พริกไทย
1 การผลิตพริกไทยที่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างและปลอดจากศัตรูพืช
2 การผลิตพริกไทยที่มีคุณภาพ ปลอดภัยจากการปนเปื้อนของเชื้อรา จุลินทรีย์ และปลอดภัยจาก การใช้สารฟอกขาวหรือสารเคมีอื่นๆ
เนื้อหา
1 การผลิตพริกไทยที่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างและปลอดจากศัตรูพืช
1.1 การป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน ศัตรูพืชที่สำคัญของพริกไทย ได้แก่ โรครากเน่าและโคนเน่าส่วนใหญ่มีปัจจัยมาจากเชื้อสาเหตุ โรค ได้แก่ เชื้อรา Phytophthora parastica รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและความอ่อนแอของต้นพริกไทย ดังนั้นการที่จะลดความเสียหายจากโรคก็ต้องเริ่มจากการเลือกสถานที่ปลูก การเตรียมดินแปลงปลูกและสภาพอากาศของแหล่งปลูกที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพริกไทย และปรับสภาพพื้นที่ปลูกไม่ให้เหมาะสมกับการเจริญและพัฒนาของเชื้อสาเหตุโรคหรือใช้สารเคมีหรือสารอื่นๆในการลดปริมาณเชื้อโรคในแปลงปลูก ตามรายละเอียดดังนี้
1. แปลงปลูกพริกไทยจะต้องเป็นพื้นที่ที่มีการระบายน้ำได้ดี ไม่ชื้นแฉะหรือเป็นแอ่งน้ำ หากพบสภาพดังกล่าวจะต้องปรับพื้นที่ไม่ให้มีสภาพน้ำขัง
2. ควรทำแปลงปลูกให้มีสภาพเป็นลอนลูกฟูกเพื่อให้มีการระบายน้ำได้ดี
3. หากพบดินเป็นกรดควรปรับด้วยปูนขาวหรือปูนโดโลไม้ท์เพื่อให้ความเป็นกรดน้อยลง
4. ปรับปรุงดินด้วยอินทรีย์วัตถุ โดยการใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อให้ดินสามารถดูดซับน้ำและธาตุอาหารได้ดีและรากพืชสามารถพัฒนาและนำอาหารพืชไปใช้ได้ง่าย
5. ตัดแต่งกิ่งหรือแขนงตามบริเวณโคนต้นออกให้โปร่ง เพื่อลดความชื้นและให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกดีขึ้น
6. เก็บใบ กิ่ง ก้าน ที่ร่วงหล่นอยู่ตามบริเวณโคนต้นออกไปเผาไฟทำลายเสียให้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
7. ควรเลือกยอดพันธุ์พริกไทยจากแปลงปลูกหรือแหล่งปลูกที่ไม่มีการระบาดของโรค
8. ต้นที่เป็นโรคตายควรขุดเผาทำลายแล้วรดดินหลุมปลูกด้วยสารเมตาแลกซิลให้ทั่วแล้วจึงปลูกซ่อม และการปลูกซ้ำก็ควรทิ้งระยะเวลาประมาณ 1 ปี
9. การป้องกันกำจัดโดยชีววิธี โดยการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมของดินปลูกให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์และจุลินทรีย์อื่นๆ ที่มีประโยชน์ในดิน ได้แก่ เชื้อราไตรโคเดอม่า เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซับทีลิส เป็นต้น หรือนำจุลินทรีย์ซึ่งมีผู้ผลิตขายเป็นการค้าในรูปผง นำไปใส่ในแปลงปลูกร่วมกันอินทรียวัตถุต่างๆเพื่อเพิ่มปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ในแปลงปลูกให้มากขึ้น และควรเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นพริกไทยยังมีอายุน้อย 1-2 ปี
10. การป้องกันกำจัดโรคโดยวิธีผสมผสาน ได้แก่ การใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ใส่ลงไปในดินร่วมกับการใส่ปุ๋ยคอกปุ๋ยอินทรีย์ การปรับความเป็นกรด-ด่างของดินให้เหมาะสม รวมทั้งการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเมื่อพบอาการโรค และการเก็บส่วนของพืชเป็นโรคนำไปเผาทำลาย เป็นต้น
