-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 618 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สัตว์เลี้ยง





อุราณี ทับทอง uranee@matichon.co.th

ภารกิจสานบุญจากหมาไทย "หลังอานไถ่ชีวิต"

"อานประเสิรฐ สุนัขไทยโบราณ หลังอานทระนง" บทความตอนหนึ่งในคอลัมน์สัตว์เลี้ยง ที่ผู้เขียนเล่าถึงบ้านเล็กๆ ของคนรักสุนัขไทย ที่น้อมรับพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในครอบครัวอันอบอุ่น ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเคยเผยแพร่ในนิตยสารเล่มนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2550

ร่วม 2 ปี ผ่านไป อาจไม่ไวเกินความจริง เพราะหลายคนยังคงมีชีวิตที่ไม่ก้าวไกลจากอดีต หรือยังไม่ทันได้ลงมือตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ แต่ คุณภัทร์ หรือ คุณจินตภัทร์ ไตรสุริยธรรมมา เจ้าของบ้านสุนัขหลังนี้กลับมีเรื่องราวอันน่าประทับใจมากมายมาสู่ผู้เขียน หลังจากเรื่องราวของเขาได้ถูกเผยแพร่ออกไป คุณภัทร์ติดต่อเล่าเหตุการณ์ให้ผู้เขียนฟังเป็นระยะ ถึงผลตอบรับอันน่าชื่นใจ แต่ทุกถ้อยคำที่คุณภัทร์เอ่ย ไม่ใช่ตัวเลขที่มาจากการจำหน่ายลูกสุนัข ไม่ใช่การได้เป็นที่รู้จัก แต่กลับกลายเป็นความปลื้มปีติที่มีกลุ่มคนทั้งในและนอกวงการเกษตรติดต่อมาสอบถาม และให้ความสนใจเรื่อง "สุนัขไทยหลังอาน" กันมาก ไม่เว้นแม้แต่คนไทยในต่างประเทศ หรือแม้แต่นายแพทย์ที่ไม่เคยคิดเลี้ยงสุนัขมาก่อน แต่ยังตัดสินใจขึ้นรถทัวร์จากเพชรบูรณ์มาพบคุณภัทร์ เพื่อพูดคุยเรื่องสุนัขถึงเมืองจันท์

คุณภัทร์ เล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยความปีติ แต่เขาไม่ได้รู้สึกดีที่ลูกสุนัข "ถึงมือหมอ" แต่การเฝ้ามองคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่ยอมเดินทางข้ามคืน เข้ามานอนตากยุงร่วมกับเขา เพราะช่วงนั้นบ้านยังสร้างไม่เรียบร้อยดี พวกเขาคุยกันสารพันเรื่อง แล้วคุณหมอก็นำลูกสุนัขใส่ลังเบียร์ขึ้นรถทัวร์กลับไปพร้อมกัน ...

เป็นวิธีการเดียวกันกับตอนที่คุณภัทร์แอบพาสุนัขไปเลี้ยงที่กรุงเทพฯ เมื่อครั้งอดีต

คุณภัทร์ เล่าถึงคุณยายรักสุนัขอีกท่านหนึ่ง นั่งรถยนต์คันหรูมาหาเขาถึงที่บ้านเช่นกัน แต่คุณยายสุขภาพไม่ดี ต้องนั่งวิลแชร์ และต้องการเพียงแค่ได้เล่นกับสุนัขไทย เจ้าของบ้านจึงพาบรรดาเจ้าหลังอานวัยซนไปหาคุณยายถึงที่รถ เขาเฝ้ามองรอยยิ้มของคุณยายที่แสดงออกถึงความรักสุนัขอย่างเป็นสุข เช่นเดียวกับการมองดูผู้คนอีกมากมายที่เข้ามาเชยชมสุนัขไทยที่คอกอานประเสริฐ

