-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 502 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สิ่งแวดล้อม




หน้า: 1/3



มันเทศ


1.พันธุ์ ได้แแก่

1.1 พันธุ์โอกุด  เถาเลื้อยยาวพอควร ใบเป็นแฉก เนื้อในสีเหลืองอ่อนนิยมมากในบ้านเรา

1.2 พันธุ์ไทจุง  เถาไม่เลื้อยมากนัก ลำต้นลักษณะคล้ายทรงพุ่ม ใบเป็นแฉก หัวรูปร่างคล้ายรูปไข่ เนื้อในมีสีเหลีองต้มหรือนึ่งจะไม่เละ

1.3 พันธุ์ห้วยสีทน 1  เถาว์เลื้อยยาว ใบกว้างพอประมาณ เนื้อในสีแดงรสหวาน


2. การเตรียมดิน  
ควรไถดินลึกไม่ตํ่ากว่า 25-30 เซนติเมตรตากดิน 7-10 วันใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วประมาณ 1.5-2 ตันต ่อไร่พรวนดินหรือย่อยดินคลุกเคล้าให้เข้ากันและควรใส่ปูนขาวเพื่อ ปรับสภาพดินด้วย ทำการยกร่องแบบร่องปลูกข้าวโพดหวานเพื่อจะปลูกบนสันร่อง


3. การปลูก  
ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 30-50 เซนติเมตรระหว่างแถว 100 เซนติเมตรขุดหลุมบนสันร่องตามระยะปลูกใช้ท่อนพันธุ์วางทำมุมกับพื้นประมาณ 40-60 องศา ลึกลงไปในดินประมาณ 8-10 เซนติเมตรกลบดินด้วยดินผสมหรือดินละเอียดรดนํ้าให้ช่ม


4. การให้นํ้า  
ระยะแรกที่ปลูกต้องให้นํ้าจนกว่าจะติดหรือเจริญเติบโตดีแล้วสามารถงดการให้นํ้าได้
เพราะมันเทศเป็นพืชทนแล้งได้ดีและคารงดการไห้นํ้าก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 3-4 สัปดาห์เพื่อสะดวกในการขุดหัว


5. การใส่ปุ๋ย  
ครั้งแรกใส่รองก้นหลุมใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 10-10-20 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ครั้งที่ 2 เมื่อต้นมันอายุได้ประมาณ 15 วัน และครั้งที่ 3 เมื่อมันอายุได้ 30 วันอัตรา 50-100 กิโลกรัมต่อไร่ตามความอุดมสมบูรณ์ของดินแล้วพรวนดินกลบโคน


7. การเก็บเกี่ยว  
อายุการเก็บเกี่ยวหัวมันเทศประมาณ 90-150 วันแล้วแต่พันธุ์ที่ปลูกสังเกตุจากผิวต้นบริเวณโคนต้นมันเทศจะแตกแยกออกเป็นรอยหรือทดลองขุดดูสัก 2-3 ต้นใช้มีดตัดหัวมันเทศถ้าแก่เต็มที่รอยตัดจะมียางไหลซึมออกมาและแห้งไปอย่งรวดเร็ว การขุดต้องระมัดระวังอย่าให้บอบชํ้าหรือมีรอยแผล นำหัวที่ขุดมาไปผึ่งลมให้ดินที่ติดมาแห้งและหลุดร่วงไป ทำความสะอาด คัดขนาดบรรจุถุงรอการจำหน่าย


8. โรค  
โรคใบจุด โรคหัวเน่าควรฉีดพ่นด้วย มาเน็บ หรือรอยตัดที่หัวหรือแผลทาด้วยนํ้าปูนใสหรือบอร์โดมิกซ์เจอร์


9. แมลง  
ไดแก่ ด้วงงวงมันเทศ หนอนชอนใบมันเทศควรฉีด พ่นด้วยคาร์โบซัลแฟนหรือใช้รองก้นหลุม ด้วยคาร์โบซัลแฟน หรือคาร์โบฟูรานและฉีดพ่นด้วย อะบาเม็กติน


ที่มา  :  กรมวิชาการเกษตร



********************************************************************************************************


มันเทศ

      ลักษณะทางธรรมชาติ

    * เป็นพืชตระกูลเถามีหัวเป็นแหล่งสะสมอาหาร อายุสั้นฤดูกาลเดียวแต่ขยายพันธุ์เป็นปลูกได้
หลายรุ่น  ปลูกได้ทุกพื้นที่  ทุกภาค และทุกฤดูกาล  เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย  มี
อินทรีย์วัตถุมากๆ  ระบายน้ำดี  ต้องการน้ำสม่ำเสมอแต่ค่อนข้างน้อย  ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขัง
ค้างนาน
                

