ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass |
ตอบ: 28/07/2010 9:59 pm ชื่อกระทู้: |
|
ว่ากันจริงๆแล้ว บ่อยขนาด เช้ารอบค่ำรอบ-ค่ำรอบเช้ารอบ ก็ได้ ถ้าคุณมีเวลา สารสมุนไพรทำ
เอง ฉีดบ่อยๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นอันตรายต่อพืช..... ฉีดสมุนไพร 100 ครั้ง ประหยัดกว่าฉีดสาร
เคมี 1 ครั้ง...... ว่ามั้ย
ติดสปริงเกอร์มีหม้อปุ๋นยหน้าโซนซี่ เนื้อที่ 1 โซน (1 ไร่) ใช้เวลา 2-3 นาที แรงงานคนเดียว
ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลเหนือกว่าคนมากนัก
สปริงเกอร์ ให้ยาได้ ให้ฮอร์โมนได้ ให้ปุ๋ยได้ ให้น้ำได้.....ใช้ไปซื้อโอเลี้ยงไม่ได้ เท่านั้นแหละ
ก็เพราะมัวแต่ลากสายยาง/สะพายเป้ เนื้อที่ 1 ไร่ ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ชม. .....คุ้มเหรอ ?
เวลาก็คือต้นทุน......เอาเวลาไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ
ลงทุนเพื่อลดต้นทุนไง
ลุงคิมครับผม |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 28/07/2010 9:32 pm ชื่อกระทู้: |
|
- "พี่อ้อ" น.ส.สุภาภรณ์ อรัญนารถ Aorrayong ...... ไม้ผล .....(082)210-0188
- "พี่อ๊อด" นายบุญเสริม พิทยาวิริยะพันธ์ Ott_club... ปาล์มน้ำมัน .....(081)663-6061
บีที ๕ วันครั้ง
สมุนไพร ๓ วันครั้งครับ
ลองดูน่ะครับ
ยุทธ ครับ |
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 28/07/2010 9:11 pm ชื่อกระทู้: |
|
ว่าแต่ฉีดบ่อยๆนี้กี่วันครั้งครับ |
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 28/07/2010 9:06 pm ชื่อกระทู้: |
|
คุณยุทธครับ แล้วมีเบอร์โทรพี่อ้อ พี่อ๊อดเปล่าครับ.......ความฝ้นใกล้เป็นจริงแล้ว |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 28/07/2010 8:51 pm ชื่อกระทู้: |
|
ถึง คุณ "ตั้ม" ครับ
เอาทีล่ะข้อน่ะครับ
- เรื่องกิ่งพันธ์นี่ คงต้องรบกวนสืบหาเอาน่ะครับ
เขตระยองนี่ไม่รู้จริง ๆ มีพ่อค้าเขามารับจากนครนายก
ไปขายบ้างไหมล่ะครับ เท่าที่ผมทราบน่ะ
พันธ์ ราษฎร์บูรณะ ๑ คือ สายพันธ์ที่ดีที่สุด สำหรับปลูกมะลิเก็บดอก
(ข้อมูลนี้อ้างจาก สนง.อะไรสักอย่างที่ขอนแก่น ผมลืมไปแล้ว
นัยว่าทดลองกันมาจนแน่ใจแล้วน่ะครับ)
เพราะที่นครนายกแถวคลอง ๑๕ ขายพันธ์นี้ทั้งนั้นครับ
- เชื้อ บีที ที่คุณใช้ ในฉลากไม่ระบุให้ขยายเชื้อก่อนใช้เหรอครับ
เปลืองแย่น่ะผมว่า อีกอย่าง ปริมาณการใช้ต่อครั้ง ๓ ลิตร พอเหรอครับ
ของผมนี้ก็เป็นผงครับผสมน้ำได้ตั้ง ๑๐๐ ลิตร ฉีดจนเปียกโชคเลย
ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละครับว่า ซื้อมาแล้วใช้ได้เลยโดยไม่ต้องขยาย
หรือเขามีแบบใหม่แล้วผมไม่ทราบเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
กระป๋องนึงยังใช้ได้ตั้ง ๓ - ๔ เดือน ๓๐๐ กว่าบาทครับ ประหยัดมากครับ
ย้ำน่ะครับว่าต้องฉีดกลางคืน จึงจะได้ผล
- สมุนไพรที่ผมใช้เป็นสูตรรวมมิตรครับ คือ ครอบจักรวาลเลย
ไม่ได้ทำเองครับ ซื้อผ่านตัวแทนลุงอีกทีน่ะครับ ก็ใช้มาตลอด
ก็มีหนอนบ้าง แต่น้อยมากครับ ส่วนใหญ่นาน ๆ เจอหนอนผีเสื้อจรวด
(ข้อมูลจากคุณนิรชา กับ พี่อ้อ ครับ) หนอนเจาะดอกมีน้อยมาก
ผมฉีดแบบ ให้แมลงคาดเดายากน่ะครับ (คือเวลาไม่ตายตัว)
ฉีดเช้าบ้าง เย็นบ้าง ค่ำบ้าง สลับกันไปมา ให้เขาสัปสนน่ะครับ
แต่ฉีดบ่อย ๆ ครับ ไม่เปลืองมากครับ แต่ห้ามผสมรวมกับ บีที น่ะครับ
เพราะว่าจะไปฆ่าเชื้อบีทีตายหมดครับ (ข้อมูลจากลุงครับ)
ส่วนที่ว่าจะซื้อหาจากไหน ก็ต้องลองติดต่อพี่น้องเราแถวระยองน่ะครับ
พี่ใหญ่เราก็ พี่อ้อ น่ะครับ พี่อ๊อด ก็ได้ ลองดูครับ
เรื่องซื้อขายนี่ติดต่อกันเองนอกรอบดีกว่าครับ
ที่นี่เราเน้นเรื่องการแบ่งปันกันครับ พูดเรื่องซื้อขายมาก ๆ ไม่ดี
ลองดูน่ะครับ ได้เรื่องไม่ได้เรื่องยังไง ส่งข่าวบ้างน่ะครับ
เอาใจช่วยครับ
เบอร์ผมครับ โทร.มาคุยได้ครับ ยินดีต้อนรับ
๐๘๗ ๐๘๘ ๗๕๗๕
ยุทธ ครับ |
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 28/07/2010 8:15 pm ชื่อกระทู้: |
|
คุณยุทธครับสมุนไพรของคุณยุทธทำไงครับมีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้างครับ |
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 28/07/2010 8:07 pm ชื่อกระทู้: |
|
พอดี BT ที่ผมซื้อมามันเป็นผงและผมก็ใช้น้อยนะครับใช้วันละ3ลิตรก็เลยไม่ได้ขยายเชื้อ
ไม่รู้ว่าใส่ผสมกับน้ำใช้ตรงๆเลยได้เปล่าหรือว่าต้องขยายกันก่อนถึงจะมีผลครับ |
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 28/07/2010 8:04 pm ชื่อกระทู้: |
|
ว่าแต่ใครอยู่ระยองที่ปลูกมะลิบ้างครับ ผมอยากได้กิ่งพันธ์นะครับ
ใครขายต้นได้ยิ่งดีขอเป็นราษบูรณะนะครับ ตอนนี้ได้กิ่งมาไม่รู้จะขึ้นเปล่าครับ |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 27/07/2010 11:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
tapabnumm บันทึก: | ผมก็เลยเข้าไปดูในเน็ตก็ไปเจอ BT ก็เลยสังซื้อมา1ถุงทดลอง 250กรัม
ก็ใช้ทีละ5ช้องชา/3ลิตร |
ขยายเชื้อ บีที. ยังไงครับ ฉีดพ่นตอนไหน ผสมอะไรลงไปใน เชื้อบีที. เพิ่มหรือเปล่า
ของผมน่ะ ฉีดพ่นตอน ทุ่มครึ่ง ผมเตรียมอย่างนี้ครับ
ก่อนวันฉีด ๑ วัน ผมก็ขยาย เชื้อ บีที. ตอนห้าโมงเย็น
- น้ำเปล่า ๑๕ - ๒๐ ลิตร (น้ำมะพร้าวยิ่งด๊)
- ละลายนมข้นหวาน ๑ กระป๋องลงไป คนให้ละลาย
- เติมน้ำตาลทรายแดง ๓ ช้อนโต๊ะครับ คนให้ละลาย
- เติม บีที. ๕ ช้อนชา คนให้ละลายช้า ๆ ครับ
เมื่อส่วนผสมทุกอย่างละลายดีแล้ว (บีที.ละลายยาก)
- เติมอ๊อกซิเจน จากปั๊มตู้ปลา ๒๔ ชั่วโมงครับ
หาผ้าคลุมภาชนะที่ขยายเชื้อไว้ให้ดี ไม่ควรให้ถูกแสงแดด
(บีที. ไม่ทนต่อแสง ยูวี.ครับ นี่คือเหตุผลที่ต้อง ฉีดกลางคืนไงครับ)
วิธีใช้...(ลุงสอนมาน่ะครับ)
- หลังจากผ่านไป ๒๔ ชม. นำ บีที. ที่ขยายเชื้อแล้ว เจือจางด้วยน้ำ ได้ถึง ๑๐๐ ลิตร
- ก่อนใช้ ให้ SPRAY น้ำเปล่าไปก่อนโชกๆ ให้เปียกทั่วต้นทั้งใต้ใบบนใบ แล้วฉีดพ่น
เชื้อพวกนี้ขณะที่ใบยังเปียกอยู่ นัยว่า เชื้อจะเคลื่อนที่เหมือนว่ายน้ำไป ประมาณนั้น ถ้า
ใบพืชแห้งมันจะไปไม่ได้ เพราะมันไม่มีขาไง (ลุงสอนครับ)
ผมใช้สลับกับสารสมุนไพร ฉีดบ่อย ๆ ครับ
เรื่องหนอนก็ไม่ค่อยมีปัญหา
คุณเคยได้ยิน "มะลิกางมุ้ง" ไหมครับ
ผมไม่ได้ยียวนคุณน่ะ แถวบ้านผมเขาทำจริง ๆ
- มุ้งสีฟ้าน่ะครับ (มุ้งวัว - ควาย)
กลางวันเปิดมุ้งออก เก็บมะลิ หรือบำรุงต้น หรืออะไรก็ว่าไป
กลางคืนก็กางมุ้งให้มะลิครับ กัน ผีเสื้อ (ส่วนใหญ่น่ะ) มาวางไข่
(ออกตัวน่ะครับว่า ไม่ได้ทำเอง ดูเขามา จริงเท็จยังไงไม่ทราบครับ)
ทำให้ลดปริมาณการใช้สารกำจัดแมลง ลงไปได้ระดับหนึ่ง
บางคนเล่นแบบนี้เลยครับ ช่วงมะลิหน้าหนาว (เขาเล่ามาน่ะ ต้องทดลองดูบ้าง)
- ผ้าพลาสติกใส หนาหน่อยก็ดี คลุมต้นมะลิตอนกลางคืน
- เปิดไฟด้วยหลอดมีไส้ (หลอด Incan สมัยเก่าน่ะครับ) ให้ทั่วแปลงเลยครับ
สัก ๓-๔ ชม. นัยว่า มะลิ เขาจะงงและก็ร้อนด้วยน่ะครับ เขาก็จะ "เริง"
บ้านผมเขาใช้คำนี้กันครับ เขาจะออกดอกมากขึ้นน่ะครับ
ที่เคยเห็นมา เขาใช้กับ "ดอกมัม" ครับ ยิ่งเปิดไฟ ก้านยิ่งยาวครับ
สอบถามบางคนที่ปลูกน่ะครับ เขาจะปลูกมะลิต้นเล็กสลับต้นใหญ่
เพื่อให้มะลิต้นเล็ก โตไวครับ เพราะมีต้นใหญ่เป็นไม้พี่เลี้ยง
(ฟังหูไว้หูนะครับ เพราะผมเองไม่ได้ลองด้วยตัวเอง)
บางรายปลูก พันธ์ราษฎร์บูรณะ สลับกับ พันธ์ชุมพร ครับ
