-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 500 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ประมง





กำลังปรับปรุงครับ


การเลี้ยงปูนาปลอดสารพิษ



จาก เอกสารคำแนะนำการเลี้ยงปูนาปลอดสารพิษ ของสำนักงานเกษตรอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ระบุไว้ว่า ปูนาเป็น ปูน้ำจืดชนิดที่มีกระดองเป็นเปลือกแข็งหุ้มลำตัว กระดองมีลักษณะเป็นรูปไข่ ด้านหน้าโค้งมน กลมมีตา 2 ตา สามารถยกขึ้นลงไปมาในหลุมเบ้าตาได้ มีปาก อยู่ระหว่างตาทั้ง 2 ข้าง เหนือเบ้าตา มีปุ่มเล็ก ๆ ข้างละปุ่ม กระดองตอนหน้าระหว่างขอบตาแคบ และขอบบนมีหนามงอกออกมา กระดองปูนามีสีน้ำตาลดำ หรือน้ำตาลม่วง มีขาเป็นคู่ รวม 5 คู่ คู่แรกเรียกว่าก้ามหนีบ ใช้ในการจับสัตว์ที่มีขนาดเล็กเป็นอาหาร
ก้ามหนีบของตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมีย ก้ามหนีบซ้ายและขวาจะใหญ่ไม่เท่ากัน เพราะมักจะใหญ่สลับข้างกัน สำหรับปูเพศผู้ และเพศเมีย ลำตัวปู ประกอบด้วยโครงสร้าง 3 ส่วน คือ ส่วนหัว (Head) ส่วนนอก (Thorax) และส่วนท้อง (Abdomen) ส่วนท้องลักษณะคล้ายแผ่นกระเบื้องเรียงต่อกันอยู่ 7 แผ่น เรียกว่าจับปิ้ง, จะปิ้ง ตับปิ้ง จับปิ้งของปูเพศผู้มีขนาดเล็ก แต่จับปิ้งของปูเพศเมียมีขนาดกลม กว้างใหญ่ เพื่อใช้ในการเก็บไข่ และลูกไว้ ปลายจับปิ้งจะเป็นช่องเพื่อใช้ในการขับถ่าย


ปูนาดำ และปูลำห้วย จะมีการผสมพันธุ์ในช่วงฤดูฝน เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม การผสมพันธุ์ของปูน้ำจืด ที่พบการเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ เพศเมียจะหงายส่วนท้องขึ้น และเปิดจับปิ้งออก ส่วนเพศผู้จะขึ้นทับข้างบน พร้อมกับเปิดจับปิ้งออก และสอดขาเดินเข้าไปในส่วนท้อง ของเพศเมียเพื่อปล่อยน้ำเชื้อไปเก็บไว้บริเวณถุงเก็บน้ำเชื้อ ที่อยู่ระหว่างจับปิ้ง กับอวัยวะช่วยผสมพันธุ์ ความดกของไข่ประมาณ 700 ฟองต่อตัว


การเลี้ยงปูนา

ส่วนใหญ่จะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ เพราะสะดวกในการดูแลรักษา เก็บผลผลิต และที่สำคัญ คือการป้องกันปูไม่ให้ขุดรูหนีออกจากบ่อได้ บ่อปูจะสร้างโดยการก่อแผนซีเมนต์บล็อกสูง 1 เมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร หรือแล้วแต่ความเหมาะสมของพื้นที่ในบ่อเลี้ยงปูนา จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 จะเป็นที่อยู่อาศัยของปู โดยเอาดินอาจจะเป็นดินร่วนปนเหนียว หรือดินในทุ่งนามาใส่ไว้ข้างใดข้างหนึ่งขอบบ่อสูง 30 ซม. และทำให้เอียงลงในส่วนที่ 2 คือ จะเป็นส่วนของน้ำ โดยส่วนที่ 1 จะทำเลียนแบบธรรมชาติ ตามทุ่งนา คือจะมี กอข้าว และพืชที่ขึ้นตามทุ่งนา