การใช้สารเคมีอย่างถูกต้องปลอดภัย
1. ถ้ามีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ให้เลือกใช้ใน ชนิด อัตรา และระยะเวลาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
2. ต้องใช้สารเคมีที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีเลขทะเบียนวัตถุอันตรายและมีคำแนะนำบนสลากให้ใช้กับ พริกไทย
3. ต้องไม่ใช้สารเคมีซึ่งเป็นวัตถุอันตรายที่ห้ามใช้ทางการเกษตร ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พศ. 2535
4. ต้องหยุดการใช้สารเคมีก่อนการเก็บเกี่ยว ตามเวลาที่ระบุในคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
5. จดบันทึกการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง
สรุปคำแนะนำการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชในการผลิตพริกไทย
โรคที่สำคัญ
โรครากเน่า
เกิดจากเชื้อรา อาการระยะแรกเถาจะเหี่ยวในเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วง ต่อมาปราง(กิ่งแขนง)เริ่มหลุดเป็นข้อๆตั้งแต่โคนต้นถึงยอดขั้วกิ่งเป็นสีเหลืองและดำ ส่วนรากเน่าดำและมีกลิ่นเหม็น ป้องกันโดยอย่าให้น้ำขังในฤดูฝนเผาทำลายต้นที่เป็นโรค และฉีดพ่นด้วยฟอสอีทิลอลูมิเนียม 820%WP และฟอสฟอริค แอซิด 40%L
โรครากขาว
เกิดจากเชื้อรา ใบเหลืองและร่วง พบเส้นใยสีขาวปกคลุมที่รากบางส่วน ป้องกันโดยเผาทำลายส่วนที่เป็นโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ถ้าระบาดรุนแรงใช้ควินโตซีน 24%EC ผสมน้ำราดหรือฉีดพ่น
โรครากปม
เกิดจากไส้เดือนฝอยรากปม เข้าทำลายที่รากฝอย เกิดเป็นปมเห็นได้ชัดเจนนอกจากนี้ทำให้ผนังเซลล์เป็นแผล เป็นสาเหตุให้โรคอื่นๆเข้าร่วมทำลายได้ง่าย ป้องกันโดยคลุมดินก้นหลุมก่อนปลูกด้วยคาร์โบพูราน 3%G หรือพีนามีฟอส 40%G. และโรยรอบทรงพุ่มในช่วงฤดูฝน
โรคแอนแทรกโนส เกิดจากเชื้อรา ทำลายส่วนใบของพริกไทย เกิดเป็นจุดวงกลมสีน้ำตาลดำหรือสีดำ ผิวเป็นเงามัน รอบจุดเป็นสีเหลือง ตรงกลางแผลมีลักษณะเป็นวงสีน้ำตาลดำเรียงซ้อนกันเหมือนวงปีของเนื้อไม้ ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้ตายได้ป้องกันโดยตัดแต่งกิ่งและเก็บไปเผาทำลาย พ่นด้วยเบนโนมิล 50%WP หรือแมนโคเซบ 80%WP หรือคาร์เบนดาซิม 50%WVF
โรคราเห็ดพริกไทย
เกิดจากเชื้อราเป็นเส้นใยสีขาวเจริญบนผิวเปลือกของลำต้น กิ่ง และใต้ใบ ทำให้ลำต้น กิ่งใบ แห้ง และตายได้ ป้องกันโดยอย่าให้น้ำท่วมขังตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง และด้วยคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ 85%WP
แมลงที่สำคัญ
เพลี้ยแป้ง
เป็นแมลงศัตรูพริกไทยที่สำคัญเพราะจะติดไปกับผลผลิตพริกไทยอ่อนสดที่ส่งออกต่างประเทศได้ ตัวเต็มวัยดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก ใบ และเถาพริกไทย เพลี้ยแป้งจะขับถ่ายมูลเป็นน้ำหวาน จึงพบว่ามดเป็นตัวพาเพลี้ยแป้งไปปล่อยยังส่วนต่างของต้นพืช ป้องกันโดยฉีดพ่นด้วยคาร์บาริล 85%WP อัตรา 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
มวนแก้ว
