"เมี่ยงคำเปลว" คำเดียวติดใจกิจการใหม่ "สมศรี ผิวอ่อน"
ด้วยเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารว่างพื้นเมือง "เมี่ยงคำ" ทำให้ สมศรี ผิวอ่อน ผู้จัดการบริษัท เอสชาญ จิวเวลรี่ จำกัด และประธานชมรมพัฒนาสืบสานเครื่องเงินไทยบ้านวัวลาย ย่านถนนวัวลาย ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของ จ.เชียงใหม่ ต้องผันตัวเองมาเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเมี่ยงคำเอง ภายใต้สโลแกน "เมี่ยงคำเปลว คำเดียวติดใจ" ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าอย่างรวดเร็ว
ส่วนสาเหตุที่สมศรีหันมาทำเมี่ยงคำเอง เพราะไปซื้อจากเจ้าอื่นแล้วหลายรสชาติไม่ถูกปาก จึงต้องลงมือทำเมี่ยงคำกินเองโดยเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ตั้งแต่ใบชะพลู น้ำจิ้มที่มีปลาป่น กะปิ กุ้ง เป็นส่วนประกอบก็คัดสรรของที่มีคุณภาพแล้วน้ำมาโขลกเอง คั่วเองกับมือ เคี่ยวน้ำจิ้มและปรุงรสชาติให้กลมกล่อมถูกปากก่อนบรรจุลงในกระปุก นำมาใส่ในแพ็จเกจรวมกับใบชะพลูที่เลือกใบสดอ่อน ล้างอย่างดีทุกใบเพื่อความสะอาด
หลังลองผิดลองถูกกับสูตรน้ำจิ้มเมี่ยงคำจนลงตัวถูกใจแล้ว สมศรีอาศัยช่วงเทศกาลปีใหม่ปลายปี 2552 ที่ผ่านมา ทำเป็นของขวัญแจกญาติมิตร เพื่อนฝูงรับประทาน เป็นของขวัญที่ทำจากใจ เพราะวัตถุดิบทุกอย่างคัดสรรแต่ที่มีคุณภาพ ทั้งกุ้ง กะปิ ปลาป่น พริก และมะนาว ที่ให้ทั้งลูกแบบไม่หวง เพราะอยากให้คนรับประทานได้ลิ้มรสชาติของเมี่ยงคำแสนอร่อยอย่างเต็มอิ่ม
"เมี่ยงคำที่ทำสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานเป็นเดือน เพราะของทุกอย่างมีคุณภาพและสดใหม่ เพื่อนฝูงที่รับประทานต่างติดใจและเรียกร้องให้ทำอีก บางคนก็สั่งออเดอร์มา จึงเริ่มทำขายเป็นเรื่องเป็นราวแต่ยังไม่ทำเป็นธุรกิจใหญ่โต ยังทำแบบเล็กๆ ในครอบครัวตามออเดอร์ที่มีเข้ามา เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ใช่เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ผลิตได้ครั้งละมากๆ แม้เมี่ยงคำจะเป็นอาหารว่างรับประทานเล่น แต่กรรมวิธีการทำไม่ง่ายอย่างที่คิดต้องพิถีพิถันทุกขั้นตอน โดยเฉพาะน้ำจิ้มต้องควบคุมการผลิตด้วยตัวเองเพื่อคุณภาพและรสชาติที่กลมกล่อม" สมศรี กล่าว
สมศรี บอกอีกว่าทุกๆ 3 วันต้องลงมือทำน้ำจิ้มไว้ในหม้อ เพราะต้องลงมือเคี่ยวให้ส่วนผสมเข้ากันก่อนจะบรรจุใส่ในกระปุก สามารถทำน้ำจิ้มได้วันละ 250 กระปุก ส่วนผลิตเมี่ยงคำบรรจุในแพ็กเกจได้วันละ 100 ชุด ส่งขายทั้งปลีกและส่ง ชุดละ 120 บาท นอกจากวางขายตามร้านค้าทั่วไป ยังขายให้ลูกค้าที่ติดอกติกใจในรสชาติของเมี่ยงคำเปลวและบอกต่อกันแบบปากต่อปาก จนโทรมาสั่งหรือตามมาซื้อถึงร้านด้วยตัวเอง
"เราทำได้ไม่นาน ธุรกิจตัวนี้มีแนวโน้มไปได้ดี เพราะกระแสตอบรับของลูกค้าเป็นอย่างดี ตรงนี้ฉันจึงต้องเริ่มวางเป้าหมายพัฒนากระบวนการผลิต โดยเตรียมยื่นขอ อย.จากองค์การอาหารและยา เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและการันตีคุณภาพของเมี่ยงคำเปลว รวมทั้งจัดทำมุมในร้านจำหน่ายจิวเวลรี่ย่านถนนวัวลาย ให้เป็นพื้นที่สำหรับวางขายเมี่ยงคำ พร้อมกับน้ำสมุนไพรและน้ำผลไม้ เป็นมุมอาหารว่างรับประทานทานเล่นพร้อมเครื่องดื่มสำหรับลูกค้าที่แวะเวียนมา" สมศรี กล่าวแผนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สมศรี บอกว่า การทำเมี่ยงคำนั้น ลงทุนไปแล้ว เมื่อหักต้นทุนค่าวัตถุดิบแล้วจะได้กำไรเฉลี่ย 30% ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่ดีสำหรับอาชีพเสริมที่เกิดจากความชอบส่วนตัว ในอนาคตจึงวางแผนจะขยายกำลังการผลิตโดยเพิ่มกำลังคนและเครื่องจักร เพื่อผลิตเมี่ยงคำเปลวออกมาวางขายในตลาดแบบเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป
จันจิรา จารุศุภวัฒน์
ที่มา : คม ชัด ลึก
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.