27. การปลูกอ้อย
อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สามารถปลูกได้เกือบทุกภาคของประเทศ
มีอายุเก็บเกี่ยว 10 - 12 เดือน เก็บผลผลิตได้ 2-3 ปี สภาพ
แวดล้อม พันธุ์และการบำรุงดูแลรักษาเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มผลผลิต
และคุณภาพของอ้อย
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
อ้อยสามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกประเภท ตั้งแต่ดินร่วนถึงร่วนปนทราย
พื้นที่ปลูกควรเป็นที่ราบ ควรหลีกเลี่ยงการปลูกอ้อยในดินเหนียว
จัด ดินทรายจัดและดินลูกรัง ถ้าปลูกในเขตน้ำฝนควรมีปริมาณน้ำฝนไม่
น้อยกว่า 1,200 มม./ปี
พันธุ์
พันธุ์อ้อยที่ได้รับรองจากกรมวิชาการเกษตร และเกษตรกรนิยมปลูกอยู่ในปัจจุ
บัน ได้แก่ อู่ทอง 1 อู่ทอง 2 และอู่ทอง 3
“ อู่ทอง 3 “ เป็นลูกผสมของอ้อยอู่ทอง 1 และอู่ทอง 2 ให้ผลผลิตสูงใน
ดินร่วนปนทรายที่สามารถให้น้ำได้ ได้ผลผลิต 15-16 ตัน/ไร่ CCS มีค่า
13-14 ไม่ควรปลูกในแหล่งที่มีโรคเหี่ยวเน่าแดงระบาดเพราะอ่อนแอต่อโรคนี้
“ อู่ทอง 2 “ สะสมน้ำตาลเร็ว ต้านทานต่อโรคแส้ดำ ให้ผลผลิตสูงในดินร่วน
เขตชลประทานภาคกลางและภาคตะวันตก ให้ผลผลิต 14-18 ตัน/ไร่ CCS
มีค่า 13-14
“ อู่ทอง 1 “ ทนต่อการหักล้ม แตกกอดี ไว้ตอดี ในเขตน้ำฝนน้ำฝนให้ผลผลิต 12-15 ตัน/ไร่ เขตชลประทานให้ผลผลิต 15-20 ตัน/
ไร่ CCS มีค่า 11-12 ทนทานต่อโรคใบด่างและโรคแส้ดำ
การเตรียมพันธุ์
พันธุ์อ้อยควรมาจากแปลงอ้อยที่เจริญเติบโตดี ตรงตามพันธุ์ปราศจากโรคและ
แมลง มีอายุประมาณ 8-10 เดือน ถ้าต้องทิ้งพันธุ์อ้อยที่ตัดไว้แล้วในไร่ ควร
คลุมท่อนพันธุ์ด้วยใบอ่อนแห้งเพื่อป้องกันตาอ้อยแห้ง เกษตรกรควรมีแปลง
พันธุ์อ้อยไว้ใช้เองเพื่อลดค่าใช้จ่าย อ้อยจากแปลงพันธุ์ 1 ไร่ (อายุ 7-8 เดือน) ปลูกขยายได้ 10 ไร่ สำหรับแปลงพันธุ์ ควรแช่ท่อนพันธุในน้ำร้อน 50 องศา นาน 2 ซ.ม. เพื่อป้องกันโรคใบขาวและกอตะไคร้ จากนั้น
แช่ท่อนพันธุ์ในสารเคมีโพรนิโคนาโซน อัตรา 66 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร นาน 30
นาที เพื่อป้องกันโรคแส้ดำ เหี่ยวเน่าแดง และกลิ่นสับปะรด
ฤดูปลูก
การปลูกอ้อยในปัจจุบัน สามารถแบ่งตามฤดูปลูกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. การปลูกอ้อยต้นฝน ซึ่งยังแบ่งเป็น 2 เขต คือ
- ในเขตชลประทาน (20 % ของพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งประเทศ) ส่วนใหญ่จะปลูก
ในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ ถึง เมษายน
- ในเขตอาศัยน้ำฝน ส่วนใหญ่จะปลูกในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน
2. การปลูกอ้อยปลายฝน (การปลูกอ้อยข้ามแล้ง) สามารถทำได้เฉพาะในบาง
พื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ที่มีทราย การปลูกอ้อย
ประเภทนี้จะปลูกประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม
การเตรียมดิน