วางไข่เป็นกลุ่ม ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก ทำให้ช่อดอกแห้งเป็นสีน้ำตาล ไม่ติดเมล็ด ผลผลิตลดลง ป้องกันโดยการเก็บตัวอ่อนเผาทำลาย ถ้าระบาดรุนแรงฉีดพ่นด้วย มาลาไธออน50%EC
ด้วงงวงเจาะเถาพริกไทย
ตัวอ่อนเจาะทำลายเถาพริกไทย ทำให้เถาแห้งตายส่วนตัวเต็มวัยจะกัดกินใบและผลพริกไทย ป้องกันโดยเผาทำลาย เถาพริกไทยที่พบรอยเจาะของหนอนด้วงงวง ถ้าระบาดรุนแรงฉีดพ่นด้วย คาร์บาริล 85%WP
เพลี้ยอ่อน
ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณยอดอ่อน ใบอ่อน ช่อดอก และผลอ่อน ทำให้ใบและยอดแคระแกรน บิดงอ ไม่ติดเมล็ด ป้องกันโดยเก็บทำลาย หรือฉีดพ่นด้วยมาลาไธออน 57%EC
การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและการแปรรูปพริกไทย
เก็บเกี่ยวถูกระยะ
- การเก็บเกี่ยวพริกไทยอ่อน ต้องเข้มงวดในการเก็บเกี่ยวหลังจากการใช้สารเคมีอย่างน้อย 10 วัน รวบรวมไว้ในร่มเพื่อทำความสะอาดและคัดแยกผลผลิตอย่างระมัดระวังไม่ให้มีศัตรูพืชติดไปกับผลผลิต
- การเก็บเกี่ยวพริกไทยดำ ต้องเก็บเกี่ยวเมื่อผลสีเขียว แก่จัดแต่ไม่สุก
- การเก็บเกี่ยวพริกไทยขาว ต้องเก็บเกี่ยวพริกไทยที่แก่จัด และผลเริ่มสุกเป็นสีแดงที่โคนช่อ ประมาณ 3-4 ผล
กระบวนการทำแห้งเพื่อลดความชื้นในพริกไทยให้มีความชื้นตามมาตรฐาน มอก. ซึ่งต้องไม่เกิน ร้อยละ 12 โดยทำการลดความชื้นด้วยการตากแดด หรือลดความชื้นโดยการ อบแห้งด้วยลมร้อน เพื่อป้องกันเชื้อราและจุลินทรีย์
- การทำแห้งโดยวิธีตากแดด ต้องเข้มงวดในเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย ตากผลผลิตพริกไทยบนพื้นที่ยกสูงมีวัสดุรองรับเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และสิ่งเจือปนอื่นๆปนเปื้อน
- การทำแห้งโดยใช้เครื่องอบแห้งลมร้อน ทำการอบแห้งผลผลิตพริกไทยด้วยลมร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 65-70 oเซลเซียส
การทำพริกไทยขาวโดยใช้เครื่องมือแปรรูปพริกไทยขาวซึ่งประกอบด้วย เครื่องปลิดเมล็ดพริกไทย เครื่องลอกเปลือกพริกไทย และเครื่องอบแห้งพริกไทยแบบลมร้อน ทำให้ไม่ต้องทำการแช่น้ำเป็นเวลานานเพื่อลอกเปลือกพริกไทย สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อจุลินทรีย์ในพริกไทยขาวได้
หลีกเลี่ยงการใช้สารฟอกขาวใดๆในการผลิตพริกไทยขาวที่อาจตกค้างในผลผลิต เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการบริโภคพริกไทยที่ปลอดภัยโดยส่งเสริมการบริโภคพริกไทยที่มีสีตามธรรมชาติ
การผลิตพริกไทยดำคุณภาพสูง โดยใช้กรรมวิธีแบบปลอดเชื้อ ตามหลัก GAP และ HACCP เพื่อให้ได้พริกไทยดำคุณภาพดีสำหรับตลาดสินค้าคุณภาพสูงที่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ในปริมาณต่ำ ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดเพื่อการส่งออก
เอกสารอ้างอิง
เกรียงไกร จำเริญมา และคณะ, 2547. ศึกษาการใช้สารฆ่าแมลงและน้ำมันธรรมชาติบางชนิดเพื่อป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้ง พริกไทย. (สำเนา)
แสงมณี ชิงดวง, 2547. การป้องกันและกำจัดโรครากเน่าและโคนเน่าของพริกไทย. (สำเนา)
กรมวิชาการเกษตร, www.doa.go.th. ศัตรูพริกไทย
