กำจัดวัชพืช
หลักการและเหตุผล :
วัชพืช คือ พืชชนิดหนึ่งที่เกิดหรือขึ้นในที่ๆไม่ต้องการ มีวัฏจักรชีวิต (เกิด แก่ เจ็บตาย ขยายพันธุ์)
และต้องการปัจจัยพื้นฐาน (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ
และพืชที่ถูกเรียกว่าวัชพืชมักเจริญเติบโตดีกว่าพืชหลักที่คนปลูก ในความเป็นจริงนั้น ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าหญ้าหรือ
สารกำจัดวัชพืชใดๆ ในโลกนี้ สามารถฆ่าหรือกำจัดวัชพืชให้ตายอย่างเด็ดขาดแน่นอนได้เมื่อใช้ตามอัตราที่ระบุบน
ฉลาก อาการที่เห็นนั้นเป็นเพียงใบไหม้เท่านั้น ในขณะที่ หัว-เหง้า-เมล็ด ยังอยู่ ซึ่งไม่นานก็จะแตกยอดแทงหน่อ
ขึ้นมาใหม่.....ดังนั้น การโฆษณาว่ายาฆ่าหญ้าหรือสารกำจัดวัชพืชชนิดนี้หรือชนิดนั้นสามารถกำจัดได้ถึงรากและเหง้า
จึงเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงโฆษณาชวนเชื่อทั้งสิ้น และผู้ใช้ก็โกหกตัวเองว่าได้ผล
นอกจากนี้ ยาฆ่าหญ้าหรือสารกำจัดวัชพืช (ทุกชนิดหรือทุกยี่ห้อในท้องตลาด) ให้ผลเสียมากกว่าผลดี
อาทิ มีสถานะเป็นกรดจัดจึงทำให้ดินเป็นกรด.....เป็นพิษต่อจุลินทรีย์ในดิน......ทำให้เดินเสียสมดุล.....เป็นแหล่ง
สะสมเชื้อโรคพืช.....สภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงเสีย.....ละอองเป็นพิษต่อพืชประธาน
วิธีการกำจัดหญ้าหรือวัชพืชที่ได้ผลที่สุด ซึ่งนอกจากไม่ส่งผลเสียดังกล่าวแล้วยังส่งผลดีแบบยั่งยืนระยะ
ยาวนานอีกด้วย นั่นคือใช้มาตรการปรับเปลี่ยนหรือตัดวงจรปัจจัยพื้นฐานไม่ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของหญ้า
หรือวัชพืชเท่านั้น ได้แก่......
ล่อให้งอกแล้วทำลาย :
หลังเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จ ปล่อยฟางทิ้งไว้ตากแดดจัดอย่างน้อย 15 แดดจัด ระหว่างตากแดดจัดนี้ ถ้ามีฝนตกลงมาให้ยกเลิกจำนวนวันที่ตากแดดก่อนทั้งหมดแล้วเริ่มนับ 1 ใหม่จนกว่าจะครบอย่างน้อย 15 วัน วัตถุประสงค์ของการตากแดดก็เพื่อ "ทำลายระยะพักตัว" ของเมล็ดวัชพืชและเมล็ดพืชอื่นๆที่อยู่ในแปลง จากนั้นจึงปล่อยน้ำเข้าพอหน้าดินชื้นโดยไม่ต้องไถ จากนั้นบรรดาพืชทุกชนิด (เมล็ดหญ้า เมล็ดข้าว ร่วงและหน่อวัชพืช) จะงอกขึ้นมา ปล่อยให้พืชทุกอย่างงอกอย่างอิสระหรือเปิดโอกาสให้งอกมากๆ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเมล็ดวัชพืชบางชนิดงอกเร็ว บางชนิดงอกช้า
หมายเหตุ :
ถ้าไม่ทำลายระยะพักตัวของเมล็ดวัชพืชหรือพืชอื่นๆก่อน โดยหลังเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จใส่น้ำเข้าไปเลยนั้น เมล็ดวัชพืชหรือพืชอื่นๆก็จะไม่งอก เพราะยังไมใด้ทำลายระยะพักตัว แต่หลังจากนั้น 10-15 วัน เมล็ดเหล่านั้นก็จะเริ่มงอกแล้วเจริญเติบโตคู่กับต้นข้าวต่อไป
การไถดินที่มีเมล็ดพืชต่างๆฝังอยู่ เท่ากับเป็นการเติมอ๊อกซิเจนลงไปในเนื้อดินซึ่งจะส่งเสริมการงอกของเมล็ดพันธุ์ต่างๆให้ดียิ่งขึ้น เพราะฉนั้น จึงไม่ควรไถ แต่ปล่อยเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆวางอยู่บนผิวดินอย่างนั้น รอเวลาหมดระยะพักตัวแล้วจึงปล่อยน้ำเข้า หมักฟาง และไถกลบ
