันธุกรรมและยีนที่เกี่ยวข้อง สำหรับพัฒนาเครื่องหมายโมเลกุลดีเอ็นเอเพื่อใช้ในการคัดเลือกและติดตาม
การพัฒนาระบบทดสอบที่ให้ผลแม่นยำและรวดเร็ว เพื่อตรวจสอบโรคข้าวและความสามารถในการทนเค็ม ทนต่อน้ำท่วมและทนแล้ง การทดสอบผลผลิตข้าวสายพันธุ์ใหม่ ดูลักษณะหุงต้มและความต้านทานโรคแมลง เพื่อหาสายพันธุ์ดีเด่นสำหรับรับรองพันธุ์ การศึกษาความดีเด่นของพันธุกรรมข้าวไทย และจัดเก็บสายพันธุ์ข้าวใหม่อย่างเป็นระบบในธนาคารพันธุ์ข้าว เพื่อใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมในอนาคต และพันธกิจสุดท้ายกรมการข้าวจะร่วมกับหน่วยค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าวผลิตเมล็ดพันธุ์คัดและเมล็ดพันธุ์หลัก ข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
นายสุนิยม ตาปราบ นักวิชาการชำนาญการพิเศษ กรมการข้าว กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรที่อยู่ในระบบการผลิตทั้งเขตนาน้ำฝนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นาชลประทานภาคกลางและภาคเหนือตอนบนสามารถลดต้นทุนในการผลิต โดยลดการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
www.creativeenterprise.in.th/.../