ปูนาจะขุดรูเป็นที่อยู่อาศัย และจะออกหากิน โดยจะกินเศษซากที่เน่าเปื่อย ต้นข้าว หรือลูกปลาขนาดเล็ก จากการเลี้ยงในบ่อซีเมนต์พบว่าปูนาสามารถหัดให้กินอาหารเม็ดปลาดุกได้ หรือใช้เศษข้าวสวย ให้เป็นอาหารบริเวณที่อยู่อาศัยของปู ส่วนที่เป็นดินต้องหมั่นดูแลทำความสะอาด คือเศษอาหารที่ให้ปู ถ้าเหลือทิ้งไว้นาน ๆ จะเกิดเป็นเชื้อรา ต้องเก็บออก ช่วงที่เก็บผลผลิตควรเป็นช่วงฤดูหนาว เพราะช่วงนี้ปูจะขุดรูอยู่ตามท้องนา หาได้ยาก และบางพื้นที่ที่มีการใช้ปุ๋ยเคมี หรือยาปราบศัตรูพืช เยอะ ๆ ปูก็จะตาย หรือไม่ก็มีการสะสมสารพิษใน ตัวปู การนำปูนามาแปรรูปเป็นอาหารก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารพิษ ทำให้ชีวิตไม่ปลอดภัย


ส่วนการเลี้ยงปูนาในบ่อซีเมนต์จะเป็นปูนา ที่ปลอดสารพิษ และสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหาร ได้ ไม่ว่าจะเป็นปูดอง หรือทำเป็นอาหารเพื่อจำหน่าย เป็นรายได้เสริมอีกทาง ไม่ว่าจะทำเป็น ยำปูนา ลาบปูนา ทอดปูกรอบ และอุกะปู เป็นต้น.

 






การเลี้ยงปูนา


 




ปูนา" สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าสนใจอย่างมาก 
  
ปูนาเป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งที่มีกระดองแข็งหุ้มลำตัว กระดองมีลักษณะเป็นรูปไข่ มีสีน้ำตาลดำหรือน้ำตาลม่วง กระดองด้านหน้าจะโค้งมนกลมและกระดองตอนหน้าระหว่างขอบตาแคบและขอบบนมีหนาม งอกออกมา ปูนามีตา 2 ตา สามารถยกขึ้นลงไปมาในหลุมเบ้าตาและเหนือเบ้าตามีปุ่มเล็กๆ ข้างละปุ่ม มีปากอยู่ระหว่างตาทั้ง 2 ข้าง 
  
ปูนามีขาทั้งหมด 5 คู่ โดยขาคู่แรกนั้นมีขนาดใหญ่เรียกว่าก้ามหนีบใช้สำหรับจับสัตว์ที่มีขนาดเล็ก เป็นอาหาร ก้ามของปูตัวผู้จะใหญ่กว่าก้ามของตัวเมีย ก้ามซ้ายและก้ามขวาจะใหญ่ไม่เท่ากันและมักจะใหญ่สลับข้างกัน ตัวปูนั้นประกอบด้วยโครงสร้าง 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง ส่วนท้องมีลักษณะคล้ายแผ่นกระเบื้องเรียงต่อกันอยู่ 7 แผ่น เรียกว่า จับปิ้ง จับปิ้งของปูตัวผู้นั้นมีขนาดเล็กแต่จับปิ้งของปูตัวเมียมีลักษณะกลมและ กว้าง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะใช้สำหรับเก็บไข่และลูกปูไว้ ส่วนปลายของจับปิ้งจะใช้เป็นช่องเพื่อใช้ในการขับถ่าย


แหล่งที่อยู่
   ปูนาชอบขุดรูในทุ่งนา คันนา คันคูหรือคันคลองโดยจะอยู่ใกล้บริเวณแหล่งน้ำและแหล่งอาหารซึ่งใช้เป็น ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ตำแหน่งและลักษณะของรูปูนานั้นจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยส่วนใหญ่บริเวณที่ปูขุดรูนั้นจะอยู่ในบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึง โดยตำแหน่งของรูปูจะเอียงเล็กน้อยและปากรูจะอยู่เหนือน้ำหรือต่ำกว่าน้ำเล็ก น้อยเพื่อความสะดวกในการเข้าออก รูปูจะเอียงทำมุมประมาณ 30-60 องศากับแนวระดับ ส่วนใหญ่แล้วรูปูจะตรงไม่คดเคี้ยว ในบริเวณที่มีความชื้นสูงหรือบริเวณที่น้ำตื้นมากรูปูจะอยู่ไม่ลึกนักและจะ ขนานไปกับพื้นดิน


