ผู้ส่ง |
ข้อความ |
mongkol |
ตอบ: 08/10/2010 11:08 am ชื่อกระทู้: |
|
สำปะหลังไร่ละ 30 ตัน
...... ถ้าอ่านในลิงค์ทีเชื่อมต่อจะพบว่า มีสิ่งผิดปกติและยังมีผู้โต้แย้ง เช่น โดยนำบทความของ ดร.โอภาส ทีเป็นนักวิชาการตัวจริง ที่ระยอง ....... อย่างไรก็อ่าน ข้อมูลให้ครบก่อน
ผมเห็นอย่างหนึ่งที่ผิดปกติ คือ การใช้ "ไรโซเบียม" กับมันสำปะหลัง นี่มันเพ้อฝันปนมั่ว ในความเขลาแล้วอวดรู้
ไรโซเบียม.เลือกอาศัยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว ไม่ได้อาศัยมั่วๆ ๆๆ ทุกพืช อ่านอะไรควรวิเคราะห์โดยละเอียด
อย่าเชื่ิอง่ายๆๆ ถ้าสังเกตุดูในความเห็นที 10 เขาเอาบทความโดยละเอียดมาลง มีเหตุผลครบ แต่คนพาลไปว่าเขาที่แสดงตัวเป็นเกษตรกรเช่นกัน จนท้ายมีการโจมตีกระดานจนล่ม
ผมมีความเห็นโดยส่วนตัว พื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และอ้อยจะทับซ้อน และแย่งกันดังนั้น การชักจูงให้เกษตรกรเลือกปลูกอะไร ย่อมเป็นรายได้ของอุตสาหกรรมนั้น จึงมีอัตราผลตอบแทนต่อไร่สูงๆๆ มายั่วน้ำลายกันเสมอ
สงสัยอะไรโทรมาคุยได้ (089)144-1112 หรือฝากเบอร์ให้โทรกลับก็ได้ |
|
|
Soup |
ตอบ: 04/10/2010 4:24 pm ชื่อกระทู้: |
|
มาตามคาถาเรียกพรายของลุงคิม
คำพูด: |
งานเข้า.....
ลองๆ จินตนาการซิ....
1. ถ้าประเทศไทยมีดินเป็นทรายชายหาด เหมือนอิสราเอลที่ดินเป็นทรายทั้งประเทศน่ะ..... คนไทยจะการเกษตรได้อย่างไร ?
2. จากรูปแบบการทำสำปะหลังที่ทำๆกันอยู่นี้ หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง ณ พื้นที่นั้นๆ" .... จะดีขึ้นไหม ?
3. คิดในแง่ของเศรษฐศาสตร์การลงทุน ถ้า "เพิ่มทุนจากเดิม 25%" แล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 500% หรือ จาก 3 ตัน เพิ่มเป็น 15 ตัน....จะคุ้มกันไหม ?
4. ลดพื้นที่สำปะหลัง แล้วบำรุงสำปะหลังแบบ "ประณีต" ให้ได้สำปะหลังเท่ากับเต็มพื้นที่เดิม จากนั้นเอาพื้นที่ๆเหลือปลูกอย่างอื่น แบบนี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ไหม หรือใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม ?
5. ปลูกสำปะหลัง ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว เปรียบเทียบกับอย่างอื่นที่ ทำงานทั้งปีได้ขาย 3-4 รอบ อย่างไหนกดีกว่ากัน ?
6. ผลผลิตทางการเกษตรอะไรบ้างที่ ราคาต่อ กก.แพงๆ คนนิยม แล้วทำแบบ "ทำน้อยได้มาก" จะได้ไหม ?
7. ปลูกสำปะหลัง ตลอดอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด ลงแปลงจริงๆ กี่วัน กับปลูกอย่างอื่นที่ต้องลงแปลงทุกวัน เช้าถึงค่ำ ...... เมื่อลงแปลงสำปะหลังเพียงไม่กี่วันแล้วมีรายได้แค่นั้นก็ถือว่าถูกต้อง กับปลูกพืชที่ต้องลงแปลงทุกวันแต่มีรายได้มากกว่า จะเอาอย่างไหน ..... สรุปก็คือ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย ทำงานมากย่อมได้มาก ถูกต้องหรือไม่
8. ทำงานใช้สมองมากกว่ากำลัง กับ ทำงานใช้กำลังมากกว่าสมอง อย่างไหนดีกว่ากัน
ติดเป็น ทำอะไรก็สำเร็จ คิดไม่เป็น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ลุงคิมครับผม
ปล.
ทหารนโปเลียน มีกี่ประเภท ? |
ข้อ 1 ถ้าดินเป็นทรายทั้งประเทศสงสัยจะเจ๊งครับ แต่ถ้าดินเป็นสัก 1/4 ของประเทศก็พอไหว ให้อีก 3/4 ทำปุ๋ยน้ำและปุ๋ยแห้ง ส่งให้ 1/4 ใช้ครับ
ข้อ 2 อินทรีย์นำ เคมีเสริม อันนี้เห็นด้วยว่าดีกับตอนนี้ครับ แต่ถ้าเราสามารถจัดการระบบการหมุนเวียนของธาตุอาหารพืชได้ดี (ตอนนี้กำลังงมหาทางอยู่ครับ) ก็คงจะดีกว่าครับ (สำหรับสถานการณ์ในอนาคต)
ข้อ 3 คุ้มแน่นอนครับ
ข้อ 4 ความประณีตเป็นสิ่งที่คนปัจจุบันไม่ค่อยจะมีกันแล้วครับ ทำเอาความมากเป็นหลัก จริง ๆ แล้วเราทำอย่างละน้อย ๆ แต่ทำให้ดีมันให้ผลคุ้มค่ามากกว่า แต่ต้องมีคนช่วยกันทำแบบนี้เยอะ ๆ ครับ ไม่งั้นมันอยู่คนเดียวไม่ได้
ข้อ 5 ปลูกอะไรหมุนเวียนให้มีรายได้ทั้งปีย่อมดีกว่าครับ ลุงนิล(ชุมพร)ปลูกหลายอย่าง มาก ๆ ตั้งแต่ กระชาย กล้วย ไม้ผล เลี้ยงหมู ฯลฯ มีพืชรายได้ รายวัน รายอาทิตย์ รายเดือน และรายปี และบำนาญ(ในรูปของต้นไม้เนื้อแข็ง) ผมยังทำไม่ได้ครับ
ข้อ 6 เงาะตัดในสวนบางปีกิโลละ 5-6 บาท ถ้าเปลี่ยนเงาะให้เป็นปุ๋ยน้ำ คงจะได้กำไรมากกว่าโขเลยล่ะครับ
ข้อ 7 ถูกครับลุง
ข้อ 8 ใช้ทั้งสมองและกำลังดีที่สุดครับ เมื่อก่อนผมใช้สมองอย่างเดียว ทำให้ร่างกายทรุดโทรมเพราะขาดการออกกำลังกาย การไหลเวียนของเลือดไม่ดี กลับทำให้สมองอ่อนแอลง ใช้กำลังอย่างเดียวไม่ใช้สมองทำให้ทำงานไม่ถูกทิศทางเกิดประโยชน์น้อย แต่ถ้าใช้ทั้งสองอย่างจะเกิดประโยชน์สูงสุดครับ
ข้อ 9 ไว้วันหลังมีความคิดอะไรเพิ่มจะมาต่อครับ ^_^ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 03/10/2010 9:15 pm ชื่อกระทู้: |
|
ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ รายงาน
สมัย ลิ้มวัชราภรณ์ ทำน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง ที่โนนสุวรรณ เพิ่มผลผลิต หยุดเพลี้ยแป้ง
เพราะได้แรงบันดาลใจจากผู้เป็นบิดา คือ คุณประกอบ ลิ้มวัชราภรณ์ ที่ได้นำระบบน้ำหยดเข้ามาใช้กับการปลูกแตงกวา และข้าวโพด จนได้ผลสำเร็จเป็นอย่างดี จึงทำให้ คุณสมัย ลิ้มวัชราภรณ์ ผู้เป็นลูกชาย และเป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จำกัด เลขทะเบียน 936 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 5 บ้านหนองตาเฮียง ตำบลดงอีจาน อำเภอโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำระบบน้ำหยดเข้ามาในแปลงปลูกมันสำปะหลังจนประสบความสำเร็จ
ในวันนี้ บนพื้นที่ 20 ไร่ ในครอบครองของคุณสมัย ที่เน้นการปลูกมันสำปะหลังด้วยระบบน้ำหยด จึงกลายเป็นแปลงสาธิตการผลิตมันสำปะหลังระบบน้ำหยด เปิดให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่สนใจ ได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติ
คุณสมัย บอกว่า ได้ปลูกมันสำปะหลังมาเป็นเวลาประมาณ 13 ปีแล้ว โดยในครั้งที่ยังปลูกมันสำปะหลังแบบเดิมจะได้ผลผลิตเพียง 3-4 ตัน ต่อไร่ มีรายได้จากการขายหัวมันไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตเท่าไรนัก
แต่ในวันนี้ เมื่อปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบการปลูกแบบน้ำหยด ทำให้ได้ผลผลิตหัวมันสดที่ดีขึ้นมาก โดยเฉลี่ยที่ไร่ละประมาณ 7-8 ตัน ทีเดียว
"สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ได้จากการนำระบบน้ำหยดมาใช้ในการปลูกมันสำปะหลังนั้น มีด้วยกันหลายประการ ทั้งประหยัดเวลาในการดูแล ผลิตมันได้มากขึ้น ลดการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังได้ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย" คุณสมัย กล่าว
"อย่างเพลี้ยแป้งนั้นเห็นได้ชัดเลยว่า มีอัตราการระบาดลดลงอย่างมาก ตั้งแต่มีระบบน้ำหยด โดยจากเดิมนั้น ไร่มันสำปะหลังจะต้องได้รับความเสียหายจากการระบาดของเพลี้ยแป้ง ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 แต่เมื่อนำระบบน้ำหยดมาใช้แล้ว การระบาดลดลงเหลือเพียง ร้อยละ 10 เท่านั้น"
