-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 119 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สิ่งแวดล้อม




หน้า: 3/5



ไผ่ตงลืมแล้ง  หน่อทั้งปีไม่มีขน
ไผ่ตง เป็น อาหารอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมรับประทานมาแต่โบราณ โดยใช้หน่ออ่อน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า หน่อไม้ไผ่ตง ซึ่งมีรสหวาน นำไปแกงกับเนื้อไก่ ปลา หรือเนื้อวัว นำไปต้มจืดกระดูกหมู (เมนูนี้นิยมกันมาก) แกงเปรอะ ต้มเป็นผักเคียงใช้จิ้มกับน้ำพริกกะปิ น้ำพริกน้ำปู๋ น้ำพริกแก๋ หรือปรุงอย่างอื่นอีกมากมาย รับประทานอร่อยมาก แต่ไผ่ตงที่พบเห็นและนิยมรับประทานกันเป็นประจำนั้น ส่วนใหญ่แล้ว เปลือกหุ้มหน่ออ่อน หรือ หุ้มหน่อไม้ไผ่ตง จะมีขนสีน้ำตาลแดงปกคลุมทั่วทั้งเปลือก ทำให้เวลาจะแกะเปลือกเพื่อเอาเนื้อในไปใช้ ประโยชน์เกิดอาการรำคาญ ผู้ซื้อรับประทานจึงต้องให้ผู้ขายแกะเปลือกใหh

แต่ สำหรับ “ไผ่ตงลืมแล้ง” มีลักษณะพิเศษคือ เปลือกหุ้มหน่ออ่อน จะเกลี้ยงไม่มีขนปกคลุมเลย เวลาแกะเอาเนื้อในจึงสะดวกสบายมาก เป็นไผ่ตงที่มีหน่อตลอดปี น้ำท่วมต้นก็ไม่ตายทนแล้งอีกต่างหาก จะแล้งขนาดไหนยังแทงหน่ออ่อนให้เก็บรับประทาน หรือเก็บขายได้ ตลอดปี จึงถูกตั้งชื่อว่า “ไผ่ตงลืมแล้ง” (ปกติฤดูแล้งไผ่ตงจะไม่มีหน่อ)


นอกจากนั้น “ไผ่ตงลืมแล้ง” ยังเป็นหน่อไม้ที่มี กรดยูริก ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเกาต์น้อยมาก จึงสามารถรับประทานได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญเนื้อไม้ หรือลำไผ่ของ “ไผ่ตงลืมแล้ง” ยังเป็นไผ่ที่มอดไม่กินอีกด้วย เวลานำไปสร้างบ้านไม้ไผ่ หรือทำเฟอร์นิเจอร์ จึงมีความทนทานได้นานกว่าไม้ไผ่ชนิดใดๆ


ไผ่ตงลืมแล้ง
เป็นพันธุ์นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียนานกว่า 5 ปีแล้ว อยู่ในวงศ์ GRAMINEAE เป็นไม้ยืนต้นตระกูลหญ้า ต้นสูงได้กว่า 20 เมตร ลำต้นตรง เป็นข้อหรือปล้อง ขนาดของลำต้นใหญ่ เนื้อไม้หนา ยอดอ่อน หรือ หน่ออ่อนมีเปลือกหุ้มสีเขียว ไม่มีขนตามที่กล่าวข้างต้น โผล่เหนือดินเรียกว่า หน่อไม้ ไผ่ตง เนื้อในรสชาติหวานกรอบอร่อยมาก ขนาดของหน่อโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 5-7 กิโลกรัมต่อหัว มีหน่อตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยหน่อ มีต้นหรือหน่อขาย ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง “คุณก็อต-คุณหลง” ตรงกันข้ามกับโครงการ 15 ราคาสอบถามกันเอง


การปลูก “ไผ่ตงลืมแล้ง”
มีลักษณะทนต่อทุกสภาพอากาศ ทนแล้งได้ดี น้ำท่วมไม่ตาย ปลูกได้ในดินทั่วไป และมีหน่อให้เก็บรับประทาน หรือเก็บขายตลอดปี จึงเหมาะที่จะปลูกเป็นพืชครัวและพืชเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง


สรรพคุณ
ทางสมุนไพรของไผ่ตงทุกชนิด คือ ใบแห้ง ต้มน้ำดื่มขณะอุ่นเป็นยาขับปัสสาวะ ขับและฟอกโลหิตระดูเสียในสตรี แก้มดลูกอักเสบ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ราก ขับปัสสาวะ และ แก้ไตพิการดีมากครับ.