การผสมพันธุ์          
   การผสมพันธุ์ของปูนาจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน คือ ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม โดยปูตัวเมียจะหงายส่วนท้องขึ้นและเปิดจับปิ้งออกและตัวผู้จะสอดขาเข้าไปใน ส่วนท้องของเพศเมียเพื่อปล่อยน้ำเชื้อไปเก็บไว้บริเวณถุงเก็บน้ำเชื้อที่ อยู่ระหว่างจับปิ้งกับอวัยวะช่วยผสมพันธุ์ การผสมพันธุ์จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงและปูตัวเมียสามารถเก็บน้ำเชื้อตัวผู้ที่มีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 3 ถึง 4 เดือน ปูมีไข่ในท้องประมาณ 700 ฟอง การจับคู่ของปูจะดำเนินต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2-3 วัน และปูตัวผู้จะคงเกาะบนหลังของปูตัวเมียเพื่อให้ความคุ้มครองจนกว่าปูตัวเมีย จะแข็งแรงและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปรกติ เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมเป็น ช่วงฤดูจำศีลของปู ปูจะลงรูเพื่อจำศีลและในช่วงนี้ปูจะไม่กินอาหารและไม่เคลื่อนไหวถ้าไม่จำ เป็นเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด ปูจะขึ้นจากรูออกมาหากินอีกครั้งหนึ่งเมื่อมีอาหารอุดมสมบูรณ์ และจะเริ่มกลับมา


ผสมพันธุ์อีกครั้งในช่วงต้นฤดูฝน
   เนื่องจากในปัจจุบันนี้แหล่งที่อยู่ของปูถูกทำลายลงอีกทั้งยังมีการใช้ยา กำจัดหอยและปูในนาข้าวกันมากส่งผลให้จำนวนปูในธรรมชาติลดลงไปมาก ปูที่มี อยู่ก็อาจมีการปนเปื้อนของสารเคมีซึ่งจะส่งผลร้ายต่อผู้บริโภค ในอดีตมีปูจำนวนมากตามท้องทุ่งนาชาวบ้านจะออกไปจับปูเพื่อนำมาทำเป็นอาหาร ไว้รับประทาน เช่น ทำลาบปู อ่องปู แกงปูนา ปูดอง ปูนึ่ง หรือหากเก็บปูได้จำนวนมากๆ ก็จะนำไปทำน้ำปูเพื่อเก็บไว้รับประทานเป็นแรมปี แต่ในปัจจุบันการจับปูไม่ ได้ง่ายเหมือนในอดีตเพราะว่ามีจำนวนปูในธรรมชาติน้อยลงทุกๆ ปี ในปี พ.ศ. 2549-2550 ราคาปูนาในช่วงฤดูฝนที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่นั้น มีราคาตั้งแต่ 10-15 บาท ต่อกิโลกรัมแต่ในปีนี้ในบางท้องที่ในจังหวัดลำปางนั้นราคาปูนาสูงถึง กิโลกรัมละ 35 บาท ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือปูนาขายได้ในราคาตัวละ 1 บาท จะเห็นได้ว่าในอนาคตราคาของปูนานั้นมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นโดยเฉพาะในฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ปูขาดแคลน ในขณะนั้นปูมีราคาถึงกิโลกรัมละ 50 บาททีเดียว จะเห็นได้ว่าปูนาจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญในอนาคตอย่างแน่นอน ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงได้ทดลองเลี้ยงปูนาในบ่อซีเมนต์ทั้งบ่อกลมและบ่อสี่ เหลี่ยมในท้องที่ตำบลสันโป่ง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้เกษตรกรในท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลมาเป็นเวลาประมาณ 10 เดือน พบว่าปูนานั้นเลี้ยงง่าย กินอาหารง่าย สามารถแพร่พันธุ์ได้ และขั้นตอนในการเลี้ยงไม่ยุ่งยากผู้เลี้ยงไม่ต้องดูแล อะไรมากมายนัก และเกษตรกรผู้เลี้ยงก็มีความสนใจที่จะเลี้ยงอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างรายได้ ให้แก่ครอบครัว