คุณสมัย ยังกล่าวถึงรายได้ที่ได้รับว่า ในช่วงที่ผ่านมาขายมันสำปะหลังได้ กิโลกรัมละ 2.50-3 บาท เฉลี่ยไร่ละ 24,000 บาท หากรวมทั้ง 20 ไร่ จะมีรายได้ประมาณ 480,000 บาท นอกจากนี้ ยังสามารถขายท่อนพันธุ์ได้อีก ต้นละ 2 บาท เฉลี่ยแล้วไร่หนึ่งจะมีรายได้จากการขายท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง ประมาณ 3,000 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมมองหนึ่งของคุณสมัยที่ทำให้ระบบการปลูกมันสำปะหลังด้วยระบบน้ำหยดยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร ทั้งที่มีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเข้ามาดูงานอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ปัญหาการขาดเงินลงทุน การขาดแคลนแหล่งน้ำและปัญหาระบบไฟฟ้าเข้าไม่ถึงพื้นที่ปลูก
"สำหรับระบบการทำน้ำหยดในไร่มันนั้น จะต้องใช้ต้นทุนประมาณ 7,000 บาท ต่อไร่" คุณสมัย บอกกล่าวถึงต้นทุนที่ต้องเตรียมการไว้
ในไร่มันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 60 ทั้ง 20 ไร่ ในวันนี้ของคุณสมัย จึงมีระบบน้ำหยดวางอยู่ทั่วทั้งแปลง ซึ่งหมายถึงว่าต้องใช้เงินทุนสำหรับการนี้ประมาณ 140,000 บาท
"ทั้งนี้ จะเป็นการลงทุนในครั้งแรกมากที่สุด เพราะต้องซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าเครื่องสูบน้ำ ท่อน้ำ และอื่นๆ แต่หลังจากนั้นจะลงทุนน้อยลง โดยเฉพาะอยู่ที่ไร่ละ 3,000 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะมีค่าไฟฟ้าอีกปีละ 6,000 บาท และค่าปุ๋ยหมักชีวภาพที่ให้ไปพร้อมกับระบบน้ำอีก เฉลี่ยไร่ละ 1,500 บาท"
"แต่เราจะมีรายได้จากการขายหัวมันสำปะหลังและท่อนพันธุ์ เฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง โดยอายุของต้นมันที่ขุดได้นั้น อยู่ที่ประมาณ 6-7 เดือน จากที่ผมทำมานั้นเพียงแค่ขุดหัวมันขายในรอบแรก เราก็สามารถคืนทุนได้แล้ว ส่วนรอบ 2 นั้นถือว่าเป็นกำไร" คุณสมัย กล่าว
สำหรับระบบน้ำหยดของคุณสมัยนั้น จะใช้น้ำจากบ่อน้ำที่ขุดไว้ ซึ่งเป็นบ่อน้ำซับ สามารถมีน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งพื้นที่บ่อมีความจุประมาณ 1,260 ลูกบาศก์
ให้ปุ๋ยทางน้ำไว้ด้วย โดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ คือ นำปุ๋ยชีวภาพมาผสมกับน้ำและคนให้เข้ากันในถังพลาสติคใบใหญ่ และจะต่อสายยางในรูปแบบของกาลักน้ำ เพื่อนำปุ๋ยที่ผสมแล้วเข้าไปสู่ระบบท่อที่สูบน้ำจากบ่อ ปุ๋ยดังกล่าวจะไหลไปตามท่อเมนที่วางยาวไว้กลางไร่มันสำปะหลัง ซึ่งจะมีการต่อท่อน้ำหยดในลักษณะก้างปลากระจายไปทั่วทุกแถวของต้นมันสำปะหลัง
"ระบบท่อน้ำหยดนี้ สามารถหาซื้อได้จากร้านจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรทั่วไป คุณสมัยจะวางเครื่องสูบน้ำที่จะมีการวางระบบซึ่งเป็นสายสำเร็จรูป เราเพียงนำมาวางในไร่มัน โดยวางไปตามร่องปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งระยะของรูที่เจาะเพื่อปล่อยให้น้ำหยดออกมานั้น จะอยู่ห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร" คุณสมัย กล่าว
สำหรับท่อน้ำหยดที่วางไปตามร่องปลูกต้นมันสำปะหลังนั้น คุณสมัย บอกว่า จะวางท่อไปพร้อมกับการนำต้นพันธุ์มาปลูก พอเมื่อจะเก็บเกี่ยวขุดหัวมันปะหลังขึ้นมาขาย จะดำเนินการรื้อท่อออกก่อน แล้วจึงเริ่มขุด ส่วนท่อที่รื้อมานั้นจะเก็บไว้ใช้งานในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับท่อน้ำหยดที่วางไว้ในไร่มันสำปะหลังนั้น คุณสมัย บอกว่า จะมีอายุการใช้งานได้นานประมาณ 3-4 ปี
"โดยจะให้น้ำหยดแก่ต้นมันสำปะหลังที่ปลูก สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมง"
ในส่วนของการให้ปุ๋ยนั้น ครั้งแรกคุณสมัยบอกว่า จะให้ปุ๋ยชีวภาพในช่วงก่อนการไถกลบ เมื่อต้นมันสำปะหลังอายุได้ประมาณ 3 เดือน จะให้ปุ๋ยสูตรระเบิดหัว และในเดือนที่ 5 จะให้ปุ๋ยสูตรระบิดหัวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ จะใช้ปุ๋ย 7 กระสอบ และเมื่อต้นมันสำปะหลังอายุได้ประมาณ 7 เดือน จะขุดหัวขึ้นมาขาย
"พอผมมาใช้ระบบน้ำหยดแบบนี้ ในเรื่องของการเก็บเกี่ยวก็เร็วขึ้น จากเดิมหากปลูกตามธรรมชาติ การดูแลจะต้องปล่อยให้ต้นเติบโตนาน 12 เดือน จึงขุดหัวมันขึ้นมาได้ แต่พอมาใช้ระบบน้ำหยดสามารถย่นระยะเวลาได้มากขึ้น เหลือเพียง 7 เดือน ก็สามารถขุดหัวมันขายได้แล้ว ที่สำคัญได้หัวมันที่ใหญ่ น้ำหนักดีขึ้นกว่าเดิมมากด้วย" คุณสมัย กล่าว
"ในการทำไร่มันสำปะหลังด้วยระบบน้ำหยดนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าที่อื่นจะมีใครทำหรือไม่ แต่จากที่ผมได้ทำมา รับรองได้เลยว่า สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีมากจริงๆ" คุณสมัย กล่าวในที่สุด
สำหรับผู้สนใจ ต้องการไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ระบบน้ำหยดในมันสำปะหลัง สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานสหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จังหวัดบุรีรัมย์ โทร. (044) 607-187 ซึ่งทางสหกรณ์พร้อมที่จะให้คำแนะนำและนำเยี่ยมชมแปลงสาธิตการปลูกมันสำปะหลังน้ำหยด เพื่อช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังสามารถนำไปปรับใช้จนประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ คุณสมัย ลิ้มวัชราภรณ์
เร่งสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ ตั้งเป้ารุ่นแรก 2,000 คน
คุณธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ส่งผลต่อภาคแรงงานไทยเป็นอย่างมาก ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากถูกเลิกจ้าง โดยในปีที่ผ่านมามีแรงงานถูกเลิกจ้างไปแล้ว จำนวน 163,726 คน ทั้งชายและหญิง และโรงงานปิดกิจการไปแล้วอย่างน้อย 1,000 แห่ง ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การเลิกจ้างในภาคต่างๆ ทำให้ผู้ใช้แรงงานจำนวนหนึ่งได้รับความเดือดร้อน
"ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาเร่งรัด และดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ถูกเลิกจ้างดังกล่าว โดยการสนับสนุนให้ผู้ถูกเลิกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้ตามกฎหมายโดยเร็ว เช่น การหางานทำใหม่ การส่งเสริมอาชีพอิสระ การสร้างงาน และการเพิ่มพูนทักษะในการปรับเปลี่ยนอาชีพ ทำให้มีผู้ถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากที่มีศักยภาพในเรื่องการบริหารจัดการตลาด และการผสมผสานเทคโนโลยีเป็นอย่างดี มีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงอาชีพจากการเป็นแรงงานในสถานประกอบการมาประกอบอาชีพเกษตรกรรม"
แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ยังมีปัญหาเรื่องขาดความรู้ ขาดทักษะ และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้สนใจขาดโอกาสในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพพื้นฐานของสังคมไทย ที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่แผ่นดิน และสร้างความยั่งยืนของแหล่งผลิตอาหารเพื่อบริโภคและส่งออกให้แก่ประเทศ
"ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้เตรียมจัดงาน "งานชุมนุมเกษตรกรรุ่นใหม่ สร้างเกษตรไทยยั่งยืน" เป็นโครงการที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดโครงการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงานฯ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปฏิรูปที่ดินจังหวัด ยุวเกษตรกร ปราชญ์เกษตรกรและเกษตรกรรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ จำนวนประมาณ 2,000 คน"
