เป็ดที่ถือว่าเหมาะที่จะนำมาทำเป็ดปักกิ่งนั้นจะเป็นเป็ดเลี้ยงที่มีอายุประมาณ 60-65 วัน ซึ่งในช่วง
นี้เป็ดจะมีน้ำหนักราวๆ 5-7 กิโลกรัม ถือได้ว่าเป็นขนาดที่กำลังเหมาะที่จะนำมาทำเป็นเป็ดปักกิ่ง
สำหรับการเลี้ยงเป็ดของปักกิ่งจะใช้วิธีการเลี้ยงเป็ดแบบที่ให้เป็ดที่มีอายุไม่เกิน 45 วันกินอาหารที่ผู้
เลี้ยงเตรียมไว้ให้เอง ส่วนในช่วง 15-20 วันสุดท้ายก่อนที่จะนำเป็ดมาทำเป็ดปักกิ่ง ผู้เลี้ยงจะทำ
การป้อนอาหารเป็ดด้วยตัวเอง ทั้งนี้เพื่อให้เป็ดขยับตัวน้อยลง จะได้โตได้เร็วขึ้นและเนื้อจะได้ไม่แข็ง
การเลี้ยงเป็ดที่จะนำมาทำเป็นเป็ดปักกิ่งนั้น จะให้อาหารเป็ด 6 ชั่วโมงต่อหนึ่งครั้ง หรือว่าวันหนึ่งก็
ประมาณ 4 มื้อ แล้วก็จะต้องให้อย่างนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่เป็ดจะได้โตเร็วและมีเนื้อเยอะ และมี
เนื้อนุ่มนิ่มลิ้น ไม่เหนียวเหมือนกับเป็ดทั่วไป ส่วนเป็ดโตได้ที่แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นขั้นตอนใน
การเตรียมเป็ดเพื่อที่จะนำไปย่าง
ก่อนอื่นทำการเชือดคอเป็ด รอจนกระทั่งเลือดหยุดไหลแล้ว จึงนำเป็ดลงไปต้มในน้ำเดือดเพื่อให้
ง่ายต่อการดึงเอาขนเป็ดออก มีคนคอยเอาแนบมาดึงขนเป็ดออกทีละเส้น และเมื่อดึงขนเป็ดออก
จนหมดจนแน่ใจว่าไม่มีขนเป็ดเหลือแล้ว จะเอาเครื่องในของเป็ดออกมาจนหมด
แต่เมื่อเอาเครื่องในเป็ดออกหมดแล้วตัวเป็ดก็จะลีบ ไม่พอง เมื่อนำไปย่างเนื้อเป็ดก็จะแห้งไม่น่า
ทาน ด้วยเหตุนี้จึงใส่น้ำเข้าไปในตัวเป็ดแทนเครื่องใน เพื่อให้เวลาย่างเป็ดออกมาเนื้อเป็ดจะได้
ไม่แห้ง
เดิมทีการย่างเป็ดนั้นมีอยู่ด้วยกันสามวิธี คือ
1.วิธีการย่างที่จะคล้ายๆกับการย่างหมูปิ้ง คือจะต้องมีคนคอยมากลับตัวเป็ด ทำให้เสียเวลา เนื้อ
เป็ดที่ได้ก็จะไม่หอมอร่อย ปัจจุบันจึงไม่มีการใช้วิธีนี้ย่างเป็ดแล้ว
วิธีที่ 2. วิธีการย่างเป็ดที่นำเป็ดมาวางเรียงกันเป็นแถวเหมือนกับการตากเสื้อ โดยวิธีการนี้เป็นวิธี
การย่างที่สะดวก และเร็ว
วิธีที่ 3 คือการนำเป็ดเข้าไปย่างในเตาที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ วิธีการนี้ถือเป็นการย่างเป็ดที่ดีที่สุด
เพราะว่าเป็ดที่ได้จะหอมและอร่อย
เมื่อย่างเป็ดเสร็จแล้วก็มาถึงขั้นตอนในการทานเป็ดกัน การทานเป็ดปักกิ่งของชาวจีนเน้นอยู่ 4
