-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 534 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สิ่งแวดล้อม






พริกไทย

     
1  การผลิตพริกไทยที่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างและปลอดจากศัตรูพืช

2  การผลิตพริกไทยที่มีคุณภาพ  ปลอดภัยจากการปนเปื้อนของเชื้อรา จุลินทรีย์ และปลอดภัยจาก การใช้สารฟอกขาวหรือสารเคมีอื่นๆ



เนื้อหา


1 การผลิตพริกไทยที่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างและปลอดจากศัตรูพืช

1.1  การป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน ศัตรูพืชที่สำคัญของพริกไทย  ได้แก่  โรครากเน่าและโคนเน่าส่วนใหญ่มีปัจจัยมาจากเชื้อสาเหตุ  โรค  ได้แก่  เชื้อรา  Phytophthora  parastica รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและความอ่อนแอของต้นพริกไทย  ดังนั้นการที่จะลดความเสียหายจากโรคก็ต้องเริ่มจากการเลือกสถานที่ปลูก  การเตรียมดินแปลงปลูกและสภาพอากาศของแหล่งปลูกที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพริกไทย  และปรับสภาพพื้นที่ปลูกไม่ให้เหมาะสมกับการเจริญและพัฒนาของเชื้อสาเหตุโรคหรือใช้สารเคมีหรือสารอื่นๆในการลดปริมาณเชื้อโรคในแปลงปลูก  ตามรายละเอียดดังนี้

           
1. แปลงปลูกพริกไทยจะต้องเป็นพื้นที่ที่มีการระบายน้ำได้ดี ไม่ชื้นแฉะหรือเป็นแอ่งน้ำ  หากพบสภาพดังกล่าวจะต้องปรับพื้นที่ไม่ให้มีสภาพน้ำขัง

2. ควรทำแปลงปลูกให้มีสภาพเป็นลอนลูกฟูกเพื่อให้มีการระบายน้ำได้ดี

3. หากพบดินเป็นกรดควรปรับด้วยปูนขาวหรือปูนโดโลไม้ท์เพื่อให้ความเป็นกรดน้อยลง

4. ปรับปรุงดินด้วยอินทรีย์วัตถุ  โดยการใส่ปุ๋ยคอก  ปุ๋ยอินทรีย์  เพื่อให้ดินสามารถดูดซับน้ำและธาตุอาหารได้ดีและรากพืชสามารถพัฒนาและนำอาหารพืชไปใช้ได้ง่าย

5. ตัดแต่งกิ่งหรือแขนงตามบริเวณโคนต้นออกให้โปร่ง  เพื่อลดความชื้นและให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกดีขึ้น

6. เก็บใบ กิ่ง ก้าน ที่ร่วงหล่นอยู่ตามบริเวณโคนต้นออกไปเผาไฟทำลายเสียให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

7. ควรเลือกยอดพันธุ์พริกไทยจากแปลงปลูกหรือแหล่งปลูกที่ไม่มีการระบาดของโรค

8. ต้นที่เป็นโรคตายควรขุดเผาทำลายแล้วรดดินหลุมปลูกด้วยสารเมตาแลกซิลให้ทั่วแล้วจึงปลูกซ่อม  และการปลูกซ้ำก็ควรทิ้งระยะเวลาประมาณ 1 ปี

9. การป้องกันกำจัดโดยชีววิธี  โดยการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมของดินปลูกให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์และจุลินทรีย์อื่นๆ  ที่มีประโยชน์ในดิน ได้แก่  เชื้อราไตรโคเดอม่า  เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส  ซับทีลิส  เป็นต้น  หรือนำจุลินทรีย์ซึ่งมีผู้ผลิตขายเป็นการค้าในรูปผง  นำไปใส่ในแปลงปลูกร่วมกันอินทรียวัตถุต่างๆเพื่อเพิ่มปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ในแปลงปลูกให้มากขึ้น   และควรเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นพริกไทยยังมีอายุน้อย 1-2 ปี

10. การป้องกันกำจัดโรคโดยวิธีผสมผสาน  ได้แก่  การใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ใส่ลงไปในดินร่วมกับการใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยอินทรีย์  การปรับความเป็นกรด-ด่างของดินให้เหมาะสม  รวมทั้งการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเมื่อพบอาการโรค  และการเก็บส่วนของพืชเป็นโรคนำไปเผาทำลาย  เป็นต้น