คุณเฉลิมพร พิรุณสาร เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2551-2555
"โดยจะรณรงค์สร้างแรงจูงใจให้บุคคลที่สนใจประกอบอาชีพเกษตรกรรม เห็นความสำคัญและสนใจเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี วิทยาลัยประมง และวิทยาลัยการอาชีพ ภายใต้หลักสูตรเฉพาะ ที่ให้การศึกษาภาคทฤษฎี และปฏิบัติในการฝึกทักษะ ตลอดจนการคัดเลือกยุวเกษตรกรที่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับเข้าศึกษาต่อในระดับวิทยาลัย"
นอกจากนี้ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ลงนามความร่วมมือโครงการพัฒนาเกษตรกรมืออาชีพยุคใหม่กับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในการพัฒนาเกษตรอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเกษตรกรขาดความรู้ในการประกอบอาชีพ ผ่านกระบวนการสร้างและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 3 หลักสูตร ได้แก่
1. หลักสูตรการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ ระยะเวลา 3 เดือน กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ว่างงาน แรงงานเลิกจ้าง ผู้ที่จบการศึกษาด้านเกษตรกรรมหรือผู้สนใจ ในปี 2553 มีผู้ที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรดังกล่าว 2 รุ่น จำนวน 550 ราย
2. หลักสูตรพัฒนาเกษตรยั่งยืน กลุ่มเป้าหมายคือ เกษตรกรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีที่ดินแล้ว หรือมีบุตรหลานเกษตรกรในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินหรือนอกเขต ในปี 2553 มีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 6,570 ราย
3. หลักสูตรเกษตรกรมืออาชีพยุคใหม่ (ปวส. สาขาเกษตรกรรม)
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05036011053&srcday=&search=no |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 28/09/2010 9:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
bombon บันทึก: | เคยเข้าอบรม เรื่องมัน 30 ตัน จากอาจารย์ที่เขาได้ทำวิจัย เรื่องจุลินย์ทรีย์ 12 ตระกูลมาครั้งหนึ่ง ต้องลงทุนสูงมาก เรื่องปุ๋ยจุลินทรีย์ ญาตข้างบ้างลงไปไร่ละเกือบหมื่น ได้มาไร่ละ 5 ตัน เกือบร้องไห้ ดีนะที่มีเงินทุนหมู่บ้าน ไว้ทดลองส่วนรวม ใช้มาให้ส่วนหนึ่งเลยหายจ้อยเลย
ตอนนี้ก็ซัดลำไยกันลูกเดียว อีกไม่นาน ลำไยล้นโลก แค่เฉพาะสอยดาว โป่งน้ำร้อน ก็ลงอีกเป็นแสนๆ ต้นแล้ว เฮ้อ....
แล้วตอนนี้ก็ทำออกกันไม่มีหยุดแล้วด้วย 5 บาท อนาคตเชื่อผมเหอะ |
ไม่ใช่ความผิดของผู้ไปสอน เพราะ....
1. หัวข้อการสอนว่าด้วยเรื่อง "จุลินทรีย์" โดยเฉพาะ
2. งบประมาณสำหรับให้ความรู้เรื่อง "จุลินทรีย์" โดยเฉพาะ
3. ความรู้ความเชี่ยวชาญของผู้มาสอนเกี่ยวกับ "จุลินทรียื" โดยเฉพาะ
4. ผู้สอนไม่ได้สอนหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสำปะหลังเพราะไม่มีเวลา และไม่ใช่หน้าที่
แต่เป็นความผิดของคนเรียน เพราะ....
1. คนเรียนไม่มีความรู้ขั้นพื้นฐานด้านการปลูกสำปะหลัง โดยไม่รู้ว่าปัจจัยเพื่อการเพาะปลูก (ทุกพืช รวมทั้งสำปะหลังด้วย) มิได้มีเพียง "จุลินทรีย์" อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก เช่น ปุ๋ย. ฮอร์โมน. ดิน. น้ำ. แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล. สายพันธุ์. โรค. เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ชนิดที่ไม่มีทางปฏิเสธ
2. คนเรียนไม่เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ เมื่อผู้สอนพูดว่า "จุลินทรีย์ดีต่อสำปะหลัง อย่างนั้นอยางนี้" เท่านั้นแหละ ผู้เรียนจับไปกระเดียดทันที จับยึด-ยึดติด เอาจุลินทรีย์อย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่ใส่ใจสนใจต่อปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสำปะหลังเลย
3. นักเรียน เรียนที่โรงเรียน ตั้งแต่ชั้นประถมถึงจบมหาวิทยาลัย ต้องเรียนหลากหลายวิชา แล้วทุกวิชาต่างก็เกี่ยวประสานกัน จึงจะเหมาะสมต่อการนำมาใช้เพื่อการประกอบอาชีพได้ ฉันใด....เรื่องการเพาะปลูกพืชล่ะ ทำไมจึงเรียนแต่เรื่องจุลินทรีย์เพียงเรื่องเดียว นั่นคือ ต้องเรียนรู้ให้รู้อย่างแท้จริงในทุก "หัวข้อปัจจัยเพื่อการปลูกสำปะหลัง" จึงจะทำสำปะหลังได้ประสบความสำเร็จ ฉันนั้น....
4. ไปเรียนไปฟัง เพราะ "ไปประชุมได้ตังค์ ไปฟังได้เงิน" ใช่หรือไม่ ?
อาการหนักนะ ประเทศไทยวันนี้
ลุงคิมครับผม |
|
|
bombon |
ตอบ: 27/09/2010 2:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | kimzagass บันทึก: | งานเข้า.....
ลองๆ จินตนาการซิ....
1. ถ้าประเทศไทยมีดินเป็นทรายชายหาด เหมือนอิสราเอลที่ดินเป็นทรายทั้งประเทศน่ะ..... คนไทยจะการเกษตรได้อย่างไร ?
1.ทุน
2.น้ำ
3.พันธุ์
4.ตลาด
5.ความรู้ ..... 9 ล 9
2. จากรูปแบบการทำสำปะหลังที่ทำๆกันอยู่นี้ หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง ณ พื้นที่นั้นๆ" .... จะดีขึ้นไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9
3. คิดในแง่ของเศรษฐศาสตร์การลงทุน ถ้า "เพิ่มทุนจากเดิม 25%" แล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 500% หรือ จาก 3 ตัน เพิ่มเป็น 15 ตัน....จะคุ้มกันไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9
4. ลดพื้นที่สำปะหลัง แล้วบำรุงสำปะหลังแบบ "ประณีต" ให้ได้สำปะหลังเท่ากับเต็มพื้นที่เดิม จากนั้นเอาพื้นที่ๆเหลือปลูกอย่างอื่น แบบนี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ไหม หรือใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9
5. ปลูกสำปะหลัง ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว เปรียบเทียบกับอย่างอื่นที่ ทำงานทั้งปีได้ขาย 3-4 รอบ อย่างไหนกดีกว่ากัน ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9
6. ผลผลิตทางการเกษตรอะไรบ้างที่ ราคาต่อ กก.แพงๆ คนนิยม แล้วทำแบบ "ทำน้อยได้มาก" จะได้ไหม ?
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ .... 9 ล 9
7. ปลูกสำปะหลัง ตลอดอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด ลงแปลงจริงๆ กี่วัน กับปลูกอย่างอื่นที่ต้องลงแปลงทุกวัน เช้าถึงค่ำ ...... เมื่อลงแปลงสำปะหลังเพียงไม่กี่วันแล้วมีรายได้แค่นั้นก็ถือว่าถูกต้อง กับปลูกพืชที่ต้องลงแปลงทุกวันแต่มีรายได้มากกว่า จะเอาอย่างไหน ..... สรุปก็คือ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย ทำงานมากย่อมได้มาก ถูกต้องหรือไม่
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้ ..... 9 ล 9
8. ทำงานใช้สมองมากกว่ากำลัง กับ ทำงานใช้กำลังมากกว่าสมอง อย่างไหนดีกว่ากัน
.......
ติดเป็น ทำอะไรก็สำเร็จ คิดไม่เป็น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ลุงคิมครับผม
ปล.
ทหารนโปเลียน มีกี่ประเภท ? |
k.supat... k.bombon....
คุณยังไม่ได้ตอบการบ้านลุงคิมเลยนะ....
สมาชิกท่านอื่นๆด้วย ช่วยกันออกความคิดเห็นหน่อยเป็นไร เป้าประสงค์ คือ "สอนให้คิด ฝึกให้วิเคราะห์ หัดให้วางแผน" ประมาณนี้.....ว่ามั้ย ปัญหาเกษตร รวมทั้งอาชีพอื่นๆ ก็เถอะ รายที่ล้มเหลวน่ะเกิดจากคิดไม่เป็น วิเคราะห์ไม่เป็น วางแผนไม่เป็น แล้วก็ทำตามกระแส ส่วนรายที่ประสบความสำเร็จ บางรายก็ด้วยความฟลุค จะมีสักกี่รายเชียวที่ประสบความสำเร็จด้วยฝีมืออย่างแท้จริง...