ทุกครั้งที่คุณภัทร์ "นินทา" เขาไม่เคยหลุดปากใช้คำว่า "ลูกค้า" แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะเป็น "เพื่อนใหม่" ที่มีใจรักสุนัขไทยเหมือนกัน หลายคนที่คุณภัทร์ให้สุนัขไปเลี้ยงฟรีๆ ด้วยเห็นความสนใจจริง เขากลายเป็นคนที่มีเพื่อนอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ถ้ามีโอกาสก็แวะเวียนไปมาหาสู่ ไปเจออะไรดีๆ ในที่ที่น้อยคนจะรู้จักก็มาเล่าสู่กันฟังเสมอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยอมรับว่า ผลตอบแทนจากผู้สนใจสุนัขไทยหลังอานก็นับเป็นรายได้อย่างหนึ่ง แต่แทนที่คุณภัทร์จะกลายเป็น "เสี่ยเจ้าของฟาร์มสุนัข" สุดท้ายเขาก็ยังเป็นผู้ชายที่รักครอบครัว และเดินตามรอยพ่อหลวง ทำ "เศรษฐกิจพอเพียง" อยู่เหมือนเดิม มีสวนผักปลอดสารพิษ ขุดบ่อเลี้ยงปลา และปลูกไม้ผลเล็กๆ บนพื้นที่ 7 ไร่ ในตำบลเกียนหัน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ต่างจากหลายปีก่อนก็เพียงผลผลิตที่ชูช่อออกผล และมีลูกชายตัวน้อยมาเป็นเจ้านายของบรรดาเจ้าหลังอานอีกคน

และอีกอย่างที่เปลี่ยนไป คือภารกิจของคุณภัทร์ในวันนี้ ไม่ใช่แค่ "เกษตรกรพอเพียงเลี้ยงสุนัขไทยหลังอาน" เพียงอย่างเดียว แต่เขากลับรวมตัวกับสมาชิกคนรักสุนัขร่วมกัน "ไถ่ชีวิต วัว ควาย และม้าไทย" โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งจากสุนัขในคอกมาเป็นทุนในการขอซื้อสัตว์ทั้ง 3 ชนิด ที่กำลังจะถูกปลิดชีพในโรงฆ่าสัตว์ รวมถึงซื้อต่อจากเกษตรกรที่ไม่ต้องการพวกมันอีกแล้ว

"ผมเริ่มจากวัว 2 ตัว ก่อน เลี้ยงด้วยกันกับม้าในสวนผม เลี้ยงไปตามธรรมชาติ ต่อมาผมก็ไปตามขอซื้อเพิ่มขึ้นจากชาวบ้านที่กำลังจะขายเข้าโรงฆ่าสัตว์ เพราะเขาอยากเปลี่ยนมาเลี้ยงวัวพันธุ์ฝรั่งแทน อัตราการแรกเนื้อดีกว่าวัวไทย ซึ่งผมคิดว่าเป็นความเข้าใจด้านเดียวเท่านั้น จริงๆ แล้ววัวไทยกินหญ้าได้หลายร้อยชนิด ทนทานต่อโรค อายุยืนยาวกว่า คนไทยในสมัยโบราณใช้วัว ควาย ไถนา ปลูกข้าว เลี้ยงผู้คนมายาวนาน แต่วัวฝรั่งทำไม่ได้ และไม่มีวัฒนธรรมนั้นเลย" คุณภัทร์ เปิดใจกับเรื่องที่ลงมือทำ

เขาบอกต่อว่า หมาไทยเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด รุ่นปู่ย่าก็มีแต่หมาไทยเป็นสัตว์เลี้ยง แต่วัว ควาย และม้าไทย ก็นับเป็นสัตว์ที่มีบุญคุณและมีคุณค่ากับคนไทยในอดีตมากมาย สัตว์เหล่านี้เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยบรรพบุรุษออกศึกรบ และขนเสบียงอาหาร ซึ่งมีบันทึกตามประวัติศาสตร์อย่างชัดเจนว่า สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ฝ่าวงล้อมกองทัพทหารพม่าออกมาตามเส้นทางเดินทัพมาตีเมืองจันท์ ท่านได้ยกทัพม้าศึกวัวและควายเทียมเกวียนขนเสบียงอาหารเพื่อการนี้ แต่แล้วปัจจุบันสัตว์เหล่านี้กลับกลายเป็นอาหาร และเป็นสัตว์ที่หลายคนมองข้าม

