การปลูกหอมแดง
1. หอมแดงพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือ
ทางภาคเหนือเรียก หอมบั่ว เป็นหอมแดงที่มีเปลือกนอกสีเหลืองปนส้มขนาดหัวปานกลาง ลักษณะกลมสี ใน 1 หัวแยกได้ 2-3 กลีบ กลิ่นไม่ฉุนจัด รสหวาน ระหว่างการเจริญเติบโตไม่มีดอกและเมล็ด เมื่อปลูก 1 หัว จะแตกกอให้หัว ประมาณ 5-8 หัว อายุเมื่อหัวแก่เต็มที่ในฤดูหนาว 90 วัน และฤดูฝน 45 วัน ผลผลิตที่ได้แตกต่างกันตามฤดูปลูกและการดูแลรักษาได้ประมาณ 2000-3000 กิโลกรัม/ไร่ คุณภาพในการเก็บรักษาไม่ค่อยดี เพราะมีเปอร์เซ็นต์ แห้งฝ่อ และเน่าเสียหายมากถึง 60%
2. หอมแดงพันธุ์บางช้าง หรือหอมแดงศรีสะเกษ
เป็นหอมแดง ที่มีเปลือกนอกสีม่วงปนแดง เปลือกหนาและเหนียว ขนาดหัวใหญ่ สม่ำเสมอ หัวมีลักษณะกลมใน 1 หัว มี 1-2 กลีบ กลิ่นฉุนจัด มีรสหวาน ระหว่างการเจริญเติบโต จะสร้างดอกและเมล็ดมาก ซึ่งจะต้องหมั่นตรวจดูและเด็ดทิ้งให้หมด มิฉะนั้นจะทำให้ได้ขนาดหัวเล็ด และจำนวนหัวน้อย โดยทั่วไปเมื่อปลูก 1 หัวจะแตกกอให้หัวประมาณ 8-10 หัว การแตกกอและลงหัวช้ากว่าหอมบั่วเล็กน้อย มีอายุเมื่อหัวแก่เต็มที่ให้ฤดูหนาว 100 วันขึ้นไป และฤดูฝน 45 วัน ให้ผลผลิตแตกต่างกันไปตามฤดูปลูกและการดูแลรักษาได้ประมาณ 1000-5000 กิโลกรัม/ไร่ คุณภาพในการเก็บรักษาดีกว่าหอมบั่ว หอมแดงขยายพันธุ์ด้วยการปลูกจากเมล็ดและปลูกด้วยหัว
หอมแดงที่ปลูกด้วยเมล็ด
ต้นกล้าหอมแดงที่เจริญเติบโตจากเมล็ด แข็งแรงมาก เตรียมแปลงเพาะกล้าหอมแดง ด้วยการขุดดินตากแดดไว้ประมาณ 7-10 วัน รดน้ำดินที่ขุดตอนเช้าวันละ 1 ครั้ง เมื่อตากแดดครบ 7-10 วัน ดินแปลงเพาะก็จะแตกร่อน เราจึงยกแปลงปลูกให้สูง จากระดับทางเดินระหว่างแปลง 20 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวดีแล้ว ตารางเมตรละ 5 กิโลกรัม สับปุ๋ยหมักให้เข้ากับดินที่ความลึก 10 เซนติเมตร เอาจอบเกลี่ยผิวดินให้เรียบพร้อมปลูก นำทรายก่อสร้างมาผสม กับเมล็ดหอมแดง ด้วยอัตราส่วน เมล็ด 1 ส่วน ทราย 3 ส่วน คลุกเมล็ดหอมแดงกับทราย ให้กระจายทั่วกันแล้วจึงหว่านเมล็ด เมล็ดหอมแดง 25-50 กรัม เพียงพอที่จะหว่านเมล็ด ในพื้นที่แปลงเพาะ 3-5 ตารางเมตร การเอาทรายผสมเมล็ดพร้อมปลูก มีจุดประสงค์ที่จะให้เมล็ดหอมแดง กระจายทั่วกัน แล้วกลบเมล็ดด้วยปุ๋ยหมัก หนาประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดคลุมแปลงเพาะด้วยฟางข้าว หรือซาแรนตัดแสง 50 เปอร์เซนต์ แล้วให้น้ำทับลงไปบนฟาง หรือซาแรน ปิดซาแรนนานประมาณ 4 