(ข้อมูล : สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)
ย่ำเพื่อทำลาย :
เมื่อเห็นว่าบรรดาเมล็ดพืชทุกอย่างงอกขึ้นมาแล้ว และบรรดาหน่อวัชพืชต่างๆก็แทงยอดขึ้นมาจากเหง้าหรือ
ไหลทั้งหมดแล้วด้วย ให้ปล่อยน้ำเข้าแล้วลงมือย่ำเทือกครั้งที่ 1 ย่ำเทือกให้ใบและต้นพืช (วัชพืชและข้าว)
ทุกอย่างที่ขึ้นมาแหลกสลายลงไปคลุกกับเนื้อดิน เสร็จแล้วไขน้ำออกพอเหลือติดหน้าดิน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7-
15 วัน จะเห็นว่ายังมีวัชพืชบางส่วนงอกขึ้นมาอีกแต่จะน้อยกว่าครั้งแรกหลายเท่า
ปล่อยน้ำเข้าแล้วย่ำเทือกรอบ 2 ย่ำเพื่อทำลายใบและต้นวัชพืชเหมือนรอบที่ 1 ย่ำเทือกรอบ 2 เสร็จทิ้งไว้
ประมาณ 7-10 วัน ให้พิจารณา ถ้ายังมีวัชพืชขึ้นอีกมากก็ให้ไขน้ำเข้า
ย่ำเทือกรอบ 3 แต่ถ้าเห็นว่าวัชพืชลดลงจนเป็นที่น่าพอใจก็ไม่ต้องย่ำเทือกรอบ 3 ให้เตรียมการลงมือปลูก
(หว่าน-ดำ) ได้เลย
หมายเหตุ :
พืชหรือวัชพืชใดๆที่งอกขึ้นมาจากเมล็ด เมื่อ ยอด-ใบ-ต้น ถูกย่ำทำลายไปแล้วจะไม่มีโอกาสงอกหรือ
เกิดใหม่อีกได้เลยตลอดชีวิต เพราะเมล็ดงอกได้เพียงครั้งเดียว ส่วนหน่อที่งอกขึ้นมาจาก หัว-เหง้า-ไหล ยอดที่
งอกขึ้นมานั้นจะพัฒนาเป็น ต้น-ใบ ช่วยสังเคราะห์อาหาร ช่วงที่ยังไม่มีใบช่วยสังเคราะห์อาหารนั้น ต้นวัชพืชจะกิน
สารอาหารจาก หัว-เหง้า-ไหล ที่สะสมเอาไว้ เมื่อแตกยอดขึ้นมาทีไรเป็นถูกย่ำทำลายทุกครั้ง เพียง 2-3 รอบ ห่าง
กันรอบละ 7-10 วันเท่านั้น สารอาหารในหัว-เหง้า-ไหลที่เคยสะสมไว้หมด หัว-เหง้า-ไหล ก็เน่าสลายหมดโอกาส
แตกยอดใหม่อีกตลอดกาล
การใช้จุลินทรีย์เป็นตัวช่วยย่อยสลายเศษ ใบ-ต้น-หัว-เหง้า-ไหล ที่ถูกย่ำให้เปื่อยยุ่ยแล้วกลายเป็น
ปุ๋ย นอกจากจะไม่ทำลายสภาพโครงสร้างดินแล้วยังปรับปรุงสภาพโครงสร้างดินให้ดีขึ้นอีกด้วย ในขณะที่การใช้สาร
เคมีหรือสารสังเคราะห์ใดๆ แม้จะช่วยสลายเศษพืชได้แต่กลับทำให้สภาพโครงสร้างของดินเสียและเสียอย่างถาวรอีก
ด้วย
สรุป :
1. ทำลายวัชพืชด้วยวิธีการบำรุงให้งอกแล้วย่ำทำลาย โดยการทำเทือกหลายๆรอบแต่ละรอบจำนวนวัชพืช
จะลดลงและลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งหมดไปนั่นเอง
2. ถอนด้วยมือ หลังจากกำจัดวัชพืชส่วนใหญ่ด้วยวิธีทำเทือกย่ำทำลายแล้ว เมื่อต้นข้าวเจริญเติบโตขึ้น
มา วัชพืชประเภทงอกช้าอาจจะยังหลงเหลืออยู่ก็จะงอกขึ้นมาให้เห็นอีก การกำจัดในขั้นตอนนี้ต้องใช้วิธีเดินเข้าไป
ในแปลงแล้ว "ถอนด้วยมือ" เท่านั้น ซึ่งวิธีถอนด้วยมือนี้นอกจากจะเป็นการกำจัดได้อย่างสิ้นซาก (ไม่มีโอกาสงอก
ใหม่อีกเลยตลอดชีวิต) แล้ว ยังไม่ทำลายสภาพโครงสร้างดินอีกด้วย ในนาดำช่วยให้การกำจัดวัชพืชด้วยวิธีถอน
ด้วยมือทำได้ง่ายกว่านาหว่าน
3. ป้องกันกำจัดหญ้าหรือวัชพืชตัวใหม่ เมื่อในแปลงนาข้าวไม่มี "เมล็ด-หัว-เหง้า-ไหล" ของวัชพืชที่จะ
