ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kritsadalampang |
ตอบ: 21/02/2010 6:07 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
ขอบคุณครับ ผมจะพยายามหาสารอาหารมาเติมในน้ำกระดูก ตามที่แนะนำครับคุณอ๊อดระยอง |
|
|
ott_club |
ตอบ: 21/02/2010 4:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
คุณคิดว่าสารอาหารพืชในโลกนี้มีกี่ชนิด
คุณคิดว่าในน้ำต้มไก่มีสารอาหารพืชกี่ชนิด
ฉนั้นการทำน้ำต้มไก่สูตรซุปเปอร์ ก็หาสารอาหารพืชมาใส่เพิ่มเข้าไป(ธาตุหลัก รอง เสริม วิตตามิน ฮอร์โมน จุลินทรีย์)
แม้นแค่อย่างเดียวก็เรียกว่าซุปเปอร์ได้แล้วครับ
ลุยได้เลยครับ
ott_club |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 21/02/2010 11:39 am ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่านและลุงคิม
ตามที่คุณอ๊อดได้แนะนำผมทำน้ำต้มกระดูกซุปเปอร์ รบกวนช่วยชี้แนะวิธีการทำด้วยครับ ผมได้เข้าไปดูที่สูตรทำปุ๋ยและโฮโมนส่วนของหน้าหลัก ไม่พบวิธีปรุงครับ ผมจึงขอความช่วยเหลือคุณอ๊อดช่วยอธิบายการทำและส่วนผสมด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 20/02/2010 10:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
ให้มะลิกินแต่น้ำต้มไก่ ระวังมะลิเป็นโรคเก๊าท์นะครับ
ทำเป็น"น้ำต้มไก่ซุปเปอร์"ซิครับ น่าจะดีกว่าน้ำต้มไก่ธรรมดา
ott_club |
|
|
Pitipol |
ตอบ: 20/02/2010 9:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
แบ่ง Zone ทดลองเลยดีกว่าไหมครับ แบ่งเป็นทั้งอัตราส่วนและความถี่ในการให้ ให้แตกต่างกัน
ออกไปในแต่ละ Zone แล้วเก็บผลให้ได้ข้อสรุป |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 20/02/2010 7:43 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
กราบขอบคุณมากครับลุงคิม
ตามที่ลุงได้แนะนำผมเรื่องน้ำต้มกระดูกทำให้ผมประหยัดทุนโขเลยเชียว คือจากการที่ต้องจ่ายค่า
เครื่อง 15000 สำหรับเครื่องบดกระดูก และค่าไฟฟ้าที่ต้องใช้ในการบดกรพดูก และค่าซื้อ
กระดูกวัว ควาย สดๆ ซึ่งนับว่ามากโขอยู่ แต่คุณลุงได้แนะนำให้ซื้อโครงกระดูกมาต้ม 8 ชม. ซึ่ง
นับว่าประหยัดที่สุดและให้ผลดีเลิศพอๆ กับการนำกระดูกมาบดและต้องเสียเวลาหมักข้ามปี ซึ่งผม
ได้นำวิธีการนี้มาคิดจึงได้วิธีที่ประหยัดค่าการลงทุนไปอีกบานเลย และสามารถได้น้ำกระดูกบ่อยๆ
และถูกมากๆ นั่นก็คือ ผมได้ไปติดต่อร้านขายข้าวมันไก่ที่ขายดีๆ ซึ่งเขาใช้กระดูกไก่ปริมาณ
ประมาณ 50 ตัวในการทำน้ำซุปแต่ละวัน ซึ่งเขาทำเหลือทิ้งทุกวัน ผมได้รับการสนับสนุนจากเจ้า
ของร้านดีมากๆ ท่านได้บอกให้ผมนำภาชนะไปทิ้งไว้ที่ร้านเลยเดี๋ยวตอนเก็บร้านจะให้พนักงานทำ
การถ่ายเทน้ำซุปกระดูกไก่ใส่ภาชนะของผมให้ ซึ่งมันน่าจะได้อย่างต่ำ 40 ลิตร