วันจึงเอาออก เลี้ยงต้นกล้าหอมแดงในแปลงเพาะนาน 42-60 วัน จึงย้ายปลูก โดยให้ระยะระหว่างต้น 10 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 20 เซนติเมตร หอมแดงจะลงตัว และแตกกอ 3-10 หัวต่อต้น หอมแดงโตพร้อมเก็บ เมื่อย้ายปลูกได้ประมาณ 4 เดือน ควรเพาะกล้าหอมแดง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป ควรเริ่มเพาะกล้าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ใช้เวลาตั้งแต่เพาะกล้า จนเก็บเกี่ยวเป็นเวลาประมาณ 5 เดือน
การปลูกหอมแดงด้วยหัว
ใช้หัวพันธุ์มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 4-5 กรัม ให้ระยะปลูกระหว่างหัว 10 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างแถว 20 เซนติเมตร อย่าให้หัวจมดินจนมิด ปิดคลุมดินภายหลังปลูกด้วยฟาง หอมแดงปลูกด้วยหัว อาจปลูกได้ 2 ครั้ง ครั้งแรกปลูกต้นเดือนพฤษภาคม และเก็บหัวได้ราวปลายเดือนกรกฎาคม ครั้งที่สองปลูกต้นเดือนตุลาคม และเก็บเกี่ยวปลายเดือนธันวาคม เราอาจเก็บเกี่ยวภายใน 55-60 วัน หลังจากปลูกก็ได้ แต่หัวหอมยังแก่ไม่เต็มที่ น้ำหนักหัว หรือผลผลิตอาจต่ำกว่าปกติ
หอมแดงเป็นพืชผักที่ปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่โดยธรรมชาติแล้ว หอมแดงชอบอากาศเย็น และกลางวันสั้น คือ ต้องการแสงแดดเพียง 9-10 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นหากปลูกในฤดูหนาว หอมแดงจะมีการเจริญเติบโตดี แตกกอให้จำนวนหัวมาก และมีขนาดหัวใหญ่ แต่หอมแดงที่ปลูกในฤดูหนาวนี้จะมีอายุการเก็บเกี่ยวนานกว่าหอมแดงที่ปลูกในฤดูอื่น เช่น ในฤดูหนาวทางภาคเหนือ หอมแดงจะแก่จัดเก็บเกี่ยวได้ช่วงอายุ 90-110 วัน หากปลูกในฤดูฝนจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงอายุ 45-60 วัน
แหล่งเพาะปลูก
แหล่งเพาะปลูกหอมแดง มากที่สุดคือ ภาคอีสาน ได้แก่ ศรีสะเกษ , บุรีรัมย์ , นครราชสีมา รองลงมาคือ ภาคเหนือ ได้แก่ ลำพูน , เชียงใหม่ , เชียงรายและอุตรดิตถ์ นอกจากนี้ยังมีปลูกกันที่ราชบุรี , กาญจนบุรี และนครปฐม ด้วย
ฤดูปลูก
ปลูกได้ตลอดปี ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือ เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
การเตรียมดิน