    * ปลูกเดี่ยวๆเป็นพืชเศรษฐกิจหลักในแปลงที่เตรียมไว้เฉพาะ  รุ่นแรกปลูกช่วงเดือน พ.ค.
(ต้นฝน)จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช่วงเดือน ส.ค. รุ่นสองปลูกช่วงเดือน ก.ย.(ปลายฝน)จะเก็บเกี่ยว
ผลผลิตได้ช่วงเดือน ก.ย.- พ.ย. ซึ่งรุ่นนี้จะได้ผลผลิตน้อยกว่ารุ่นแรกเนื่องจากได้น้ำ (ฝน)น้อย
กว่า  หากแก้ด้วยการให้น้ำสม่ำเสมอก็สามารถเพิ่มผลผลิตได้
                

    * ปลูกเป็นพืชที่สองหลังนาข้าว  โดยหลังจากเกี่ยวข้าวแล้วนำฟางออกเหลือแต่ตอซังกับราก
ต้นข้าวในดิน  ใส่อินทรีย์วัตถุและสารปรับปรุงบำรุงดิน ไถกลบคลุกเคล้าให้เข้ากันดี  ทำแปลงแล้ว
ลงมือปลูกได้เลย การปลูกมันเทศเป็นพืชที่สองในนาข้าว ควรปลูกข้าวประเภทพันธุ์เบาหรือจัดช่วงระยะ
เวลาระหว่างข้าวกับมันเทศให้เหมาะสม  
                

    * อายุการผลิต 90-150 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสายพันธุ์ ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว

    * มีดอกออกตามข้อใบ เป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเองหรือต่างดอกต่างต้นได้ ดอกสามารถ
เจริญพัฒนาเป็นผลจนมีเมล็ด แล้วนำไปขยายพันธุ์ได้ แต่การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดจะกลายพันธุ์และให้
ผลผลิตช้าจึงไม่นิยม    
                

    * ระยะต้นเล็กต้องการน้ำมากเพื่อสร้างยอด  ช่วงเริ่มลงหัวต้องการสม่ำเสมอน้ำพอหน้าดินชื้น

 
   * ต้นหรือเถาโตขึ้นเลื้อยไปกับพื้น  ถ้าข้อสัมผัสหน้าดินจะมีรากแทงออกมาแล้วพัฒนาเป็นหัว
ได้  ซึ่งมันเทศ  1 เถาสามารถเกิดหัวได้ถึง 50 หัว/1 ต้นหรือเถา  ไม่ควรปล่อยให้เกิดหัวตาม
ข้อเพราจะทำให้หัวที่โคนเถาด้อยคุณภาพ  เมื่อเถาเจริญยาวก็ให้ยกเถาขึ้นพ้นพื้น...จากลักษณะ
ทางธรรมชาติเช่นนี้  หากเจตนาให้ข้อสัมผัสดิน  มีรากแล้วเกิดหัวขึ้นมาอีก  โดยจัดระเบียบให้แต่
ละข้อห่างกัน 4-5 ใบเลี้ยง  แล้วปฏิบัติบำรุงให้เต็มที่อย่างแท้จริง ทั้งทางราก-ทางใบ  ทั้งราก
โคนเถาและรากจากข้อที่เกิดใหม่  ก็จะช่วยให้ได้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น
   
                

      สายพันธุ์
               
      พันธุ์เบา :
                 
               
      กัวเตมาลา. พม-02. นส-25. โนนาด. ซีไอ 590-33. ซีไอ 438-3. อายุ
ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว 90 วัน       
               
      พันธุ์กลาง :              
               
      ห้วยสีทน. ไทจุง. หัวโตแดง. หัวโตขาว. แม่โจ้. โนริน 03, 04. โอกุด.  ร้อย
เอ็ด-7. เอไอเอส 057-4. พีไอเอส 094. ทีไอส 8250. อายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว
120 วัน
               
      พันธุ์หนัก :                               
             
      แซนเทนเนียล.  แอล-89. โรส แซนเทนเนียล. อายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว 150 วัน 
               
      พันธุ์แนะนำ :             
               