วารุณี วารัญญานนท์ และคณะ, 2547 โครงการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบต้นแบบการผลิตพริกไทยดำเพื่อ การส่งออก
ภาคผนวก
มาตรฐานทางเคมีของพริกไทยทั้งพริกไทยดำและพริกไทยขาวที่ใช้เป็นเครื่องเทศ
รายการ พริกไทยดำ พริกไทยขาว
ปริมาณสิ่งแปลกปลอม % ไม่มากกว่า ขึ้นกับเกรดพริกไทย 1.0 – 3.0 0.5 – 1.5
ปริมาณความชื้น % ไม่มากกว่า 12.0 12.0
ปริมาณเถ้ารวม % ไม่มากกว่า, มาตรฐานเปียก 5.0 2.0
ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด % ไม่มากกว่า, มาตรฐานเปียก 0.4 0.2
ปริมาณสารสกัดด้วยอีเธอร์ที่ไม่ระเหย % ไม่น้อยกว่า, มาตรฐานเปียก 6.6 6.6
Crude fibre, insoluble index, % ไม่มากกว่า, มาตรฐานเปียก 17.5 6.0
ปริมาณน้ำมันหอมระเหย % ไม่น้อยกว่า, มาตรฐานเปียก 2.0 1.0
ปริมาณสาร piperine % ไม่น้อยกว่า 4.0 4.0
ที่มา : http://www.ipcnet.org/qthailand.html (International Peper Community, Jakarta, Indonesia)
85. ปลูกพริกไทยไว้กอหนึ่ง อายุประมาณ 3 ปี
ออกช่อดอกเยอะมาก แต่ไม่ติดผลเลย เป็นอะไร
ผมปลูกที่ปักษ์ใต้ครับ จว.ยะลา สภาพต้นก็เจริญเติบโตสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ช่อดอกก็ออกเยอร์ แต่ไม่ยอมติด พริกไทยมีทั้งดอกที่สมบูรณ์เพศ(มีเกาสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน)และดอกไม่สมบูรณ์(มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียแยกกันคนละดอก) และการบานของดอกจะบานไม่พร้อมกันทั้งช่อ ดอกที่อยู่ด้านโคนช่อดอกจะบานก่อน ดอกพริกไทยส่วนใหญ่เป็นสมบูรณ์เพศ ผสมตัวเองได้แต่การบานของเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกดียวกันจะบานไม่พร้อมกัน การผสมเกสรจะต้องอาศัยเกสรตัวผู้จากดอกที่อยู่ที่ปลายช่อดอกที่บานที่หลัง ทำให้ช่อดอกไม่ค่อยติดผล และส่วนมากแล้วการผสมเกสรต้องอาศัยน้ำฝนช่วยในการชะเกสรตัวผู้มาติดกับเกสรตัวเมียเช่นเดี่ยวกับพริกไทยในภาคตะวันออกที่มีการออกดอกในฤดูฝนเมื่อดอกบานจะมีน้ำฝนช่วยในการผสมเกสร และนอกจากนี้การติดผลของพืชก็ยังมีปัจัยอื่น ๆอีกหลายปัจจัยทั้งนี้ต้องทราบรายละเอียดการดูแลรักษา สภาพแวดล้อมว่าเหมาะสมหรือไม่
พื้นที่ปลูกพริกไทยที่ติดผลไม้ผลผลิต และผลิตพริกไทยเป็นการค้า จะเป็นพื้นที่ที่มีสภาพภูมิดากาศค่อนข้างชื้น ได้แก่ จังหวัดทางภาคตะวันออก(จันทบุรี) จังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งมีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการติดผลของพริกไทย ถ้าทำการปลูกในบริเวณพื้นที่ที่มีความชื้นไม่เหมาะสมจะต้องมีการจัดการเรื่องระบบน้ำให้เหมาะสม
http://www.kasetonline.net/newsite/index.php?id=45
ปลูกหญ้าแฝกในสวนพริกไทย แก้จนได้ : นายบุญชัย กิ่งมณี
พื้นที่อำเภอท่าใหม่เป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกพริกไทยของจังหวัดจันทบุรี อันขึ้นชื่อของประเทศมากว่า 30 ปีแล้ว พริกไทยเป็นพืชส่งออกตั้งแต่ครั้งอดีต สามารถนำเงินตราเข้าประเทศเป็นจำนวนปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เกษตรกรที่ปลูกพริกไทยในจังหวัดจันทบุรีมักจะได้รับการสั่งสอนจากบรรพบุรุษ ครั้งรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ว่าไม่ควรให้มีวัชพืชขึ้นบริเวณร่องสวนหรือโคนต้น ทั้งนี้เพื่อให้เก็บเกี่ยวง่าย และเป็นการอวดว่า สวนพริกไทยสะอาดสะอ้าน เกษตรกรที่เป็นเจ้าของนั้นมีความขยันขันแข็ง หากสวนของใครปล่อยให้ใบพริกไทยร่วงปกคลุมร่องสวนหรือโคนต้นหรือมีหญ้าขึ้นก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่ “เกียจคร้าน”