เพราะเวลาที่มีดอก พันธ์ชุมพร จะออกดอกมากครับ แต่ไม่สม่ำเสมอ
จึงต้องใช้ พันธ์ราษฎร์บูรณะ เสริมเข้าไป เพราะออกดอกสม่ำเสมอกว่า
แต่ปริมาณดอกน้อยกว่า อะไรแบบนี้น่ะครับ
ลองดูเนอะ ได้เรื่องยังไงส่งข่าวกันบ้างครับ
ขอให้มีความสุขกับน้องมะลิเหมือนผมน่ะครับ
ที่ระยองกิ่งพันธ์ราคาแพงไหมครับ
แถวนี้ ซื้อน้อย ๒ บาท ซื้อมาก บาทห้าสิบครับ
(เดือนหน้า ผมลงน้องมะลิอีก ๑ ไร่ครับ)
ยุทธ ครับ
ปล. อยู่ระยอง พวกเราเยอะครับ ลองติดต่อดูสิครับ เพรียบเลย |
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 27/07/2010 10:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
สวัดดีครับ
ผมลืมแนะนำตัวไปผมชื่อ "ตั้ม" นะครับ
ทำงานอยู่ในโรงงานที่ระยองครับ พอดีซื้อบ้านมีเนื้อที่เหลือ
ก็เลยอยากหางานที่พอจะเป็นอาชีพได้ในอนาคตนะครับ
ขอบคุณทุกท่านจริงๆคับที่ช่วยแนะนำ
เหตุผลที่อยากทำงานด้านนี้ ผมมีความสุขมากที่ได้ปลูกต้นไม้
อยู่กับต้นไม้ งงชีวิตเหมือนกัน เอาเป็นว่าผมสามารถอยู่กับมะลิได้ทั้งวัน
เป็นวิศวะกรโรงงานเพราะเงิน +ไม่มีความสุข (อยู่กับมะลิมีความสุขกว่ามาก)
ก็เลยอยากออกมาทำด้านนี้ ตอนนี้อยู่ในขั้นทดลอง
อธิบายทีละขั้นเลยละกัน
เริ่มแรกไม่มีความรู้อะไรเลยกับมะลิเนี้ยพอดี ยาย+แม่ยาย ที่บ้านรับจ้างร้อยดอกมะลิ
ได้พวงละจำไม่ได้ 1-2 บาท ประมาณนี้ (เดือน 11/09)
ยาย+แม่ยาย ก็เลยบอกให้ผมปลูกให้แก่หน่อยแบบว่า อยากร้อยขายเองว่างั้น
ผมก็ทำตัวเป็นลูกเขยที่ดี
ไปซื้อมะลิจากโอมโปร ระยอง วันเสาร์อาทิตย์นี้ละ
แบบว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย (ไม่รู้จักพันธ์ รู้แต่เป็นมะลิลา) ทุกวันนี้ยังดูพันธ์ไม่ออกเลย
ซื้อมา 20 ต้นก่อน เอามาปลูกเป็นแนวรั้วที่บ้าน (บ้านจัดสรรดินไม่ดีเลย)
ก็เจริญเติบโตเรื่อยมาในตอนแรกๆ ที่ผมคิดนะ ผมขอแค่ให้ได้ต้นมะลิก่อนเป็นใช้ได้
แบบว่าไปอ่านหนังสือปลูกกล้วยไม้ ขั้นตอนแรกของเขาคือปลูกให้ไม่ตาย
ก็ปลูกลงไปปลูกแบบโง่ๆ แบบว่า ก็ปลูกแล้วไง
แล้วก็เป็นแบบในรูป ต้นมะลิของคุณอะไรนะจำไม่ได้ ที่กระทู้ว่าต้นมะลิมีปัญหา
ผมเป็นทุกอย่างก็ถามเพื่อนที่ทำงาน เพื่อนก็ไม่มีความรู้แต่อยากอธิบายกันจริง
ให้น้ำมากไปบางละ น้อยไปบ้างละ ดินไม่ดี ร้อน หนอนกินราก หนอนกินใบ
ไม่รู้ทำไงใบเหลืองเอาเหลืองเอา ก็เลยขุดดินเก่าที่ปลูกมะลิทิ้งหมด
แบบว่าเพื่อนบ้านงง คุณทำอะไร แล้วไปซื้อดินใหม่มาปลูกถุงละ20บาท
(ดินบูรพา) มาใส่ใหม่ อืมมม ได้ผล มะลิเจริญสวยงามมีดอกด้วย ดกหรือเปล่า ดูไม่เป็น
ตอนนั้นแค่มีดอกก็สุดๆ แล้ว (เดือน1/10)
มีดอกได้ซัก 1 อาทิตย์เห็นจะได้ เริ่มมีหนอนมากินดอก
เราก็เลยไปถามแม่ค้าขายต้นมะลิว่าทำไง เขาก็ให้ซื้อเลย น้องมาลาไทออน 57
40 บาท หรือเท่าไรนี้ละจำไม่ได้ ก็ลองมาใช้ แม่เจ้า เหม็นโคตรๆ
ผมต้องออกไปขอโทษเพื้อนบ้าน คิดดูแล้วกัน คนยังจะตาย แล้วหนอนจะไปเหลืออะไร
อย่ามาฟ้องผมนะ บ.ผลิตมาลาไทออน 57 ก็มันสุดๆ จริงๆ
ผมก็เลยหยุดมะลิไปพักหนึ่ง แบบว่าไม่รู้จะทำไง ช่วงนี้นะมะลิใบก็ไม่เหลือหนอนกินหมด
ก็มีเพื่อนเขาขายผลิตภัณท์ "ปูแดง" ผมก็เลยซื้อมาใช้ดู อืมมม ได้ผล หนอนไม่กินใบ
(ปูแดงก็มีไคโตซาน + กันแมลงสูตร 1 + อะไรจำไม่ได้ คล้าย EM)
ผมมีที่พ่นสาร 3 ลิตร ผมผสมดังนี้ ไคโตชาน 3 ช้อนชา + กันแมลง 5 ช้อน + Em 3 ช้อนชา
ฉีดทุกวันพุธ กับวันอาทิตย์ แรกๆ ก็ดีมากครับ มีใบมียอดมีดอก
ลืมบอกไป ผมนะชอบรดน้ำเป็นชีวิตจิตใจ รดมันเช้าเย็น
พักหลัง ทุกดอกมันมีหนอนอยู่ข้างในนะครับ ทำไงก็ไม่หมด
ผมก็เลยเข้าไปดูในเน็ตก็ไปเจอ BT. ก็เลยสั่งซื้อมา 1 ถุง ทดลอง 250 กรัม
ก็ใช้ทีละ 5 ช้องชา / 3 ลิตร ไม่รู้ใช้ถูกเปล่า เอาเยอะไว้ก่อน
อืมมม หาหนอนไม่เจอครับหลังจากที่ใช้ไป แต่ว่า เมื่อฝนตกหนักๆ ก็เริ่มไม่ได้ใส่ BT.
หนอนก็กลับมาอีก แล้วพอฉีดก็ไม่ได้ผล ไม่รู้เพราะอะไร
พอดีตอนนี้กำลังทดลองอยู่แบบใหม่ (ตอนนี้มีต้น 80 ต้น แล้วแบบว่าปักเรื่อยๆ)
พอดีแม่บ้านที่ทำงานผม เขารู้ว่าผมชอบปลูกดอกมะลิแล้วมีปัญหา
เขาก็บอกผมว่า ที่หน้าบ้านเขามีสวนมะลิ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด
ผมก็เลยบอกแม่บ้าน วันนี้ผมไปส่งที่บ้านเอง
ไปถึงที่สวน อะไรนี้ บอกก่อน สวนที่ว่านี้กับบ้านผมห่างกันไม่เกิน400ม
ผมไม่รู้ แบบว่า ดอกมะลิเต็มต้นเลย เต็มๆๆๆ ไม่รู้จะบอกไงดี
แล้วที่บ้านผมนะ 3 ดอก / ต้น(ตอนแรกก็คิดว่าเพราะฝนตกหนัก ทำให้มะลิผมเป็นแบบนี้)
ก็ถามพี่เขานะว่าปลูกไง ที่บ้านผมมี 3 ดอกต่อต้น
พี่เขาถามผมว่ามะลิซ้อนเปล่า ผมก็บอกมะลิลาแก ก็ไม่เชื่อ
แกบอกผมว่า การปลูกมะลิมีวิธีการปลูก ดังนี้
1. ไปซื้อพันธ์มะลิราษบูรณะอะไรนี้ละ ผมก็บอกพี่เขาไปตรงๆ นะ ดูไม่เป็น
พี่มองหน้าผมแบบงงๆ เอาไงกับมันดี ก็เลยไปตัดกิ่งให้ผมมา 6 กิ่ง
ปักวันที่ 17/07/10 ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม
2. ตัดแต่งกิ่งให้โปรง มะลิจะได้แต่กิ่งมากๆ ดอกดกๆ หาแมลงได้ง่าย
มะลิบ้านผมนะเหรอ ใบมากๆ จะได้ดอกเยอะๆ คิดได้ไงนี้เรา
3. รดน้ำ 2 วันครั้ง หา ผมถามพี่เขา 2 วันครั้งไ ม่ตายเหรอ พี่เขาบอกมะลิทนได้ไม่ต้องกล้ว
เอางี้ ให้ดูที่ดินแล้วกัน ถ้าดินแห้งค่อยรดน้ำ ผมคิดในใจ ก็ดีนะซิ ไม่ต้องรดน้ำทุกวัน
แล้วพี่ยังบอกอีกนะว่า ให้รดตอนเช้า ห้ามรดตอนเย็น เพราะจะทำให้เป็นโรค
4. ใส่ปุ๋ย ขี้ควาย อืมมมลืมถาม ใส่ไงแล้วก็ "โอมาซ่า อินทรีทอง" เพิ่มดอกเร่งให้ดก
อันหลังเป็นแบบละลายน้ำฉีด พี่บอกให้ใช้เดือนละ 1 ครั้ง ก็ใส่ 1 ช้อนชา / 3 ลิตร
5. ยาฆ่าแมลงรอมานาน ทำไงพี่ พี่บอกใช้ "สมุนไพรประตูทอง+เก็บหนอน" ออกจากต้น
(ผมรู้สึกว่า จะเก็บหนอนออกจากต้นมากกว่านะ )
50 ตารางวา พี่บอกได้วันละ 3 โล จริงเปล่าไม่รู้ แต่แทบไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลง
อาศัยเก็บแมลงออก กับอะไรนะ ประตูทองอะไรนี่ละ
ผมกลับมาบ้าน
เอากิ่งที่ได้มา 6 กิ่งปักชำ
ขับรถไปซื้อ "โอมาซ่า ประตูทอง" ไม่มีขาย มีแต่ สะเดา สะเดา แล้วก็สะเดา
แล้วก็ปุ๋ยขี้วัว ไม่มี มีแต่ 15-15-15 กัน Bison เร่งดอกเพิ่มสี
ที่โอมโปร โอมาซ่า.ตาม บขส. ระยอง
ซื้อกลับมาบ้านมองต้นมะลิ
ตัดแต่งกิ่งให้ใหม่ ไม่รู้ว่าแต่งถูกเปล่า ตัดเอามันแบบว่า ถ้ามีหนอนซักตัวหลบผมไม่ได้ก็แล้วกัน
ตัดจนแฟนสงสาร ก็ไม่รู้จะอธิบายไง ก็เห็นที่สวนพี่เขาตัดงี้ก็ทำตาม (18/07/10)
ขั้นต่อไปใส่ปู๋ย 15-15-15 ต้นละ 3 ช้อนชา (19/07/10)
วันที่ 20/07/10 ใส่ Bison เร่งดอกอีก 1 ช้อนชา / ต้น
ช่วงนี้ผมก็ใช้ BT อยู่นะครับ ก็มีหนอนให้เห็นอยู่แต่อยู่ในดอกนะครับ
ผมก็ตื่น 6 โมงเช้า มาจับหนอนออกจากต้น ก็ได้วันละ 2-3 ตัว
7 โมงไปทำงาน รู้สึกวันหลังมานี้ 26-27/07/10 จะน้อยแล้วครับ
แล้วก็ที่ต้นมียอดออกมาใหม่เพียบเลย วันหลังจะนับดูว่ามีกี่ยอด
นี้เป็นก้าวของผมนะครับ ดีไม่ดีไม่รู้
ตอนนี้ว่าจะกลับมาใช้ปูแดงดูครับ ผมอยากรู้ว่าที่มันมีหนอนเมื่อก่อนน่ะ
มันเป็นเพราะ ผมไม่ได้แต่งกิ่ง หรือมันกันหนอนไม่ได้กันแน่
ทีละขั้น ทีละขั้น จากคนความรู้น้อย
สิ่งผิดพลาดในอดีตจะเป็นประสบการณ์ที่มีค่าสู่ความสำเร็จในอนาคต
ขอบคุณทุกท่านจากใจจริง |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 27/07/2010 6:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | วันนี้..... ถามตัวเองซิว่า .................. สารเคมีกำจัดหนอนมะลิได้จริงหรือ ?
