-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 181 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

อินทรีย์ชีวภาพ





ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง
 
   

           
ขั้นตอนที่  1
(วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ)

              ปลาทะเลสด                    20                กก.
              กากน้ำตาล                     5                  ล.
              ผงเอ็นไซม์                     250               กรัม
              จุลินทรีย์                       100               กรัม     

       เตรียมถังพลาสติกขนาดจุ 200 ล. ใช้ปลาสดใหม่ทั้งตัว บดให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ด้วยเครื่องบดโมลิเน็กซ์ยักษ์ หรือเครื่องบดทั่วๆไป  แล้วใส่ส่วนผสมทุกตัวจนครบ  คนเคล้าให้เข้ากันดี  ถ้าส่วนผสมข้นมากจนบดไม่ได้ให้เติมน้ำมะพร้าวเล็กน้อยพอเหลวให้เครื่องบดทำงานได้ เสร็จแล้วปิดฝาพอหลวมเก็บในอุณหภูมิห้อง หมักทิ้งไว้ 3 เดือน ระหว่างหมัก 3 เดือนนี้ให้คนวันละครั้ง......ครบกำหนด 3 เดือนแล้วจะพบว่า ส่วนผสมต่างๆในถังหมักจะเหลวเป็นน้ำ นั่นคือ "อะมิโน โปรตีน"  มีกลิ่นคาวปลาแรงกว่ากากน้ำตาล พร้อมปรุงต่อขั้นที่  2

       ขั้นที่ 2 (วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ)
       อะมิโนโปรตีน. ที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 ซึ่งจะมีปริมาณประมาณ 20 ล.ของถัง 200 ล.  ให้เติม......
               น้ำมะพร้าว           160          ล.
               จุลินทรีย์             100          กรัม
               21-0-0             500          กรัม 

       คนเคล้าให้เข้ากันดี แล้วเติมอากาศด้วยปั๊มออกซิเจนเฉพาะช่วงกลางวัน เช้าถึงเย็น นานติดต่อกัน 7 วัน......ระหว่างเติมอากาศหากหยุดเติมจะพบว่า วัสดุส่วนผสมต่างๆ ช่วงแรกๆ จะลอยอยู่ที่ผิวหน้า ครั้นเวลาผ่านไปประมาณ 7-21 วัน  ส่วนผสมเหล่านั้นจะจมลงก้นถังทั้งหมด เมื่อเห็นว่าส่วนผสมจมลงก้นถังหมดแล้วให้หยุดเติมอากาศ  หยุดการคนส่วนผสมก้นถังด้วยเครื่องมือใด  เพื่อปล่อยให้ส่วนผสมก้นถังอยู่ในสภาพไร้อากาศ  ในสภาพไร้อากาศนี้จะเกิดจุลินทรีย์กลุ่มไม่ต้องการอากาศซึ่งมีพลังย่อยสลายดีกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ....นอกจากนี้ยังพบสารเหลวที่เป็นเมือกจำนวนมากนั่น คือ "ฮอร์โมนไซโตคินนิน"   สารที่มีประโยชน์ต่อพืชอย่างมาก


