ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
หน้า: 5/5
น้ำหมักแคลเซียม
(Water-soluble Calcium : WCA)
น้ำหมักแคลเซียมจะใช้ได้ผลดีในขณะที่พืชอยู่ในระยะเปลี่ยนวัย ในการทำเกษตรแบบธรรมชาติจะฉีดพ่นน้ำหมักแคลเซียมในพืชภายหลังการติดผล ทำให้คุณภาพผลผลิตดีมีขนาดใหญ่และสูงขึ้น
วัสดุอุปกรณ์
1. เปลือกไข่
2. น้ำซาวข้าว/น้ำมะพร้าว
3. ขวดโหลปากกว้างทรงสูง 30 ซม.
4. เครื่องผลิตออกซิเจนใส่ตู้ปลา
5. น้ำตาลทราย
วิธีทำ
1. รวบรวมเปลือกไข่ นำไปตากแดดให้แห้ง 3-7 แดด แล้วนำมาบดให้ละเอียด
2. เปลือกไข่ 1 กิโลกรัม ต่อน้ำซาวข้าว 10 ลิตร
3. นำเปลือกไข่ที่บดละเอียดใส่ภาชนะ เติมน้ำซาวข้าว ทิ้งช่องอากาศอยู่ประมาณ 30% เปิดฟองอากาศทิ้งไว้ ประมาณ 20 วัน จะเกิดฟองปฏิกิริยาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4. เมื่อใส่ออกซิเจนครบ 20 วันแล้ว ให้เติมน้ำตาล 1 กิโลกรัม ลงไป
วิธีนำไปใช้
- ใช้น้ำหมักแคลเซียมในอัตรา 2 ช้อน ต่อน้ำ 10 ลิตร
- ฉีดพ่นเล้าไก่ไข่จะทำให้ไม่ผลัดขน ให้ไข่ตลอดปี
- ใช้ผสมกับน้ำทะเล ในการรดผลไม้ในระยะออกผล เพิ่มความหวานให้กับผลไม้
น้ำหมักแคลเซียมฟอสเฟต
(Water-soluble Calcium Phosphate : WCAP)
ประโยชน์ของแคลเซียมฟอสเฟต คือ ช่วยกระตุ้นการติดดอกออกผล ช่วยบำรุงการเจริญเติบโตของพืชและใช้แช่บำรุงเมล็ดก่อนการเพาะ
วัสดุอุปกรณ์
1. กระดูก
2. น้ำซาวข้าว/น้ำมะพร้าว
3. ขวดโหลปากกว้างทรงสูง30 ซม.
วิธีทำ
1. นำเอากระดูกมาต้มเอาไขมันออก ตากแดดแห้ง และเผาไฟให้แดงนำจุ่มน้ำ แล้วปล่อยทิ้งให้แห้ง
2. ใส่กระดูก 1 กิโลกรัม ต่อน้ำซาวข้าว 10 ลิตร
3. ทิ้งไว้ ประมาณ 8-10 วัน จะเกิดฟองปฏิกิริยาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4. เก็บไว้ในโหลโดยไม่ต้องรินใส่ขวดก็ได้
วิธีนำไปใช้
- ใช้น้ำหมักแคลเซียมฟอตเฟตในอัตรา 2 ช้อน ต่อน้ำ 10 ลิตร
- ฉีดพ่นในช่วงก่อนออกดอกเพื่อเปิดตาดอก
- ใช้ในการรดผลไม้ในระยะออกดอก 10 วัน
การทำน้ำหมักจากสัตว์
3.1 น้ำหมักจากปลา (Fish Amino Acid : FAA )เป็นแหล่งธาตุไนโตรเจนและกรดอะมิโนจากปลาจะส่งเสริมการเจริญเติ บโตของพืชปลูกด้านการเจริญของลำต้นไม่ควรใช้ในช่วงระยะการเจริญ เติบโต ด้านการสืบพันธุ์สร้างดอกและผลเพราะจะทำให้พืชเจริญเติบโตมากเก ินไปจนเฝือใบและไม่สร้างตาดอกหรือทำให้ดอกร่วง
วัสดุอุปกรณ์
1. วัสดุเศษปลา กุ้ง หอย ปู รกหมู ไส้เดือน อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ล้างน้ำ 1ส่วน
2. น้ำตาลทรายแดง 1ส่วน
3. ถัง/โอ่ง สำหรับหมัก )สะอาดและตากให้แห้ง
4. กระดาษขาว เชือกฟาง
วิธีทำ
1. ทุบหรือสับเป็นชิ้นขนาด 1-2 นิ้ว แล้วแต่วัสดุ
2. ใช้วัสดุ 5 กิโลกรัม ต่อน้ำตาลทรายแดง 5 กิโลกรัม
3. น้ำตาลทรายแดงคลุกกับวัสดุ บรรจุในภาชนะปากกว้าง 2/3
4. คลุมปากภาชนะด้วยกระดาษขาว และมัดปากภาชนะด้วยเชือก
5. ใช้ไม้คนบ่อยๆวันละครั้ง ป้องกันการเกิดไขที่จะทำให้ถังแตก ไม่มีน้ำ ปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังคน6. กระบวนการหมักในฤดูร้อนใช้เวลา 5-7 วันในฤดูฝนใช้เวลา 7–10 วัน ในฤดูหนาว ใช้เวลาในการหมัก 10-15 วัน เก็บภาชนะหมักไว้ในที่ร่ม
7. รินใส่ขวดให้ได้ 2/3 ของขวด ปิดฝาเก็บในที่ร่มและมีอากาศเย็น ไม่ให้ถูกแสงแดด
วิธีการนำไปใช้
ใช้น้ำหมักในอัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 10 ลิตร ใช้พ่นกับพืชเมื่อเข้าสู่การเจริญเติบโต 3-5-7 วัน รดพื้นห่างจากต้น 1 คืบ ทับด้วยใบไม้แห้ง
ผสมน้ำดื่ม ทำอาหารสัตว์ ทำปุ๋ยหมัก ใช้ภายใน 45วัน แต่สามารถเก็บได้นาน 3 เดือน
น้ำหมักอื่นๆ เสริมธาตุอาหารพืช
4.1.น้ำหมักโพแตสเซียมอินทรีย์ (Water-soluble Photassium : WK)
ประโยชน์ของน้ำหมักโพแตสเซียม คือช่วยส่งเสริมการเกิดตาดอกที่สมบูรณ์ ช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิต ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในผลไม้และช่วยในการ สร้างและเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรต
4.2.น้ำหมักฟอสฟอรัสอินทรีย์ (Water-soluble Phosphate : WP)
http://www.chula-alumni.com/forum/forum_postpop.asp?FID=3&TID=105&PN=1&TPN=2
หน้าก่อน (4/5)
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved. ติดประกาศ: 2009-07-12 (103307 ครั้ง) [ ย้อนกลับ ] |