แนวทางการปฏิบัติดังกล่าว ทำให้ นายบุญชัย กิ่งมณี สังเกตว่า การที่ทำให้ดินเปลือยไม่มีหญ้าหรือวัสดุมาปกคลุมดิน และการที่เกษตรกรได้กวาดใบของพริกไทยออกไปทิ้งแล้วซื้อปุ๋ยเคมีมาใส่ทุกปีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดินด้านบนมีความกระด้างเป็น “ดินดาน” ดินขาดอินทรียวัตถุอย่างรุนแรง เมื่อรด น้ำ น้ำไม่สามารถซึมลงไปด้านล่างได้ นานวันเข้าผิวหน้าดินจะแน่นทึบและแข็ง และจะทำให้พริกไทยเป็นโรครากเน่าตายได้ง่าย จึงได้คิดค้นวิธีการที่ทำให้ราก พริกไทยไม่เน่าโดยการปลูกหญ้าแฝกรอบๆหลุมพริกไทย ก่อนที่จะทำพริกไทยมาปลูก ทั้งนี้เพื่อให้จุลินทรีย์ไตรโคเดอมา ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณ รากของหญ้าแฝกได้เจริญและอาศัยอยู่ในดิน และจุลินทรีย์ ไตรโคเดอมาเป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อไฟท็อป- โทร่า ซึ่งเป็นสาเหตุของโรครากเน่าขอวงพริกไทยได้
ในบริเวณสวนพริกไทย ได้มีวิธีการจัดการเสียใหม่โดยการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์บำรุงดินไม่ให้ขาดอินทรีย์วัตถุ ไม่กวาดใบพริกไทยทิ้ง หากแต่ปล่อยไว้ให้เป็นอินทรีย์วัตถุและปกคลุมดิน ปลูกหญ้าแฝกแซมบริเวณร่องสวนเป็นระยะและตัดใบหญ้าแฝกคลุมดินไม่ให้ดินเปลือย และใช้ปุ๋ยชีวภาพซึ่งผลิตเองร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ และปุ๋ยคอกในการปรับปรุงบำรุงดิน
ปัจจุบัน นายบุญชัยเป็นหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน และเป็นประธานกลุ่มสาธิตเศรษฐกิจชุมชน (ผลิตพริกไทย) ตำบลรำพัน อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ปลูกพริกไทยที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วประมาณ 6 ไร่ และกำลังขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอีกโดยจะเริ่มปรับปรุงบำรุงดินด้วยการปลูกถั่วพร้าและใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ จากสารเร่ง พด.2 ของกรมพัฒนาที่ดินและปลูก “หญ้าแฝก” รอบๆหลุมพริกไทยก่อนที่จะมีการปลูกพริกไทยเพื่อป้องกันโรครากเน่าของพริกไทย มีรายได้หลักจาการขายพริกไทยปีละประมาณ 200,000 บาท
นายบุญชัย กิ่งมณี หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน
25/2 หมู่ 7 ตำบลรำพัน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
จากหนังสือ “ภูมิปัญญาเกษตรอินทรีย์ตามวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง”
จัดทำโดย กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กันยายน 2549
http://witclub.wordpress.com/2006/11/30/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9D%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97/
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.