ไถเตรียมดินให้ลึกในขณะที่มีความชื้นพอเหมาะ และควรลงไถดินดานทุกครั้ง
ที่มีการรื้อตอเพื่อปลูกใหม่โดยไถให้เป็นรูปตาหมากรุก
¨ ถ้าปลูกต้นฤดูฝนหรือปลูกอ้อยใช้น้ำชลประทาน ไม่จำเป็นต้องไถพรวนดิน
แตกละเอียด
¨ อ้อยปลายฝนหรือปลูกอ้อยข้ามแล้งต้องไถพรวนจนหน้าดินแตกละเอียดเพื่อ
ช่วยลดความสูญเสียความชื้นภายในดินให้ช้าลง
วิธีการปลูก
การปลูกอ้อยต้นฝนในชลเขตประทาน
- ถ้าใช้คนปลูกจะยกร่องกว้าง 1.4-1.5 เมตร (เดิมใช้ 1.3 เมตร) วางพันธุ์
อ้อยเป็นลำโดยใช้ลำเดี่ยว เกยกันครั้งลำหรือ 2 ลำคู่ ตาม
ลักษณะการแตกกอของพันธุ์อ้อยที่ใช้
- ถ้าใช้เครื่องปลูก หลังจากเตรียมดินแล้ว ไม่ต้องยกร่อง จะใช้เครื่องปลูกติด
ท้ายแทรกเตอร์ โดยจะมีตัวเปิดร่อง และช่องสำหรับใส่พันธุ์อ้อยเป็นลำ และมี
ตัวตัดลำอ้อยเป็นท่อนลงในร่อง และมีตัวกลบดินตามหลัง และสามารถดัดแปลง
ให้สามารถใส่ปุ๋ยรองพื้น พร้องปลูกได้เลยปัจจุบันมีการใช้เครื่องปลูกทั้งแบบ
แถวเดี่ยวและแถวคู่ โดยจะปลูกแถวเดี่ยวระยะแถว 1.4-1.5 เมตร ในกรณีใช้
พันธุ์อ้อยที่แตกกอมากและจะปลูกแถวคู่ ระยะแถว 1.4-1.5 เมตร ระยะระหว่าง
คู่แถว 20-30 เซนติเมตร ในกรณีใช้พันธุ์อ้อยที่แตกกอน้อย
การปลูกอ้อยต้นฝนในเขตอาศัยน้ำฝน
วิธีการปลูกอ้อยในเขตนี้จะคล้ายกับในเขตชลประทาน จะแตกต่างก็เพียงระยะ
ห่างร่องในบางพื้นที่จะใช้แคบกว่า คือ ประมาณ 1.0-1.2 เมตร เพราะอ้อยใน
เขตนี้จะแตกกอน้อยกว่า การลดระยะแถวลงทำให้สามารถเพิ่มจำนวนลำเก็บ
เกี่ยวอ้อยต่อพื้นที่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบผลผลิตหลักของอ้อยได้
การปลูกอ้อยปลายฝน (ปลูกอ้อยข้ามแล้ง)
การเตรียมดินปลูกจะต้องไถเตรียมดินหลหายครั้ง จนหน้าอินร่วนซุย เป็นการ
รักษาความชื้นในดินชั้นล่าง หลังจากเตรียมดินควรรีบยกร่องและปลูกให้เร็วที่
สุด เพื่อให้ทันกับความชื้นและควรยกร่องปลูกวันต่อวันพันธุ์อ้อยที่ใช้ปลูกข้าม
แล้ง จะเป็นพันธุ์ที่ค่อนข้างแก่ คือ อายุประมาณ 8-10 เดือน เกษตรนิยมปลูก
อ้อยแบบทั้งลำ โดยจะชักร่องให้ลึกระยะแถว 1.0-1.3 เมตร และวางลำอ้อย
ในร่องใช้จอมสับลำอ้อย เป็น 2-3 ส่วนกลบดินหนา 10-15 ซม. เหยียบดิน
กลบให้แน่นเพื่อให้ท่อนสัมผัสกับดินชื้นมากที่สุด
การปลูกซ่อม
หากท่อนพันธุ์ใดไม่งอก ให้ปลูกซ่อมหลังการปลูก 2-3 สัปดาห์ สำหรับอ้อยตอ
ไม่แนะนำให้ปลูกซ่อมเนื่องจากเปอร์เซ็นต์รอดน้อย ใส่ปุ๋ย อ้อยปลูก ใส่ปุ๋ยเคมี
สูตร 15-15-15 อัตรา 100 กก./ไร่ โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งละเท่า ๆกัน ใส่
ครั้งแรกเมื่ออายุ 1 เดือนครึ่งและอีกครั้งหนึ่งเมื่ออ้อยอายุ 2-4 เดือน อ้อยตอ
ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 150 กก. /ไร่ โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง เช่นเดียว
กับอ้อยปลูก
การป้องกันการกำจัดวัชพืช
1. ใช้แรงงานคนดายหญ้า ในช่วงตั้งแต่ปลูกจนถึงอายุ 4 เดือน
2. ใช้เครื่องจักรไถพรวนระหว่างร่องหลังปลูก เมื่อมีวัชพืชงอก