      ทีไอเอส-8250 ผิวหัวสีน้ำตาล เนื้อเหลืองละเอียดเหนียว เปอร์เซ็นต์แป้งสูง อายุตั้งแต่
เริ่มปลูกเก็บเกี่ยว 4 เดือน  ให้ผลผลิตสูงทั้งหน้าแล้งหน้าฝน 4,500-7,500 กก./ไร่
      เอไอเอส-057-4  ผิวหัวสีแดง  เนื้อสีส้ม  อายุเก็บเกี่ยว 4 เดือน ให้ผลผลิตสูงทั้ง
หน้าแล้งหน้าฝน 4,000-6,500 กก./ไร่   เปอร์เซ็นต์แป้งสูงโนริน-03  ผิวหัวสีแดง เนื้อ
เหลือง อายุเก็บเกี่ยว 4 เดือน  ให้ผลผลิตสูงทั้งหน้าแล้งหน้าฝน 4,000-6,000 กก./ไร่ อายุ
เก็บเกี่ยว 4 เดือน  ผิวหัวสีแดง  เนื้อเหลืองละเอียด  รสหวาน
      นิโกร  ผิวหัวสีแดง  เนื้อขาวอมม่วงเหนียวละเอียด  ให้ผลผลิตสูงทั้งหน้าแล้งหน้าฝน
3,000-6,000 กก./ไร่ อายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว 4 เดือน
      ร้อยเอ็ด-7   ผิวหัวสีแดง  เนื้อขาวอมม่วง  อายุตั้งแต่เริ่มปลูกเก็บเกี่ยว 4 เดือน ให้
ผลผลิตสูงทั้งหน้าแล้งและหน้าฝน 4,000-5,000 กก./ไร่
      พีไอเอส-094  ผิวหัวสีแดง  เนื้อเหลือง  อายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว 4 เดือน 
ให้ผลผลิตสูงทั้งหน้าแล้งหน้าฝน 4,000-6,500 กก./ไร่
      ซีไอ-590-33  ผิวหัวสีส้ม เนื้อสีส้ม  อายุตั้งแต่เริ่มปลุกถึงเก็บเกี่ยว 4 เดือน ให้ผล
ผลิตสูงทั้งหน้าฝนหน้าแล้ง 4,000-6,500 กก/ไร่
      พม-03-2  ผิวหัวสีส้ม  เนื้อสีส้ม  อายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว 4 เดือน ให้ผลผลิต
สูงทั้งหน้าแล้งหน้าฝน 4,500-6,500 กก./ไร่
      ห้วยสีทน   ผิวหัวสีส้ม  เนื้อสีส้มแน่นนิ่มไม่ร่วน  ลงหัวเร็ว  ทนแล้ง  ให้ผลผลิตสูง
ทั้งหน้าฝนหน้าแล้ง 3,000-4,000 กก./ไร่  นิยมปลูกมากที่สุด
     
 
                

      ขยายพันธุ์ 
                
    - เพาะเมล็ด : 
ไม่นิยมเพราะกลายพันธุ์และให้ผลผลิตช้า
    
- ปักเถา   :  
นำเถามาตัดเป็นท่อน  ยาวท่อนละ 20-40 ซม. แต่ละท่อนมีตาติด
อยู่ 4-5 ตา ฝังท่อนเถาลงดินให้ด้านปลายโผล่พ้นพื้นด้านเดียวหรือให้ด้านปลายโผล่พื้นพื้นทั้งสอง
ด้านก็ได้ ปลายที่โผล่มีตาซึ่งยอดใหม่จะแตกออกมาจากตาที่โผล่พ้นพื้นนี้ ตาละ 1 ต้นหรือเถา
    - ปักยอด
   :  ใช้ส่วนยอดยาว 25-45 ซม. (ไม่ต้องตัดยอดทิ้ง) อวบอ้วนสมบูรณ์
ปักดำลงดินให้มิด 1-2 ข้อ ให้ยอดชี้ไปทางทิศเดียวกันทั้งแปลง  เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดเพราะโตเร็ว
ให้ผลผลิตสูง
                
    - ปักชำ 
   :  ตัดเถาแก่หรือกลางอ่อนกลางแก่เป็นท่อน (ไม่มียอด) ยาว 2-3 ข้อ 
ปักลงดินมิดข้อ 1-2 ข้อ วิธีนี้จะให้ผลผลิตช้ากว่าวิธีปักยอด
               