เกิดใหม่ได้แล้ว เมล็ดแก่จากต้นวัชพืชบนคันนาหรือบริเวณข้างแปลงยังสามารถปลิวตามลมเข้าไปในแปลงแล้วเกิดเป็น
ต้นใหม่ขึ้นมาได้ กรณีนี้แก้ไขโดยการตัดหรือใช้ไม่เรียวฟาดก้านดอก ขณะที่ยังเป็นดอกอ่อนเพื่อทำลายดอกตั้งแต่
เนิ่นๆ ไม่ให้เป็นดอกแก่แล้วมีเมล็ดขยายพันธุ์ได้
การใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์กินหญ้า (วัว ควาย แพะ) มักมีเมล็ดพันธุ์วัชพืชปนมาด้วยเสมอ กำจัดเมล็ดพันธุ์
วัชพืช โดยการหมักนาน 6 เดือน - 1 ปี เพื่ออาศัยจุลินทรีย์ทำลายชีวิตเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก่อน ถ้าไม่มีเวลาหมักก็
ให้ใช้เฉพาะ "น้ำมูลสัตว์" หมักก่อนหรือไม่หมักก็ได้ ราดรดลงบนเศษซากพืช (ฟาง ต้นถั่ว วัชพืช) ในแปลงหลัง
หรือก่อนไถกลบก็ได้ หลังจากนั้น นอกจากเศษซากพืชจะกลายสภาพเป็นปุ๋ยคอกมูลสัตว์โดยไม่มีเมล็ดวัชพืชหรือ
พืชใดๆปนเปื้อนมาด้วยแล้ว ยังได้ทำให้คุณภาพของเนื้อปุ๋ยดีกว่ามูลสัตว์ที่มาจากสัตว์โดยตรงอีกด้วย
4. ข้าววัชพืช คือ วัชพืชชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตได้ดีมากในนาข้าว แต่ในแปลงเกษตรอื่นๆที่แม้จะมี
สภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตรเหมือนนาข้าวกลับไม่เจริญเติบโต มีชื่อตามภาษาท้องถิ่น เช่น
ข้าวนก. ข้าวหาง. ข้างเด้ง. ข้าวลายหรือข้าวแดง. ข้าวป่าหรือข้าวละมาน. (คำว่า “ข้าวนก” หมายถึงสายพันธุ์
ข้าวที่ใช้เลี้ยงนกเขา หรือ นกสวยงามในกรง.........แต่คำว่า “ข้าววัชพืช” เป็นชื่อที่ทางราชการกำหนด)
ดังกล่าวข้างต้นแล้วว่า ปัจจุบันนี้ยังไม่มีสารเคมีใดในโลกสามารถกำจัดข้าววัชพืชโดยเฉพาะได้ผลร้อย
เปอร์เซ็นต์
ลักษณะเด่นของข้าววัชพืชในแปลงนาข้าว :
- งอกหลังต้นข้าว (นาหว่าน) 8-10 วัน แต่เจริญเติบโตเร็วกว่าต้นข้าวแล้วเป็นต้นแก่มีเมล็ดขยายพันธุ์ได้
ก่อนต้นข้าว หรือ เกิดทีหลังแต่แก่ก่อน
- สายพันธุ์เดียวกันแต่เมล็ดพันธุ์บางเมล็ดอยู่ได้นาน (1-12 ปี)โดยไม่เสื่อมความงอกในขณะที่บางเมล็ด
งอกได้เร็ว หรือ พักตัว/ไม่พักตัว....พักตัวนาน/พักตัวไม่นาน
- ไม่มีโรคและแมลงศัตรูหรือมีน้อยมาก
- เปอร์เซ็นต์ความงอกสูงมาก แม้เมล็ดที่ยังแก่ไม่จัดก็สามารถงอกได้
- ปรับตัวให้ต่ำกว่าหรือสูงเท่ากับต้นข้าวเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกกำจัดได้ดี
- จากเมล็ดข้าววัชพืช 1 เมล็ด ในนาข้าวรุ่นที่ 1 ขยายพันธุ์ต่อเนื่องถึงทำนารุ่นที่ 6 จะมีเมล็ดมากถึง
31,250,000,000 เมล็ด
วิธีกำจัดข้าววัชพืช :
- ล่อให้งอกแล้วย่ำทำลายด้วยวิธีย่ำเทือก ย่ำซ้ำหลายๆรอบเพื่อกำจัดวงรอบหรือวัฏจักชีวิต
- เปลี่ยนจากการทำนาหว่านมาเป็นนาดำ ทั้งนี้ นาดำ 1 รุ่น กำจัดข้าววัชพืชได้กว่า 90 % จากนั้นใช้
วิธีถอนด้วยมือก็จะทำให้ต้นข้าววัชพืชหมดไปจากแปลงนาได้
- ถอนด้วยมือ (นาดำทำได้ง่ายกว่านาหว่าน)
- ป้องกันเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่จากแหล่งภายนอก เช่น เมล็ดพันธุ์ รถเกี่ยว และจากแปลงข้างเคียง
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.