      หมายเหตุ :
    - คนเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ปิดฝาพอหลวม เก็บในร่ม อุณหภูมิห้อง  เติมอากาศช่วง 7 วันแรก  ระหว่างเติมอากาศจะพบว่ามีฟองเกิดขึ้น  ถ้าลูกฟองมีขนาดใหญ่ให้เติมอากาศต่อไปเรื่อยๆ จนลูกฟองมีขนาดเล็กละเอียด จึงหยุดเติมอากาศ  แล้วหมักทิ้งไว้ข้ามปี  (ฟองขนาดใหญ่แสดงว่ายังไม่พร้อมใช้งาน.....ฟองเล็กละเอียดแสดงว่าพร้อมใช้งานแล้ว) 
      ระยะเวลาหมักยิ่งหลายปียิ่งดี ก็จะได้ "น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบ"  พร้อมปรุง  ก่อนใช้งานจริงน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบที่ผ่านการหมักข้ามปีแล้วจะมีกลิ่นแอลกอฮอร์  หากใช้ไม้พายค่อยๆ งัดกากที่อยู่ก้นถังขึ้นมาดู   จะพบว่าส่วนผสมที่อาจจะหยาบๆ ในครั้งแรกนั้นได้กลายสภาพเป็นของเหลวเหมือนวุ้น
    - สารอาหารพืชที่พึงมีในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบเป็นสารอาหารประเภท "อินทรีย์สาร"  ที่ถูกจุลินทรีย์ย่อยสลายออกมาจากวัสดุส่วนผสมนั่นเอง  ปริมาณสารอาหารที่มีหรือที่ได้เมื่อคิดปริมาณเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วถือว่าไม่มากนัก ในพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวอาจเพียงพอต่อการนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตแต่ในพืชยืนต้นขนาดใหญ่ซึ่งต้องการใช้สารอาหารในปริมาณมากขึ้นนั้นอาจจะไม่พอเพียง.....จากหลักการและเหตุผลที่ว่า น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง มีปริมาณเปอร์เซ็นต์ของอาหารน้อยถึงน้อยมากแต่เมื่อได้เติมเพิ่มปริมาณปุ๋ยที่เป็นอนินทรีย์สารจนได้ปริมาณเปอร์เซ็นต์ตามต้องการ  จึงสามารถเรียกชื่อใหม่ว่า  "ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง"  ได้อย่างมั่นใจ
      - ทุกขั้นตอนของการหมักไม่มีการเติม  "น้ำเปล่า"  เพราะในน้ำเปล่านอกจากไม่มีสารอาหารแล้วยังทำให้เปอร์เซ็นต์ของสารอาหารที่พึงมีเจือจางลงไปอีก  กับทั้งน้ำเปล่าเป็นต้นสาเหตุทำให้การหมักเกิดเน่าเหม็นอีกด้วย

       ขั้นตอนที่  3 (น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงสูตร -?-) 
       ความหมายของเครื่องหมาย  " -?- "   คือ  สูตรของปุ๋ยธาตุหลัก  ซึ่งจะต้องเลือกสูตรที่ตรงกับชนิดและระยะพัฒนาการของพืชที่จะใช้โดยเฉพาะ  และ  "ธาตุอาหารเน้น"  หมายถึง  ธาตุอาหารพืชที่นอกเหนือไปจากธาตุรอง/ธาตุเสริม ที่จำเป็นต้องเพิ่มเป็นกรณีพิเศษสำหรับพืชบางชนิด......โดยการปฏิบัติดังนี้
 
         น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบ             100          ล.
         ปุ๋ยธาตุหลัก (ทางราก)              10-20        กก.
         ธาตุรอง/ธาตุเสริม                   1-2          กก.
         ธาตุอาหารเน้น                       1-2          กก.
         ไขกระดูก                             10            ล. 
         เลือด                                 10            ล. 
         มูลค้างคาว                           5              ล.
         นม                                    5             ล.
         สาหร่ายทะเล                         500          กรัม
         ฮิวมิค แอซิด                         500          กรัม
         บี-1                                   500          กรัม

         คนเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดีแล้วได้  "ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง"    พร้อมใช้งานได้เลย  อายุเก็บไม่ควรเกิน 6 เดือน

        หมายเหตุ :
        - ไขกระดูก.  เลือด.  มูลค้างคาว.  นม.  หมักแยกล่วงหน้านานข้ามปีจนพร้อมใช้งาน......หมายถึง  "หมักแยก - ใช้รวม"     


      อัตราใช้และวิธีใช้  :
     - ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 5-10 ล. / ไร่ (นาข้าว  พืชไร่  พืชน้ำ  ผักสวนครัว.....ช่วงเตรียมดิน)
     - ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 50 ซีซี. / น้ำ  20 ล. /7-10 วัน ให้ทางดิน (ไม้ผลยืนต้น)
     - ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 10 ล. / อินทรีย์วัตถุ  1 ตัน  ในการทำปุ๋ยอินทรีย์

 

    