3. ใช้สารเคมี เช่น อาทราซีน อัตรา 500-625 กรัม /ไร่ และหลังจากนั้น 2
เดือน ใช้ซ้ำอีกครั้งหนึ่งก่อนวัชพืชงอก
โรคและแมลงที่สำคัญ
- โรคอ้อยที่สำคัญ ได้แก่ โรคใบขาว โรคแส้ดำ และโรคเหี่ยวเน่าแดง และ
ปัจจุบันมีโรคที่พบใหม่ คือ โรคกอตะไคร้
การป้องกันกำจัดโรคอ้อย
1. ใช้พันธุ์อ้อยที่ต้านทาน
2. ทำลายกอที่เป็นโรคโดยการขุดออกหรือเผาทิ้ง
3. ไม่ใช้ท่อนพันธุ์จากกอที่เป็นโรค
4. ควรเตรียมแปลงพันธุ์เองเพื่อควบคุมโรคที่สำคัญ (ดูการเตรียมพันธุ์)
- แมลงศัตรูอ้อยที่สำคัญ ได้แก่ หนอนกอลายเล็ก หนอนกอสีขาว หนอนกอสีชมพู และด้วงหนวดยาว
: การป้องกันกำจัดแมลงศัตรู
1. ปลูกพืชหมุนเวียน
2. ตัดหน่ออ้อยที่ยอดเริ่มเหี่ยวไปทำลายเพื่อกำจัดดักแด้
3. ในแหล่งที่ระบาดประจำใช้คาร์โบฟูราน ชนิดเมล็ด 3 % 10 กก./ไร่ หยอด
ร่องอ้อยกลบท่อนพันธุ์และใส่อีกครั้ง 45 วันหลังครั้งแรก
4. ปล่อยแตนเบียฬเพื่อควบคุมหนอนกอ
การเก็บเกี่ยวอ้อย
อายุเก็บเกี่ยว 10-12 เดือน ขึ้นอยู่กับพันธุ์อ้อยและสภาพแวดล้อมหลังจากตัด
อ้อยแล้วต้องรีบส่งเข้าโรงงานภายใน 48 ซม. เพราะมีผลกระทบต่อน้ำตาล
ซูโครส และขบวนการผลิตน้ำตาลของโรงงาน
การดูแลรักษาอ้อยตอ
การเก็บเกี่ยวควรตัดชิดดิน ไม่ต้องเผาใบหรือเศษเหลือในไร่นอกจากมีโรคและ
แมลงระบาด เมื่อมีความชื้นพอให้ใส่ปุ๋ยได้ทันที โดยใส่ปุ๋ยในปริมาณมากกว่า
อ้อยปลูกครึ่งหนึ่งใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 150 กก./ไร่ โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง
เช่นเดียวกับอ้อยปลูกปีแรก การให้น้ำตามร่องควรให้ร่องเว้นร่องไม่จำเป็นต้องให้
ทุกร่อง ถ้าการให้น้ำหรือใส่ปุ๋ยบำรุงดูแลลำบาก อาจกวาดใบไว้ระหว่างแถวเว้น
แถว
ผลกระทบจากการเผาใบอ้อย
ปัจจุบันเกษตรกรมีการเผาใบอ้อยกันมาก แบ่งได้เป็น
1. การเผาใบอ้อยก่อนเก็บเกี่ยว เนื่องจากขาดแคลนแรงงานทำให้ตัดอ้อยไ
ด้เร็วไม่ต้องลอกกาบใบ อ้อยที่เผาใบถ้าไม่รีบตัดส่งโรงงานทันทีจะทำให้น้ำตาล
คุณภาพความหวานและต้องจ่ายค่ากำจัดวัชพืชและให้น้ำเพิ่มขึ้นในอ้อยตอ
2. การเผาใบอ้อยหลังการเก็บเกี่ยว เนื่องจากเกษตรกรต้องป้องกันไฟฟ้า
อ้อยตอหลังจากที่มีหน่องอกแล้ว และทำให้ใส่ปุ๋ยได้สะดวกกลบปุ๋ยง่าย แต่มีผล
เสียตามมาคือ
- เป็นการทำลายอินทรียวัตถุในดิน
- ทำให้สูญเสียความชื้นในดินได้ง่ายเพราะไม่มีใบคลุม
- หน้าดินถูกชะล้างได้ง่าย
- มีวัชพืชในอ้อยตอขึ้นมาก
- มีหนอนกอเข้าทำลายมากขึ้น
แนวทางแก้ไข
คือ ใช้เครื่องสับใบอ้อย คลุกเคล้าลงดิน ระหว่าง แถวอ้อยและถ้าต้องเผาใบอ้อย
จริง ๆ ควรให้น้ำในอ้อยตอทันที จะช่วยลดการตายของอ้อยตอลงได้
3. การเผาใบก่อนการเตรียมดิน เกษตรกรทำเพื่อให้สะดวกในการเตรียมดิน
ปลูก เพราะล้อรถแทรกเตอร์จะลื่นเวลาไถ มีผลเสียตามมาคือ เป็นการทำลาย
อินทรียวัตถุ ดินอัดแน่นทึบ ไม่อุ้มน้ำ น้ำซึมลงได้ยาก
แนวทางแก้ไข
คือ การใช้จอบหมุนสับเศษใบอ้อยและคลุกเคล้าลงดินก่อนการเตรียมดิน ทำให้
ไม่ต้องเผาใบอ้อยก่อนการเตรียมดิน
|