-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 448 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

อะโวคาโด




หน้า: 2/2




ความเป็นมาของอโวคาโด้ อโวคาโด (Avocado)


เป็นผลไม้พื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้ รู้จักกันมากว่า 2,000 ปี เนื้ออโวคาโด้มีลักษณะเป็นครีมคล้ายเนย เปลือกภายนอก สีเขียวเข้ม ตะปุ่มตะป่ำ



คุณค่าทางโภชนาการของอโวคาโด้

อโวคาโด้เป็นผลไม้ที่คุณค่าทางโภชนาการสูงมาก  ในเนื้ออโวคาโด้ 100 กรัม ให้แคลอรี่ถึง 189  แคลอรี่  และในเนื้ออโวคาโด้ 1 ขีด จะได้ไขมัน 19.3 กรัม  แต่ไม่ต้องวิตก เพราะไขมันในอโวคาโด้ เป็นไขมันพืชชนิดไม่อิ่มตัว รับประทานแล้วไม่อ้วนไม่เพิ่มคอเลสเตอรอล  เนื้ออโวคาโด้ไม่มีคอเลสเตอรอล  แต่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ทำให้รับประทานอโวคาโด้แล้วมีแรงเพิ่มมากขึ้น  นอกจากนั้น การรับประทานอโวคาโด้ยังช่วยให้หัวใจแข็งแรงด้วย เพราะอโวคาโด้  ช่วยให้ขันมันในหลอดเลือดลดลง  ผลการวิจัยของสถาบัน เวสต์ลีย์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ในออสเตรเลีย ระบุว่า การรับประทานอโวคาโด้ วันละ ครึ่งผลถึงผลครึ่ง  ทำให้ลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดได้มากกว่าการรับประทานอาหารไขมันต่ำและจำกัดอาหารมันๆ อย่างเข้มงวดเสียอีก สำหรับคุณสาวๆ ที่ต้องการให้ผิวพรรณสวยงามอยู่เสมอ ผิวหน้าเต่งตึง ไร้รอยเหี่ยวย่น ไร้รอยตีนกา อโวคาโด้ก็ช่วยได้มาก เพราะในอโวคาโด้มีวิตามิน E ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ และมีแอนตี้ออกซิเดนท์ที่ทำให้เส้นเลือดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทำให้หัวใจแข็งแรง  วิตามินที่มีมากในอโวคาโด้ คือ  วิตามิน B1  B2  B6  และยังมีไนอาซีน  กรดโฟลิค  โพแทสเซี่ยม  ฟอสฟอรัส  อย่างอุดมสมบูรณ์อีกด้วย


อโวคาโด (Avocado)  เป็นไม้ผลที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากโดยอุดมไปด้วยไขมันที่เป็นประโยชน์โปรตีนที่ย่อยง่าย มีแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิดและมีวิตามินอีสูงแต่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานสามารถทานได้จีงเป็นที่นิยมบริโภคกันทั่วไปในต่างประเทศโดยใช้ในการประกอบอาหารในชีวิตประจำวัน เช่น รับประทาน เปล่าๆ หรือทานกับไอศครีม น้ำตาล นมข้น หรือใส่ในสลัด และนอกจากนี้ยังใช้แปรรูปสกัดเอาน้ำมันเพื่อใช้ในการ ทำเครื่องสำอางต่างๆปัจจุบันอโวคาโดค่อนข้างจะได้รับความสนใจในการขยายการปลูกมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก มีแนวโน้มทางการตลาดที่ดี และเป็นพืชที่ปลูกง่าย ประกอบกับได้มีการพัฒนาในเรื่องพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน ดังเห็นได้จากมีหลายพื้นที่ได้เริ่มส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาปลูกจนเป็นอาชีพที่สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกรบนพื้นที่สูง ที่ผ่านมาผลผลิตส่วนใหญ่คุณภาพต่ำเนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ไดจากการเพาะเมล็ดดังนั้นภาวะราคาไม่สูงนักจึงจำเป็นต้องทำการพัฒนาด้านคุณภาพผลผลิตและการตลาดให้ได้มาตรฐานมากขึ้นเพื่อส่งเสริมให้อโวคาโดเป็นพืชเศรษฐกิจ

พันธุ์ส่งเสริม พันธุ์รูเฮิล บัคคาเนีย บูท๗, ๘ เฟอร์เออเต้ แฮส



สภาพแวดล้อม อโวคาโด (Avocado)

ดินที่เหมาะสมต้องมีการระบายน้ำดีดินอุดมสมบูรณ์และหน้าดินลึกอโวคาโดไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วม ถ้าดินมีความชื้นสูงเกินความต้องการจะทำให้เกิดโรครากเน่าได้ง่าย อุณหภูมิในประเทศไทยไม่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการปลูกอโวคาโดที่สามารถปลูกได้แทบทุกสภาพภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝนควรได้รับน้ำอย่างน้อยปีละ ๗๕๐-๑,๐๐๐ มิลลิเมตร ถ้าขาดน้ำฝนควรมีการให้น้ำอย่างน้อย ๗-๑๐ วันต่อครั้ง โดยเฉพาะช่วงดอกบาน และติดผลเป็นช่วงที่ต้องการน้ำ ต้นอโวคาโด เป็นไม้เนื้ออ่อนกิ่งเปราะควรมีแนวป้องกันลม เพื่อป้องกันการหักของต้นอโวคาโด ควรมีการตัดแต่งกิ่งให้พุ่มโปร่ง จะช่วงป้องกันได้พอสมควร