ผมขอเรียนถามลุงคิมว่า น้ำซุปที่ผมได้มานี้ก่อนนำไปรดต้นมะลิต้องผสมกับน้ำก่อนไหม หรือใช้
ฝักบัวตักรดได้เลยเพียวๆ และถ้าผมจะหมั่นรด 3 วันต่อ 1 ครั้งจะดีไหม เพราะของฟรีสามารถไปรับ
จากร้านข้าวมันไก่ได้ทุกวัน หากเป็นไปได้ผมสามารถจัดการเช่นไรกับน้ำซุปที่เขาทิ้งทุกๆวันคือ
ผมควรจะนำน้ำซุปที่ร้านเหลือมาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ ขอคำชี้แนะจากลุงคิมครับ
ขอบคุณครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 20/02/2010 6:52 am ชื่อกระทู้: |
|
....... อยู่ ลำปาง ติดต่อไปที "สวนโชคฉัตร อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โทร. (082) 031-9124 น่า
จะ ประหยัดต้นทุนกว่าทำเองมั้ง......(COPY)
กระดูกป่นยี่ห้อ "รัณโบน" ปั้นเม็ด ของ บ.ร่มทอง (สปอนเซอร์รายการวิทยภาคค่ำ) ก่อนปั้น
เม็ดสเปร์ยด้วย "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง" ในน้ำหมักฯ มีอะไรเป็นส่วนผสม ในรัณโบนก็
ย่อมมีตัวนั้น
กระดูกป่นที่วางขายตามท้องตลาด ให้สังเกตุถ้า กลิ่นแรง = คุณภาพดี (ไข+เนื้อ ยังติดอยู่)....
กลิ่นไม่แรง หรือไม่มีกลิ่น = คุณภาพไม่ดี (ไข + เนื้อ ถูกเผาออกไปหมดแล้ว) .... กระดูกป่นมี
กลิ่น ร้านเอเย่นต์ไม่ชอบ บอกว่าเหม็น
ก่อนซื้อกระดูกป่น ให้สังเกตุถุงบรรจุที่บอกว่า "ใช้ร่วมกับกระดูกป่น หรือ ใช้แทนกระดูกป่น"
แสดงว่านั่นไม่ใช่กระดูก ส่วนใหญ่จะเป็นโดโลไมท์. หรือไม่ก็อะไรก็ไม่รู้..... กรณีนี้ ตาดีได้ ตา
ร้ายเสีย
เห็นเอ่ยถึงกระดูกสดต้มในหม้อก๋วยเตี๋ยว รู้ยังงี้คุณก็เอากระดูกมาต้มเองซี่ ต้มนานๆ ยิ่งนานยิ่งดี
ต้มในความร้อน 100 องศา นาน 4 ชม. ต้มต่อด้วยความร้อน 70 องศา อีกนาน 4 ชม. บรรดา
โปรตีนที่มากับกระดูกจะเปลี่ยนรูปเป็น "อะมิโน โปรตีน" สารอาหารที่พืชสามารถนำไปใช้ได้
ทันที แบบไม่ต้องผ่านกระบวนเอ็นไซม์โดยจุลินทรีย์
อย่ามองข้าม ต้นพืชกินสารอาหารแค่ระดับ พีพีเอ็ม. (ล้านละ...) ไม่ใช่ระดับเปอร์เซ็นต์ (ร้อย
ละ...) เพราะฉนั้นแค่น้ำต้มกระดูกสดก็เหลือเฟือแล้วสำหรับสารอาหารบางตัวที่มีกระดูก เมื่อรู้ว่า
มีน้อย ก็ให้บ่อยๆซี่ ซักเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง ก็เกินพอแล้ว .....บอกขนาดนี้แล้วคงไม่
ตะรอนๆ เร่ร่อน ไปตามหมู่บ้าน ขอแบ่งซื้อกระดูกตอนที่เขาล้มวัว/ควาย หรือไม่ก็ไม่ต้องไปถึง
โรงฆ่าสัตว์ขอซื้อกระดูกสดๆ หรอกนะ...... อยู่ในบ้านนั่นหละ วันไหนสักวันกินแกงไก่ ซื้อไก่สด
ยกตัวจากตลาด 1-2-3 ตัว ก็คำนวนเอาเอง ซื้อไก่จากตลาดมาแล้ว แยกเนื้อกับกระดูก แค่นี้ก็
ได้กระดูกสดแล้ว ส่วนเรื่องบด ในเมื่อเครื่องบดมันมีปัญหา มากนักก็ไม่ต้องบด แต่ใช้วิธีต้ม
4+4 ชม. ..... จะดีกว่าไหม ?