การเตรียมบ่อเลี้ยง
   การเตรี้ยมบ่อเลี้ยงมี2 ประเภท
คือ บ่อกลมและบ่อสี่เหลี่ยมหากผู้ที่สนใจต้องการทดลองเลี้ยงดูก่อนว่าสามารถ เลี้ยงปูนาได้หรือไม่ ก็ควรจะเลี้ยงในบ่อกลมก่อน บ่อกลมที่ว่าก็คือการนำท่อซีเมนต์ (ท่อที่ใช้ทำถังส้วม) มาเทปูนทางด้านล่างใส่ท่อพีวีซีทางด้านข้างด้านใดด้านหนึ่งเพื่อสะดวกต่อการ ถ่ายน้ำ ใส่ดินลงไปและปลูกพืชน้ำ นำปูตัวผู้และปูตัวเมียมาปล่อยลงในบ่อ เลี้ยง บ่อละประมาณ 10-15 ตัว อย่าใส่ปูในบ่อมากนักเพราะปูจะกัดกันเอง ปูตัวไหนที่ขาหลุด ก้ามหลุดให้เก็บออกเพราะว่าจะโดดปูตัวอื่นมารุมทำร้าย ส่วนบ่อสี่เหลี่ยมนั้น อาจใช้บ่อเก่าที่เคยเลี้ยงปลาหรือทำบ่อใหม่โดยการนำอิฐบล็อกมาก่อ กว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร และสูง 1 เมตร หรืออาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ แต่อย่าให้สูงมากเพราะจะไม่สะดวกในการดูและและเก็บผลผลิต ใส่ท่อระบายน้ำไปด้วยเพราะจะทำให้สะดวกในเรื่องของการดูแลทำความสะอาด ในบ่อนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนหนึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยของปูโดยการนำเอาดินร่วนปนเหนียวหรือดินตาม ทุ่งนามาใส่ไว้ให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตรของขอบบ่อและทำให้เอียงลง ส่วนที่สองเป็นส่วนที่เป็นน้ำทำโดยลอกเลียนแบบตามสภาพธรรมชาติของแหล่งที่ อยู่ เช่นมีกอข้าวและพืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง เป็นต้น อย่างไรก็ตามจากการสังเกตการณ์การเลี้ยงปูในบ่อซีเมนต์ นั้นพบว่าปูสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดีแม้ว่าไม่ใส่น้ำลงในบ่อ


การเลี้ยงและการดูแล 
   ปูนาจะขุดรูเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและนิสัยของปูชอบอยู่ในที่เย็นๆ และออกหากินในตอนกลางคืน ปูนาชอบกินเศษซากเน่าเปื่อย กินต้นข้าว กุ้งฝอยและลูกปลาตัวเล็กๆ ผู้เลี้ยงปูสามารถฝึกหัดให้ลูกปูกินอาหารเม็ดโดยใช้อาหารที่ลี้ยงปลาดุก นอกจากนี้ปูนายังสามารถกินผักหรือเศษข้าวสุกเป็นอาหาร สิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ ผู้เลี้ยงปูจะต้องหมั่นดูแลบริเวณที่อยู่ของปูให้สะอาดโดยต้องเก็บเศษอาหาร ที่ปูกินไม่หมดทิ้ง เพราะหากทิ้งอาหารไว้นานๆจะมีเชื้อราเกิดขึ้นทำให้ปูเกิดโรคได้ เนื่องจาก นิสัยของปูชอบอาศัยอยู่ที่เย็นๆ ดังนั้นผู้เลี้ยงอาจนำกระเบื้องมุงหลังคา ท่อพีวีซี มาใส่ไว้ในบ่อเลี้ยงเพื่อเป็นที่ให้ปูใช้หลบแดดและความร้อนในช่วงเวลากลาง วัน หรืออาจประหยัดงบประมาณโดยการใส่ทางมะพร้าวเข้าไปในบ่อแทน แต่ก็มีข้อเสียเพราะว่าทางมะพร้าวจะเน่าเสียเร็วผู้ดูแลต้องหมั่นดูแลโดยการ เปลี่ยนทางมะพร้าวใหม่อยู่เสมอ


การจำหน่ายปูนา

   ช่วงที่เหมาะสมในการจำหน่ายปูนานั้นควรเป็นช่วงฤดูหนาวเพราะเป็นช่วงที่ปูใน ธรรมชาตินั้นหายาก ราคาประมาณกิโลกรัมละ 50 บาท อย่างไรก็ตามราคาปูนาในช่วงฤดูฝน เดือนสิงหาคมถึงกันยายน นั้นมีราคาประมาณ 15 บาทต่อกิโลกรัมและมีแม่ค้ามาซื้อปูถึงที่โดยผู้เลี้ยงไม่ต้องนำปูไปจำหน่าย เอง อย่างไรก็ตามยังมีความต้องการปูนาในท้องตลาดอีกมาก
 


  

 http://www.khonkaset.com/index.php?option=com_content&view=article&id=107:2011-01-16-07-50-31&catid=35:2010-08-18-11-15-59&Itemid=63









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-05 (1296 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©