เพลี้ยแป้งสายพันธุ์สีชมพู” มหันตภัยตัวใหม่ในสวนยาง
โรคที่เกิดขึ้นในสวนยาง ที่พบเห็นกันบ่อยคือโรคราดำ ราขาว ใบหยิก และหนอน ส่วนโรคเพลี้ย มีชนิดเดียวเท่านั้นคือ เพลี้ยหอย จะเกาะตามยอดใบยางที่ต้นยางมีอายุราว 2 ปี แต่ไม่ทำอันตรายมากนัก สามารถกำจัดได้
“เพลี้ยแป้งสายพันธุ์สีชมพู” ถือเป็นโรคใหม่ที่มาจากแถวๆ แอฟริกา มีลักษณะพิเศษ คือ เพลี้ยสามารถสืบพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศก็ได้ เมื่อผนึกกำลังกับเพลี้ยแป้งสายพันธุ์ดั้งเดิมอีก 3 พันธุ์ ที่กำลังระบาดอยู่ทุกปีในแปลงมันสำปะหลัง อาจทำให้ความรุนแรงจะทวีคูณขึ้น แต่จะไม่มีพิษต่อคนและสัตว์
เพลี้ยแป้งสายพันธุ์สีชมพู เป็นแมลงชนิดหนึ่งมักชอบอาศัยในบริเวณที่ปลูกมันสำปะหลังทึบแน่น จะใช้ปากดูดน้ำเลี้ยงจากพืชอาศัย สามารถวางไข่ได้ครั้ง 600-800 ฟอง ระยะเวลาฟักไข่ 6-10 วัน ตัวอ่อนมีอายุ 35-40 วัน ชอบอาศัยอยู่ในดิน รากพืช และไม้ยืนต้น เช่น ฝรั่ง พุทรา น้อยหน่า มะม่วงหิมพานต์ ลีลาวดี สะเดา รวมทั้งใบยางพารา เป็นต้น
หลักการสังเกตคือบนตัวเต็มวัยจะมีมูลหวานที่ถ่ายออกมาคล้ายแป้ง พาหะของการระบาดเกิดจากลมพัดพา น้ำ และการคาบตัวอ่อนของฝูงมดที่มากินมูลหวาน อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้โรคนี้ลามไปที่อื่น มีวิธีกำจัดคือ ใช้รถดับเพลิงบรรทุกเชื้อจุลินทรีย์ชื่อว่า "ไดโครโดมาร์" ผสมกับน้ำฉีดพ่นไปที่ต้นยางพารา
แม้โรคเพลี้ยแป้งสายพันธุ์สีชมพู เพิ่งจะระบาดในวงแคบในพื้นที่แต่อย่านอนใจ เพราะหากปล่อยไปอาจจะกลายเป็นมหันตภัยที่จะคุกคามเกษตรกรชาวสวนยางพาราในอนาคต
forum.nanagarden.com/default.aspx?g=posts&t=176 -
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.