    - หัวพันธุ์
   :  ขุดหัวที่มีเถางอกออกมา  เฉือนหัวเป็นชิ้นๆ   แต่ละชิ้นมีเถาติดอยู่
ด้วย  นำไปปลูกได้เลย  วิธีนี้โตเร็วและให้ผลผลิตดี  แต่ไม่นิยมเพราะค่อนข้างยุ่งยาก
      หมายเหตุ :
               
    - ชิ้นส่วนของมันเทศที่จะใช้ทำพันธุ์ทุกวิธี  หลังจากแยกออกมาจากต้นแม่มาใหม่ให้นำลงแช่
ใน  “น้ำ + สังกะสี คีเลต + ธาตุรอง/ธาตุเสริม + จุลินทรีย์หน่อกล้วย”   นาน 12-24
ชม.  ครบกำหนดแล้วนำขึ้นผึ่งลม  ทิ้งไว้ 36-48 ชม.  จึงนำลงปลูกในแปลงจริง  จะช่วยให้
แตกยอดใหม่และยืนต้นได้เร็วขึ้น
               
    - หลังจากปลูกลงแปลงจริงไปแล้ว 15 วัน  ถ้ายอดไหนไม่งอกหรือไม่แตกยอดใหม่ให้ปลูก
ซ่อมทันที  เพื่อให้ต้นโตทันรุ่นแรก
 
               

      เตรียมดิน อินทรีย์วัตถุ และแปลงปลูก
               
    1.ไถดินเปล่าให้ขี้ไถขนาดใหญ่  ทิ้งตากแดดจัด 15-20 แดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัด
เหง้าวัชพืช
               
    2.ใส่อินทรีย์วัตถุ  ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ + มูลค้างคาว) หมักข้ามปี.
ยิบซั่มธรรมชาติ. กระดูกป่น. เศษพืชบดป่น. หว่านทั่วแปลงปลูกแล้วไถพรวนอินทรียวัตถุคลุกเคล้า
ลงดินให้ทั่วถึง
               
    3.ไถยกร่องลูกฟูก  สันร่องกว้าง 1-1.20 ม. โค้งหลังเต่า  สูงจากพื้นระดับ  30-50
ซม.  ร่องทางเดินระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม. ลึก 20-30 ซม.จากพื้นระดับ
   
 4.คลุมหน้าแปลงด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหนาๆ             
               
    5.บ่มดินโดยรดด้วย  น้ำ + จุลินทรีย์หน่อกล้วยหรือปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้น...
เลือด. มูลค้างคาว)  ทุก 5-7วัน  ติดต่อกันนาน 1 เดือน  เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพ
ดิน กำจัดเชื้อโรค และย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้เป็นฮิวมิค แอซิด
                
    6.ลงมือปลูกต้นกล้าที่เพาะไว้ล่วงหน้าแล้วโดยปลูกที่ริมสันลูกฟูกเป็น  2 แถวคู่ตรงกันหรือ
สลับฟันปลาก็ได้ 
               
      หมายเหตุ :
    
- ดัดแปลงร่องทางเดินข้างสันลูกฟูกสำหรับปล่อยน้ำ (น้ำเปล่าหรือน้ำสารอาหาร) จากลาดสูง
ไปหาลาดต่ำเข้าไปหล่อในร่องได้ 1-2 เดือน/ครั้งจะดีมาก
               
    - ติดตั้งระบบสปริงเกอร์เหนือยอด 30-50 ซม.สำหรับให้น้ำเปล่า  น้ำสารอาหาร หรือ
สารสกัดสมุนไพรนอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของเนื้องานแล้วยังช่วยประหยัดทั้งเวลา
และแรงงานอีกด้วย
 
               

      เตรียมสารอาหารเสริม 
                
   
 - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงสูตรพืชกินหัวหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
    - ให้ฮอร์โมนบำรุงพืชกินหัว (มูลสัตว์ปีกสกัด)1-2 เดือน/ครั้ง  หลังจากเริ่มลงหัวแล้ว
    
- ให้ฮอร์โมนน้ำสูตรบำรุงช่วงลงหัว 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตั้งแต่เริ่มลงหัวถึงเก็บเกี่ยว
      หมายเหตุ :
               
    - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพ
ความสมบูรณ์สูง
 
               