ช่วยกันเสนอแนวคิดหน่อยนะ....อย่าเอาแต่อ่านอย่างเดียวน่ะ
ลุงคิมครับผม |
สรุปชาวบ้านส่วนใหญ่ยังขาดสิ่งเหล่านี้
1. ทุน
2. น้ำ
3. พันธุ์
4. ตลาด
5. ความรู้
9ล9 |
|
|
supat |
ตอบ: 27/09/2010 9:41 am ชื่อกระทู้: |
|
ขอขอบคุณลุงคิม และทุกๆ ท่านที่ให้คำแนะนำครับ
1. เรื่องต้นหญ้า ที่ขึ้นอยู่นั้นเป็นต้นไมยราพยักษ์ และต้นที่ใบมีกลิ่นเหม็น
ผมไม่รู้ว่าเรียกว่าต้นอะไร (ที่ลุงคิมนำไปต้มทำสมุนไพร ไล่แมลง )
2. เรื่องกำจัดต้นหญ้า ผมไม่อยากใช้สารเคมี แต่เคยคิดที่จะใช้รถไถแทรกเตอร์
ที่มีพลานไถติดท้าย ซึ่งได้ถามรถไถย่านนั้นแล้วไม่มี และก็ไม่ทราบราคา ซึ่ง
ก็จะไม่รู้ว่าจะคุ้มกันหรือไม่ (ต้นทุนต้องสูงกว่าแน่นอน )
3. เคยลองเอารถอีเต็ก (เป็นรถล้อเหล็ก 2 ล้อ ใช้เครื่องคูโบต้า คนเดินตาม
แล้วใส่พลานคลาด ลงไปได้ไม่นานล้อก็ติด จนคนรับจ้างท้อ
4. ตอนนี้คิดว่าคงรอต่อไปจนกว่าฝนจะหยุดตกก่อน และสามารถลงไถกลบ
ต้นหญ้า ได้จึงจะเริ่มทำ
5. พืชและผัก ก็น่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ติดปัญหาด้านคนงาน
ขอบคุณครับ
จาก SUPAT |
|
|
somchai |
ตอบ: 27/09/2010 7:59 am ชื่อกระทู้: |
|
หากต้องลงทุน ไร่ละเกือบหมื่นแบบคุณ bombom ว่าลงทุนติดสปริงเกอร์แบบนี้แล้ว
หากต้องซื้อน้ำ ก็ต้องซื้อ แบบไหนจะดีกว่ากันครับ
สมชาย กลิ่นมะพร้าว |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 27/09/2010 6:26 am ชื่อกระทู้: |
|
bombon บันทึก: | เคยเข้าอบรม เรื่องมัน 30 ตัน จากอาจารย์ที่เขาได้ทำวิจัย เรื่องจุลินย์ทรีย์ 12 ตระกูลมาครั้งหนึ่ง ต้องลงทุนสูงมาก เรื่องปุ๋ยจุลินทรีย์ ญาตข้างบ้างลงไปไร่ละเกือบหมื่น ได้มาไร่ละ 5 ตัน เกือบร้องไห้ ดีนะที่มีเงินทุนหมู่บ้าน ไว้ทดลองส่วนรวม ใช้มาให้ส่วนหนึ่งเลยหายจ้อยเลย
ตอนนี้ก็ซัดลำไยกันลูกเดียว อีกไม่นาน ลำไยล้นโลก แค่เฉพาะสอยดาว โป่งน้ำร้อน ก็ลงอีกเป็นแสนๆ ต้นแล้ว เฮ้อ....
แล้วตอนนี้ก็ทำออกกันไม่มีหยุดแล้วด้วย 5 บาท อนาคตเชื่อผมเหอะ |
ขอเวลาทำภารกิจก่อน ค่ำนี้ลุงคิมจึงจะกลับมาให้ข้อคิดเห็น.....
ก่อนจะค่ำ วอนใครก็ได้ ทั้งที่เป็นสมาชิก (สมัคร-ไม่สมัคร) และที่ไม่ได้เป็น
สมาชิก ออกความคิดเห็น เสนอแนะทางออก วิธีแก้ปัญหา COPY หรือ APPLY
และอื่นๆ ที่เห็นว่าเมาะสม ถูกต้อง
ช่วยกันหน่อยนะพวกเรา
ลุงคิมครับผม
ปล.
ภารกิจวันนี้....ออร์เดอร์ UREGA 200 ล. รับของวันนี้ กับออร์เดอร์ สูตรสะสมตาดอก 100 ล., ระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 อีก 100 ล. , สารสกัดสมุนไพร 60 ล. ....รับของวันศุกร์ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 27/09/2010 6:10 am ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | งานเข้า.....
ลองๆ จินตนาการซิ....
1. ถ้าประเทศไทยมีดินเป็นทรายชายหาด เหมือนอิสราเอลที่ดินเป็นทรายทั้งประเทศน่ะ..... คนไทยจะการเกษตรได้อย่างไร ?
2. จากรูปแบบการทำสำปะหลังที่ทำๆกันอยู่นี้ หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง ณ พื้นที่นั้นๆ" .... จะดีขึ้นไหม ?
3. คิดในแง่ของเศรษฐศาสตร์การลงทุน ถ้า "เพิ่มทุนจากเดิม 25%" แล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 500% หรือ จาก 3 ตัน เพิ่มเป็น 15 ตัน....จะคุ้มกันไหม ?
4. ลดพื้นที่สำปะหลัง แล้วบำรุงสำปะหลังแบบ "ประณีต" ให้ได้สำปะหลังเท่ากับเต็มพื้นที่เดิม จากนั้นเอาพื้นที่ๆเหลือปลูกอย่างอื่น แบบนี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ไหม หรือใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม ?
5. ปลูกสำปะหลัง ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว เปรียบเทียบกับอย่างอื่นที่ ทำงานทั้งปีได้ขาย 3-4 รอบ อย่างไหนกดีกว่ากัน ?
6. ผลผลิตทางการเกษตรอะไรบ้างที่ ราคาต่อ กก.แพงๆ คนนิยม แล้วทำแบบ "ทำน้อยได้มาก" จะได้ไหม ?
7. ปลูกสำปะหลัง ตลอดอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด ลงแปลงจริงๆ กี่วัน กับปลูกอย่างอื่นที่ต้องลงแปลงทุกวัน เช้าถึงค่ำ ...... เมื่อลงแปลงสำปะหลังเพียงไม่กี่วันแล้วมีรายได้แค่นั้นก็ถือว่าถูกต้อง กับปลูกพืชที่ต้องลงแปลงทุกวันแต่มีรายได้มากกว่า จะเอาอย่างไหน ..... สรุปก็คือ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย ทำงานมากย่อมได้มาก ถูกต้องหรือไม่
8. ทำงานใช้สมองมากกว่ากำลัง กับ ทำงานใช้กำลังมากกว่าสมอง อย่างไหนดีกว่ากัน
ติดเป็น ทำอะไรก็สำเร็จ คิดไม่เป็น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ลุงคิมครับผม
ปล.
ทหารนโปเลียน มีกี่ประเภท ? |
k.supat... k.bombon....
คุณยังไม่ได้ตอบการบ้านลุงคิมเลยนะ....
สมาชิกท่านอื่นๆด้วย ช่วยกันออกความคิดเห็นหน่อยเป็นไร เป้าประสงค์ คือ "สอนให้คิด ฝึกให้วิเคราะห์ หัดให้วางแผน" ประมาณนี้.....ว่ามั้ย ปัญหาเกษตร รวมทั้งอาชีพอื่นๆ ก็เถอะ รายที่ล้มเหลวน่ะเกิดจากคิดไม่เป็น วิเคราะห์ไม่เป็น วางแผนไม่เป็น แล้วก็ทำตามกระแส ส่วนรายที่ประสบความสำเร็จ บางรายก็ด้วยความฟลุค จะมีสักกี่รายเชียวที่ประสบความสำเร็จด้วยฝีมืออย่างแท้จริง...
ช่วยกันเสนอแนวคิดหน่อยนะ....อย่าเอาแต่อ่านอย่างเดียวน่ะ
ลุงคิมครับผม |
|
|
bombon |
ตอบ: 27/09/2010 12:50 am ชื่อกระทู้: |
|
เคยเข้าอบรม เรื่องมัน 30 ตัน จากอาจารย์ที่เขาได้ทำวิจัย เรื่องจุลินย์ทรีย์ 12 ตระกูลมาครั้งหนึ่ง ต้องลงทุนสูงมาก เรื่องปุ๋ยจุลินทรีย์ ญาตข้างบ้างลงไปไร่ละเกือบหมื่น ได้มาไร่ละ 5 ตัน เกือบร้องไห้ ดีนะที่มีเงินทุนหมู่บ้าน ไว้ทดลองส่วนรวม ใช้มาให้ส่วนหนึ่งเลยหายจ้อยเลย
ตอนนี้ก็ซัดลำไยกันลูกเดียว อีกไม่นาน ลำไยล้นโลก แค่เฉพาะสอยดาว โป่งน้ำร้อน ก็ลงอีกเป็นแสนๆ ต้นแล้ว เฮ้อ....