การปลูกและการดูแลรักษา อโวคาโด (Avocado)

ระยะปลูก อโวคาโด (Avocado)
ระยะปลูกที่เหมาะสมสำหรับอโวคาโด นั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ และความอุดมสมบูรณ์ของดินบางพันธุ์จะมีรูปทรงด้านแผ่กว้าง บางพันธุ์มีรูปทรงด้านสูงโปร่ง การกำหนดระยะการปลูกควรอยู่ระหว่าง ๘-๑๒ เมตร


การเตรียมพื้นที่ปลูก อโวคาโด (Avocado)
การะตรียมพื้นที่ปลูกควรจะเตรียมไว้ล่วงหน้า โดยการขุดหลุมปลูกขนาด ๘๐x๘๐x๘๐ เซนติเมตรผสมปุ๋ยคอก ๑-๒ กิโลกรัม คลุกเคล้ากับดิน เตรียมไม้ปักเพื่อยึดต้นกันโยก เตรียมหญ้าแห้งหรือฟางแห้ง เพื่อคลุมโคนต้น


ฤดูปลูก อโวคาโด (Avocado)

ปลูกได้ทุกฤดูหากว่ามีน้ำเพียงพอ สำหรับบนที่สูงนั้นจะปลูกประมาณ เดือนกรกฎาคม เพราะเริ่มมีฝนตก ระวังอย่าให้น้ำขังต้นอโวคาโด


การปลูก อโวคาโด (Avocado)

การปลูกนำต้นพันธุ์อโวคาโดที่ได้ขนาดลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ ควรให้รอยต่อของกิ่งพันธุ์ดีอยู่เหนือระดับดิน กลบดินรอบโคนต้น รดน้ำให้ชุ่ม นำหลักมาปักและมัดยึดกันลมโยกและคลุมโคนต้นด้วยเศษหญ้าหรือฟางแห้ง แล้วทำร่มเงาเพื่อช่วยพรางแสงแดด


การให้ปุ๋ย อโวคาโด (Avocado)

-ใส่ครั้งแรก หลังปลูก ๑ เดือน โดยใช้ปุ๋ย ๑๕-๑๕-๑๕ ผสมกับ ๔๖-๐-๐ อัตรา ๑ ต่อ ๑ ใส่ต้นละ ๒๐๐ กรัม ทุก ๓ เดือน
-ใส่ครั้งที่ ๒ (ปีที่ ๒) ใช้ปุ๋ยสูตรดังกล่าวข้างต้น อัตรา ๓๐๐ กรัม ใส่ ๔ ครั้ง ต่อปี
-ปีที่ ๓ ใช้ปุ๋ยสูตรดังกล่าว เพิ่มเป็น ๔๐๐ กรัม ใส่ ๒ ครั้ง ในช่วงต้นฤดูฝน และกลางฤดูฝนพอถึงปลายฝนจะเปลี่ยนเป็นปุ๋ยสูตร ๘-๒๔-๒๔ ในดินร่วนปนทราย ดินทรายส่วนดินเหนียว สูตร ๑๒-๒๔-๑๒ อัตราส่วน ๕๐๐ กรัม ต่อต้น ในปีที่ ๓ อโวคาโดจะเริ่มให้ผลผลิต ถ้าติดผลมากอาจใช้ปุ๋ยยูเรีย ผสมปุ๋ยสูตรเสมออัตรา ๑ ต่อ ๑ ใส่ต้นละ ๕๐๐ กรัม


การให้น้ำ อโวคาโด (Avocado)

เมื่อปลูกใหม่ ควรให้น้ำเพื่อการเจริญเติบโต ของต้นอโวคาโด เมื่อต้นอโวคาโดถึงระยะออกดอกควรงดการให้น้ำ จนกว่าจะเกิดตาดอกและช่อดอกและช่อดอกเจริญจึงเริ่มให้น้ำใหม่


การตัดแต่งกิ่ง อโวคาโด (Avocado)

อโวคาโดไม่มีระบบตัดแต่งกิ่งที่แน่นอน การตัดแต่งกิ่งอาจจะทำบ้างเล็กน้อย เช่น กิ่งแห้ง กิ่งเป็นโรคแมลง กิ่งหักเสียหาย การตัดแต่งเพื่อเปลี่ยนแปลงทรงต้น เช่น พันธุ์ที่มีลำต้นสูง อาจจะตัดยอด เพื่อให้แตกกิ่งออกแผ่ทางด้านข้าง เป็นต้น




http://e-learning.konmun.com/Fruit/Avocado-id61.aspx







บ้านแม่ขนิลเหนือ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งปลูกอะโวกาโดคุณภาพดีที่สุด อะ โวกาโด เป็นไม้ผลที

บ้านแม่ขนิลเหนือ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งปลูกอะโวกาโดคุณภาพดีที่สุด