การใช้สารเคมีอย่างถูกต้องปลอดภัย

1. ถ้ามีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช  ให้เลือกใช้ใน  ชนิด  อัตรา  และระยะเวลาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

2. ต้องใช้สารเคมีที่ถูกต้องตามกฎหมาย  มีเลขทะเบียนวัตถุอันตรายและมีคำแนะนำบนสลากให้ใช้กับ  พริกไทย

3. ต้องไม่ใช้สารเคมีซึ่งเป็นวัตถุอันตรายที่ห้ามใช้ทางการเกษตร  ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พศ. 2535

4. ต้องหยุดการใช้สารเคมีก่อนการเก็บเกี่ยว  ตามเวลาที่ระบุในคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

5. จดบันทึกการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง





สรุปคำแนะนำการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในการผลิตพริกไทย


โรคที่สำคัญ

โรครากเน่า 
เกิดจากเชื้อรา  อาการระยะแรกเถาจะเหี่ยวในเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วง  ต่อมาปราง(กิ่งแขนง)เริ่มหลุดเป็นข้อๆตั้งแต่โคนต้นถึงยอดขั้วกิ่งเป็นสีเหลืองและดำ  ส่วนรากเน่าดำและมีกลิ่นเหม็น  ป้องกันโดยอย่าให้น้ำขังในฤดูฝนเผาทำลายต้นที่เป็นโรค  และฉีดพ่นด้วยฟอสอีทิลอลูมิเนียม 820%WP และฟอสฟอริค แอซิด 40%L

           
โรครากขาว 
เกิดจากเชื้อรา  ใบเหลืองและร่วง  พบเส้นใยสีขาวปกคลุมที่รากบางส่วน  ป้องกันโดยเผาทำลายส่วนที่เป็นโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด  ถ้าระบาดรุนแรงใช้ควินโตซีน 24%EC ผสมน้ำราดหรือฉีดพ่น

           
โรครากปม 
เกิดจากไส้เดือนฝอยรากปม  เข้าทำลายที่รากฝอย เกิดเป็นปมเห็นได้ชัดเจนนอกจากนี้ทำให้ผนังเซลล์เป็นแผล เป็นสาเหตุให้โรคอื่นๆเข้าร่วมทำลายได้ง่าย  ป้องกันโดยคลุมดินก้นหลุมก่อนปลูกด้วยคาร์โบพูราน 3%G หรือพีนามีฟอส 40%G. และโรยรอบทรงพุ่มในช่วงฤดูฝน

           
โรคแอนแทรกโนส เกิดจากเชื้อรา  ทำลายส่วนใบของพริกไทย เกิดเป็นจุดวงกลมสีน้ำตาลดำหรือสีดำ  ผิวเป็นเงามัน  รอบจุดเป็นสีเหลือง  ตรงกลางแผลมีลักษณะเป็นวงสีน้ำตาลดำเรียงซ้อนกันเหมือนวงปีของเนื้อไม้  ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้ตายได้ป้องกันโดยตัดแต่งกิ่งและเก็บไปเผาทำลาย  พ่นด้วยเบนโนมิล 50%WP หรือแมนโคเซบ 80%WP หรือคาร์เบนดาซิม 50%WVF

           
โรคราเห็ดพริกไทย 
เกิดจากเชื้อราเป็นเส้นใยสีขาวเจริญบนผิวเปลือกของลำต้น  กิ่ง  และใต้ใบ  ทำให้ลำต้น  กิ่งใบ  แห้ง  และตายได้  ป้องกันโดยอย่าให้น้ำท่วมขังตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง  และด้วยคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 85%WP



แมลงที่สำคัญ

เพลี้ยแป้ง 
เป็นแมลงศัตรูพริกไทยที่สำคัญเพราะจะติดไปกับผลผลิตพริกไทยอ่อนสดที่ส่งออกต่างประเทศได้  ตัวเต็มวัยดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก  ใบ  และเถาพริกไทย  เพลี้ยแป้งจะขับถ่ายมูลเป็นน้ำหวาน  จึงพบว่ามดเป็นตัวพาเพลี้ยแป้งไปปล่อยยังส่วนต่างของต้นพืช  ป้องกันโดยฉีดพ่นด้วยคาร์บาริล 85%WP  อัตรา 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