“นายเกษตร”



ไผ่ตงศรีปราจีน



คุณลักษณะของพันธุ์ไผ่ตงพันธุ์ศรีปราจีน
1.เป็นพันธุ์ไผ่ตงที่มีลำต้นขนาดกลาง  โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7-10 เซนติเมตร ลำต้นมีสีเขียวเมื่อแก่จัดมีสีเขียวอมน้ำตาล  ไม่มีหนาม  มีข้อบวมนูนและมีรากอากาศบริเวณข้อ  เนื้อลำเกือบต้นที่บริเวณโคนลำ  ลำอ่อนมีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมทั่วไป  หากมีการดูแลแปลงปลูกสม่ำเสมอ  จะให้ผลผลิตหน่อได้ภายใน 8-12 เดือน 
              
2.ต้นพันธุ์หรือกิ่งพันธุ์มีความสูงไม่ต่ำกว่า 30 เซนติเมตร โดยวัดจากโคนต้นระดับดินภาชนะบรรจุถึงปลายยอดไม่รวมถึงกิ่งหรือยอดของไผ่ที่เจริญจากการปักชำ 
              
3.ขนาดของกิ่งพันธุ์จะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 1.50 เซนติเมตร ที่มีความสูงจากพื้นดินไม่ตำกว่า 10 เซนติเมตร โดยกิ่งพันธุ์จะต้องขยายมาจากเหง้า, กิ่งแขนง, หรือลำต้นยกเว้นการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และการขยายพันธุ์จากเมล็ด 
              
4.สภาพต้นสมบูรณ์ ข็งแรง ปราศจากการทำลายของโรคและแมลงในลักษณะที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของต้นพันธุ์ 
              
5.ภาชนะบรรจุ ถ้าเป็นกระถางต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 6 นิ้ว(วัดจากขอบนอกของปากกระ
ถาง)ถ้าเป็นถุงพลาสติกจะมีต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 6 นิ้ว และความยาวของถุงพลาสติกจะต้องยาวไม่ต่ำกว่า 8 นิ้วขึ้นไป ถ้าเป็นกระชังไม้ไผ่ต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 6 นิ้วขึ้นไป  มีสภาพดี สามารถส่งไประยะทางไกลได้สะดวก และใช้ดินผสมกับวัสดุเพาะชำ  ภาชนะบรรจุหนึ่งหน่วยถือเป็นหนึ่งต้น 
              
6.ต้องชำในภาชนะจนมีการเจริญของรากเห็นได้ชัดเจนที่ข้างภาชนะ (กรณีบรรจุในถุงพลาสติกใส)  หรือจากการสุ่มถอนขึ้นมาดู (กรณีบรรจุในกระถางหรือในถุงดำ)



การดูแลรักษา
การปลูกไผ่ตงในระยะแรก จะต้องคอยดูแลรดน้ำให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ในฤดูแล้งควรหาวัสดุเช่น หญ้าแห้ง ฟางแห้ง คลุมบริเวณโคนต้นเพื่อรักษาความชื้นให้กับดิน
              
การใส่ปุ๋ยจะใส่ในช่วงเดือน มี.ค.– เม.ย. โดยใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา 1-1.5 ต้น/ไร่  หรือ ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 2-4 กิโลกรัม/กอ ร่วมกับปุ๋ยคอก ถ้าต้องการเร่งการแตกหน่อก็ให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 ในอัตรา 1.2 กิโลกรัม/กอ 

ข้อควรระวัง  ไม่ควรใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวเพราะทำให้กอไผ่ทรุดโทรมเร็ว
              
เมื่อพบว่ามีการระบาดของโรคและแมลงในแปลงปลูกไผ่ตง ให้ใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชเช่น มาลาไธออนหรือเซฟจิน ผสมน้ำราดที่หน่อและเหง้า หรือใช้ตัวห้ำ หรือตัวเบียฬเข้าทำลายโรคและแมลงด้วยกันเอง






ไผ่ตงนอกฤดู
การอยู่อย่างพอมีพอกิน จัดการพื้นที่ ที่มีอยู่ให้มีประโยชน์ให้มากที่สุดภายใต้แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ที่เน้นให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้