แล้วตอนนี้ก็ทำออกกันไม่มีหยุดแล้วด้วย 5 บาท อนาคตเชื่อผมเหอะ |
|
|
bombon |
ตอบ: 27/09/2010 12:44 am ชื่อกระทู้: |
|
catcaty บันทึก: | แถวบ้านผม อ.สอยดาว 2-3 ปีที่แล้วมา ผลผลิคต่อไร่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ราว 2-3 ตันต่อไร่เท่านั้นเอง (เทวดาเลี้ยง) ดีแต่ว่าปีที่ผ่านมาราคาดี พี่น้องผมก็เลยพอเอาตัวรอดได้ |
ขอบอกนะครับ ยาคุมหญ้า ไดยู... ห้ามใช้เด็ดขาด
เมื่อก่อนใช้ติดต่อกัน 3 ปี มันเหลือ 2 ตัน/ไร่ ต้นงี้ แค่เอว เลิกใช้มานานแล้ว
และก็เลิกปลูกแล้วเหมือนกัน แล้วจะเอาภาพที่สวนมาให้ดู |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 10:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
ประกวดหัวมันสำปะหลังยักษ์
ในงานประชุมมันสำปะหลังนางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรม การค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า เพื่อโชว์ศักยภาพการผลิตมันสำปะหลังของเกษตรกรไทย พร้อมแสดงศักยภาพของไทยในฐานะที่เป็นผู้นำการพัฒนาพันธุ์ รวมถึงการเพาะปลูกและการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของโลก กรมการค้าต่างประเทศจึงได้จัดประกวดหัวมันสำปะหลังสด/ เกษตรกรดีเด่น เพื่อนำมาแสดงภายในงานประชุมมันสำปะหลังนานาชาติ หรือ World Tapioca Conference 2009 ที่จะจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ระหว่างวันที่ 15-16 มกราคม 2552 นี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นไฮไลต์หนึ่งที่จะช่วยสร้างสีสันให้งานดูคึกคักมากขึ้น การประกวดจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การประกวดมันสำปะหลังหัวใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเกษตรกรที่สนใจสามารถส่งหัว มันสำปะหลังสดเข้าประกวดได้ไม่จำกัดจำนวนต้น ไม่จำกัดสายพันธุ์และระยะเวลาในการปลูก และ แต่ละต้น (กอ) ต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 80 กิโลกรัม
2.การประกวดเกษตรกรดีเด่น จะพิจารณาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของมูลนิธิกองทุนมัน สำปะหลังที่ได้คัดเลือกไว้แล้วเมื่อปี 2549-2550 และได้รับการรับรองจากจังหวัด โดยใช้หลักเกณฑ์การเพิ่มปริมาณผลผลิต การบริหารจัดการไร่ การ บำเพ็ญประโยชน์ การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ฯลฯ เป็นตัวชี้วัดในการตัดสินให้คะแนนเพื่อมอบรางวัล
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ โทรศัพท์ 0-2547-4747 สายด่วน กรมการค้าต่างประเทศ 1385 ในเวลาราชการ.
ข่าว : เดลินิวส์
http://news.212cafe.com/news34431.html
news.212cafe.com/news34431.html - |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 10:28 pm ชื่อกระทู้: |
|
มันสำปะหลังระบบน้ำหยด
การเกษตรเรื่องมันสำปะหลังระบบน้ำหยด ที่มา www.เกษตร.com
การเตรียมดิน รองพื้นด้วยแกลบ มูลไก่ 40 กระสอบต่อไร่ (หรือประมาณ 400 กิโลกรัมต่อไร่ ) จากนั้นให้ทำการหว่านปุ๋ยเคมีเสมอ (15-15-15) ประมาณ 25 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วไถกลบด้วยผาล3 และแปรด้วยผาล7 เมื่อเสร็จแล้วให้ทำการวางระบบน้ำหยด โดยวางสายน้ำหยดระยะ 150×40 ซม.
การลงทุนระบบน้ำหยด
อุปกรณ์มีดังนี้ สายน้ำหยด,ท่อพีวีซี,หัวปลาไหล,วาล์วปิด-เปิด,ปั๊มน้ำและไฟฟ้าหรือเครื่องคู โบต้า ต้นทุนในการวางระบบประมาณ 6,000 บาทต่อไร (ไม่รวมปั๊มน้ำ) มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี แล้วจึงค่อยเปลี่ยนสายใหม่
ข้อดีของการใช้ระบบน้ำหยด
1. สามารถปลูกมันได้ตลอดทั้งปี
2. ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น
3. ลดต้นทุนการผลิต จากเดิมปลูกปีละ 5-6 ครั้ง จึงได้เก็บเกี่ยวผลผลิต เมื่อใช้ระบบน้ำหยดลดลงมาเหลือ 3 ครั้ง
4. ผลิตมีคุณภาพ ขายได้ราคาดีขึ้น
การเตรียมท่อนพันธุ์
ควรเลือกท่อนพันธุ์ที่มีอายุประมาณ 8-12 เดือน และต้องเป็นท่อนพันธุ์ที่ใหม่และสด มีความสมบูรณ์สูงไม่มีโรคและแมลง ตัดหัวและโคนทิ้งระมาณ 10-20 ซม. จากนั้นตัดท่อนพันธุ์เป็นท่อน ๆ ละ 25 ซม. แล้วจึงนำไปปลูก
การปลูกและดูแลรักษา
วิธีปลูก นำท่อนพันธุ์ที่เตรียมไว้มาปักตั้งตรงลึกไม่เกิน 5 ซม. ไม่ควรปักเฉียงเพราะจะทำให้รากออกข้างเดียว หลังจากนนั้นทำการรดน้ำทันที โดยในช่วงแรก ๆ 2-3 วันค่อยรดหนึ่งครั้ง และในแต่ละครังควรรดน้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง และเมื่อต้นมันสำปะหลังตั้งตัวได้จะให้น้ำทุก ๆ 7 วัน การดูแลรักษา ในช่วงอายุ 1-3 เดือนแรกควรให้ปุ๋ยทางน้ำเสริมด้วย โดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 25-5-5 ผสมกับน้ำปล่อยไปตามระบบน้ำหยดเดือนละครั้ง เพื่อช่วยบำรุงต้นและใบ หลังจากอายุได้ประมาณ 4-5 เดือน ให้ใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ปริมาณ 25 กิโลกรัมต่อไร่ และเมื่ออายุได้ 6-7 เดือน ให้เปลี่ยนมาเป็นปุ๋ยสูตร 12-4-40 เพื่อช่วยเรื่งหัวเร่งแป้ง
เรื่องปั๊มน้ำขึ้นไปเก็บไว้ในที่สูงแล้วปล่อยลงมา เป็นความคิดสุดยอดนิยมของคนสวนมากๆ โดยไม่มีใครสอน และยังเข้าใจอีกว่ามันประหยัด คุ้มหรือเปล่า จากบทความของ เชาน์ สงวนศักดิ์
การปั๊มส่งน้ำเก็บไว้ที่สูง
เรื่องปั๊มน้ำขึ้นไปเก็บไว้ในที่สูงแล้วปล่อยลงมา เป็นความคิดสุดยอดนิยมของคนสวนมากๆ โดยไม่มีใครสอน และยังเข้าใจอีกว่ามันประหยัด
ปั๊มน้ำขึ้นไปเก็บไว้บนแท็งก์น้ำเหล็กขนาด 20 คิว แล้วปล่อยลงมา น่าจะดี แต่ความจริงค่าแท็งก์น้ำเหล็ก แม้จะไปหาซื้อแท็งก์น้ำเหล็กตามร้านของเก่าก็ยังต้องน้ำมาขัด ล้าง ทำสี และค่าติดตั้งที่สูงเกือบเท่าราคาแท็งก์น้ำเหล็ก เพราะต้องรับน้ำหนักถังและน้ำมากกว่า 25 ตัน และสูงถึง 10 เมตร หัวมินิสปริงเกลอร์จึงจะทำงาน ประมาณราคาน่าจะถึง 200,000 บาท และน้ำในถังจะสามารถให้น้ำต้นไม้ในสวนได้ 3 ไร่เท่านั้น ต้องคอยปั๊มน้ำขึ้นหลายร้อยครั้ง ต้องเสียค่าแรงคนเฝ้าถังน้ำ และปั๊มน้ำตลอดเวลาที่ให้น้ำ
ปั๊มน้ำขึ้นไปบนยอดเขาไปสร้างสระคอนกรีตที่ผูกเหล็ก เทปูนแข็งแรงมองดูก็น่าจะมาตรฐานดี (สำหรับคนมีตังค์) แต่การสร้างบ่อเก็บน้ำที่เป็นคอนกรีตมีราคาสูงมากกว่าความคิดของชาวสวนมาก ถ้าบ่อกว้าง 1 ไร่ ลึก 5 เมตร จะเก็บน้ำได้ประมาณ 5,000 คิว เท่ากับน้ำหนักน้ำ 5,000 ตัน จะต้งอผูกเหล็กสองชั้น เทคานรับน้ำหนักน้ำ พื้นบ่อหนาพอจะรับน้ำหนักได้ถึง 8,000 ตัน ถ้าบ่อราว แม้แต่ครึ่งเซนติเมตร น้ำก็จะรั่วหายหมด ค่าก่อสร้างทั้งหมดน่าจะห้าแสนขึ้นไป มันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ทำบ่อดินไว้บนเขา กว้าง 2 ไร่ เป็นดินแข็งน้ำซึมได้น้อย ไม่ต้องใช้ปูนใช้เหล็ก เสียค่าขุดอย่างเดียว การสร้างบ่อดินไว้บนยอดเขา ขนาดประมาณ 2 ไร่ ลึก 6 เมตร ค่าขุด ค่ารถย้ายดินจากบ่อ ประมาณ 100,000 บาท ถูกกว่าถังเหล็กและบ่อปูน น่าจะดีแต่ความจริง น้ำที่ปั๊มขึ้นไปบนยอดเขา จะเสียค่าน้ำมันหรือไฟฟ้าไปประมาณ คิวละ 1 บาท น้ำจะถูกแดดและลมทำให้น้ำระเหยไปในอากาศ และซึมลงไปในดิน ขนาดบ่อ 2 ไร่ จะหายไป 2,000 คิวต่อวัน เท่ากับเราเสียเงินไปวันละ 2,000 บาท
ในมุมมองของผมเห็นว่าเรามีวิธีหลีกเลี่ยงได้ เราไม่สร้างแทงก็น้ำเหล็ก บ่อคอนกรีต บ่อดิน ที่บนยอดเขาเลยครับ เราเอาเงินที่จะเสียค่าสร้างสัก 20% มาซื้อปั๊มอย่างดี และออกแบบ วางท่อที่ถูกต้องก็ไม่ต้องเสียเงินมากมายก็ใช้ไ้ด้แล้วครับ
ข้อดีในการออกแบบท่อน้ำที่ถูกต้องจะประหยัดพลังงานไปได้มาก เช่น ถ้าต้นไม้อยู่ห่างจากน้ำ 10 เมตร แต่เราต้องปั๊มน้ำขึ้นไปบนยอดเขาไกลถึง 300 เมตรแล้วปล่อยน้ำลงมา กับการที่เรามีท่อแยกส่งน้ำจากปั๊มน้ำไป 10 เมตร ถึงต้อนไม้จะลดค่าพลังงานไปได้ทุกครั้งที่เรารดน้ำต้นไม้ และข้อสำคัญ คือเราจะไม่เสียน้ำจากการระเหย การซึมลงดิน การรั่วจากรอยแตกของสระคอนกรีตวันละ 2,000 บาท