           
มวนแก้ว 
วางไข่เป็นกลุ่ม  ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก  ทำให้ช่อดอกแห้งเป็นสีน้ำตาล  ไม่ติดเมล็ด  ผลผลิตลดลง  ป้องกันโดยการเก็บตัวอ่อนเผาทำลาย  ถ้าระบาดรุนแรงฉีดพ่นด้วย  มาลาไธออน50%EC

           
ด้วงงวงเจาะเถาพริกไทย 
ตัวอ่อนเจาะทำลายเถาพริกไทย  ทำให้เถาแห้งตายส่วนตัวเต็มวัยจะกัดกินใบและผลพริกไทย  ป้องกันโดยเผาทำลาย  เถาพริกไทยที่พบรอยเจาะของหนอนด้วงงวง  ถ้าระบาดรุนแรงฉีดพ่นด้วย คาร์บาริล 85%WP

           
เพลี้ยอ่อน 
ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณยอดอ่อน ใบอ่อน ช่อดอก และผลอ่อน  ทำให้ใบและยอดแคระแกรน  บิดงอ  ไม่ติดเมล็ด  ป้องกันโดยเก็บทำลาย  หรือฉีดพ่นด้วยมาลาไธออน 57%EC

  


การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและการแปรรูปพริกไทย

เก็บเกี่ยวถูกระยะ

- การเก็บเกี่ยวพริกไทยอ่อน ต้องเข้มงวดในการเก็บเกี่ยวหลังจากการใช้สารเคมีอย่างน้อย 10 วัน รวบรวมไว้ในร่มเพื่อทำความสะอาดและคัดแยกผลผลิตอย่างระมัดระวังไม่ให้มีศัตรูพืชติดไปกับผลผลิต

- การเก็บเกี่ยวพริกไทยดำ ต้องเก็บเกี่ยวเมื่อผลสีเขียว แก่จัดแต่ไม่สุก

- การเก็บเกี่ยวพริกไทยขาว ต้องเก็บเกี่ยวพริกไทยที่แก่จัด และผลเริ่มสุกเป็นสีแดงที่โคนช่อ ประมาณ 3-4 ผล

     
กระบวนการทำแห้งเพื่อลดความชื้นในพริกไทยให้มีความชื้นตามมาตรฐาน มอก. ซึ่งต้องไม่เกิน ร้อยละ 12 โดยทำการลดความชื้นด้วยการตากแดด หรือลดความชื้นโดยการ อบแห้งด้วยลมร้อน เพื่อป้องกันเชื้อราและจุลินทรีย์

- การทำแห้งโดยวิธีตากแดด ต้องเข้มงวดในเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย ตากผลผลิตพริกไทยบนพื้นที่ยกสูงมีวัสดุรองรับเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และสิ่งเจือปนอื่นๆปนเปื้อน

- การทำแห้งโดยใช้เครื่องอบแห้งลมร้อน ทำการอบแห้งผลผลิตพริกไทยด้วยลมร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 65-70 oเซลเซียส

     

การทำพริกไทยขาวโดยใช้เครื่องมือแปรรูปพริกไทยขาวซึ่งประกอบด้วย เครื่องปลิดเมล็ดพริกไทย เครื่องลอกเปลือกพริกไทย และเครื่องอบแห้งพริกไทยแบบลมร้อน ทำให้ไม่ต้องทำการแช่น้ำเป็นเวลานานเพื่อลอกเปลือกพริกไทย สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อจุลินทรีย์ในพริกไทยขาวได้

     
หลีกเลี่ยงการใช้สารฟอกขาวใดๆในการผลิตพริกไทยขาวที่อาจตกค้างในผลผลิต เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการบริโภคพริกไทยที่ปลอดภัยโดยส่งเสริมการบริโภคพริกไทยที่มีสีตามธรรมชาติ

     
การผลิตพริกไทยดำคุณภาพสูง โดยใช้กรรมวิธีแบบปลอดเชื้อ ตามหลัก GAP และ HACCP เพื่อให้ได้พริกไทยดำคุณภาพดีสำหรับตลาดสินค้าคุณภาพสูงที่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ในปริมาณต่ำ ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดเพื่อการส่งออก




เอกสารอ้างอิง


เกรียงไกร  จำเริญมา และคณะ, 2547. ศึกษาการใช้สารฆ่าแมลงและน้ำมันธรรมชาติบางชนิดเพื่อป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้ง พริกไทย. (สำเนา)