    
นายวัฒน์ สมบัติ เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม เจ้าของสวนหน่อไม้ไผ่ตง สวนสมบัติ ตำบลดอนมูล อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ซึ่งได้ยึดเอาแนวพระราชดำริมาพัฒนาพื้นที่ให้เป็นไร่นาสวนผสม ในนามีข้าว หมดจากข้าวก็ปลูกถั่วเหลือง ในบ่อน้ำมีปลาหลากชนิด บนผืนดินปลูกหน่อไม้ที่สามารถให้ผลผลิตได้ทั้งหน่อไม้สดนำมารับประทาน หรือขาย และนำมาแปรรูปในลักษณะต่างๆ นอกจากนี้ยังเพาะกล้าไผ่จำหน่ายสามารถสร้างรายได้แก่ครอบครัวและคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และที่สำคัญในสวนยังมีผลไม้อีกหลายหลายชนิด  ใครมาซื้อหน่อไม้จะได้ผักชะอมซึ่งมีในสวนแถมให้ เพราะส่วนใหญ่ประชาชนจะเน้นการนำไปแกงหน่อซึ่งต้องพึ่งพาผักชะอม

    
ล่าวถึงหน่อไม้ที่มีในสวนนั้นเจ้าของสวนบอกว่าเป็นชนิด ไผ่ตงเขียว ซึ่งหน่อไม้เป็นพืชชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำไปประกอบอาหารและแปรรูปได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งผู้บริโภคมีความต้องการสูง เพราะมีรสชาติที่อร่อยแต่หน่อไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติสามารถให้หน่อไม้ในบางช่วงฤดูเท่านั้น

    
ไผ่ตงเขียว

เป็นไผ่ที่ปลูกและบำรุงดูแลง่าย ให้ผลผลิตได้ก่อนฤดูธรรมชาติ สามารถให้หน่อได้ภายในระยะเวลา 1 ปี และต่อเนื่องไปอย่างไม่จำกัดเป็นที่ต้องการของผู้ปลูกและผู้บริโภคเป็นอย่างมากซึ่งสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่

    
ไผ่ตงเขียว
เป็นพืชที่ไม่ต้องพิถีพิถันในการเตรียมดินเหมือนพืชอื่น ๆ และไม่มีปัญหาเรื่องของโรคหรือศัตรูพืช จึงปลอดภัยแก่ผู้ปลูกและผู้บริโภคซึ่งถ้าเรามีการจัดการที่ดี การบำรุงดูแลก็จะง่ายขึ้น ซึ่งเจ้าของสวนได้แนะนำวิธีการปลูก และเตรียมดินตลอดจนขั้นตอนการทำให้หน่อไม้มีความหวานไว้ดังนี้ครับ



การปลูกและการเตรียมดิน
1. ถ้าสภาพดินเป็นที่ลุ่มมีน้ำขังเป็นที่น้ำซับให้ทำการยกร่องด้วยรถไถใหญ่ระยะ 5 คูณ 5 เมตรโดยปรับผานไถยกร่องไถกลับไปกลับมาข้างละ 2 ครั้ง

2. ถ้าเป็นพื้นที่สูง น้ำท่วมไม่ถึง ให้ไถดินตากแดด อย่างน้อย 2 ครั้ง

3. ขุดหลุมลึก 30 เซนติเมตร กว้าง 50 เซนติเมตรห่างกันระยะ 5 คูณ 5 เมตรหรือ 4 คูณ 6 เมตร ซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมของพื้นที่

4. ก่อนนำกิ่งพันธุ์ลงปลูก ให้นำขี้ไก่ 1 ปุ้งกี๋ ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ สูตร 15–15–15 จำนวน 1 ช้อน ผสมกันให้พอดี นำมารองก้นหลุม ขุดดินลงไปเล็กน้อยรองพื้น นำกิ่งพันธุ์ลงปลูกแล้วกลบดินให้แน่น ปักหลักยึด รดน้ำให้ชุ่ม นำฟางข้าวมาคลุมกันวัชพืชและรักษาความชุ่มชื้น

5. ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอทุกวัน สังเกตว่าเริ่มผลิใบจึงค่อยรดน้ำ 3 วัน/ครั้ง แล้วแต่ช่วงฤดู ถ้าหากใบเริ่มเหี่ยวก็ควรรดน้ำเพิ่ม