โดย เชาว์ สงวนศักดิ์ จากหนังสือเครื่องปั๊มน้ำที่ชาวสวนควรรู้
http://irrigation-dripper.com/index.php?option=com_content&view=article&id=12:2009-07-18-02-52-01&catid=3:2009-01-05-11-58-21&Itemid=4
rrigation-dripper.com/index.php?option=com... - |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 10:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
มันสำปะหลังคอนโดคืออะไร
มันสำปะหลังปัจจุบันเราผลิตหรือปลูกได้ประมาณ 10-20 ตันต่อไร่ แต่มันสำปะหลังคอนโดคือวิธีที่จะทำให้ได้ผลผลิตถึง 30 ตันต่อไร่เลยทีเดียว ไม่เกินอาทิตย์หน้าจะมาสาธยายให้ฟัง เพราะผมกำลังจะไปทำข่าว
แบบที่ 1 การปลูกให้ออกหัวแบบคอนโดฯ ใช้ท่อนพันธุ์ส่วนที่เป็นลำต้นตัดแบบโคนตรง ปกติเกษตรกรมักตัดแบบโคนเฉียง 45 องศา โดยเฉือนเอาตาข้างท่อนพันธุ์จากด้านล่างออก 7 ตา เพื่อหวังให้ได้หัวที่เกิดจากฐานรอบโคน 9 หัว และข้างลำต้นที่เฉือนเอาตาออกอีก 7 หัว เรียงเป็นชั้นคล้ายตึกคอนโดมิเนียม
แบบที่ 2 การปลูกให้ออกหัวแบบคอนโดฯ สามเหลี่ยม ใช้ท่อนพันธุ์ส่วนที่เป็นลำต้นที่มีกิ่งสามง่ามแรก (primary branch) ติดอยู่ด้วยปลูก โดยเฉือนเอาตาข้างท่อนพันธุ์จากด้านล่างออก 7 ตา และเฉือนเอาตาข้างส่วนที่เป็นกิ่งออก กิ่งละ 2 ตา เพื่อหวังให้ได้หัวที่เกิดจากตาข้างกิ่งเพิ่มขึ้นอีก 6 หัว เรียงเป็นชั้นคล้ายคอนโดมิเนียม
สามเหลี่ยม
แบบที่ 3 การปลูกให้ออกหัวแบบคอนโดฯ พวงร้อย ใช้ท่อนพันธุ์คล้ายกับการปลูกแบบคอนโดฯ สามเหลี่ยม แต่เป็นลำต้นที่มีกิ่งสามง่ามที่สอง ติดอยู่ด้วยปลูก โดยมีความเชื่อว่าส่วนที่เป็นกิ่งสามง่ามที่สองอยู่ใกล้ยอด เป็นกิ่งที่อ่อนกว่ากิ่งสามง่ามแรกของลำต้นจะเจริญเติบโตได้เร็วและให้ผลผลิตดีกว่า การปลูกทั้งสามแบบใช้ท่อนปลูกยาว 40 เซนติเมตร ปลูกปักตรง โดยให้ส่วนที่เฉือนตาออกทั้งส่วนที่อยู่ด้านข้างลำต้นและกิ่งอยู่ใต้ดิน ของท่อนปลูกมันสำปะหลังจะเกิดขึ้นที่เพอริไซเคิล อยู่บริเวณรอยแผลระหว่างเปลือกกับเนื้อไม้ของท่อนปลูก นอกจากนี้รากฝอยยังเกิดที่ตาของท่อนปลูกอีกด้วย รากฝอยที่เกิดจากรอยแผลที่โคนของท่อนปลูกมีมากกว่า 50 ราก ส่วนรากฝอยที่เกิดจากรอยแผลที่ตามีน้อยมากเมื่อเปรียบกับรอยแผลที่โคนของท่อนปลูกนี่ที่หาข้อมูลมาน่ะครับเดี๋ยวไปดูจริงเป็นไงจะมาแถลงไขอีกที
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=542fe4062bdc805f
guru.google.co.th/guru/thread?tid=542fe4062bdc805f - |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 10:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
การปลูกมันสำปะหลัง 30 ตันต่อไร่ทำได้จริง
การปลูกมัน 30 ตันต่อไร่ตามที่นักวิชาการเกษตรออกมาบอกว่าไม่สามารถทำได้นั้น ทำได้จริงนะครับ เพราะเรื่องบางอย่างก็อาจมีคำว่า "ตามหลักวิชาการแล้วไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว" มีคนไปพิสูจน์แล้วว่าขนาดหัว น้ำหนัก และปริมาณแป้ง ที่ขุดขึ้นมานั้น ได้คุณภาพตรงตามที่โฆษณาไว้ คนที่ไปพิสูจน์มาแล้วคือนายพีระกานต์ แสนชั่ง เจ้าหน้าที่ส่งเสริมเกษตร ของบริษัทสงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด ผู้รับซื้อมันสำปะหลังรายใหญ่ของภาคอีสาน ที่อยู่ใน จ.นครราชสีมา และการประเมินน้ำหนักของมันสำปะหลังที่ขุดได้นั้น ธกส. ชัยภูมิ เป็นผู้ประเมินเอง ล่าสุดที่ขุดขึ้นมานั้น ประเมินน้ำหนักได้ 26 ตัน/ไร่ ครับ ถ้าไม่เชื่อสามารถขอชมวีดีโอตอนขุดได้ที่ นายพีระกานต์ แสนชั่ง 086-7520839, 089-8459838
http://www.phtnet.org/webboard/viewTopic.asp?question_id=42
www.phtnet.org › |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 9:51 pm ชื่อกระทู้: |
|
มันสำปะหลังพันธุ์ใหม่ ปลูกได้ทั้งต้นและปลายฤดูฝน
นายโอภาส บุญเส็ง นักวิชาการเกษตร 8 ว ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร เล่าให้ฟังว่า ในปี 2535 ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยองได้วิจัยและปรับปรุงพันธุ์มันสำปะหลังเพื่อให้ได้พันธุ์ที่สามารถปลูกได้ทุกแหล่งปลูกมันสำปะหลังของประเทศ และที่สำคัญสามารถปลูกได้ทั้งปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน จนประสบความสำเร็จในปี 2548 ผ่านการรับรองพันธุ์จากคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตรให้เป็นพันธุ์รับรองใช้ชื่อว่า "มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7
มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างพันธุ์ CMR30-71-25 กับพันธุ์ OMR29-20-118 ลักษณะเด่นของมันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 ให้ผลผลิตและปริมาณแป้งในหัวสดสูงกว่าพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกทุกพันธุ์ โดยให้
ผลผลิตหัวสด 6.30 ตันต่อไร่
ปริมาณแป้งในหัวสด 27.6 เปอร์เซ็นต์
ผลผลิตแป้ง 1.77 ตันต่อไร่
ผลผลิตมันเส้น 2.43 ตันต่อไร่
เมื่อใช้หัวสดเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลสามารถให้ปริมาณเอทานอล มากกว่า 1,026 ลิตรต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ระยอง 90 ระยอง 5 เกษตรศาสตร์ 50 และระยอง 72 ลักษณะเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ
ให้ความงอกเร็วมาก ประมาณ 5 วันหลังปลูก ในขณะที่พันธุ์ทั่วไปใช้เวลางอกถึง 14 วันหลังปลูก
มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 สามารถปลูกได้ดีทั้งปลายฤดูฝนและต้นฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงปลายฤดูฝนเนื่องจากให้ความงอกเร็ว ทำให้เจริญเติบโตได้เร็วในช่วง 1-2 เดือนหลังปลูก ซึ่งในขณะนั้นดินยังมีความเปียกชื้นอยู่ และสามารถฟื้นตัวหรือเจริญเติบโตได้เร็วเมื่อได้รับน้ำฝนอีกครั้ง หลังจากผ่านช่วงฤดูแล้งอันยาวนาน จึงเป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการปลูกปลายฤดูฝนได้ดี นอกจากนี้มันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 ยังให้หัวดก ขนาดของหัวใกล้เคียงกัน และไม่มีก้านหัว จึงเหมาะสำหรับการใช้เครื่องขุดในการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง และจากจำนวนลำต้นที่แตกออกจากท่อนปลูกมีมากกว่าพันธุ์รับรองทุกพันธุ์ ทำให้สามารถคลุมวัชพืชในช่วง 3 เดือนหลังปลูกได้ดี เป็นพันธุ์ที่มีทรงต้นดี ไม่แตกกิ่ง ทำให้ลำต้นไม่หักล้ม จึงสะดวกในการดูแลรักษาและเก็บเกี่ยว
เกษตรกรที่สนใจต้องการปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 7 สามารถติดต่อขอรับท่อนพันธุ์ได้ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง ศูนย์วิจัยพืชไร่นครราชสีมา ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี ศูนย์วิจัยพืชไร่ขอนแก่น ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชและปัจจัยการผลิตมหาสารคาม ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชฯ มุกดาหาร ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชฯ เลย ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชฯ ร้อยเอ็ด ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชฯ กาฬสินธุ์ ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชฯ สกลนคร ศูนย์บริการวิชาการด้านพืชฯ ปราจีนบุรี และศูนย์บริการวิชาการด้านพืชฯ ลพบุรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-3868-1514-5 ทุกวันในเวลาราชการ.