แสงมณี  ชิงดวง, 2547. การป้องกันและกำจัดโรครากเน่าและโคนเน่าของพริกไทย. (สำเนา)

กรมวิชาการเกษตร, www.doa.go.th. ศัตรูพริกไทย

วารุณี  วารัญญานนท์ และคณะ, 2547 โครงการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบต้นแบบการผลิตพริกไทยดำเพื่อ การส่งออก


 

ภาคผนวก


มาตรฐานทางเคมีของพริกไทยทั้งพริกไทยดำและพริกไทยขาวที่ใช้เป็นเครื่องเทศ

รายการ พริกไทยดำ พริกไทยขาว
ปริมาณสิ่งแปลกปลอม % ไม่มากกว่า ขึ้นกับเกรดพริกไทย 1.0 – 3.0 0.5 – 1.5
ปริมาณความชื้น % ไม่มากกว่า 12.0 12.0
ปริมาณเถ้ารวม % ไม่มากกว่า, มาตรฐานเปียก 5.0 2.0
ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด % ไม่มากกว่า, มาตรฐานเปียก 0.4 0.2
ปริมาณสารสกัดด้วยอีเธอร์ที่ไม่ระเหย % ไม่น้อยกว่า, มาตรฐานเปียก 6.6 6.6
Crude fibre, insoluble index, % ไม่มากกว่า, มาตรฐานเปียก 17.5 6.0
ปริมาณน้ำมันหอมระเหย % ไม่น้อยกว่า, มาตรฐานเปียก 2.0 1.0
ปริมาณสาร piperine % ไม่น้อยกว่า 4.0 4.0
 

   ที่มา : http://www.ipcnet.org/qthailand.html (International Peper Community, Jakarta, Indonesia)




85. ปลูกพริกไทยไว้กอหนึ่ง อายุประมาณ 3 ปี
ออกช่อดอกเยอะมาก แต่ไม่ติดผลเลย เป็นอะไร


   ผมปลูกที่ปักษ์ใต้ครับ จว.ยะลา สภาพต้นก็เจริญเติบโตสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ช่อดอกก็ออกเยอร์ แต่ไม่ยอมติด พริกไทยมีทั้งดอกที่สมบูรณ์เพศ(มีเกาสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน)และดอกไม่สมบูรณ์(มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียแยกกันคนละดอก) และการบานของดอกจะบานไม่พร้อมกันทั้งช่อ ดอกที่อยู่ด้านโคนช่อดอกจะบานก่อน ดอกพริกไทยส่วนใหญ่เป็นสมบูรณ์เพศ ผสมตัวเองได้แต่การบานของเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกดียวกันจะบานไม่พร้อมกัน การผสมเกสรจะต้องอาศัยเกสรตัวผู้จากดอกที่อยู่ที่ปลายช่อดอกที่บานที่หลัง ทำให้ช่อดอกไม่ค่อยติดผล และส่วนมากแล้วการผสมเกสรต้องอาศัยน้ำฝนช่วยในการชะเกสรตัวผู้มาติดกับเกสรตัวเมียเช่นเดี่ยวกับพริกไทยในภาคตะวันออกที่มีการออกดอกในฤดูฝนเมื่อดอกบานจะมีน้ำฝนช่วยในการผสมเกสร และนอกจากนี้การติดผลของพืชก็ยังมีปัจัยอื่น ๆอีกหลายปัจจัยทั้งนี้ต้องทราบรายละเอียดการดูแลรักษา สภาพแวดล้อมว่าเหมาะสมหรือไม่


   พื้นที่ปลูกพริกไทยที่ติดผลไม้ผลผลิต และผลิตพริกไทยเป็นการค้า จะเป็นพื้นที่ที่มีสภาพภูมิดากาศค่อนข้างชื้น ได้แก่ จังหวัดทางภาคตะวันออก(จันทบุรี) จังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งมีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการติดผลของพริกไทย ถ้าทำการปลูกในบริเวณพื้นที่ที่มีความชื้นไม่เหมาะสมจะต้องมีการจัดการเรื่องระบบน้ำให้เหมาะสม



http://www.kasetonline.net/newsite/index.php?id=45





ปลูกหญ้าแฝกในสวนพริกไทย แก้จนได้ : นายบุญชัย กิ่งมณี

 