วันนี้..... ถามคนข้างบ้านซิว่า ............. สารเคมีกำจัดหนอนมะลิได้จริงหรือ ?
เอาคำตอบที่แท้จริงมาให้ได้ ว่ากันด้วยเหตุและผล อย่าโกหกตัวเอง.....
จริงมั้ย....ทำอย่างเดิม สถานการณ์จะเลวร้ายลงกว่าเดิม
ลุงคิมครับผม
ปล.
ไร่ KLOMKLAM ตั้งแต่ถือกำเนิดมา ไม่เคยใช้สารเคมียาฆ่าแมลงใดๆ ทั้งสิ้น.....สารสมุนไพร จะใช้ก็ต่อเมื่อเพื่อการสาธิตเท่านั้น |
ใช่เลยครับลุง...
นี่ผมก็รอคุณ ตะพาบน้ำ แกเข้ามาอ่านและตอบกระทู้ จะได้รออ่านแนวทางของแกอีกทีนึง
อย่างที่ลุงสั่งสอนแหละครับ...
ที่นี่ลุงจุดประกายให้พวกเรา ถ้าเราไม่จุดประกายให้ผู้อื่น (บางท่านกลายมาเป็น "พวกเรา" ในเวลาต่อมา)
ต่อไป "เรา" (อันมิได้หมายถึงลุง) เองก็คงไม่ต่างจาก "น้ำเต็มแก้ว" สักเท่าไหร่ ใช่ไหมครับลุง
ไอ้ยู้ดดด...ครับ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 27/07/2010 4:30 pm ชื่อกระทู้: |
|
เจตนาเขียน "แม่ผีเสื้อ-ไข่-หนอน-ดักแด้..." ซ้ำหลายๆ รอบ เพื่อให้เห็น "วัฏจักร" ของศัตรู
พืช นั่นคือ ห่วงโซ่ชีวิตของเขาใช่ไหม ถ้าห่วงใดห่วงหนึ่งขาดลง วงจรชีวิตทั้งวงจรย่อมขาดไป
ด้วย .... ใช่หรือไม่ ?
กล่าวอ้างถึง "อีวา-อาดัม" มนุษย์คู่แรกของโลก ถกเถียงกันเรื่องแมลงศัตรูพืช เพื่อเป็นอนุสติให้
สำนึกว่า อันศัตรูพืชนั้นมีมาตั้งแต่กำเนิดโลกแล้ว น่าจะเกิดก่อนมนุษย์ด้วยซ้ำ.....นับแต่ครั้งบรรพ
กาล ถึงปัจจุบันสมัย นับเวลาได้กี่ "ล้านล้านปี" แล้ว มนุษย์ยังเอาชนะศัตรูพืชไม่ได้ .... ตรง
กันข้าม บรรดาศัตรูพืชซึ่งมีเพียงเทคโนโลยีธรรมชาติ กลับเป็นฝ่ายชนะมนุษย์ ซึ่งมีเทคโนโลยี
วิทยาศาสตร์ ว่าล้ำเลิศเหนือวิทยาการใดๆ.....เมื่อมนุษย์ถามเองตอบเองเองว่าเป็น "สัตว์ที่ฉลาด
ที่สุดในโลก" แล้วไฉนจึงเอาชนะศัตรูพืชที่ตัวเล็กๆ เพียงธุลีขี้เล็บไม่ได้
สรรพสิ่งมีชีวิตไนโลกนี้เหมือนกันทั้งสิ้น นั่นคือ "ปัจัยเพื่อการดำรงชีวิต" และ "สภาพแวด
ล้อม" ของที่อยู่อาศัยเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์......ใช่หรือไม่....ทำความเข้าใจก่อนศึกษาต่อ....
ปริศนาธรรม :
..... แม่ผีเสื้อ (แมลง) รู้ได้อย่างไรว่าไม้ต้นไหนเป็นต้นมะลิ ?
..... ทำไมแม่ผีเสื้อจึงเลือกต้นมะลิเป็นแหล่งวางไข่ ?
..... แม่ผีเสื้อ กับ หนอน ในต้นมะลิ เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับไม้อื่นหรือไม่ ?
..... ถ้าแม่ผีเสื้อไม่เข้าวางไข่ จะมีหนอนเกิดขึ้นได้หรือไม่ ?
..... ถ้าไข่ของแม่ผีเสื้อฝ่อ จะฟักออกมาเป็นตัวหนอนได้หรือไม่ ?
..... ถ้าหนอนหยุดกินดอกมะลิ หนอนจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ ?
..... ถ้าหนอนไม่ลอกคราบ หนอนจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ ?
..... ถ้าหนอนไม่เข้าดักแด้ หนอนจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ ?
..... ถ้าหนอนไม่ออกจากดักแด้ เผ่าพันธุ์ของแมลงจะสูญสิ้นหรือไม่ ?
เหล่านี้คือ มาตรการทั้งปวงที่มนุษย์พึงวางแผนนำมาใช้ "ดักทาง" เพื่อเอาชนะแมลงและหนอน
อยู่แต่ว่า ขั้นตอนใดต้องใช้มาตรการใดและปฏิบัติอย่างไร
วันนี้..... ถามตัวเองซิว่า .................. สารเคมีกำจัดหนอนมะลิได้จริงหรือ ?
วันนี้..... ถามคนข้างบ้านซิว่า ............. สารเคมีกำจัดหนอนมะลิได้จริงหรือ ?
เอาคำตอบที่แท้จริงมาให้ได้ ว่ากันด้วยเหตุและผล อย่าโกหกตัวเอง.....
จริงมั้ย....ทำอย่างเดิม สถานการณ์จะเลวร้ายลงกว่าเดิม
ลุงคิมครับผม
ปล.
ไร่ KLOMKLAM ตั้งแต่ถือกำเนิดมา ไม่เคยใช้สารเคมียาฆ่าแมลงใดๆ ทั้งสิ้น.....สารสมุนไพร จะใช้ก็ต่อเมื่อเพื่อการสาธิตเท่านั้น |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 26/07/2010 10:07 pm ชื่อกระทู้: |
|
ถึง...คุณ tapabnumm
ดีใจน่ะครับ...มีเพื่อนปลูกมะลิเพิ่มอีกคน
ปลูกมะลิอยู่ที่ไหนล่ะครับ เผื่อใกล้กัน จะได้แวะไปทักทายกันบ้าง
ผมอยู่ พยุหะคีรี นครสวรรค์ ครับ
คุณขยายเชื้อ บีที. อย่างไร ? ยี่ห้ออะไรครับ ?......อธิบายนิดนึง
เท่าที่สอบถามจากพี่ที่ อ.เก้าเลี้ยว.น่ะครับ
เขาบอกมาว่าอย่างนี้น่ะ
- การใช้สารเคมี กำจัดแมลง ควรให้ใช้จากอ่อนที่สุดไล่ขึ้นไป
เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดการดื้อน่ะครับ (ฟังหูไว้หูน่ะครับ เขาบอกมา ผมก็บอกไป)
- ผู้ปลูกรายนึงเคยใช้สารเคมีมามาก พอหันมาใช้ เชื้อบีที. เขาบอกว่าเอาไม่อยู่
ใช้สมุนไพรก็ไม่ได้ผล สุดท้ายก็ยังคงใช้สารเคมีเหมือนเดิม (หนักกว่าเก่า)
ถามว่าใช้ เชื้อ บีที. ยังไง ? ใช้สมุนไพรยังไง ? ก็ไม่ให้รายละเอียด คือแบบว่ากลัวเรา
จะไปรู้ความลับของเขาหรือเปล่าไม่รู้น่ะ
ส่วนตัวผมเอง เพิ่งปลูกเมื่อ ๗ - ๘ เดือนที่แล้ว ใช้วิธีการและแนวทาง
จากลุงทั้งหมดครับ เพราะอยากทำมะลิแบบปลอดสารเคมีกำจัดแมลงจริง ๆ
รายละเอียดที่ลุงแนะนำสั่งสอนลองค่อย ๆ อ่านน่ะครับ
โดยเฉพาะ วิธีกำจัดแมลง ผมใช้สารสมุนไพรที่ลุงสอนมาครับ สลับกับ
เชื้อ บีที. ที่ขยายเชื้อด้วย "นม" น่ะครับ เท่าที่ทราบมาแถวนี้มีคนใช้กับมะลิน้อยมากจริง ๆ
ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือสงสัยอะไรก็สอบถามมาน่ะครับ ไม่รำคาญแน่นอนครับ
อะไรที่แลกเปลี่ยนกันได้สำหรับที่นี่แล้ว เราทำครับ (เราให้ = เราได้ ....จริงไหมครับ)
ไม่หวงแน่นอน ดีเสียอีกได้เพื่อนเพิ่มอีกคน ลุงสอนผมเสมอครับว่า ต้องรู้จักแบ่งปัน
ได้รับโอกาสมา ก็ต้องให้โอกาสกับผู้อื่นต่อไปครับ
ยุทธ ครับ
kimzagass บันทึก: | ซุนหวู่ ปราชญ์จีนปลูกมะลิ บอกว่า....
รู้เรา รู้หนอน รบกับหนอนร้อยครั้ง ชนะร้อยกับหนึ่งครั้ง.....
ไม่รู้เรา ไม่รู้หนอน รบกับหนอนหนึ่งครั้ง แพ้ร้อยกับหนึ่งครั้ง....
วงจรชีวิตหนอน (ทุกชนิดในโลกนี้ ถึงโลกหน้า...) เหมือนกัน คือ
แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน........ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ........ไข่.......หนอน
ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ.......ไข่
หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ
ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ......ไข่......หนอน......ดักแด้......แม่
ผีเสื้อ........ไข่........หนอน........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ........ไข่........หนอน
ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน.......ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ........ไข่
หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน........ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ
ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ......ไข่......หนอน......ดักแด้.......แม่
ผีเสื้อ......ไข่..........หนอน.........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ.........ไข่........หนอน
ดักแด้........แม่ผีเสื้อ.......ไข่........หนอน........ดักแด้........แม่ผีเสื้อ........ไข่
หนอน.......ดักแด้........แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน........ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ
ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่
ผีเสื้อ.........ไข่.........หนอน.........ดักแด้..........แม่ผีเสื้อ........ไข่........หนอน.
ดักแด้........แม่ผีเสื้อ........ไข่........หนอน........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ........ไข่
หนอน.......ดักแด้........แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ.