อะโวกาโด เป็นไม้ผลที่มีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ แต่ในประเทศไทยไม่เป็นที่นิยมบริโภคมากนักเนื่องจากประเทศไทยนั้นมีผลไม้ อยู่หลากหลายชนิด จึงมีทางเลือกการบริโภคผลไม้ ทั้งนี้คนไทยนิยมบริโภคผลไม้ที่มีรสหวาน กลิ่นหอมนุ่มนวล ซึ่งรสชาติเมื่อนำมาวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารและเปรียบเทียบกับผลไม้อื่นพบ ว่า อะโวคาโดมีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น จึงถือว่าเป็น "อาหารเพื่อสุขภาพ" เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทำให้คนไทยหันมารับประทานกันมากขึ้น ส่วนพื้นที่ปลูกอะโวกาโดต้องปลูกให้สูงกว่าระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 600 เมตรขึ้นไป ซึ่งบ้านแม่ขนิลเหนือ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลที่เหมาะสมในการปลูกอะโวกาโดที่มี คุณภาพและได้ผลผลิตเป็นจำนวนมากที่สุด

คุณพนิต เจริญบูรณ์ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า "อะโวกาโดเข้ามาปลูกในเชียงใหม่นานกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นผลไม้ที่เป็นที่รู้จักกันดีแล้ว สำหรับพื้นที่ปลูกที่เหมาะสมเป็นพื้นที่สูงที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรได้ปลูก เพื่อเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะเชียงใหม่ มีพื้นที่ปลูกหลายแห่ง แต่ที่ตำบลแม่ขนิลเหนือ มีพื้นที่ปลูกอะโวกาโดมากที่สุด และปลูกมานานแล้ว ซึ่งการปลูกอะโวกาโดเป็นแนวทางการนำพืชมาปลูกเพื่อทดแทนพื้นที่ปลูกพืชที่ ได้ราคาต่ำ โดยในอนาคตมีแนวโน้มขยายพื้นที่การปลูกอะโวกาโดให้มากขึ้น เพื่อทดแทนพืชเศรษฐกิจตัวอื่นที่ราคาตกต่ำ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น"

คุณพิเชษฐ์ ภาโสพระ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมไม้ผล โครงการหลวงทุ่งเริง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า "โครงการหลวงทุ่งเริง ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรได้ปลูกพืชผัก ผลไม้ หลายชนิด และอะโวกาโดเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ทางโครงการหลวงได้ส่งเสริมให้เกษตรกร ปลูกอะโวกาโด พันธุ์ที่ปลูกมีพันธุ์ Hass พันธุ์ปักคาเนีย พันธุ์ปิโดสัน ซึ่งอะโวกาโดเป็นผลไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีความสูงจากน้ำทะเลถึง 650 เมตร ทำให้ผลผลิตอะโวกาโดที่ได้มีคุณภาพ เนื้อมัน ไม่มีเส้นใย รสชาติดี เพราะเหตุนี้จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการปลูกอะโวกาโด โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวน 71 คน มีจำนวนทั้งหมดประมาณ 135 ไร่ ผลผลิตที่ได้ในปี 2552 จำนวน 45 ตัน และในปี 2553 คาดว่ามีผลผลิตถึง 50 ตัน"

คุณเมือง ไชยลวน ผู้ใหญ่บ้านแม่ขนิลเหนือ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า "ตนเองได้เริ่มปลูกอะโวกาโดมานานแล้ว โดยปลูกพืชผัก มาปลูกอะโวกาโดในแปลงพืชผักอินทรีย์ ในพื้นที่ 2 ไร่ จำนวน 50 ต้น แต่พอต้นอะโวกาโดโต จึงได้ย้ายพืชผักอินทรีย์ไปปลูกแปลงใหม่ ส่วนพันธุ์ที่ปลูกมี พันธุ์ Hass พันธุ์ปิโดสัน และปักคาเนีย การดูแลอะโวกาโดไม่ยุ่งยาก อะโวกาโดจะให้ผลผลิตในเดือนมิถุนายนถึงเดือนพฤศจิกายน การเก็บผลผลิตอะโวกาโด เลือกเก็บลูกที่ผลสุกก่อน จึงทำให้ผลผลิตจำหน่ายสู่ท้องตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดของโครงการหลวงรับซื้อผลผลิตอะโวกาโดเกือบทั้งหมด มีบางส่วนเท่านั้นที่พ่อค้าทั่วไปเข้ามารับซื้อซึ่งมีจำนวนไม่มาก ราคาประมาณกิโลกรัมละ 20-25 บาท โดยผลผลิตที่ได้ต่อต้นต่อปี ประมาณ 300-500 กิโลกรัม"

ผู้สนใจเกี่ยวกับอะโวกาโดสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ คุณพิเชษฐ์ ภาโสพระ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมไม้ผลโครงการหลวงทุ่งเริง ตำบลบ้างปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โทร. (089) 261-4532


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=hoonvi&date=14-10-2010&group=8&gblog=119







หน้าก่อน หน้าก่อน (1/2)


สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-07-16 (82376 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©