การปลูกและข้อควรระวังในการปลูก
- เกษตรกรสามารถปลูกไผ่ได้ ในระยะ 5 คูณ 5 เมตร หรือ ระยะ 4 คูณ 6 เมตร แล้วแต่สภาพพื้นที่ และสามารถปลูกได้หลุมละ 2 ต้น ถ้ามีพื้นที่จำกัดและต้องการผลผลิตที่มากขึ้น

- ขณะนำกิ่งพันธุ์ลงก้นหลุม พยายามอย่าให้ดินในถุงแตกออกจากกัน ควรใช้มีดค่อย ๆ ผ่าถุง ไม่ควรฉีกถุง และ ปักหลักยึดให้แน่น



การบำรุงดูแลต้นไผ่ ในระยะ 1 ปีแรก
1.เมื่อปลูกได้อายุ 1 – 2 เดือนแรก ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 ประมา 1-2 กำมือ โดยพรวนดินแล้วโรยห่างโคนต้นประมาณ 20 ซ.ม. รดน้ำตามที่ชุ่ม

2. ควรกำจัดวัชพืชบริเวณต้นไผ่อยู่เสมอ ไม่ควรใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชโดยเด็ดขาด และควรสังเกตใบไผ่ ถ้าเริ่มเหี่ยวเหลืองควรให้น้ำ

3. เมื่ออายุได้ครบ 12 เดือน ไผ่ตงก็พร้อมที่จะให้ผลผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูก และมีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการอย่าถูกต้องก่อนหน่อไม้ฤดูธรรมชาติ



การผลิตหน่อไม้นอกฤดู
1.เริ่มต้นเดือน พฤศจิกายน ให้ทำการแต่งกอไผ่ให้เรียบร้อย เพื่อสะดวกในการเก็บผลผลิต

2.เดือน ธันวาคม นำขี้ไก่จำนวน 1 กระสอบต่อต้น(กอ) ใส่รอบ ๆ ต้น

3.เดือน มกราคม ใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 จำนวน 1 กิโลกรัม/ต้น นำฟางข้าว หรือเปลือกถั่วกลบทับ แล้วเริ่มรดน้ำให้มาก ทุกๆ 3 – 4 วัน

4.เดือน กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม รดน้ำตลอดซึ่งหน่อไม่จะเริ่มออก และพร้อมที่จะตัดขายได้เกือบทุกวัน ราคา ประมาณกิโลกรัมละ 30-50 บาท



เทคนิคการทำให้หน่อไม้หวาน
นำเอาแกลบดำหรือแกลบเก่า ทำให้ชุ่มน้ำเสียก่อน แล้วนำมาบรรจุถุง นำไปคลอบหน่อไม้ที่โผล่เหนือดินมาประมาณ 1 ฝ่ามือ หรือนำปี๊บที่เจาะโล่งแล้วมาครอบไว้ที่หน่อ นำแกลบใส่จนเต็มเมื่อยอดหน่อไม่โผล่หรือตุงก้นถุง ก็สามารถตัดออกจำหน่ายออกสู่ตลาดได้ 

    
นับว่าเป็นผลสำเร็จในการปลูกหน่อไม้ไผ่ตงเขียวที่ผู้ปลูกมีความชำนาญและแนะนำวิธีการให้แล้ว ผู้สนใจจะซื้อกล่าพันธุ์สามารถติดต่อ นายวัฒน์ สมบัติ เกษตรดีเด่น สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม 198 หมู่ที่ 7 ต.ดอนมูล อ.สูงเม่น จ.แพร่ 54130 โทร.054-541319 หรือ 01-8819163 ได้ครับ

    
นอกจากนี้ทางสวนสมบัติยังได้พัฒนาการผลิตปุ๋ยชีวภาพจำหน่าย คาดว่าอีกไม่นานจะมีปุ๋ยชีวภาพภายใต้ชื่อว่าปุ๋ยสมบัติจำหน่ายอย่างแน่นอนครับ




ฉัตรชัย พวงขจร / เรียบเรียง

วัฒน์ สมบัติ  / ข้อมูล 

E-Mail : nok9967@hotmail.com

http://province.prd.go.th/phrae




หน้าก่อน หน้าก่อน (2/5) - หน้าถัดไป (4/5) หน้าถัดไป


Content ©