ไข่.......หนอน........ดักแด้......แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่
ผีเสื้อ........ไข่.........หนอน.........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ.........ไข่.........หนอน
ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ........ไข่........หนอน........ดักแด้........แม่ผีเสื้อ........ไข่
หนอน.......ดักแด้........แม่ผีเสื้อ.......ไข่.........หนอน........ดักแด้........แม่ผีเสื้อ
ไข่.......หนอน.......ดักแด้........แม่ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน.......ดักแด้......แม่
ผีเสื้อ.......ไข่.......หนอน......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ......ไข่.......หนอน.......ดักแด้
แม่ผีเสื้อ........ไข่........หนอน........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ.........ไข่.........หนอน
ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ.........ไข่.........หนอน........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ.......ไข่
หนอน........ดักแด้........แม่ผีเสื้อ........ไข่........หนอน........ดักแด้........แม่ผีเสื้อ
ไข่.......หนอน.......ดักแด้.......แม่ผีเสื้อ.......ไข่........หนอน........ดักแด้.......แม่
ผีเสื้อ.........ไข่.........หนอน..........ดักแด้..........แม่ผีเสื้อ..........ไข่........หนอน
ดักแด้..........แม่ผีเสื้อ.........ไข่.........หนอน.........ดักแด้.........แม่ผีเสื้อ......ไข่
วนเวียนวนเวียนเหมือนจุดเทียนเวียนวนอยู่อย่างนี้ (อ้างอิง : อีวา - อาดัม....มนุษย์คู่แรกของโลก)
อีวา...............................................ถ้าไม่มีแม่ผีเสื้อก็ไม่มีไข่
อาดัม.............................................ไม่ใช่ ต้อง ถ้าไม่ไข่ก็ไม่มีหนอน
อีวา...............................................นี่ก็ไม่ใช่ ต้อง ไม่มีหนอนก็ไม่มีดักแด้
อาดัม.............................................นั่นก็ไม่ใช่อยู่ดี มันต้อง ไม่มีดักแด้ก็ไม่มีแม่ผีเสื้อ
อีวา...............................................ไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง ที่ถูก ต้อง ไม่แม่ผีเสื้อก็ไม่มีไข่
ปุจฉา วิสัชนา :
งานนี้ ใครถูก-ใครผิด
แม่ผีเสื้อ - ไข่ - หนอน - ดักแด้.....เป็นวงจรชีวิต หากตัดส่วนใดส่วนหนึ่งทุกส่วนจะหายไปสิ้น
อีวา + อาดัม ฉลาดกว่าหนอน......ว่าแล้ว
ยุทธวิธีที่ 1 :
1.... ฉีดพ่นสารสมุนไพร "ไล่-หลอก-ลวง" แม่ผีเสื้อไม่ให้เข้ามาวางไข่
2.... ฉีดพ่นสารสมุนไพรทำให้ "ไข่ฝ่อ" จนฟักออกเป็นตัวไม่ได้
3.... ฉีดสารสมุนไพรทำให้หนอน "ไม่กินอาหาร-ไม่ลอกคราบ-ไม่เข้าดักแด้" สุดท้ายตายคาคาบ
4.... ฉีด สารสมุนไพร + น้ำยาล้างจาน ฆ่าดักแด้ในปลอก จนตายในปลอก
5.... ฉีดสารสมุนไพรประเภทดูดซึม หนอนกินมะลิเพราะชอบรสชาดมะลิ พอเจอรสอื่นก็จะไม่กิน
ยุทธวิธีที่ 2 :
1.... บำรุงต้นให้สมบูรณ์ เกิดเป็นภูมิต้านทานในต้นสู้กับโรคและแมลงได้
2.... ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง แสงแดดส่องทั่วภายในทรงพุ่ม แมลงไม่วางไข่เพราะแดดร้อน
3.... ใช้วิธีกล ด้วยกับดัก-แสงไฟ ล่อแม่ผีเสื้อให้เข้าหา อนุรักษ์นกให้กินหนอน
4.... ใช้วิธีเขตกรรม ปลูกพืชที่แม่ผีเสื้อมะลิไม่ชอบแซมแทรกในดงมะลิ
5.... ฉีดพ่นสารสมุนไพรบ่อยๆ เช้ารอบค่ำรอบ-ค่ำรอบเช้ารอบ-เช้ารอบค่ำรอบ
6.... รื้อมะลิทิ้ง ตัดวงจรแมลง เมื่อแน่ใจว่าแมลงสิ้นชาติแล้วจึงปลูกมะลิใหม่
ยุทธวิธีที่ 3 :
1.... ไม่มีพืชใดในโลกที่ไม่มีศัตรูพืชประจำตัว (ตระกูล)
2.... ไม่มีสารใด (สารสมุนไพร-สารเคมี) ทำให้ส่วนของพืชที่ถูกทำลายไปแล้ว ดีคืนเหมือนเดิมได้ 100%
3.... มาตรการที่ดีที่สุด คือ "กันก่อนแก้" และบำรุงสร้าง "ภูมิต้านทาน"
4.... สิ่งมีชีวิต (มนุษย์-สัตว์-พืช-จุลินทรีย์) ต่างมี จุดอ่อน-จุดแข็ง ให้โจมตีที่จุดอ่อนแล้วจักชนะโดยง่าย
5.... ฉลาดแล้วเฉลียว....ช่างสังเกตุ....ค้นหารายละเอียดให้ได้ทุกมิติ
เอาน่า มนุษย์ฉลาดกว่าหนอน
ลุงคิมครับผม |
kimzagass บันทึก: | TO ยุทธ.....
HURB. กับ BT. น่ะ รวมกันไม่ได้นะ
เพราะ :
1.... BT. เป็นจุลินทรีย์เหมือน รา. แบคทีเรีย. ที่เป็นโรคพืช เอา BT. ไปรวมกับ HURB เจ้า BT. มันก็ตายน่ะซี
2.... ใช้ BT. BS. NPV. รวมทั้ง บาโวเลีย.ที่ออกมาใหม่ล่าสุด สู้กับเพลี้ยแป้งสำปะหลัง
ต้องใช้ตอนที่ไม่มีแสงแดด เชื้อพวกนี้ไม่สู้ ULTRA VIOLET แล้วก็ไม่สู้ความร้อน (แสงแดด)
3.... ก่อนใช้ ให้ SPRAY น้ำเปล่าไปก่อนโชกๆ ให้เปียกทั่วต้นทั้งใต้ใบบนใบ แล้วฉีดพ่นเชื้อพวกนี้ขณะที่ใบยังเปียกอยู่ นัยว่า
เชื้อจะเคลื่อนที่เหมือนว่ายน้ำไป ประมาณนั้น ถ้าใบพืชแห้งมันจะไปไม่ได้ เพราะมันไม่มีขาไง
บ้าเถอะ....คนบ้าไม่มีหนี้ คนดีหนี้เต็มบ้าน
ลุงคิมครับผม
|
kimzagass บันทึก: |
ใส่อินทรีย์วัตถุและสารปรับปรุงบำรุงดิน (ยิบซั่ม. กระดูกป่น. ขี้วัว+ขี้กไก่ 1:1)
หว่านรอบทรงพุ่ทมแล้วพรวนดิน คลุมด้วยเศษหญ้าแห้งหนาๆ
ให้ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 30-10-10" อัตรา 100 ซีซี./น้ำ100 ล./ 15 วัน
รดโคนต้นพอหน้าดินชื้น จะช่วยบำรุงต้นให้สมบูรณ์ แข็งแรง โตเร็ว มีภูมิต้าน
ทานโรคและแมลงได้ตามธรรมชาติ
ใช้ "สารสกัดสมุนไพร สูตรรวมมิตร" ทุก 3-5 วัน จะช่วยได้
เมื่อต้นโตถึงระยะให้ผลผลิตได้แล้ว ในรอบ 1 เดือน ทางใบ ให้ฮอร์โมนไข่ 2 ครั้ง
ให้ฮอร์โมนน้ำดำ 1 ครั้ง ให้ฮอร์โมนขยายขนาด 1 ครั้ง แต่ละอย่างห่างกัน 1 อาทิตย์....
รับรองออกดอกไม่เลิก
หลักเก็บดอกให้ตัดแต่งกิ่ง กิ่งไหนตัดกิ่งนั้นออก มะลิจะออกดอกหลังตัดแต่งกิ่ง 60 วัน
เสมอ
มะลิบถูกกันมากกับ "กระดูกป่น" เพราะฉนั้นอย่าขาด ควรให้ปีละ 2 ครั้ง ถ้าเป็น
"ไขกระดูกหมักชีวภาพ" จะดีมากๆ
ปุ๋ยทางใบและทางราก ทุกตัวแจ้งสูตรในเว้บนี้แล้ว....จะทำเองหรือซื้อก็ว่าไป
ลุงคิมครับผม |
kimzagass บันทึก: |
อย่างที่ว่าให้ฟังนั่นแหละ.....มะลิตอบสนองต่อปุ๋ยกระดูกดีมากๆ....หลังตัดแต่งกิ่งแล้วนับต่อเลย
อีก 60 วันได้เก็บดอก ก็หมายความว่า ต้องการเก็บดอกวันไหน ให้นับย้อนหลัง 60 วัน แล้วลง
มือตัดแต่งกิ่ง/บำรุงเลย...ก็แค่นี้แหละ
เทคนิคตัดแต่งกิ่ง ให้ตัดตรงรอยต่อระหว่างกิ่งแก่ (เปลือกสีเทา) กับกิ่งอ่อน (เปลือกสี
เขียว) ....ตัดแต่งกิ่งแล้วเสร็จให้ ยิบซั่ม + กระดูกป่น + ขี้วัว+ขี้ไก่ 1:1 พรวนดินโคนต้น
คลุมด้วยหญ้าแห้งหนาๆ ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง+ 8-24-24 สัก 1- 2 ครั้ง ห่างกันครั้ง
ละ 10-15 วัน หลังจากนั้นให้ฮอร์โมนไข่ อาทิตย์ละครั้ง ให้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งออกดอกนั่น
แหละ......นิสัยมะลิ หลังแตกยอดแล้วมักออกดอกตาม
อันที่จริง ปรุงปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงโดยเพิ่มส่วนผสม "ไขกระดูก" กับ "มูลค้างคาว" ให้
มากขึ้น ก็จะช่วยให้ออกดอกดีขึ้นนะ....สูตรนี้ไม่ใช่เฉพาะมะลิเท่านั้น ใช้กับไม้ดอกได้ทุกชนิด
นั่นแหละ
ดอกออกมาแล้วบำรุงทางใบด้วย "สูตรขยายขนาด" จะทำให้ได้ดอกขนาดใหญ่ขึ้น แต่กลีบดอก
หลวมไม่เหมาะสำหรับร้อยมาลัย
ให้ "สารสกัดสมุนไพรสูตรรวมมิตร" สม่ำเสมอ ยิ่งบ่อยยิ่งดี ป้องกันโรคแมลงได้แน่นอน
ลองดูนะ
ลุงคิมครับผม |
|
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 26/07/2010 9:31 pm ชื่อกระทู้: |
|
ปลูกมาได้ประมาณ 1 ปีได้ ก็จะทำเป็นอาชีพในอนาคตครับ
ผมทดลองปลูกดูนะครับตอนนี้ก็ปลูกลงดินในบ้าน 50 ตารางวา
ทดลองลงดู 80 ต้น ครับ มีใช้ BT ไป ใช้สะเดาที่ขายตามร้าน
แล้วก็ หนอนตายยาก แล้วก็มีของปูแดงอีก ....อืม เคยใช้ยาฆ่าแมลงแบบเคมี แล้ว
ตัวเองไม่ไหว คาดว่าจะตายก่อนหนอนครับ ..เลยไม่ใช้อีก
ส่วยปุ๋ยก็ใช้ 15-15-15 กับ 12-24-12 ใส่เดือนละ 2 ครั้ง ๆ ละ3 ช้อนชา/ต้น
ต้นมะลิก็ดูดีนะดอกให้เห็นอยู่ประจำ พอดีผมได้ไปดูสวน
มะลิที่เขาปลูกอยู่ใก้ลบ้านเห็นเขาตัดกิ่งแล้วดูดีก็เลยทำตาม
ปัญหาตอนนี้ที่พบ ไม่ว่าจะใช้อะไรก็พบหนอนเข้าไปอยู่ในดอกอยู่ดี
แต่ ตั้งแต่แต่งกิ่งมา หนอนน้อยลงมากครับ ประมาณที่พบ 2-4 ตัว/วัน
แต่พบทุกวันอยู่ในดอกนะครับ ถือว่าเป็นเรื่องปกติเปล่าครับ
แล้วทางคุณยุทธใช้อะไรป้องกันหนอนเจาะดอกครับ |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 26/07/2010 9:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
tapabnumm บันทึก: | ผมถามหน่อยซิครับ.... ทำไงกับหนอนเจาะดอกมะลิครับ.... ผมทำไงมันก็มีอยู่ดี |
ขอโทษน่ะครับ...