พนารัตน์ เสรีทวีกุล
kaewpanya.rmutl.ac.th/2552/index.php?...id...22 -
http://kaewpanya.rmutl.ac.th/2552/index.php?option=com_content&view=article&id=25:2009-07-20-07-49-57&catid=1:2009-07-16-05-16-29&Itemid=22 |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 9:07 pm ชื่อกระทู้: |
|
งานเข้า.....
ลองๆ จินตนาการซิ....
1. ถ้าประเทศไทยมีดินเป็นทรายชายหาด เหมือนอิสราเอลที่ดินเป็นทรายทั้งประเทศน่ะ..... คนไทยจะการเกษตรได้อย่างไร ?
2. จากรูปแบบการทำสำปะหลังที่ทำๆกันอยู่นี้ หากปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็น "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม - ตามความเหมาะสมของสำปะหลัง ณ พื้นที่นั้นๆ" .... จะดีขึ้นไหม ?
3. คิดในแง่ของเศรษฐศาสตร์การลงทุน ถ้า "เพิ่มทุนจากเดิม 25%" แล้วได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 500% หรือ จาก 3 ตัน เพิ่มเป็น 15 ตัน....จะคุ้มกันไหม ?
4. ลดพื้นที่สำปะหลัง แล้วบำรุงสำปะหลังแบบ "ประณีต" ให้ได้สำปะหลังเท่ากับเต็มพื้นที่เดิม จากนั้นเอาพื้นที่ๆเหลือปลูกอย่างอื่น แบบนี้จะเป็นการเพิ่มรายได้ไหม หรือใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไหม ?
5. ปลูกสำปะหลัง ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว เปรียบเทียบกับอย่างอื่นที่ ทำงานทั้งปีได้ขาย 3-4 รอบ อย่างไหนกดีกว่ากัน ?
6. ผลผลิตทางการเกษตรอะไรบ้างที่ ราคาต่อ กก.แพงๆ คนนิยม แล้วทำแบบ "ทำน้อยได้มาก" จะได้ไหม ?
7. ปลูกสำปะหลัง ตลอดอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุด ลงแปลงจริงๆ กี่วัน กับปลูกอย่างอื่นที่ต้องลงแปลงทุกวัน เช้าถึงค่ำ ...... เมื่อลงแปลงสำปะหลังเพียงไม่กี่วันแล้วมีรายได้แค่นั้นก็ถือว่าถูกต้อง กับปลูกพืชที่ต้องลงแปลงทุกวันแต่มีรายได้มากกว่า จะเอาอย่างไหน ..... สรุปก็คือ ทำงานน้อยย่อมได้น้อย ทำงานมากย่อมได้มาก ถูกต้องหรือไม่
8. ทำงานใช้สมองมากกว่ากำลัง กับ ทำงานใช้กำลังมากกว่าสมอง อย่างไหนดีกว่ากัน
ติดเป็น ทำอะไรก็สำเร็จ คิดไม่เป็น ทำอะไรก็ล้มเหลว
ลุงคิมครับผม
ปล.
ทหารนโปเลียน มีกี่ประเภท ? |
|
|
catcaty |
ตอบ: 26/09/2010 8:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
แถวบ้านผม อ.สอยดาว 2-3 ปีที่แล้วมา ผลผลิคต่อไร่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ราว 2-3 ตันต่อไร่เท่านั้นเอง (เทวดาเลี้ยง) ดีแต่ว่าปีที่ผ่านมาราคาดี พี่น้องผมก็เลยพอเอาตัวรอดได้ |
|
|
bombon |
ตอบ: 26/09/2010 7:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
จากพื้นที่จริง
ดินร่วนปนทราย เทวดาเลี้ยง 3-4 ตัน
ให้น้ำ 5-8 ตัน
ดินแดง (เป็นดินที่ร่วนมาก และมีธาตุอาหารมาก) ปลูกเทวดาเลี้ยง ได้ 10-12 ตัน/ไร่
ให้น้ำ ได้ 15-18 ตัน/ไร่
ดินดำทั่วไป ปลูกเทวดาเลี้ยง 4-5 ตัน/ไร่
ให้น้ำ 8-10 ตัน/ไร่
ดินเหนียวที่นา ปลูกเทวดาเลี้ยง 5-6 ตัน/ไร่
ให้น้ำ ยังไม่เคยมการทดลองครับ
ตรงนี้ คือพื้นที่ที่ผมอยู่นะครับผม ที่อื่นให้ปุ๋ย ยูเรีย ตอนแรกๆๆ และให้ 13-13-21 ตอนหลังเร่งแป้งครับ ส่วนใหญ่แถวที่ผมอยู่จะใช้ลักษณะนี่ครับ
แต่ "ดินแดง ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเลย" |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 7:36 pm ชื่อกระทู้: |
|
O.K. นั่นไม่ใช่ประเด็น....
แต่อยากรู้ว่า "ได้" ผลผลิตเท่าไหร่ ? |
|
|
bombon |
ตอบ: 26/09/2010 7:27 pm ชื่อกระทู้: |
|
bombon บันทึก: | kimzagass บันทึก: | bombon บันทึก: | ผลผลิตทุกชนิด ค่อมแล้งจะไม่ดีครับ
มันจะแกร็น ป้องกันโดยใช้ "อาหารเสริม + สังกะสี" พอกล้อมแกล้มๆ ได้ครับ
(น้ำสำคัญที่สุดครับ ....... เชื่อผม) |
เชื่อผม....เชื่อผม.... ไม่ได้ผลขึ้นมาละก็............................มึงตัยยยยยย | ลองมาแล้วครับลุง ..เชื่อผม ๆๆ |
ค่อมแล้ง ภาษาท้องถิ่น จันทบุรี ระยอง ครับ เขาว่้าค่อมหน้าหนาวครับ
ที่จันทบุรี ปลูกมันตั้งแต่ เมษายน ครับลุง ธันวาคม-มกราคม ก็ขุดกันหมดแล้ว |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 26/09/2010 6:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
เชื่อก็โง่น่ะซี.....
ถ้าคิดแต่พึ่งธรรมชาติก็คงไปไม่รอด ถึงรอดก็รอดแบบกระท่อนกระแท่น รอดแต่เป็นหนี้เป็นสิน
สำปะหลังอายุตั้งแต่เริ่มปลูกถึงขุดได้ 6-8 เดือน ฝากแปลงรอบแรกได้ 2 เดือน ฝากแปลงรอบ 2 ได้อีก 2 เดือน....เบ็ดเสร็จอายุทั้งสิ้น 1 ปี
เอาแค่อายุ 6 เดือน เริ่มปลูกเดือนไหนถึงจะหนีแล้งพ้น เพราะหน้าฝนจริงๆ มันแต่ 3-4 เดือนเท่านั้น......ยิ่งปลูกอายุ 8 เดือนขุดได้ แล้วมันหนีแล้งพ้นไหม ?
ไม่มีพืชใดในโลกนี้ไม่ต้องการน้ำ สำปะหลังต้องการน้ำพอหน้าดินชื้น....แยกให้ออกระหว่าง ชื้น-ชุ่ม-โชก-แฉะ-แช่.....
