เพาะกล้าเยาวชน บนผินนาอินทรีย์
"ข้าวเอ๋ย ข้าวสุก ต้องกินกันทุกบ้านทุกฐานถิ่น กว่าจะมาเป็นข้าวให้เรากิน ชาวนาสิ้นกำลังเกือบทั้งปี ..."
บทแรกของคำกลอนสอนใจให้ลูกหลานไทยสำนึกบุญคุณของชาวนาไทย ทว่าทุกวันนี้มีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่รู้จัก "ข้าว" แค่ในฐานะอาหารหลักที่ต้องกินกันทุกมื้อ แต่แทบไม่รู้จักหรือเคยเห็นต้นข้าว และหลงลืมอาชีพชาวนา
"ประเทศไทยส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก แต่ชาวนาไทยกลับมีฐานะยากจนกว่าในหลายประเทศ และน่าใจหายมากที่ประเทศไทยมีชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่เด็กไทยรุ่นใหม่แทบไม่รู้จักต้นข้าว ไม่เคยเห็นว่าต้นข้าวมีหน้าตาเป็นอย่างไร" เสียงจาก ณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านเกษตรกรรมยั่งยืน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่บอกกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ และสื่อมวลชน ที่สะท้อนให้เห็นถึงสถานภาพของชาวนาและอนาคตของข้าวไทย
เพื่อให้เด็กไทยรู้จักข้าว รู้จักอาชีพชาวนา และรู้คุณค่าของเกษตรกรรมธรรมชาติ กรีนพีซจึงจัดกิจกรรม "ชวนน้องสนุกกลางทุ่ง คุยฟุ้งเกษตรอินทรีย์" เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่ 8-12 ปี จากเมืองหลวงได้ใช้เวลาในช่วงปิดเทอมสัมผัสวิถีชีวิตชาวนาและเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ร่วมกับเยาวชนในท้องถิ่นรวม 40 ชีวิต ระหว่างวันที่ 23-25 เม.ย. และ 30 เม.ย.-2 พ.ค. ที่ผ่านมา ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ และผืนนาอินทรีย์ ใน ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากกิจกรรมรณรงค์ให้คนไทยรักข้าวไทยและการเปิดตัวศิลปะบนนาข้าวอินทรีย์ที่ จ.ราชบุรี เมื่อปลายปี 2552
ณัฐวิภา บอกว่า เด็กในเมืองปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอาหารมาจากไหน สะท้อนให้เห็นว่าเด็กไทยไม่รู้จักอาชีพเกษตรกรรม บางคนอาจแทบไม่นึกถึงเลยว่า ข้าวที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ผลิตขึ้นมาอย่างไร ขณะที่บางคนอาจคิดว่าการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงในนาข้าวเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่จริงแล้วไม่ควรเป็นเช่นนั้น
"ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการใช้สารเคมีในการเกษตร เป็นสิ่งที่เด็กรุ่นใหม่ควรจะต้องได้รู้ และหากเรายังทำเกษตรแบบเคมีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตเราจะหาอาหารที่ปลอดภัยได้จากที่ไหน ซึ่งการปลูกฝังแนวคิดเกษตรกรรมแบบธรรมชาติที่ไม่พึ่งพิงสารเคมีให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ จะทำให้พวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รู้จักเลือกสรรอาหารที่ปลอดภัย พืชผักปลอดสารเคมี และเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากชุมชนในท้องถิ่น" ณัฐวิภากล่าว
ในทุ่งนาอินทรีย์ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เด็กๆ จะได้เรียนรู้ว่า กว่าข้าวแต่ละเมล็ดจะเติบโต ออกรวง และกลายมาเป็นข้าวสวยที่แสนอร่อยและอุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ต้องผ่านกรรมวิธีการเพาะปลูกอย่างไร โดยเด็กๆ จะได้เรียนรู้งานในไร่นาด้วยการลงมือปฏิบัติจริงตั้งแต่การดำนา การทำปุ๋ยหมัก การกำจัดวัชพืช ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวข้าว ทั้งยังได้เรียนรู้เรื่องข้าวในมิติต่างๆ เรียนรู้การทำเกษตรแบบยั่งยืน และทำความรู้จักกับตลาดสดกลางทุ่งอันเป็นที่มาของอาหารปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
"ที่โรงเรียนเคยสอนเรื่องข้าว สอนการปลูกข้าว การให้ปุ๋ย การทำหุ่นไล่กา ทำให้หนูรู้จักข้าวมาก่อน และรู้ว่ากว่าจะได้ข้าวมาชาวนาต้องลำบากมาก เพราะฉะนั้นเราต้องกินข้าวให้หมดจาน ไม่เหลือทิ้ง" ด.ญ.ณัฏฐณิชา แจ่มประกาศ หรือ ไบเบิล นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนเพลินพัฒนา หนึ่งในเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับกรีนพีซบอกแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไบเบิลบอกด้วยว่า การมาร่วมกิจกรรมนี้ทำให้เธอและเพื่อนๆ รู้จักข้าวมากขึ้นและรู้ว่าสามารถปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ที่ไม่ใช้สารเคมีได้ จะช่วยให้ข้าวอร่อยขึ้น ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญยังช่วยให้ชาวนาลดต้นทุนได้มาก จึงอยากให้ชาวนาไทยหันมาทำนาอินทรีย์กันมากๆ
"เราหวังว่าเยาวชนเหล่านี้ จะมีความเข้าใจวิถีเกษตรอินทรีย์ เข้าใจธรรมชาติและความสำคัญของระบบนิเวศมากยิ่งขึ้น และตระหนักถึงอาหารปลอดภัย รู้ว่าอาหารมาจากท้องทุ่ง ไม่ใช่ซูเปอร์มาร์เกต และหวังให้เกิดการต่อยอดจากการที่เด็กๆ นำประสบการณ์ไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง ทำให้เกิดการถ่ายทอดและกระจายความรู้ด้านการเกษตรแบบยั่งยืน ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้สังคมวงกว้างได้ตระหนักถึงทางเลือกที่ดีกว่าในการทำเกษตรกรรม และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและผลักดันภาคเกษตรกรรมไปสู่วิถีที่ยั่งยืนได้" ณัฐวิภา กล่าว
|
ที่มา : ผู้จัดการ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.