ขอทราบข้อมูลให้มากกว่านี้สักหน่อยได้ไหมครับ
- ที่ผ่านมาคุณจัดการปัญหาเรื่องหนอนเจาะดอกมะลิด้วยวิธีไหน
- มะลิของคุณมีอายุเท่าไรแล้ว
- การดูแลบำรุงต้นมะลิของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
อะไรแบบนี้น่ะครับ ขอรายละเอียดมากกว่านี้สักหน่อยน่ะครับ
ผมมือใหม่น่ะครับ อะไรที่ทราบที่รู้มาก็แบ่งปันกันครับ
ยุทธ ครับผม |
|
|
tapabnumm |
ตอบ: 26/07/2010 8:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
ผมถามหน่อยซิครับ.... ทำไงกับหนอนเจาะดอกมะลิครับ.... ผมทำไงมันก็มีอยู่ดี |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 16/07/2010 11:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
Off_Chantaburi บันทึก: | 100 คนข้างๆ ฤาจะเท่า 1 ลุง (อ๊อฟ เมิงตัยๆๆ)
คุณยุทธเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมากเลยนะครับเรื่องน้องมะลิเนี่ย
อาทิตย์ก่อนผมลองไปถามแผงขายพวงมาลัยในตลาดมาบอกว่า โลละร้อย ราคาขึ้นลงบ้างมั้ย
หันมาทำตาเขียวใส่ผม บอกว่า ทั้งปี โลละ 100 ฮึ่ม ตอบแบบนี้ มันน่าให้กิน....รบ.
ผมมาถามที่ กทม. บอกว่า เค้าคัดเกรดหลายอย่าง ทำไมไม่ไปขายปากคลอง
คุณยุทธขายมะลิให้แผงดอกไม้ หรือที่ไหนครับ ผมว่าจะลองไปถามตลาดในตัวเมืองต่อ
รักษาสุขภาพเช่นกันครับ
เห็นด้วยครับ เราโชคดีจริงๆ ที่มีลุงและเพื่อนๆ คอยช่วย |
ประสบการณ์ตรงน่ะครับ
การขายมะลิในท้องถิ่น ขายได้ราคาดีกว่าแน่นอนครับ แต่ปัญหาที่พบก็คือ
เราไม่สามารถขายในปริมาณมากๆได้ เหตุก็เพราะ แม่ค้ารายย่อยมักจะไม่ยอมกักตุนมะลิไว้มากๆ
ส่วนใหญ่เขาจะซื้อในปริมาณที่ขายได้หมดใน ๑ วันเท่านั้น ถึงแม้ว่าราคามะลิจะมีราคาผันผวน
ขึ้นลงแบบชนิดที่เรียกว่าเกินสิบเท่า ถูกสุดที่ผมเคยเห็นมา โลละ ๕๐ บาท
แพงสุด โลละ ๑๔๐๐ บาท ก็ตาม แนวทางของแม่ค้าก็คือ ช่วงไหนมะลิแพงเขาก็จะเอาดอกไม้
ชนิดอื่นแทรกเข้าไปแล้วลดการใช้มะลิลงน่ะครับ เช่น ช่วงมะลิถูกผมพบว่า มาลัยมะลิ
เพียวขนาดรอบข้อมือใช้มะลิ ๙๐ ถึง ๑๑๐ โดยการนับจริง ขึ้นอยู่กับขนาดดอกเล็กหรือใหญ่
พวงนึง ๒๐ ถึง ๓๐ บาท แต่ถ้าช่วงมะลิแพง จำนวนดอกจะลดลงมาเหลือประมาณ ครึ่งนึงเลย
โดยมีดอกไม้อื่นแซมเช่น รัก กุหลาบ ดาวเรือง แล้วเขาก็จะอ้างว่า มะลิไม่ค่อยมี
แต่เชื่อไหมว่า ช่วงมะลิแพง แม่ค้ากับได้กำไรจากการขายมาลัยได้มากกว่า (แปลกไหมครับ)
เพราะไม่ว่ามะลิแพงหรือถูก เขาก็จะซื้อมะลิในปริมาณที่ไม่ต่างกันมาก เมื่อไม่ได้ใช้มะลิมาก
แต่ขายมาลัยได้เท่าเดิมหรือมากกว่า กำไรจึงได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า ยกเว้นช่วงมะลิแพงมากจริงๆ
ก็จะเลี่ยงไปใช้ดอกไม้อย่างอื่นแทนไปเลย
ข้อสังเกตุอีกอย่างน่ะครับ
ขายมะลิในลักษณะขายส่ง (ถ้ามีปริมาณมาก)
กำไรดีกว่า การแปรรูปมะลิเป็นมาลัยหรืออะไรก็ตาม
เพราะมะลิเก็บนานไม่ได้ การที่จะแปรรูปมะลิเป็นมะลิหรืออะไรก็ตามในปริมาณมากๆ
เพื่อให้เกิดรายได้สูงๆนั้น จำเป็นต้องใช้แรงงานพอสมควร ผมเคยเห็นแม่ค้าบางราย
ต้องทำกันตั้งแต่ ตีสอง ตีสาม ความชำนาญก็มีส่วนสำคัญ ถ้าเราขาดตรงนี้ก็เกิดรายได้ขึ้นยากครับ
อีกอย่างเต็มที่น่ะครับ ไม่ว่าจะน็อคน้ำแข็ง หรือน็อคฟอมารีน ก็เก็บได้อย่างมากไม่เกิน ๓ วัน
ก็เต็มที่แล้วครับ ผมลองเอามะลิที่น็อคอยู่ (หมายถึงมะลิไม่บานน่ะครับ) ๓ วัน มาร้อยมาลัย
ยังร้อยไม่ทันเสร็จดอกก็บานแล้วครับ ราคาตกแล้ว ขายบ้างแถมบ้างก็ว่ากันไปเนอะ
นั่นก็คืออีกหนึ่งข้อจำกัด เพราะฉะนั้นถ้าเราขายส่งในปริมาณมากๆได้ เราก็ตัดวงจร
ของการเพิ่มภาระตรงการแปรรูปกับการเก็บรักษามะลิออกไปได้จริงไหม (ไม่ปวดหัวด้วยสิ)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเราผสมผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันได้ ทั้งขายส่งทั้งแปรรูปจัดการมะลิให้ดี
อย่างตัวอย่างที่ลุงแนะนำ นั่นละครับสุดยอดที่สุดเลยครับ
kimzagass บันทึก: | ราว 10 ปีที่แล้ว แฟนรายการวิทยุคนหนึ่งชายหนุ่ม อายุ 25-30 ปี ชื่อ "อนุรักษ์" อยู่กำแพงเพชร เรียนจบ ปวส.
เกิดปิ๊งไอเดียร์ ใช้เนื้อที่ 1 ไร่ ข้างบ้าน ปลูกมะลิร้อยมาลัย ทั้งๆที่ยุคนั้นมีแค่ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพ
สูตรกล้อมแกล้ม (ทำเอง)" ซึ่งถือเป็นสูตรระดับอนุบาลธรรมดาๆเท่านั้น แต่ก็มีมะลิให้เก็บทุก
วัน อย่างน้อยก็วันเว้นวัน มีเงินเข้าบ้านเดือนละเป็นหมื่น ด้วยแรงงานเพียง 2 คน ผัวเมีย
ด้วยคำพูดบางคำ บางครั้ง บางโอกาส ได้ยินแล้วนำมาคิด สามารถพลิกผันสถานการณ์ชีวิตได้ เช่น
.... ทำน้อยๆได้มาก ทำมากได้น้อย.....
.... ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส.....
.... แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม......
.... การตลาดนำการผลิต.....
.... ของดี คนจนไม่มีสิทธิ์...
............ ฯลฯ ...............
แนวทางที่อนุรักษ์ ทำ :
- ศึกษาการออกแบบมาลัยจากหนังสือแคตตาล็อก สร้างความแปลกใหม่ของสินค้าออกมา
ตลอดเวลา หลักการนี้ทำให้ชนะคู่แข่งทางการตลาดซึ่งเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาๆได้
- ทำมาลัยขายนักท่องเที่ยวในโรงแรมใหญ่ๆ สนนราคาพวงละ 300-500 ในขณะที่มาลัยทั่วไป
พวงละ 100-150 บาท
- ติดต่อคู่บ่าวสาวที่จองโรงแรมจัดงานแต่งงาน รับทำพวงมาลัยบ่าวสาว และมาลัยในงาน ด้วยผล
งานที่เชื่อถือได้ จนบางครั้งทางโรงแรมเป็นผู้แนะนำลูกค้าให้
- ส่งมาลัยประกวดตามงานต่างๆ ได้ชนะเลิศเกือบทุกรายการ ใบประกาศนียบัตรที่ได้คือ ตัว
โฆษณาอย่างดี
ทราบมาว่าระยะเพียง 2 ปี ด้วยความ มานะ อดทน ขยัน ซื่อสัตย์ พัฒนา ทำให้ 2 คนผัวเมียมี
เงินสดฝากธนาคารกว่าล้านบาท
ถึงวันนี้ข่าวคราวเงียบหายไป คงรวยแล้วเลยปล่อยลุงคิมจนอยู่คนเดียว
ลุงคิมครับผม |
นั่นก็คือขายส่งก็ได้ขายฝีมือก็ได้ ไม่เรียกว่า สองเด้ง ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้วครับจริงไหม
สุดยอดยังงัย มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังครับ
วันก่อนเข้าเมืองครับ ไปซื้อดินเหนียว เลยแวะถามคุณป้าที่แกปลูกมะลิแถวนั้น
(เขต อ.เมืองบางส่วน อ.เก้าเลี้ยว อ.บรรพตพิสัย ปลูกมะลิมากระดับต้นๆของประเทศ)
ก่อนหน้านั้น แกทำอ้อยกัยสามี ๓๐ กว่าไร่ครับ ต่อมาสามีแกเสียครับ ทำอ้อยต่อไม่ไหว
เพราะหนักเกินไปสำหรับแก (แกไม่มีลูก) พื้นที่ส่วนใหญ่แกก็เลยให้ชาวบ้านแถวนั้นเช่าครับ
แกจึงหันมาปลูกมะลิ ๒ ไร่ ครับ สำหรับผมถือว่าเยอะมากๆครับ ขออนุญาตใช้คำว่า
โคตรเยอะเลยครับ เพราะเนื้อที่ปลูกมะลิขนาดนี้ งานช้างเลยครับ Over Eat (เหลือแดก) จริงๆครับ
แกก็ให้ข้อมูลผมมายังงี้น่ะครับ (ฟังหูไว้สองหูน่ะครับ
แต่ถ้ามีหูเดียวต้องปรึกษาลุงน่ะครับ (วอนแล้ว ไอ้ยู้ดดดดด...))