ตรวจสอบ - แก้ไข


สี..... สีน้ำตาลอ่อน-น้ำตาลไหม้-ดำ  ขึ้นอยู่กับปริมาณกากน้ำตาลที่ใส่ครั้งแรก และใส่เพิ่มภายหลัง
     
กลิ่น..... หมักใหม่ๆเป็นกลิ่นคาวปลา  เมื่ออายุการหมักนานขึ้น  กลิ่นคาวปลาเริ่มลดลง เป็นกลิ่นกากน้ำตาลปนกลิ่นคาวปลา  กระทั่งหมักนานข้าม 1-2-3 ปี จะมีกลิ่นฉุนเหมือนแอลกอฮอร์ชัดเจน....กลิ่นปกติคือ “กลิ่นที่รับได้”  สัมผัสแล้วไม่เวียนหัว  ซึ่งต่างจากกลิ่นเหม็นเน่าอย่างสิ้นเชิง  ระหว่างการหมักถ้าเริ่ม (เน้นย้ำ...เริ่ม) มีกลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น  แสดงว่าอ่อนกากน้ำตาล ให้เติมกากน้ำตาล 1-2 ล.  ใส่แล้วคนให้ทั่วถัง  ทิ้งไว้ 12-24 ชม. กลิ่นไม่พึงประสงค์จะหายไป กลายเป็นกลิ่นรับได้ตามปกติ  แสดงว่าอัตราส่วนกากน้ำตาลพอดีแล้ว  ถ้ากลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นยังไม่หายก็ให้เติมกากน้ำตาลซ้ำ 1-2 ล.อีกรอบ  คนให้ทั่วถัง ทิ้งไว้ 12-24 ชม. จากนั้นตรวจสอบซ้ำพร้อมกับแก้ไขด้วยการเติมกากน้ำตาลไปเรื่อยๆ  เมื่ออัตราส่วนของกากน้ำตาลพอดีแล้ว จะไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นอีกเลยจนถึงวันใช้งาน

หมายเหตุ :
ถ้ากากน้ำตาลมากเกิน  กระบวนการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์จะชะงัก หรือไม่ย่อยสลายเลย  ส่วนผสมต่างๆจะไม่เปื่อยยุ่ย หรือเรียกว่า  “แช่อิ่ม”  นิ่งอยู่อย่างนั้นตราบนานเท่านาน
    
กาก..... หมักใหม่ๆส่วนผสมต่างๆ จะขนาดเท่ากับที่บดด้วยเครื่องบดโมลิเน็กซ์ยักษ์นั้น  ครั้นนานไปส่วนผสมจะเหลวเป็นน้ำวุ้น
     
ฝ้า..... บนผิวหน้าจะมีฝ้า สีขาวอมเทา หรือเทาอมดำ  หรือสีดำ ฝ้านี้คือจุลินทรีย์กลุ่มต้องการอากาศประเภท "รา"  เป็นราที่มีประโยชน์  ไม่มีกลิ่น ส่วนหนึ่งยังมีชีวิต ส่วนที่ตายแล้วจะเป็นอ่าหารให้แก่ตัวที่ยังมีชีวิต
      
ฟอง.....หลังจากผ่านการมักนาน 3 - 6 - 9 เดือน ถึงข้าม 1 - 2 - 3 ปี แล้วทดสอบโดยปั่นด้วยเครื่องโมลิเน็กซ์ยักษ จะมีฟองเกิดขึ้น  ถ้าเป็นฟองขนาดใหญ่ถือว่าการหมักยังไม่ดี  แต่ถ้าเป็นฟองละเอียดถือว่าการหมักดี ใช้การได้แล้ว  
    
รูปลักษณ์......กากส่วนที่อยู่ก้นถังจะเหลวเป็นวุ้น มีเมือกใส ซึ่งเมือกนี้คือไซโตไคนิน.  อุดมไปด้วยจุลินทรีย์กลุ่มบาซิลลัสส์  เป็นจุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ มีพลังในการย่อยสลายเหนือกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ
       