พื้นที่อำเภอท่าใหม่เป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกพริกไทยของจังหวัดจันทบุรี อันขึ้นชื่อของประเทศมากว่า 30 ปีแล้ว พริกไทยเป็นพืชส่งออกตั้งแต่ครั้งอดีต สามารถนำเงินตราเข้าประเทศเป็นจำนวนปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เกษตรกรที่ปลูกพริกไทยในจังหวัดจันทบุรีมักจะได้รับการสั่งสอนจากบรรพบุรุษ ครั้งรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ว่าไม่ควรให้มีวัชพืชขึ้นบริเวณร่องสวนหรือโคนต้น ทั้งนี้เพื่อให้เก็บเกี่ยวง่าย และเป็นการอวดว่า สวนพริกไทยสะอาดสะอ้าน เกษตรกรที่เป็นเจ้าของนั้นมีความขยันขันแข็ง หากสวนของใครปล่อยให้ใบพริกไทยร่วงปกคลุมร่องสวนหรือโคนต้นหรือมีหญ้าขึ้นก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่ “เกียจคร้าน”


แนวทางการปฏิบัติดังกล่าว ทำให้ นายบุญชัย กิ่งมณี สังเกตว่า การที่ทำให้ดินเปลือยไม่มีหญ้าหรือวัสดุมาปกคลุมดิน และการที่เกษตรกรได้กวาดใบของพริกไทยออกไปทิ้งแล้วซื้อปุ๋ยเคมีมาใส่ทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดินด้านบนมีความกระด้างเป็น “ดินดาน” ดินขาดอินทรียวัตถุอย่างรุนแรง เมื่อรด น้ำ น้ำไม่สามารถซึมลงไปด้านล่างได้ นานวันเข้าผิวหน้าดินจะแน่นทึบและแข็ง และจะทำให้พริกไทยเป็นโรครากเน่าตายได้ง่าย จึงได้คิดค้นวิธีการที่ทำให้ราก พริกไทยไม่เน่าโดยการปลูกหญ้าแฝกรอบๆหลุมพริกไทย ก่อนที่จะทำพริกไทยมาปลูก ทั้งนี้เพื่อให้จุลินทรีย์ไตรโคเดอมา ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณ รากของหญ้าแฝกได้เจริญและอาศัยอยู่ในดิน และจุลินทรีย์ ไตรโคเดอมาเป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อไฟท็อป- โทร่า ซึ่งเป็นสาเหตุของโรครากเน่าขอวงพริกไทยได้
 

ในบริเวณสวนพริกไทย ได้มีวิธีการจัดการเสียใหม่โดยการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์บำรุงดินไม่ให้ขาดอินทรีย์วัตถุ ไม่กวาดใบพริกไทยทิ้ง หากแต่ปล่อยไว้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุและปกคลุมดิน ปลูกหญ้าแฝกแซมบริเวณร่องสวนเป็นระยะและตัดใบหญ้าแฝกคลุมดินไม่ให้ดินเปลือย และใช้ปุ๋ยชีวภาพซึ่งผลิตเองร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ และปุ๋ยคอกในการปรับปรุงบำรุงดิน


ปัจจุบัน นายบุญชัยเป็นหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน และเป็นประธานกลุ่มสาธิตเศรษฐกิจชุมชน (ผลิตพริกไทย) ตำบลรำพัน อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ปลูกพริกไทยที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วประมาณ 6 ไร่ และกำลังขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอีกโดยจะเริ่มปรับปรุงบำรุงดินด้วยการปลูกถั่วพร้าและใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ จากสารเร่ง พด.2 ของกรมพัฒนาที่ดินและปลูก “หญ้าแฝก” รอบๆหลุมพริกไทยก่อนที่จะมีการปลูกพริกไทยเพื่อป้องกันโรครากเน่าของพริกไทย มีรายได้หลักจาการขายพริกไทยปีละประมาณ 200,000 บาท


นายบุญชัย กิ่งมณี หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน
25/2 หมู่ 7 ตำบลรำพัน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี



จากหนังสือ “ภูมิปัญญาเกษตรอินทรีย์ตามวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง”
จัดทำโดย กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กันยายน 2549


http://witclub.wordpress.com/2006/11/30/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9D%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97/









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-16 (2891 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©