๔,๐๐๐ต้น คือมะลิที่ปลูก ๒ ไร่ ระยะปลูกระหว่างแถว ห่าง ๑ เมตร
ระหว่างต้น แก งก ครับ ซัด ๕๐ ซม.ต่อต้นเลยครับ ปลูกแบบยกร่องน่ะครับ ตัดปัญหาเรื่อง
น้ำท่วมขังในระดับพื้นฐาน ถ้าท่วมมากก็ยืม ไอ้นั่น คนข้างๆก่ายหน้าผากให้สบายใจแทน
Body Who Body It (ตัวใครตัวมันสิครับ) สิครับพี่น้อง
เป้าหมายของแกใน ๒ ปีก็คือ ๑ ต้น ต้องได้ ครึ่งขีดครับ แล้ว แกทำได้ไหม
คำตอบคือได้มั่งไม่ได้มั่ง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ แกบอก ช่วงมะลิเยอะ แกจ้างคนเก็บ
๓ คน เมื่อตลอดช่วงฤดูร้อน วันนึงแกต้องได้ไม่ต่ำกว่า ๘๐ โลครับ ถูกสุดที่มีคนมารับซื้อ
ถึงไร่แกก็คือ โลละ ๕๐ บาท แล้วก็แพงขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ
ผมลองแย็บถามแกถึงตัวเลข ที่แกได้รับครับ แกตอบยิ้มๆยังงี้ครับ
ช่วงมะลิถูก เดือนนึงแกต้องได้ไม่ต่ำกว่า ๔๐.๐๐๐ ครับ หักค่าใช้จ่ายแล้วน่ะ
ช่วงมะลิแพง สูงสุดแกเคยได้ ๖ - ๗๐.๐๐๐ ต่อเดือนครับ (ฤดูหนาวมะลิน้อย แต่ราคาแพง)
นอกนั้นลดลงมาบ้าง หมื่นสองหมื่น น่ะครับพี่น้อง (ยืนยันน่ะครับฟังหูไว้สองหูครับ)
นี่ขนาดแกไม่ได้ทำอะไรแบบ พิเศษ ๆ น่ะครับ แล้วถ้าทำแบบแนวทางของพวกเราล่ะ คิดสิจะเกิดอะไรขึ้น
แต่แกใช้สารเคมีเยอะครับ สุขภาพทำท่าจะไม่ดี ก็ยังห่วงๆแกอยู่น่ะ
เกริ่น ๆ กับแกเรื่องแนวทางของพวกเรา ปรากฏว่า แกเถียงหัวชนฝาเลยครับ
ก็เลยสงบปากไว้ก่อน เพราะเราก็เพิ่งเริ่ม ปัญหายังต้องแก้ไขอีกเยอะ ให้ดีกว่านี้
ค่อยไปคุยกับแกใหม่ครับ
ผมก็พยายามหาทางให้แกยกมรดกให้ผม แกก็ไม่หลงกลซักกะที (เป็นงั้นไป)
เป็นไงล่ะ ขนลุกซิครับพี่น้อง เอามั่งไหมล่ะพวกเรา ใครจะเชื่อว่าที่ดินเท่านี้ จะทำอะไรได้เกิดผลขนาดนี้
มันเป็นไปตามแนวทางในตัวอย่างที่ลุงแนะนำจริงๆครับ
.... ทำน้อยๆได้มาก ทำมากได้น้อย.....
.... ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส.....
.... แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม......
.... การตลาดนำการผลิต.....
.... ของดี คนจนไม่มีสิทธิ์...
............ ฯลฯ ...............
เล่าสู่กันฟังน่ะครับ เห็นว่าพวกเราสนใจอยากรู้กันหลายคน
พอไหวไหมครับ คุณอ๊อฟ กะ น้องเมย์ ลองศึกษาดูเนอะ
ย้ำน่ะครับ ผมก็มือใหม่หัดอ้วกเหมือนกันครับ
(ข้อความข้างต้นหากระคายเคืองผู้ใดบ้าง ก็ขากถุย อ้วกรด ผมได้น่ะครับ)
บ่น กลับมากันบ้างน่ะครับ
จะได้ช่วยกันสันดาบ ให้มีหยักในหัวเยอะ ๆ กันครับ พวกเราพี่น้องชาวกล้อมแกล้ม....
เอาไปซ่อนตาดำก่อนครับ
พรุ่งนี้จะมาโม้ต่อครับ
ขอให้ลุงสุขภาพแข็งแรงมาก ๆ น่ะครับลุง
สุขภาพแข็งแรงถ้วนหน้าน่ะครับ พวกเรา
รักลุงและพี่น้องทุกคนมากครับ (หาไปทำไมเหตุผล จริงไหมพี่อ๊อด)
สันติคร๊าบบบบ
ยุทธบ้า กี่ร้อยดี (ห้าร้อยพอไหม) |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 15/07/2010 2:54 pm ชื่อกระทู้: |
|
ทุน - ทุน - ทุน...... ปัญหาโลกแตก
ทุกปัญหามีทางออก จงอย่าให้ทุกทางออกมีแต่ปัญหา....
ทางออกที่ 1 ..... ประตูเธ่าแก่เส็ง (ธ.ก.ส.-ธี่กูสูญ-ธรณีกรรแสง) ยิ้มรับ :
ลงทุนด้วยเงิน :
- กู้ ธ.ก.ส. เมื่อมั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างผลผลิตจนมีกำไรใช้หนี้คืนได้ ด้วยหลักการทำ
เกษตรด้วยความมั่นใจ มีหลักการและเหตุผล มีแผนการรองรับก่อนลงมือทำ
- ไม่ต้องอายกับการเป็นหนี้ เพราะวันนี้เกษตรกร 90% ของจำนวนเกษตรกร 40 ล้านคนทั่ว
ประเทศเป็นหนี้ (ทั้งในและนอกระบบ) กันทั้งนั้น เกษตรกรเป็นหนี้ถือเป็นเรื่องปกติในสังคม
เกษตรกรคนใดไม่มีหนี้คนนั้นแปลก เหมือนเป็นแกะดำในสังคม ..... ไม่แน่นะ เป็นลูกค้าเงินกู้
ธ.ก.ส. แล้วอาจได้เป็นข่าวใน น.ส.พ. คอลั่มน์ "เกษตรกรคนเก่ง" ดังไปเลยก็ได้
- สระน้ำที่ได้มาทำกิจกรรมเกษตรที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำก็ยังได้ บางครั้งดีด้วยซี ถ้า คิดเป็น วางแผน
เป็น ทำเป็น ขายเป็น
ทางออกที่ 2 ..... ประตูเธ่าแก่เส็งสะอื้น
ลงทุนด้วยเงืน :
- กู้ ธ.ก.ส. เอาเงินมาซื้อแทร็คเตอร์เล็ก ทำสาลี่บันทุกน้ำ วางถังน้ำขนาด 1,000 ล. 2 ถัง ติด
ตั้งเครื่องสูบน้ำกำลังสูง ใช้หัวฉีดแบบดับเพลิง ฉีดพ่นน้ำออก 2 ปีกซ้ายขวา เมื่อจะใช้งานก็ให้
วิ่งฝ่าเข้าไปในดงอ้อย อาจจะเว้นพื้นที่คล้ายเป็นถนนไว้ก่อนแล้ว ดัดแปลงเครื่องฉีดพ่นให้มี
สวิทช์สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ งานทุกอย่างทำคนเดียว ส่วน ผบ.ทบ.ก็ให้เป็นกองเชียร์อยู่
บนสาลี่บันทุกนั้นนั่นแหละ
- รถแทร็คเตอร์ใช้ทำงานอย่างอื่นได้อีก หมดปัญญาก็เอาใบทะเบียนไปจำนำได้ ..... ว่ามั้ย
ทางออกที่ 3 ..... ประตูเธ่าแก่เส็งผูกคอตาย :
ลงทุนด้วยเวลา :
- ลงทุนแบบผ่อนชำระเป็นงวดๆ งวดละตามใจฉัน จ้างรถบันทุกน้ำมาให้อ้อยเมื่อถึงช่วงที่แล้งสุดๆ
- ทำ "ปุ๋ยสูตรปุปปับสไตล์ไร่กล้อมแกล้ม" ผสมผสานกับ "ปุ๋ยสูตรเจ้าเงาะรจนา"
- ใช้กำลังแทนเครื่องจักรให้มากที่สุดเท่าที่มีแรงทำได้
ประสบการณ์ตรง :
นางหอยหลอด บ้านอยู่กบินทร์บุรี มีน้องชายทำอาชีพทำรถ "รับดูดส้วม" .... ค่ำ
นั้นเมื่อน้องชายกลับเข้าบ้าน
- วันนี้ได้ลูกค้าไหม ?
- ได้เจ้าเดียวเอง....
- รถเองล้างหรือยัง ?
- ยัง พี่ถามทำไมเหรอ ?
- เปล่า.... ไปกินข้าวกินปลาเถอะ....
ขณะน้องชายเข้าครัว นางหอยหลอดฉวยกุญแจรถลงจากบ้าน โดดขึ้นขับรถดูดส้วมคันนั้นไปที่
บาดาลในบ้าน จัดการเปิดน้ำบาดาลใส่ถังพร้อมกับใส่กากน้ำตาลลงไป 1 ปี๊บ โดยไม่สนใจว่าในถัง
มีจะผลิตภัณท์เท่าไหร่ ใส่น้ำเปล่าจนกระทั่งเต็มถัง
นางหอยหลอดขับรถ เจตนาวิ่งโขยกเขยก เบรคๆ เร่งๆ ลงหลุมปีนเนิน เพื่อเขย่าให้น้ำกับกาก
น้ำตาลในถังเข้ากันเอง โดยไม่ต้องคนด้วยมือ
เป้าหมายคือ แปลงอ้อยด้านลาดสูง (แปลงอ้อยเป็นที่ลาดเอียง) ทันทีเข้าถึงเขต นางหอยหลอด
หยุดรถแล้วเปิดก๊อกระบายน้ำท้ายถัง เปิดแค่ 1 ใน 4 แล้ววิ่งรถต่อไป วิ่งช้าๆ จนถึงปลายทางสุด
เขตแปลงอ้อย วกรถกลับ วิ่งย้อนทางเดิมอีกรอบ เห็นว่าน้ำในถังยังไม่หมด จึงวิ่งต่อไปอีกรอบ
แถมได้กลับมาอีกรอบ เบ็ดเสร็จ ไป-กลับ 2 รอบ หรือ 4 เที่ยวพอดี
เนื่องด้วยแปลงปลูกอ้อยแปลงนั้นเป็นที่ลาด จากกฏเกณท์ธรรมชาติที่ว่า น้ำย่อมไหลจากที่สูงไป
ที่ต่ำเสมอนั้น น้ำทั้งหลายตางก็ทะยอยพากันไหลไปตามร่องระหว่างแถวปลูก ตั้งแต่ต้นทางถึง
ปลายทางพอดิบพอดี
ทำกลางคืนไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้ถ้าน้องชายไม่ปากบอน ชั่วเวลาข้ามคืน น้ำซึมลงใต้ดินจน
หมดสิ้นไม่ทิ้งหลักฐานใดๆให้ใครเห็น
นางหอยหลอดทำเยี่ยงนี้ 4 รอบ กระทั่งตัดอ้อย ผลผลิตที่ได้ 10 ตัน/ไร่ ท่ามกลางความตะลึง
ของคนทั่งหมู่บ้าน คนที่งงที่สุดก็คือ "ผัว" ที่วันๆ เอาแต่ดูมวยตู้
คนบ้าไม่มีหนี้ คนดีหนี้เต็มบ้าน....เลือกเอา
ลุงคิม (หัวหน้าคนบ้า) ครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 15/07/2010 2:09 pm ชื่อกระทู้: |
|
ไม่รู้เป็นไงผม เป็นโรคจิตหรือเปล่า เปิดเว้ปลุงคิมขึ้นมาแล้วเห็นชื่อ "คุณยุทธ-มะลิ" เมื่อไหร่
ต้องคลิ๊กอ่านก่อนใครเพื่อน แล้วมีอะไรสนุกๆ เขียนมาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับคุณยุทธ |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 15/07/2010 11:20 am ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | copy....
