-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 499 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

เกษตรดีเด่น12





วิเชียร พวงลำเจียก คนแห่งปีเพื่อชาวนาไทย


โดย....ทีมข่าวภูมิภาค


ทุกครั้งที่มีประเด็นเกี่ยวกับชาวนา ที่ดินเพื่อการเกษตร และราคาข้าว ชื่อของ วิเชียร พวงลำเจียก จะปรากฏขึ้นเสมอ มิใช่เพียงบทบาทการเป็นอุปนายกสมาคมชาวนาไทยเท่านั้น แต่การสะท้อน ข้อเท็จจริงของปัญหา ตลอดจนการวิพากษ์การทำหน้าที่ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งทำให้ความคิด ความเห็นของเขาน่าสนใจและควรรับฟังไม่น้อย
ไม่เพียงแต่การทำหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อนำไปสู่การหาทางออกที่ตรงจุดเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ปรากฏความไม่ชอบมาพากลที่อาจส่งผลกระทบต่อชาวนา เขาก็จะเปิดเผยความไม่ชอ?มาพากลให้สังคมได้รับรู้


"ผมทำนามาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ก่อนไปโรงเรียนต้องจูงควายไปนา กลับจากโรงเรียนก็ต้องช่วยแม่ตำข้าว ร่อนข้าว ต้องทำทุกวัน จบป.4 ออกจากโรงเรียน ก็ทำนา มีชีวิตกับการเป็นชาวนามาตลอด ตลอดชีวิตผมไม่เคยเห็นใครจริงใจที่จะช่วยชาวนา เราจึงต้องเป็นปากเสียง ต้องสู้เพื่อตัวเราเอง ให้ ลูกหลานได้หวนคำนึงถึงชีวิตชาวนา ฉะนั้น เราต้องอนุรักษ์อาชีพทำนา ซึ่งเราเคยทำเลี้ยงคนทั้งประเทศ และเลี้ยงคนทั้งโลกเอาไว้"


นี่คือปณิธานชาวนา ที่ลุงวิเชียร ในวัย 73 ปี ชาวนา ต.โคกช้าง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา อธิบายถึงความตั้งใจในการทำหน้าที่เป็นปากเสียง เพื่อปกป้องสิทธิของ พี่น้องร่วมอาชีพ ชาวนาไทยทั้งประเทศ ใช่เพียงการวิพากษ์นโยบายรับจำนำข้าวและการประกันราคาผลผลิต ตลอดจนการเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลการซื้อขายที่นา ที่ได้ยินอยู่เสมอจากชายคนนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ ผ่านมา แต่การทำหน้าที่เป็นตัวแทนปากเสียง ชาวนาไทยของเขาทำมานับ 10 ปี

จุดเริ่มต้นในการทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของลุงวิเชียร เริ่มขึ้นในปี 2519 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรระดับตำบล ซึ่งตั้งขึ้นตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 140 และ 141 พ.ศ. 2519 เพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกร และจากการทำหน้าที่อย่างขันแข็งจริงจัง ก็ค่อยๆ ขยับบทบาทจากการเป็นคณะกรรมการระดับตำบลมาเป็นระดับจังหวัด กระทั่งปัจจุบัน คณะกรรมการชุดนี้ก็ยังคงอยู่ และบทบาทของลุงวิเชียรขยับขึ้นมาเป็นกรรมการระดับภาค


ในปี 2543 เมื่อมีการก่อตั้งสมาคม ชาวนาไทย ด้วยฝีปากกล้า ตรงไปตรงมา ลุงวิเชียรได้รับเลือกตั้งให้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสมาคม และดำรงตำแหน่งเหรัญญิกสมาคมในปี 2547 จากนั้นก็ดำรงตำแหน่งอุปนายกสมาคมมาโดยตลอด


การทำหน้าที่กรรมการสมาคมชาวนาไทยในช่วงปี 2547-2549 ทำให้มีโอกาสได้พูดคุยหารือกับหน่วยงานรัฐ ตลอดจนนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร จนได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เปิดโอกาสให้ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในด้านนโยบายการผลิตและการตลาดข้าว กระทั่งเลิกไปหลังการรัฐประหารในปี 2549


ใช่เพียงการทำหน้าที่เพื่อชาวนาไทย เท่านั้น ลุงวิเชียรยังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.โคกช้าง ตั้งแต่ปี 2526 กระทั่งเกษียณอายุเมื่อปี 2540


ประสบการณ์ชีวิตชาวนากว่า 60 ปี ลุงวิเชียรมองว่า อนาคตชาวนาไทยจะเผชิญปัญหาหนักหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาการนำเข้าเสรีสินค้าเกษตร ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตา จะส่งผลกระทบต่อข้าวไทย

ขณะเดียวกันชาวนาไทยกว่า 60% ซึ่งไม่มีที่ดินทำกินของตัวเอง ต้องเช่าที่ทำนา กำลังจะเผชิญปัญหาใหญ่ คือเจ้าของที่นาจะเอาที่ดินคืน เพื่อให้บริษัทใหญ่ทำนาคราวนี้ ชาวนารายย่อย รายเล็กจะทำอย่างไร ถือเป็นปัญหาหนักในอีก 4-5 ปีข้างหน้า


เขาเห็นว่าการเผชิญกับความท้าทายที่ว่านี้ จำเป็นจะต้องดำเนินการ 2 เรื่องควบคู่กันไปนั่นคือ การสร้างกลไกให้ชาวนาไทยได้มีส่วนร่วม ในการกำหนดนโยบายด้านการผลิตและการตลาดข้าวทั้งระบบ เพราะการทำหน้าที่ของกขช.ในปัจจุบันไม่ทันการณ์


"ประชุมกันเฉพาะระดับบน ระดับชาติ กว่าที่ชาวนาแต่ละจังหวัดแต่ละตำบลจะรู้เรื่องว่าทิศทางจะไปอย่างไร จะต้องปรับตัว อย่างไรบ้าง มันไม่ทันการณ์ จึงต้องให้มี ตัวแทนชาวนาทุกจังหวัดเข้าไปมีส่วนร่วม"


อีกประเด็นหนึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งทำ คือการตั้งกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร กองทุนที่จัดตั้งขึ้นนี้จะมาจากการร่วมกันของทุกฝ่ายทั้งชาวนา กลุ่มโรงสี กลุ่มผู้ส่งออกข้าว ตลอดจนรัฐบาล เพื่อดำเนินการด้านสวัสดิการให้กับชาวนา อาทิ การให้เบี้ยยังชีพแก่ชาวนาที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ตลอดจนค่ารักษาพยาบาล และค่าปลงศพ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ชาวนา


"จะยังมีใครทำนาอีก ชาวนานับวันก็แก่ตายไป เด็กๆ มันเข้าโรงงานกันหมด นายทุนก็บอกเลิกสัญญาเช่าที่ดิน แล้ววันหน้าจะยังมีชาวนาอีกไหม"


แม้น้ำเสียงจะแฝงความวิตก แต่ลุงวิเชียรก็ไม่ท้อถอยที่จะต่อสู้เพื่อชาวนา และรักษาอาชีพทำนาให้อยู่คู่กับประเทศไทย ต่อไป!!!



ที่มา  :  บางกอกโพสต์









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1337 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©