ปริมาณ
..... ในการหมักขั้นตอนที่ 2 เติมน้ำมะพร้าวจนเต็มถึงปากถังขนาดจุ 200 ล. จากนั้นประมาณ 1 เดือน ระดับน้ำมะพร้าวจะยุบลงราว 10-15 ซม.เสมอ  เมื่อเติมน้ำมะพร้าวใหม่จนเต็มก็จะยุบลงอีก ก็ให้เติมใหม่อีกทุกครั้ง กรณีนี้เกิดจากกระบวนการย่อนยสลายของจุลินทรีย์นั่นเอง
     
อีซี - ซี/เอ็น เรโช..... ตรวจสอบโดย LAB  
    
ถพ..... โดยน้ำใสด้านบน ค่า ถพ.ประมาณ 4-5%  แต่ถ้าคนให้มีกากละเอียดรวมอยู่ด้วย 30% จะมีค่า ถพ.ประมาณ 10-12%
    
พีเอช...... หมักใหม่ 3-6 เดือน ค่า พีเอช ประมาณ 3.5-4.5  แต่ถ้าหมักนานข้ามปี ค่า พีเอช ประมาณ 5.0-6.0  






18
ปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ด้วยปุ๋ยหมักชีวภาพ


by wipanporn



ปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ด้วยปุ๋ยหมักชีวภาพ


รศ.ดร.ดนัย  วรรณวนิช  คณะเทคโนโลยีการเกษตร  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  ได้ใช้เวลาในการคิดค้นและพัฒนาสูตรปุ๋ยชีวภาพสำหรับการผลิตผักระบบไฮโดรโปนิกส์มานานถึง  7  ปี  เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการปลูกพืชระบบไฮโดรโปนิกส์ต้นทุนต่ำ




โดยการนำสารอินทรีย์มาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถทำได้  3  วิธีคือ  วิธีการทำปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยหมักชีวภาพ  วิธีการทำแบบน้ำหมัก  และการใช้มูลไส้เดือน  ทำให้พืชผักมีการเจริญเติบโตทัดเทียมกับการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวและที่สำคัญการใช้สารละลายอินทรีย์ยังประหยัดกว่าและปลอดภัยกว่าการใช้สารละลายธาตุอาหารสังเคราะห์แน่นอน

การปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์แบบไร้สารเคมีนี้เป็นทางเลือกของการเพาะปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติมเลย  หากปลูกพืชระบบไฮโดรโปนิกส์อยู่แล้วก็สามารถเริ่มใช้สารละลายธาตุอาหารอินทรีย์รุ่นต่อไปได้เลย  วิธีการปลูกก็เหมือนกับการปลูกพืชในระบบไฮโดรโปนิกส์  แตกต่างกันเพียงแค่เปลี่ยนจากการใช้สารละลายธาตุอาหารเคมีแบบที่เคยใช้กันอยู่ และใช้สารละลายธาตุอาหารอินทรีย์แทนเท่านั้นเองเพียงเท่านี้ผู้ปลูกก็จะไม่ต้องแบกรับภาระซื้อสารละลายธาตุอาหารราคาแพง และสามารถผลิตสารละลายธาตุอาหาร




ชีวภาพใช้ได้เอง  ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีให้สิ้นเปลืองต้นทุนการผลิต  ไม่ต้องใช้ปุ่ยเคมีให้สิ้นเปลืองต้นทุนการผลิต  ลงทุนต่ำ  ขายได้ราคาดี  และยังได้อาหารที่ปราศจากสารเคมี  และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย


สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รศ.ดร.ดนัย  วรรณวนิช  คณะเทคโนโลยีการเกษตร  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  วิทยาเขตปทุม 2 ถนนพหลโยธิน  87  ซอย  2  ต.ประชาธิปัตย์


อ.ธัญบุรี  จ.ปทุมธานี  12130  โทรศัพท์  02-531-2988,  02-523-7512, 089-236-5470  โทรสาร  0-2531-2989

จาก  นิตยสารเกษตรกรรมธรรมชาติ


http://www.agr.rmutt.ac.th/?p=3860
      









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-10 (11932 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©