แต่ผมเสียใจที่ลุงเรียกผม "คุณยุทธ" ลุงใช้คำนำหน้าผิดครับ ผมเป็นลูกหลาน เคารพนับถือลุง
มาก ลุงเรียกผม ยุทธ เฉยๆน่ะครับ แต่ถ้าจะให้ดีใจมาก เรียก "ไอ้ยุทธ" ครับลุง น่ะครับ
ตอบ :
ตรงนี้มันสื่อสาธารณะนะ บางครั้งก็ต้อง "สุภาพ-สุภาพ" หน่อย คนเขายิ่งว่า "ลุงคิมดุ-ลุงคิม
ดุ" อยู่ด้วย ...... ผู้ชายด้วยกันอาจจะไม่ตกใจ แต่ถ้าเป็นผู้หญิง คุณเธออาจวิ่งหนีป่าราบไปเลย
ก็ได้
copy....
(ไปลงชื่อขอขุดสระน้ำ ขนาด ๓ งาน ใช้เงิน ๘,๐๐๐ บาท จาก อบจ.คิดว่าสัก ๒ ถึง ๔ สระ น่าจะ
พอได้ไหมครับลุง นายก อบจ.ก็มาถูกยิงตายอีก กว่าจะได้ขุดคงตัดอ้อยปีหน้าพอดีล่ะครับ เพราะ
อ้อยขึ้นแล้ว)
ถามย้อน :
หมายความว่าไง ภาษาราชการประเทศไทยนี่ ฟังแล้วเข้าใจยาก (ชิบ...) |
ครับก็แบบว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดบ้านผม เขามี
โครงการ ขุดสระน้ำขนาด ๒๐ x ๓๐ เมตร ลึก ๓ - ๕ เมตร โดยใช้เงิน
จ่ายค่าน้ำมัน แบคโฮ ๘,๐๐๐ บาท ต่อ ๑ สระ ครับ
ผมไปยื่นเรื่องให้เขามาขุดที่ไร่ผมน่ะครับ สระ ๔ ลูก คงเก็บน้ำได้ราว ๗,๐๐๐ คิวน่ะครับ
เผอิญเมื่อวันก่อนนายก อบจ.โดนสไนเปอร์สอยน่ะครับลุง ผมเข้าไปตามเรื่องสระน้ำ
เขาบอกให้ชลอไปก่อน เอ้า......เป็นงั้นไป
เพราะจ้างเอกชนไม่ไหวครับ สระขนาด ๑ ไร่ เอาดินทิ้งแถวนั้น ยังเล่นเป็นแสนเลยครับ
ทรัพย์น้อยอย่างผม ก็ต้องรออ้อยตัดปีหน้าล่ะครับลุง
พี่น้องท่านใด มีแบคโฮเหลือๆให้ผมยืมบ้างไหมครับ
อยากได้ ๓๐ ตันอัพต่อไร่จริงๆ ครับลุง
รักและเคารพลุงมากครับ
ยุทธ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 15/07/2010 10:41 am ชื่อกระทู้: |
|
copy....
แต่ผมเสียใจที่ลุงเรียกผม "คุณยุทธ" ลุงใช้คำนำหน้าผิดครับ ผมเป็นลูกหลาน เคารพนับถือลุง
มาก ลุงเรียกผม ยุทธ เฉยๆน่ะครับ แต่ถ้าจะให้ดีใจมาก เรียก "ไอ้ยุทธ" ครับลุง น่ะครับ
ตอบ :
ตรงนี้มันสื่อสาธารณะนะ บางครั้งก็ต้อง "สุภาพ-สุภาพ" หน่อย คนเขายิ่งว่า "ลุงคิมดุ-ลุงคิม
ดุ" อยู่ด้วย ...... ผู้ชายด้วยกันอาจจะไม่ตกใจ แต่ถ้าเป็นผู้หญิง คุณเธออาจวิ่งหนีป่าราบไปเลย
ก็ได้
copy....
(ไปลงชื่อขอขุดสระน้ำ ขนาด ๓ งาน ใช้เงิน ๘,๐๐๐ บาท จาก อบจ.คิดว่าสัก ๒ ถึง ๔ สระ น่าจะ
พอได้ไหมครับลุง นายก อบจ.ก็มาถูกยิงตายอีก กว่าจะได้ขุดคงตัดอ้อยปีหน้าพอดีล่ะครับ เพราะ
อ้อยขึ้นแล้ว)
ถามย้อน :
หมายความว่าไง ภาษาราชการประเทศไทยนี่ ฟังแล้วเข้าใจยาก (ชิบ...) |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 15/07/2010 6:44 am ชื่อกระทู้: |
|
Aorrayong บันทึก: | "ฟ้องด้วยภาพ....ไหนว่าคลานเก็บไง!!!!!!!"
เริ่มแรกก็คงก้มเก็บ สักพักต้องคลานแน่ๆเลย ใช่หรือเปล่า?
ส่วนเปลดัดหลังได้อย่างเดียวเหรอ ดัดอย่างอื่นได้หรือเปล่า?
อ้อยตอ3 เฉลี่ย 13-14 ตันต่อไร่ ดูแลอย่างไร?
kimzagass บันทึก: | นั่นน่ะซี......อ้อยตอ 3 ได้ 35 ตัน/ไร่ มีคนทำได้แล้ว วันนี้ตอ 4 เขาจะอา 50 ตัน/ไร่
แล้วคุณล่ะ เห็นว่า "บ้า" ไม่ใช่เหรอ...บ้าต้องบ้าให้จริง ถ้าบ้าไม่จริง ระวังมันจะบ้าเหมือนเขาว่านะ
ลุงคิมครับผม |
|
ถึงพี่อ้อครับ
ทีละข้อน่ะครับ
๑. ถูกต้องแล้วครับ แรกๆยังสดยังฟิตก็ก้มเก็บครับ สักพักเถอะมึง (เน้นเสียงสูงๆ)
หลังแทบหักเลย นี่กำลังว่าจะหาโต๊ะตัวเล็กมานั่งเก็บแล้วครับ ไม่ไหวคลานเก็บ
เข่าด้านผิวเสียโม๊ดดด (เพื่อนๆเริ่มอยากจะบ้องหูผมอีกและ)
๒. จริงๆแล้วเปลนี่เป็นเปลทดสอบกำลังใจครับ ไม่ทดสอบยังไงล่ะ ลมพัดเย็นๆ
ตาก็เริ่มปรือๆสิครับ ขืนเข้าใกล้พี่แกเข้าเป็นได้เรื่อง มันมีแม่เหล็กครับ จงมาจงนอน
อะไรประมาณนั้น ต้องทำใจดีสู้เปลครับ สมัยเรียน เป็นสาราณียกรฝึกหัดที่ห้องสมุด
ก็ผูกเปลใต้โต๊ะเลยครับ สรุปก็คือเปลนี้ท่านให้ไว้ดัดนิสัยขี้เกียจน่ะครับ (ตัวเป็นขนเลย)
ผมชอบที่เพื่อนเราแนะนำ คุณนิรชา แกบอกว่า ขี้เกียจได้ แต่ต้องให้ขยันมากกว่า
จริงไหมจ้ะพวกเรา เอ้าว่าแล้วก็ช่วยกันเรียกลงมาจากต้นมะนาวได้แล้ว คนอะไรขยันจริงๆ
ปีนต้นมะนาว ต้นมะละกอได้ทั้งวัน
ส่วนรายละเอียดเรื่องอ้อยผมชี้แจงในกระทู้ตอบลุงไปแล้วน่ะครับพี่สาว
สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าน่ะครับพวกเรา
ส่วนผมก็ขอไปซ่อนตาดำก่อน ชักง่วง
อีกแล้น (ยืมคุณนกขุนทองเจ้าขามาใช้บ่อยๆ เคืองหรือเปล่าไม่รู้ อ่ะเดี๋ยวให้ค่ายืมมาใช้ บาทนึงน่ะจ้ะ)
สันติ คร๊าบบบผม
ยุทธครับ |
|
|
Yuth-Jasmine |
ตอบ: 14/07/2010 10:35 pm ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | เห็นแปลงอ้อยของคุณยุทธแล้ว อยากแนะนำสูตรของเจ้า ตอ 3 ได้ 35 ตัน....เอางี้ซี่
สภาพแปลงอย่างที่เห็นอยู่เดี่ยวนี้ ให้ "น้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้นขี้ค้างคาว) + 8-24-24" อัตรา 5 ล./ไร่ ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง
แล้วตามด้วยน้ำให้ท่วมตอ
เมื่ออ้อยโตขึ้น เริ่มย่างปล้อง หรือสูงประมาณเอวถึงหน้าอก ช่วงนี้ยังพอแหวกกออ้อยเดินเข้าไปได้ ให้ "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง
(เน้นขี้ค้างคาว) + 8-24-24" อัตรา 3-5 ล./ไร่ ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง แล้วตามด้วยน้ำให้ท่วมตอ
จากนั้นต้นอ้อยเริ่มสูงใหญ่มาก คงเดินแหวกกออ้อยเข้าไปไม่ได้แล้ว ให้ใช้ภูมิปัญญาส่วนตัวส่งน้ำเข้าไปในแปลงให้ได้ ให้น้ำมากๆ
ถึงขนาดท่วมสันร่องปลูกนั่นแหละ ซักเดือนละครั้ง
อย่าลืมว่า อ้อยเป็นพืชอวบน้ำ ถ้าเขาไม่ได้รับน้ำแล้วเขาจะเอาน้ำที่ไหนไปสร้างน้ำอ้อย แล้วใครที่สอนเกษตรกรว่า อ้อยเป็นพืชไร่
ทนแล้ง ไม่ต้องให้น้ำก็ได้ แล้วเป็นไง อ้อยตอ 1 ได้ 10 ตัน...ตอ 2 ได้ 6 ตัน....ตอ 3 ได้ 3 ตัน ไถทิ้งดีกว่า แต่อ้อยแนวทาง
ของเราให้น้ำอย่างเดียว ผลผลิตกลับเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น
สับปะรดก็อีหร็อบกัน สับปะรดเป็นพืชอวบน้ำ ไม่งั้นเขาจะฉ่ำน้ำหรือ ปลูกแล้วถ้าเขาไม่ได้รับน้ำ แล้วเขาจะเอาน้ำที่ไหนไปสร้างฉ่ำน้ำ
นี่ก็ผลงานของคนเดียวกันอีกนั่นแหละที่สอนเกษตรกรว่า สับปะรดเป็นพืชไร่ ทนแล้ง ไม่ต้องให้น้ำก็ได้ สุดท้ายผลผลิตเป็นไง
ก็อย่างที่เห็นๆนั่นแหละ
ย้อนไปที่อ้อยอีกที ใช้ "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง" แล้ว ไม่ต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ไม่ต้องใส่ยิบซั่ม หรือหากอยากใส่ก็ใส่ได้
แต่ที่แน่ๆ ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีแม้แต่แหมะเดียว.....
อ้อยโรงงานนะ ไม่ใช่อ้อย บีเอ็ม.