หอมแดงมีระบบรากตื้น ชอบดินร่วน มีการระบายน้ำดี แปลงปลูกควรไถพรวน หรือขุดด้วยจอบพลิกดินตากแดดไว้ก่อน 2-3 วัน แล้วย่อยดินให้เป็นก้อนเล็ก อย่าให้ละเอียดมาก เพราะจะทำให้ดินแน่น หอมลงหัวยากควรใส่ปุ๋ยคอก , ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยมูลสัตว์ลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว เก็บเศษวัชพืช หรือรากหญ้าอื่น ๆ ออกให้หมดแล้วรองพื้นก่อนปลูกด้วยปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15-15-15 ในปริมาณ 20-50 กิโลกรัม/ไร่
ขั้นตอนการไถปรับสภาพดิน ควรมีการไถเพื่อปรับสภาพดินและทำการตากดินไว้ประมาณ 5-7 วัน เพื่อทำการฆ่าเชื้อรา
การรองพื้นโดยปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยมูลสัตว์)
หลังจากตากดินไว้ 5-7 วันแล้ว ก่อนที่จะทำการไถในรอบที่ 2ให้ใช้ สาร ที-เอส-3000ผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ในอัตรา สารที-เอส-3000 15 ก.ก (1 กระสอบ) ผสมปุ๋ยอินทรีย์ 100-200 ก.ก หว่านในอัตรา 50-100 ก.ก ต่อไร่ เพื่อปรับสภาพดินและความเป็นกรดเป็นด่างของดิน
การรองพื้นโดยปุ๋ยเคมี
หลังจากตากดิน 5-7 วันแล้ว ให้ใช้ สารที-เอส-3000 ผสมปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา สารที-เอส-3000 15 ก.ก (1 กระสอบ) ปุ๋ยสูตร 15-15-15 จำนวน 50 ก.ก (1 กระสอบ) หว่านอัตรา 25 ก.ก ต่อไร่ สาร ที-เอส-3000 จะช่วยกระตุ้นระบบรากให้มีมากขึ้นและช่วยให้ต้านทานโรคและแมลงได้ดีเนื่องจากสาร ที-เอส-3000 จะมี ซิลิก้าซึ่งจะทำให้ลำต้นของพืชแข็งแรงพร้อมด้วยธาตุอาหารอื่นๆซึ่งจะทำให้แข็งแรงต้านทานโรคและได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วนหลังจากนั้นให้ทำการคราดกลบและรดน้ำเพื่อเตรียมการปลูกต่อไป
การเตรียมพันธุ์หอม
หัวหอมพันธุ์ที่จะใช้ปลูก ควรเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน เพราะหัวหอมที่จะใช้ปลูกควรมีระยะพักตัวอยู่สักระยะหนึ่ง แต่ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน เพราะระยะนี้หอมจะเริ่มแดงยอดอ่อนสีเขียวพ้นหัวเก่ามาแล้ว ให้นำหัวหอมพันธุ์มาตัดแต่งทำความสะอาด ตัดเล็มรากเก่า และใบแห้งทิ้งให้หมด หากเห็นว่ายอดอ่อนยาว อาจตัดทิ้งเสียสัก 1 ใน 10 เพื่อเร่งให้งอกไวเมื่อปลูกแล้ว ในพื้นที่ปลูก 1 ไร่จะใช้หัวหอมพันธุ์ประมาณ 200 กิโลกรัม ก่อนปลูกหากเห็นว่าหัวหอมพันธุ์เป็นโรคราดำ หรือมีเน่าปะปนมา ต้องฉีดพ่นหรือจุ่มน้ำ สารละลายป้องกันกำจัดเชื้อราตามอัตราที่กำหนดในฉลาก และผึ่งลมให้แห้งก่อนนำไปปลูก
ระยะปลูก
นิยมปลูกเป็นแปลงขนาดกว้าง 1-1.5 เมตร ความยาวของแปลง เป็นไปตามความสะดวกในการ ปฏิบัติงานควรปลูกเป็นแถว ระยะปลูก 15-20 ซม. หรือ 20-20 ซม.