      ระยะปลูก
               
      ระยะห่างระหว่างต้น 25-30 ซม.  ระยะห่างระหว่างแถว 1-1.20 ม. เป็นแถวคู่ตรง
กันหรือสลับฟันปลาตามความเหมาะสม
   
 



              
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อมันเทศ               

    1.ระยะต้นเล็ก
               
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร ทุก 5-7 วัน 
ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ช่วงเช้าแดดจัด
               
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 3-5 วัน   
               
      ทางราก :
               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(1-2 กก.)ไร่ ละลายน้ำแล้วปล่อยไปกับ
สปริงเกอร์หรือใส่ถังแบบสพายฉีดลงโคนต้น ทุก 15-20 วัน
    - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น  ทุก  5-7 วัน 
          
    - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ต้นโตเร็ว สมบูรณ์
      หมายเหตุ :
               
    - เริ่มให้เมื่ออายุต้นได้  1 เดือนหลังปลูกหรือมีใบแตกใหม่ 2-3 ใบ
    - เมื่อเถาเริ่มเลื้อยให้สำรวจเถาทุก 1 เดือนครึ่ง - 2 เดือน  ถ้าพบว่าส่วนข้อเริ่มมีรากแทง
ลงดินก็ให้ยกหรือถอนขึ้นพร้อมกับจัดระเบียบให้แต่ละเถาเลื้อยอยู่ในเขตกลางแปลงและไม่ทับซ้อนจน
บังแสงแดดกับเถาค้างเคียง
               
    - ก่อนถึงอายุเริ่มลงหัว 1-2 สัปดาห์  ถ้าต้นหรือเถามีใบมาก  หรืองามใบ  หรือเฝือใบ
ให้งดน้ำหรือลดปริมาณน้ำลง จะช่วยให้ต้นหยุดเจริญทางเถาแล้วเตรียมลงหัว
 
       

    2.ระยะลงหัว
               
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 5-10-40(400 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สังกะสี
คีเลต 50 กรัม + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 10-15 
ฉีดพ่นพอเปียกใบ
    - ให้ฮอร์โมนน้ำดำ 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดช่วงลงหัวถึงก่อนเก็บเกี่ยว
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก  2-3 วัน 
               
      ทางราก :                 
               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 5-10-40(1-2 กก.)/ไร่ 2 รอบ ห่างกันรอบละ
1 เดือน ด้วยการละลายน้ำผ่านไปกับสปริงเกอร์หรือใส่ถังสพายฉีดโคนต้น 
    - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น  ทุก 15-20 วัน
               
      หมายเหตุ :
               
    - เริ่มให้เมื่ออายุต้น  4 เดือนหลังปลูกหรือเริ่มลงหัว       
 
      

    3.ระยะก่อนเก็บเกี่ยว
               
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ สังกะสี คีเลต 50 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอ
เปียกใบ 1-2  รอบ ห่างกันรอยละ 5-7 วัน ให้ครั้งสุดท้ายก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร 2-3 วัน    
               
      ทางราก :
               
    - ให้ 5-10-40(1-2 กก.)/ไร่ ละลายน้ำผ่านไปกับสปริงเกอร์หรือใส่ถังสพายฉีดโคน
ต้น หรือให้น้ำ 100 ล.+ มูลค้างคาวหมักข้ามปี 100-200 ซีซี. 1 รอบ ก่อนเก็บเกี่ยว 15-
20 วัน
                
    - ให้ปุ๋ยแล้วงดน้ำเด็ดขาดจนถึงวันเก็บเกี่ยว
               
      หมายเหตุ :
               
    - เมื่อหัวแก่เต็มที่  เถาจะเริ่มโทรมอย่างเห็นได้ชัด  ระยะนี้หากต้นได้รับน้ำอีกจะแตกราก
พร้อมเจริญเติบโตต่อจนเกิดหัวใหม่อีกได้
               
    - สุ่มขุดหัวขึ้นมาเฉือนเปลือกดู  ถ้ามียางไหลน้อยและแห้งเร็วแสดงว่าหัวแก่จัดแล้ว
    - สำรวจผิวหน้าดินโคนต้น  ถ้าพบว่ามีรอยแตกแยกยกสูงขึ้นเพราะถูกหัวมันเทศดันขึ้น 
แสดงว่าหัวแก่จัดแล้ว
               
    - ก่อนลงมือเก็บเกี่ยวงดน้ำ 10-15 วัน
      
 