ลุงคิมครับผม |
ลุงครับ คำแนะนำของลุง ผมดีใจมากครับ
แต่ผมเสียใจที่ลุงเรียกผม "คุณยุทธ" ลุงใช้คำนำหน้าผิดครับ
ผมเป็นลูกหลาน เคารพนับถือลุงมาก ลุงเรียกผม ยุทธ เฉยๆน่ะครับ
แต่ถ้าจะให้ดีใจมาก เรียก "ไอ้ยุทธ" ครับลุง น่ะครับ
เรื่องการปลูกอ้อยกับมะลิ ผมออกตัวอย่างนี้ครับ
ความรู้ไม่เคยมี ไม่มีประสบการณ์ ได้แต่หาความรู้เอาเอง
แต่ที่สำคัญที่สุดก็ได้ทุกอย่างมาจากลุงทั้งนั้นครับ
อ้อยในภาพเป็นอ้อยตอ ๓ เพิ่งตัดไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ได้ทั้งหมด ๒๒ ตู้ครับ (เพื่อนบางคนอาจไม่ทราบ ตู้หมายถึง รถสิบล้อบรรทุก ๑ เที่ยวครับ)
ตู้ละ ๒๐ ตัน เฉลี่ยแล้วก็ ๒๐ ตัน ต่อไร่ครับ ความหวาน ๑๓ CCS แถมโดนคนจากโรงงานแอบเผาอีกครับ
เพราะตัดอ้อยช้า (นี่เป็นกลโกงของโรงงานน้ำตาลเลย ผมล่ะเซ็งจริงๆ) ทั้งที่รู้ก็ยากที่จะทำอะไรได้
พวกเล่นแกล้งไม่มาตัดอ้อยให้ผมก็เสร็จแล้วครับ น้ำหนักหายหมด
ปีที่แล้วได้น้ำจากคลองชลประทานที่ลุงเห็นเป็นแนวป่าท้ายไร่นั้นแหละครับ
แต่อย่างที่บอกแหละครับลุง ประสบการณ์คือไม่มีเลย เขาว่าไงก็ว่างั้น
(ตอนนั้นยังไม่รู้จักลุงเลยครับ) ถ้ารู้จักตั้งแต่ตอนนั้น ผมไม่อยากคิดเลยครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ขนาดอ้อยเขียวอ้อยเหลืองดูยังไงยังดูไม่เป็นเลยครับลุง
หลังจากตัดอ้อยแล้ว กรมชลประทานแจ้งว่าหยุดส่งน้ำเข้าคลองเพื่อซ่อมแซม ๑ ปี ครับ
(มันทำกันจริงๆ ๔ เดือนมั้งครับ จนทุกวันนี้ ผมยังไม่เห็นมันซ่อมอะไรเลย)
แต่ที่แปลกก็คือ ไร่อ้อยของไอ้พวกเถ้าแก่ เป็นต้นน้ำก่อนถึงไร่ผมสัก ๕ กม.
มันสูบน้ำได้โครมๆ ใครไปขอสูบน้ำบ้าง มันก็ให้ครับ แต่ให้บาทารุมเหยียบน่ะครับ
ช่างดีเสียจริงๆเลย (อย่าให้ผมมี RPG บ้างก็แล้วไป) ขนาดทำงานที่ไร่มันยังจอดรถลงมาดูเลย
วันที่คุณนิรชาไปเยี่ยม ยืนคุยกันริมถนน มันขับรถมาจอดดูตั้งพักใหญ่น่าตาเฉย
นึกว่าจะมีรายการพิเศษกันแล้ว
เอาแล้วซิ ทำไงล่ะครับทีนี้ ผมก็จ้างรถไถมาลง MPI ตัดรากแล้วลงปุ๋ยพร้อมกันเลย
แล้วให้รถน้ำ (รถบรรทุกน้ำมันดัดแปลง) ซึ่งตอนนั้น (ปลายเมษา) ยังพอหาได้มาฉีดน้ำ
เข้าในไร่อ้อย เที่ยวละ ๔๐๐ ครับ ได้น้ำ ๑๒ คิว ทั้งหมด ๒๒ เที่ยวครับ ตามโควต้าไร่
เพราะต้องเฉลี่ยแปลงอื่นให้ได้น้ำบ้าง รวบยอดแล้ว ได้น้ำ ไร่ละ ๑๒ คิว โดยประมาณ
จากนั้นก็ใส่ยาฆ่าหนอน ยาคุมหญ้า และยังไม่ได้ให้น้ำอีกเลยจนถึงวันนี้ สภาพก็เป็นอย่างที่
ลุงและพี่น้องเห็นอยู่นี่แหละครับ ที่ผ่านมา ผมก็กังวลเรื่องน้ำมาก เนื่องจากทุกอย่างต้อง
จ้างทั้งสิ้น รถน้ำไม่ยอมมาลงน้ำให้อีก อ้างว่า ไม่มีน้ำ กรมเจ้าท่าไม่ยินยอม ให้สูบน้ำจากแม่น้ำ
เพราะอ้างปัญหาภัยแล้ง ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่บ้านผม อยู่ในระดับต่ำ ท่านว่าอย่างนั้น
คำแนะนำของลุง ผมก็เพิ่งปรึกษากับพี่อ้อว่า จะเข้าไปเอา ระเบิด ที่ลุงมาดำเนินการ
ใส่ปุ๋ยไปแล้วตอนแรกช่างมัน ผมยอมซื้อประสบการณ์ที่ผ่านมาครับ
ขอเวลาลุงรวบรวมเงินก่อนน่ะครับ แนวทางแก้ปัญหาของผมมีดังนี้ครับ
๑. ลงระเบิดจากลุง ให้เต็มพื้นที่
๒. เมื่อไม่มีน้ำ ผมหาถัง ๑ คิว ใส่ท้ายรถ ต่อปั๊มเข้าสปริงเกอร์ แล้วติดตั้งบนขาตั้ง
เคลื่อนย้ายได้ ฉีดน้ำไล่เป็นหน้าไปจนสุดไร่ อัดน้ำให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
(ไปลงชื่อขอขุดสระน้ำ ขนาด ๓ งาน ใช้เงิน ๘,๐๐๐ บาท จาก อบจ.คิดว่าสัก ๒ ถึง
๔ สระ น่าจะพอได้ไหมครับลุง นายก อบจ.ก็มาถูกยิงตายอีก
กว่าจะได้ขุดคงตัดอ้อยปีหน้าพอดีล่ะครับ เพราะอ้อยขึ้นแล้ว)
พออ้อยโตก็คงต้องหาหมวกกันน๊อคมาใส่ลุยกันล่ะครับคราวนี้
(พี่น้องอาจงงครับทำไมต้องใส่หมวกกันน๊อค ก็อ้อยมันคมน่ะครับ ขืนไม่ใส่
ได้เลือดอาบหน้าเป็นรางวัลแน่ครับ)
ที่เหลือก็ดูแลเรื่องหาคนมา ถางหญ้า ผมค่อนข้างใช้ยาฆ่าหญ้าน้อยครับ
เอาเท่าที่ได้ก่อนน่ะครับลุงครับ
มีเรื่องแปลกครับลุง
นี่เป็นอีกแปลงที่ผมทำอ้อย มุมล่างขวาเป็นอ้อยแปลงเพื่อนบ้าน ไม่ขึ้นครับ
เทียบกับแปลงของผมทางซ้ายแล้วต่างกันมากครับ เพราะแปลงของผมอ้อยสูงแค่นี้แล้วครับ
เขาบอกไม่รู้สาเหตุ เป็นอ้อยปลูกครับ ผมแอบไปแหวกร่องอ้อยดู อ้อยแห้งมากเลยครับ
ทั้งที่เพิ่งปลูกได้ไม่นาน เขาให้น้ำหยดด้วยนะครับลุง เป็นเกือบทั้งแปลงเลยครับ
นี่ก็เห็นว่าต้องไปใช่บริการ ธรณีกรรแสง อีกแล้วมั้งครับ น่าสงสารจัง
ลุงพอสัณนิษฐานได้ไหมครับว่าเกิดจากอะไร ถ้าข้อมูลไม่พอ เดี๋ยวผมจะไปหามาเพิ่มน่ะครับลุง
ขอให้ลุงและพวกเราทุกคนสุขภาพแข็งแรงน่ะครับ
รักลุง และพวกเราทุกคนครับ (อย่างไม่มีเหคุผล)
ยุทธครับ
ปล. เสียดายมากครับลุง แถวนี้ฟังวิทยุรายการของลุงไม่ได้เลย
คลื่นแทรกมากครับ แต่ไม่เป็นไรครับ
ถึงคลื่นวิทยุจะไม่มี แต่คลื่นความคิดถึง มีส่งไปให้ลุงและพวกเราทุกคนครับ (อ้วกกกกก) |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 14/07/2010 8:57 pm ชื่อกระทู้: |
|
เห็นแปลงอ้อยของคุณยุทธแล้ว อยากแนะนำสูตรของเจ้า ตอ 3 ได้ 35 ตัน....เอางี้ซี่
สภาพแปลงอย่างที่เห็นอยู่เดี่ยวนี้ ให้ "น้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้นขี้ค้างคาว) + 8-24-24" อัตรา 5 ล./ไร่ ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง
แล้วตามด้วยน้ำให้ท่วมตอ
เมื่ออ้อยโตขึ้น เริ่มย่างปล้อง หรือสูงประมาณเอวถึงหน้าอก ช่วงนี้ยังพอแหวกกออ้อยเดินเข้าไปได้ ให้ "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง
(เน้นขี้ค้างคาว) + 8-24-24" อัตรา 3-5 ล./ไร่ ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง แล้วตามด้วยน้ำให้ท่วมตอ
จากนั้นต้นอ้อยเริ่มสูงใหญ่มาก คงเดินแหวกกออ้อยเข้าไปไม่ได้แล้ว ให้ใช้ภูมิปัญญาส่วนตัวส่งน้ำเข้าไปในแปลงให้ได้ ให้น้ำมากๆ
ถึงขนาดท่วมสันร่องปลูกนั่นแหละ ซักเดือนละครั้ง
อย่าลืมว่า อ้อยเป็นพืชอวบน้ำ ถ้าเขาไม่ได้รับน้ำแล้วเขาจะเอาน้ำที่ไหนไปสร้างน้ำอ้อย แล้วใครที่สอนเกษตรกรว่า อ้อยเป็นพืชไร่
ทนแล้ง ไม่ต้องให้น้ำก็ได้ แล้วเป็นไง อ้อยตอ 1 ได้ 10 ตัน...ตอ 2 ได้ 6 ตัน....ตอ 3 ได้ 3 ตัน ไถทิ้งดีกว่า แต่อ้อยแนวทาง
เราให้น้ำอย่างเดียว ผลผลิตกลับเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น
สับปะรดก็อีหร็อบกัน สับปะรดเป็นพืชอวบน้ำ ไม่งั้นเขาจะฉ่ำน้ำหรือ ปลูกแล้วถ้าเขาไม่ได้รับน้ำ แล้วเขาจะเอาน้ำที่ไหนไปสร้างฉ่ำน้ำ
นี่ก็ผลงานของคนเดียวกันอีกนั่นแหละที่สอนเกษตรกรว่า สับปะรดเป็นพืชไร่ ทนแล้ง ไม่ต้องให้น้ำก็ได้ สุดท้ายผลผลิตเป็นไง
ก็อย่างที่เห็นๆนั่นแหละ
ย้อนไปที่อ้อยอีกที ใช้ "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง" แล้ว ไม่ต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ไม่ต้องใส่ยิบซั่ม หรือหากอยากใส่ก็ใส่ได้
แต่ที่แน่ๆ ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีแม้แต่แหมะเดียว.....
อ้อยโรงงานนะ ไม่ใช่อ้อย บีเอ็ม.
ลุงคิมครับผม |
|
|
Aorrayong |
ตอบ: 12/07/2010 8:58 pm ชื่อกระทู้: |
|
"ฟ้องด้วยภาพ....ไหนว่าคลานเก็บไง!!!!!!!"
เริ่มแรกก็คงก้มเก็บ สักพักต้องคลานแน่ๆเลย ใช่หรือเปล่า?
ส่วนเปลดัดหลังได้อย่างเดียวเหรอ ดัดอย่างอื่นได้หรือเปล่า?
อ้อยตอ3 เฉลี่ย 13-14 ตันต่อไร่ ดูแลอย่างไร?
kimzagass บันทึก: | นั่นน่ะซี......อ้อยตอ 3 ได้ 35 ตัน/ไร่ มีคนทำได้แล้ว วันนี้ตอ 4 เขาจะอา 50 ตัน/ไร่
แล้วคุณล่ะ เห็นว่า "บ้า" ไม่ใช่เหรอ...บ้าต้องบ้าให้จริง ถ้าบ้าไม่จริง ระวังมันจะบ้าเหมือนเขาว่านะ
ลุงคิมครับผม |
|
|
|