สำปะหลังย่านบ้านหนองจาน หัวรำ ท่าหลวง ลพบุรี ติดสปริงเกอร์โอเวอร์เฮดกลางแปลงสำปะหลัง ได้ผลผลิต 15-20 ตัน/ไร่ (สอบถาม "สุริยา (081)649-4440)
สำปะหลังด่านช้าง สุพรรณบุรี ให้น้ำอย่างเดียว โดยไม่ได้ใส่ปุ๋ยแม้แต่แหมะเดียว ได้ 12 ตัน/ไร่ (สอบถาม "สมบัติ" (086)175-3688)
งานประกวดสำปะหลังที่เมืองทองธานี ชนะเลิศสำปะหลัง 1 กอ (เน้นย้ำ....1 กอ หรือ 1 ต้น) ได้ 100 (+) กก. ด้วยระบบน้ำหยด
สำปะหลังนุสติ :
วันนั้น ตาเฒ่าผมสองสี นิราศจากพิจิตร ต้องการพิสูจน์โกหกคำโตสำปะหลัง 15 ตัน/ไร่ ที่ไร่เลิศสรานนท์ บ้านหนองจาน หัวรำ ท่าหลวง ลพบุรี .... โวว่า ตัวเองทำสำปะหลังมาตั้งแต่เกิด เคยได้สูงสุดเพียง 5-6 ตัน/ไร่เท่านั้น
ถึงแปลงสำปะหลังของไร่เลิศสรานนท์ ยอมรับแต่มีข้อแม้....
..... ทำแค่ 10 ไร่ ก็ได้น่ะซี.....ของผมทำตั้ง 100 ไร่....
หมายถึงการให้น้ำสำปะหลังช่วงหน้าแล้งในเนื้อที่ 10 ไร่ ทำได้ แต่ 100 ไร่ทำไม่ได้ เหตุผลเพราะแปลงใหญ่ทำไม่ไหว หรือไม่ก็เพราะน้ำไม่มี
..... คุณสุริยา. เป็นผู้หญิงอายุยังน้อย ไม่กล้าเถียงจึงเงียบ
แง่คิดเรื่องนี้ คือ :
- สำปะหลังคนความคิดแบบเก่า 100 ไร่ เทวดาเลี้ยง ได้ 3 ตัน/ไร่ รวมได้ 300 ตัน
- สำปะหลังคนความคิดแบบใหม่ 10 ไร่ ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น ได้ 30 ตัน/ไร่ รวมได้ 300 ตัน
ปุจฉาวิสัชชนา :
- สำปะหลัง 100 ไร่ ลงทุน (ทุกอย่าง) เท่าไหร่ ?
- สำปะหลัง 10 ไร่ ลงทุน (ทุกอย่าง) เท่าไหร่ ?
- สำปะหลังเทวดาเลี้ยง เปอร์เซ็นต์แป้งเทาไหร่ ?
- สำปะหลัง 10 ไร่ ให้น้ำ ได้แป้ง 30 เปอร์เซ็นต์
กังขา :
.... ทำไมยังคิดอะไรๆ แบบเก่าๆ อยู่.... "คิด-นอก-กรอบ" ไปไหน.....
.... ที่ 100 ไร่ 10 ไร่ ไม่มีน้ำ เป็นที่เปล่าประโยน์ ปลูกไปก็ไม่ได้อะไร....
.... ทำไมไม่คิดไม่วางแผน ไม่ศึกษา ไม่หาประสบการณ์ ไม่สร้างโลกทัศน์ ทำเกษตร 1 ไร่รวย.... ถามจริง ไม่เชื่อเหรอว่าเป็นไปได้....
.... 1 ไร่รวย ปลูกอะไรดีมีให้เลือกถมเถ ถ้าไม่รู้ต้องเรียน-เรียนให้รู้ ถ้าไม่เคยก็ต้องลอง....
.... ทำไมจึงยึดติดแต่ "แนวความคิดเก่าๆ" คนรุ่นใหม่ (วัดที่ความคิด ไม่ใช่อายุน้อย) ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ทำอย่างเดิมได้น้อยกว่าเดิมแถมขาดทุนมากกว่าเดิม ทำอย่างข้างบ้านก็มีแต่หนี้เหมือนข้างบ้าน
.... ปลูกเพื่อขายต้องพิจารณา "เศรษฐศาสตร์การลงทุน" แล้วจึงตัดสินใจลงมือทำ ปัจจัยการผลิตบางอย่างลงทุนครั้งเดียวใช้งานได้ตลอดชีวิต แบบนี้คิดว่าคุ้มไหม ?
พวกเราระดับเล่นเน็ตเป็น น่าจะคิด ..... :
1. ทำแล้วได้หรือไม่ ..... ได้เท่าไหร่..... ทำอย่างไร ?
2. คิดใหม่ ทำใหม่ .... ทำอย่างเดิม ได้เท่าไหร่ ?
3. ทำอย่างเขา เขาได้เท่าไหร่ ? .... ยังจะทำตามอีกรึ ?
4. คนที่ทำแล้วได้มาก กับ คนที่ทำแล้วได้น้อย....ใคร "รู้จริง" กว่ากัน
5. ทุกปัญหาแก้ได้ ไม่ต้องรอเทวดา ฟ้าดิน โชคชะตา พรหมลิขิต
6. ยาก หรือ ง่าย อยู่ที่ใจ-แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง หมายความว่าไง ?
ลุกขึ้นมา ลุก...ฮึด สู้ เขาทำได้ เราต้องทำได้
ลุงคิมครับผม |
|
|
bombon |
ตอบ: 26/09/2010 5:24 pm ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | bombon บันทึก: | ผลผลิตทุกชนิด ค่อมแล้งจะไม่ดีครับ
มันจะแกร็น ป้องกันโดยใช้ "อาหารเสริม + สังกะสี" พอกล้อมแกล้มๆ ได้ครับ
(น้ำสำคัญที่สุดครับ ....... เชื่อผม) |
เชื่อผม....เชื่อผม.... ไม่ได้ผลขึ้นมาละก็............................มึงตัยยยยยย | ลองมาแล้วครับลุง ..เชื่อผม ๆๆ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 25/09/2010 10:18 pm ชื่อกระทู้: |
|
แนะวิธีปลูกมันสำปะหลังช่วงต้นฤดูฝน
เกษตรกรต้องเตรียมท่อนพันธุ์ให้ดีก่อนที่จะลงมือปลูก ที่สำคัญควรเลือกท่อนพันธุ์ที่ สมบูรณ์ แข็งแรง มีความเหมาะสมทั้งอายุและขนาด คัดเลือกจากแหล่งที่ปราศจากเพลี้ยแป้ง...
นายเฉลิมศักดิ์ ประสิทธิ์สุวรรณ เกษตรจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวถึงการปลูกมันสำปะหลังต้นฤดูฝนนี้ว่า เกษตรกรต้องเตรียมท่อนพันธุ์ให้ดีก่อนที่จะลงมือปลูก ที่สำคัญควรเลือกท่อนพันธุ์ที่ สมบูรณ์ แข็งแรง มีความเหมาะสมทั้งอายุและขนาด คัดเลือกจากแหล่งที่ปราศจากเพลี้ยแป้ง และที่สำคัญยิ่งกว่าอื่นใดเกษตรกรต้องแช่ท่อนพันธุ์ก่อนปลูก ทั้งนี้เพื่อป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งไม่ให้ระบาดในไร่มันสำปะหลังได้
สำหรับการแช่ท่อนมันพันธุ์นั้นแนะนำให้ใช้สารเคมีสำหรับแช่ท่อนพันธุ์ ได้แก่ ไทอะมิโทแซม 25% ดับเบิ้ลยูจี 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาคลอพริก 70 % ดับเบิ้ลยูจี 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไดโนทีฟูแรม 10% ดับเบิ้ลยูพี 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร อย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่มา : ไทยรัฐ
COMMENT :
- ในข่าวนี้ไม่ได้แนะนำวิธีแก้ไข/ป้องกัน "น้ำ" ที่อาจท่วม หรือขังแช่ ซึ่งอาจจะทำให้ต้นสัมปะหลังตายหรือเน่าได้ เพราะธรรมชาติของสัมปะหลังชอบ "ชื้น" แต่ไม่ชอบ "ชุ่ม-โชก-แฉะ-แช่" ..... เพราะฉนั้นต้องระวังเรื่องน้ำมากเกินพอดีไว้ด้วย
- แช่ท่อนพันธุ์ใน "ไคโตซาน" จะได้สาร "ไคติเนส" ช่วยกำจัดเชื้อโรคที่ติดมากับท่อนพันธุ์ได้
- แช่ท่อนพันธุ์ใน "สังกะสี + โบรอน" ช่วยให้ต้นได้สะสมสารอาหารต้องแต่ก่อนเกิด ซึ่งจะส่งผลให้ต้นเมื่อโตขึ้นสมบูรณ์แข็งแรงดี
- การแช่สารเคมี เท่ากับให้ต้นได้กินสารพิษแล้วสะสมไว้ในตัวตั้งแต่ยังไม่เกิด แยกให้ออกระหว่าง "สารพิษ" กับ "สารอาหาร" อย่างไหนมีประโยน์ต่อพืขมากกว่ากัน
ลุงคิมครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 25/09/2010 10:03 pm ชื่อกระทู้: |
|
bombon บันทึก: | ผลผลิตทุกชนิด ค่อมแล้งจะไม่ดีครับ
มันจะแกร็น ป้องกันโดยใช้ "อาหารเสริม + สังกะสี" พอกล้อมแกล้มๆ ได้ครับ
(น้ำสำคัญที่สุดครับ ....... เชื่อผม) |
เชื่อผม....เชื่อผม.... ไม่ได้ผลขึ้นมาละก็............................มึงตัยยยยยย |
|
|