การปลูก
ก่อนปลูกควรรดน้ำแปลงปลูกให้ดินชุ่มชื้นไว้ล่วงหน้า นำหัวหอมพันธุ์มาปลูกลงในแปลง โดยเอาส่วนโคนหรือที่เคยเป็นที่ออกรากเก่าจิ้มลงไปในดินประมาณครึ่งหัว ระวังอย่ากดแรงนักจะทำให้ลำต้นหรือหัวชอกช้ำจะทำให้ไม่งอก หรืองอกรากช้า เมื่อปลูกทั่วทั้งแปลงให้คลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหรือแกลบหนาพอสมควรเป็นการรักษาความชุ่มชื้นและคุมวัชพืช จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม ๆ ต้นหอมจะงอกออกมาภายใน 7-10 วัน หากหัวใดไม่ออกให้ทำการปลูกซ่อมทันที
การดูแลรักษา
การให้น้ำหอมแดงต้องการน้ำมากและสม่ำเสมอในระยะเจริญเติบโตและแตกกอ หากปลูกในที่ ๆ มีอากาศแห้งและลมแรง อาจต้องคอยให้น้ำบ่อย ๆ เช่น ภาคอีสาน ช่วงอากาศแห้งมาก ๆ ระยะแรกอาจให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ในภาคเหนือ เกษตรกรจะให้น้ำประมาณ 3-7 วันต่อครั้ง
การฉีดพ่นฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโต
ชื่อผลิตภัณฑ์ ไฮ-แม็ก 20-30 ซีซี + ซุปเปอร์-บีม 20-30 ซีซี + ซุปเปอร์-บีม 3 พลังครึ่งช้อนชา ต่อน้ำ 20 ลิตร (ตัวเสริม โปรแท็ป 1-2 ขีด)
ประโยชน์
เร่งการเจริญเติบโต สร้างลำต้นให้แข็งแรง สีเข้ม ฉีดพ่นทุก 7-15 วัน ในเวลาเช้าหรือตอนเย็น ในเวลาที่อากาศไม่ร้อน
การฉีดพ่นฮอร์โมนเพื่อเร่งลงหัว
ระยะหลังปลูก 35-45 วัน
ชื่อผลิตภัณฑ์ ซุปเปอร์-แบม 30-40 ซีซี + เอ็มเร็ตต้า 3-4 ช้อนแกง ต่อน้ำ 20 ลิตร
ประโยชน์ สะสมแป้ง เร่งลงหัว ทำให้หัวแน่น หัวไม่ฝ่อ ไม่ลีบ ทำให้สีเข้ม น้ำหนักดี เก็บได้นาน
การให้ปุ๋ย
เมื่ออายุ 14 วัน หลังจากปลูก ควรใส่ปุ๋ย แอมโมเนียมซัลเฟต 20-0-0,21-0-0 ผสมด้วย สาร ที-เอส-3000 ในอัตรา สาร ที-เอส-3000 15 ก.ก (1กระสอบ) ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตจำนวน 50 ก.ก (1กระสอบ) ผสมกันหว่านในอัตราประมาณ 15 -20 ก.ก ต่อไร่ การใส่ปุ๋ยควรใส่ประมาณ 10-15 วันต่อครั้ง
- เมื่ออายุ 35-40 วัน ให้ใส่ปุ๋ย 15-15-15 ผสมด้วย สาร ที-เอส-3000 ในอัตรา สาร ที-เอส-3000 15 ก.ก (1กระสอบ) ปุ๋ยสูตร 15-15-15 จำนวน 50 ก.ก (1กระสอบ) ผสมกันหว่านในอัตราประมาณ 15-20 ก.ก ต่อไร่
- เมื่อหอมเริ่มลงหัวให้ใส่ปุ๋ย 13-13-21 ผสมด้วย สาร ที-เอส-3000 ในอัตรา สาร ที-เอส-3000 15 ก.ก (1กระสอบ) ปุ๋ยสูตร 13-13-21 จำนวน 50 ก.ก (1กระสอบ) ผสมกันหว่านในอัตราประมาณ 15 -20 ก.ก ต่อไร่
การใส่ปุ๋ยใช้วิธีโรยห่าง ๆ ต้นห่างจากต้นราว 7 ซม. หรือใช้วิธีโรยให้ทั่วแปลงก็ได้ หลังจากให้ปุ๋ยให้เอาน้ำรดหรือเอาน้ำเข้าแปลง