จากการฉุกคิดและลงมือไถ่ชีวิตด้วยตนเองครั้งนั้น กลายเป็นข่าวแพร่ออกไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ คราวนี้คุณภัทร์ถึงเวลา "งานเข้า" ใครต้องการขายวัว ขายควาย ก็จะโทร.ตามคุณภัทร์ให้ไปดู แต่เขาก็ซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ที่มี ต่อมาจึงได้รับความร่วมมือจากคนรักสุนัขไทยหลังอานด้วยกันหลายท่าน โดยเฉพาะญาติสนิทของเขาเอง และ คุณยุพิน จินดา เพื่อนที่ชอบการทำบุญก็มาร่วมกันไถ่ชีวิตสัตว์จนเกิดเป็นกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง มีทั้งวัว ควาย และม้าไทย รวม 30 กว่าตัว

"ช่วงนั้นชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก ยอมรับว่าเหนื่อยมาก ต้องไปเกี่ยวหญ้าทุกวัน กลายเป็นที่บ้านมีทั้งสุนัข วัว ควาย และม้า แต่ก็มีความสุขครับ แต่ละวัน ผมจะไปรับลูกหลังเลิกโรงเรียนแล้วก็พาลูกไปหาที่เกี่ยวหญ้าด้วยกัน ผมบอกเขาว่าเรากำลังทำสิ่งที่ดีที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน เพราะมันไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน แต่ที่ได้ตอบแทนคืนมาคือความสบายใจและได้ทำบุญทุกวัน จนเมื่อต้นปี"51 ผมได้ร่วมกับพี่ชาย คุณยุพิน และลูกศิษย์หลวงปู่พ่ออ่อนศรี ฐานวโร แห่งวัดถ้ำประทุน จังหวัดชลบุรี ได้จัดพิธีไถ่ชีวิตวัว ควาย และม้าที่ผมดูแลอยู่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินที่ได้รับส่วนหนึ่งนำไปเข้าร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ณ วัดหนองแสง เป็นวัดป่าอยู่บนเขาที่เมืองจันท์"

หลังจากนั้น คุณภัทร์กับสมาชิกก็ยังไถ่ชีวิตสัตว์จากชาวบ้านอยู่เรื่อยมา จนเมื่อต้นปี"52 ได้มอบโครงการให้วัดหนองระหาน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อช่วยทางวัดหาปัจจัยสร้างอุโบสถ ฝังลูกนิมิต มีผู้สนใจทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ได้รับความสนับสนุนจากคนจำนวนมาก หลังเสร็จงาน ทางวัดจึงได้แจกวัวให้กับชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรตามความจริง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ โดยมีกฎว่าจะต้องไม่นำวัวไปขาย ส่วนม้าไทยจำนวนหนึ่งที่ได้รับการไถ่ชีวิตมานั้น คุณภัทร์รักมาก กลายเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านอีกชนิด เขาเฝ้าดูแลลูกม้าเพศผู้ 1 ตัว สีทอง ที่เกิดในคอกเป็นอย่างดี

"ม้าไทย เป็นสัตว์ที่ฉลาด แสนรู้ ทุกๆ วัน ผมจะพาลูกชายวัย 6 เดือน ไปอาบน้ำนอกบ้านกับลูกม้า เพราะลูกม้าจะชอบมาเล่นและกินน้ำในอ่างน้ำที่ลูกชายอาบ เป็นภาพที่น่ารักมากครับ ปัจจุบัน ลูกสาวผมที่เคยลงหนังสือเมื่อสองปีที่แล้วไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ลูกสาวเขียนเรียงความเรื่องครอบครัวของฉัน เขาเขียนว่าภูมิใจที่ได้เป็นลูกเกษตรกรที่พอเพียง ครูและเพื่อนๆ ก็ต่างสนใจกัน เพราะว่าเขาเป็นคนเดียวในห้อง หรือในโรงเรียนก็ว่าได้ ที่พ่อทำอาชีพเกษตรและเลี้ยงสุนัขไทยหลังอาน เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เลี้ยงม้า และใช้ชีวิตแบบพอเพียง" พ่อเล่าถึงลูกด้วยความปลาบปลื้ม