มันเทศสีม่วงในถุงพลาสติก


เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าในปัจจุบันนี้การปลูกมันเทศในประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงพันธุ์ ได้มีการนำพันธุ์มันเทศจากต่างประเทศมาปลูกในเชิงพาณิชย์กันมากขึ้น อาทิ มันเทศเนื้อสีส้มจากประเทศ ออสเตรเลีย, เนื้อสีม่วงและเนื้อสีเหลืองจากญี่ปุ่น เป็นต้น โดยแต่ละสายพันธุ์ล้วนมีคุณค่าทางอาหารแตกต่างกันที่สำคัญเป็นมันเทศที่มีรสชาติอร่อย อย่างกรณีของมันเหลืองญี่ปุ่นในอดีตมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศและนำมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคคนไทยในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท
   
จากการปลูกมันเทศในแปลงที่มีการเตรียมดินและระบบน้ำที่ดี ได้มีการประยุกต์ วิธีการปลูกในรูปแบบใหม่เพื่อส่งเสริมให้คนไทยปลูกเพื่อการบริโภคในครัวเรือนหรือปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมด้วยการนำมาปลูกในถุงพลาสติกดำ, กระสอบปุ๋ยเก่า, ตะกร้าพลาสติก, ยาง รถยนต์เก่า ฯลฯ ใช้เวลาปลูกเพียง 4-5 เดือนเท่านั้น สามารถขุดหัวมา บริโภคหรือจำหน่ายได้ สำหรับวัสดุและอุปกรณ์ที่จะแนะนำก็คือ ถุงพลาสติกดำ (ถุงชำต้นไม้) ขนาด 13x25  นิ้ว วัสดุปลูกที่สำคัญคือ  ดินร่วน, ทรายหยาบ, แกลบดิบและปุ๋ยคอกเก่า ในอัตราส่วน 1:1:1:1 ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำวัสดุปลูกใส่ลงในถุงให้เต็มและอัดให้แน่น นำถุงพลาสติกไปวางไว้บริเวณกลางแจ้งรดน้ำให้ชุ่ม นำยอดมันเทศสีม่วงที่เตรียมไว้ (ตัดยอดให้มีความยาว 30-50 เซนติเมตร) ใช้ไม้แหลมแทงดินในถุงให้เป็นรูให้รูเฉียงประมาณ 45 องศา โดยประมาณ
   
นำยอดปลูกลงไปให้มีความลึกประมาณ 2-3 ข้อ กดดินให้แน่นพอประมาณ ช่วง 7 วันแรก หลังจากที่ปักยอดมันเทศลงไปควรจะรดน้ำเป็นประจำทุกเช้า (ระวังอย่าปล่อยให้ถุงแห้ง) หลังจาก 7-10 วัน จะพบว่ายอดมัน  ที่ปักชำลงไปเริ่มแทงรากออกมา ให้เว้นการให้น้ำให้ห่างขึ้นเป็น 3-5 วันต่อครั้ง เมื่อต้นมันเทศมีอายุต้นได้ 45 วัน และพบว่าต้นมันเทศไม่มีอาการเหี่ยวไม่จำเป็นจะต้องให้น้ำ จะให้  ก็ต่อเมื่อมีการใส่ปุ๋ย เนื่องจากการให้น้ำ บ่อย ๆ จะทำให้ต้นมันเทศมีอาการบ้าใบและไม่ลงหัว
   
การปลูกมันเทศในถุงพลาสติกและมีความต้องการให้มีการลงหัวและรสชาติที่ดีจำเป็นต้องมีการใส่ปุ๋ยเคมีบ้างเพื่อปรับปรุงคุณภาพ โดยเฉพาะเมื่อต้นมันเทศมีอายุ ครบ 2 เดือน เป็นช่วงของการลงหัวควรจะใส่ปุ๋ยเคมีที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น สูตร 13-13-21 หรือ สูตร 0-0-60 ฯลฯ ในการ เก็บเกี่ยวผลผลิตมันเทศเนื้อสีม่วงอายุต้นจะต้องเฉลี่ยอยู่ในระหว่าง 120-150 วัน
   
ปัจจุบันมันเทศเนื้อสีม่วงจัดเป็นสุดยอดมันเทศอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ตลาดมีความต้องการมากเนื่องจากเป็นมันเทศที่มีปริมาณสารแอนโทไซยานินสูงมาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์.

ทวีศักดิ์  ชัยเรืองยศ


ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน

Content ©