อย่าง คือ ฤดูในการทาน การแล่หนังเป็ด เครื่องเคียง และแผ่นแป้งที่นำมาห่อเป็ด
ชาวจีนจะไม่นิยมทานเป็ดปักกิ่งในช่วงหน้าร้อน เพราะเขาถือว่าหน้าร้อนเนื้อเป็ดจะมีไขมันเยอะ
ทานไม่อร่อย ชาวจีนจึงนิยมทานเป็ดปักกิ่งในช่วงฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง เพราะ
เนื้อเป็ดที่ได้ในช่วงนี้เนื้อจะนุ่มอร่อย ไม่เหนียวและมันเหมือนกับเนื้อเป็ดที่ได้ในช่วงหน้าร้อน
ต่อมาเป็นการแล่หนังเป็ด การแล่หนังเป็ดจะต้องแล่ตอนร้อนๆ ยิ่งแล่ตอนที่เป็ดเพิ่งจะลงมาจาก
เตาใหม่ๆ ยิ่งดี เพราะว่าจะแล่ได้ง่าย ได้เนื้อเป็นชิ้นสวยงาม แต่ถ้าเรารอให้เป็ดเย็นแล้วค่อยแล่
จะแล่ยาก แล้วเนื้อเป็ดก็จะยุ่ย แล่ออกมาไม่เป็นชิ้นเหมือนกับที่แล่ตอนร้อนๆ
ที่สำคัญที่สุดสำหรับการแล่เนื้อเป็ดของที่ปักกิ่งก็คือ จะต้องแล่ให้หนังให้ติดเนื้อออกมาด้วยถึงจะ
เป็นการแล่แบบต้นฉบับดั้งเดิม จะไม่เหมือนเมีองไทยที่จะแล่ทานแต่หนังอย่างเดียวแล้วนำเนื้อที่
เหลือไปทำกับข้าวอย่างอื่น โดยที่ปักกิ่งเป็ดหนึ่งตัวจะต้องแล่เป็ดออกมาให้ได้ประมาณ 120 แผ่น
บวกลบได้นิดหน่อย
สำหรับเครื่องเคียงในการทานเป็ดปักกิ่งก็ถือว่ามีความสำคัญมาก โดยหลักๆจะมีอยู่สามอย่างด้วยกัน
คือ ต้นหอมโดยจะใช้ตรงส่วนหัวของต้นหอมที่เป็นสีขาว นำมาซอยให้เป็นเส้นยาวๆ อย่างที่สองก็ คือ
แตงกวา ซึ่งต้องนำมาปลอกเปลือกให้เหลือแต่เนื้อขาวแล้วนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆเช่นเดียวกัน และ
สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ ซีอิ๊วหวานซึ่งจะไม่หวานมากเหมือนกับซีอิ๊วหวานของเมืองไทย
สุดท้ายก็จะเป็นในส่วนของแป้งที่นำมาห่อเป็ด ซึ่งในแต่ละร้านก็จะมีเคล็ดลับที่แตกต่างกันไป ใน
สมัยนี้ก็จะมีการทำแป้งออกมาหลากหลายมาก บางที่ใช้แผ่นแป้งที่ทำมาจากข้าวโพด หรือว่าแครอท
ก็มี แต่ที่สำคัญคือต้องทานตอนที่แป้งยังร้อนๆ ไม่อย่างนั้นแป้งจะเหนียวและเคี้ยวยาก
สำหรับการห่อเป็ดปักกิ่ง ต้องจะใช้แป้งสองแผ่น ใช้ตะเกียบปาดซีอิ๊วหวานมาทาไว้บนแป้ง แล้วก็
ใส่เนื้อเป็ดปักกิ่งลงไปบนแป้ง ตามด้วยต้นหอม และแตงกวา ห่อแป้งให้เรียบร้อย ก็ทานได้เลย
ว่าแล้วก็น้ำลายสอ ^^
ครั้ง 