ตอนนี้ลูกม้าสีทองตัวนั้น คุณภัทร์ได้มอบให้กับ "ป้าแอ๊ด" เจ้าของบ้านพระตำหนักนักรบไทยที่อู่ต่อเรือเสม็ดงาม ซึ่งเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชใช้เป็นอู่ต่อเรือ เมื่อครั้งเตรียมยกทัพไปตีพม่า เพื่อกู้เอกราชชาติไทย เมื่อ พ.ศ. 2310 เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่ยังคงมองเห็นซากเรือสำเภาโบราณได้ถึงปัจจุบัน ป้าแอ๊ด บอกว่า สถานที่นี้ไม่เคยมีม้าตัวเป็นๆ มาเหยียบกว่าสองร้อยปีแล้ว ป้าแอ๊ดและครอบครัวจึงช่วยกันดูแลลูกม้าเป็นอย่างดี โดยมีคุณภัทร์ช่วยแนะนำเรื่องอาหาร การเลี้ยงดู และการให้วัคซีนม้า

"เป็นเรื่องไม่คาดฝันว่า หมาไทยจะมีคนสนใจกันมาก และนำผมมาทำอะไรได้หลายอย่าง ที่สำคัญคือ ทำให้ผมได้รู้จักแต่คนดี มีเมตตา ทุกครั้งที่คุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหมา หรือเรื่องวัว เรื่องม้า เราก็จะคุยได้อย่างมีความสุข ทำให้ผมได้เห็นว่ามีคนที่ตั้งใจทำดีอยู่ในสังคมอีกมากมาย อย่างป้าแอ๊ด ได้สร้างพระเจดีย์และกุฏิรับรองพระวัดป่าที่มาธุดงค์อยู่บริเวณริมฝั่งปากแม่น้ำจันทบุรี แล้วยังพาชาวบ้านปลูกป่าชายเลนจำนวนมาก ไปช่วยดูแลไม่ให้ใครมาตัดไม้ เพื่อสร้างระบบนิเวศทางทะเล ป้าแอ๊ดนำรายได้จากการทำสวนมะม่วงอกร่องและทำเสื่อกก ไปซื้ออาหารทะเลแห้งเพื่อนำไปแจกทหารที่อยู่ประจำการตาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และทหารที่เขาพระวิหาร เมื่อมีงานสำคัญป้าแอ๊ดจะส่งข่าวให้ผมรู้ทันทีเพื่อช่วยกัน เขาทำอะไรมากมายกว่าผมอีก"

การรับรู้เรื่องราวของแต่ละชีวิตที่วนเวียนเข้ามา ทำให้คุณภัทร์มีแรงพลังที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าต่อไป โดยเริ่มต้นจากสุนัขไทยตัวเล็กๆ และหวังว่าความดีพร้อมความตั้งใจนี้จะรวมเป็นหนึ่งในพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวง ที่พระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เขาและครอบครัวได้ภูมิใจในอาชีพเกษตรกรรม ในฐานะสื่อกลาง ผู้เขียนจึงขออาศัยตัวอักษรถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ เหล่านี้สู่ผู้อ่าน ด้วยความรู้สึกว่า "สัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่ธุรกิจยังคงมีอยู่จริง" และขอร่วมประสานความตั้งใจให้คนไทยร่วมเห็นคุณค่าของสัตว์เชื้อชาติไทย เนื่องด้วยการไถ่ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป เกษตรกรท่านใดสนใจจะนำไปเลี้ยง ติดต่อได้ที่ พระอธิการชิตจิระ ชินวํโส เจ้าอาวาสวัดหนองระหาน โทร. (086) 148-0042 หรือติดต่อ คุณภัทร์ โดยตรงที่โทร. (085) 277-1392

และหากบทความนี้จะก่อเกิดแรงบันดาลใจให้ใครสักคนลุกขึ้นมาทำความดี หรือพอมีคุณประโยชน์อันใดก็ตาม ผู้เขียนขอถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง และเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย...ขอพระองค์ทรงพระเจริญ



ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-05 (1674 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©