ปลามีก้าง ก้างปลา-เกร็ดปลา ใช่กระดูกไหม ใน เนื้อ-เครื่องใน ปลามีสารอาหารไหม แล้วถ้า
เอาปลามาต้ม 4+4 ล่ะ ในน้ำต้มปลาจะมีอะไรที่เป็นสารอาหารพืช
ระวัง ! จะทำเรื่องง่ายให้มันยากโดยไม่รู้ตัว
ลุงคิมครับผม
ปล.
เล่นเกมส์ ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย เสียเวลา-เปลืองสมอง เปล่าๆ ..... ลุงคิม แค่คิดถึงเกมส์
แล้วคิดเชิงวิเคราะห์ว่า "คนสร้างเกมส์ เขา (มัน) เอาความคิดนี้มาจากไหน" มากกว่า .... เขา
(มัน)วางแผนการตลาด (หลอกคนทั้งโลก) ยังไง ..... เกมส์ที่สร้างขึ้นมาแต่ละเกมส์ MAKE
MONEY ได้เป็นล้าน..... เล่นเกมส์แล้วทำไมไม่คิด "มะลิการ์ตูน .... มะลินาโน .... มะลิ
แจ๊คพ็อต....มะลิอินเตอร์....มะลิ ฯลฯ...." น่าจะสร้างสรรค์กว่ามั้ง..... นวตกรรมใหม่ๆ หลาย
ชิ้นกำเนิดมาจากการ์ตูนในเกมส์นั่นแหละ |
|
|
ott_club |
ตอบ: 19/02/2010 10:24 pm ชื่อกระทู้: |
|
กระดูกป่นลองใช้ของร่มทอง"รันโบน" อยู่ ประสิทธิภาพเป็นอย่างไรยังไม่ทราบครับ ใส่ในปาล์ม
น้ำมัน
มันระยะยาวนะครับ ดูๆ แล้วก็น่าจะดี แต่ราคาสูงอยู่นะ ถ้าผมเป็นคุณผมจะเอาน้ำหมักระเบิดเถิดเถิง
ฉีดพ่นลงดินกับมะลิ
แล้วเอาน้ำดำ เอาฮอร์โมนไข่ และเอายูเรก้าสลับให้ทางใบ แล้วหาบทสรุปสุดท้าย ดีกว่ามากังวล
เรื่องกระดูกป่น
เกมในอินเตอร์เล่นไม่เป็นต้องขออภัยจริงๆ เปิดเว้ปลุงได้ก็เก่งแล้วครับ |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 19/02/2010 9:20 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
หากลุงคิมและคุณ อ๊อดระยองผ่านมา ลำปาง ผมยินดีต้อนรับมากมายครับ แวะเที่ยวหากันบ้างนะ
ครับหรือหากคุณอ๊อดระยอง มีเวลาว่างๆออนเอ็มคุยรู้จักหน้าตากันไว้มั่งก็ดีครับเผื่อมาลำปางเห็น
ผมแล้วจะได้รู้จักกันทักกันง่ายๆ kritsada_kritsada@hotmail.com ผมมักออนช่วง
20.00 น ถึงประมาณ 24.00 น เพราะผมมักเปิดเน็ตหาความรู้ต่างๆและบางครั้งก็เล่นเกมส์ออ
นไลน์ ที่ผมมักเล่นคือ สตรีทไฟท์เตอร์ 4 ออนไลน์ ไอดีที่ผมใช้เล่นคือ sakyan หากคุณ
อ๊อดบังเอิญเล่นเกมส์นี้เหมือนผม มาตีกันหน่อย ผมเล่นไม่ค่อยเก่งส่วนมากมักโดนยำบ่อยๆ แต่
ผมชอบหนุกๆไม่คิดไรมาก
ขอบคุณครับผม |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 19/02/2010 9:11 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
ผมขอเรียนถามเพื่อนๆและลุงคิมครับ
อันการเลือกซื้อกระดูกป่นพอจะช่วยแนะนำยี่ห้อที่เพื่อนๆเคยใช้ประจำที่คุณภาพดีๆ ให้ผมได้ซื้อมา
ใช้บ้างจะได้ไหมครับ คือผมไม่รู้ว่ายี่ห้อไหนมันแจ่มๆ เพราะเห็นมันโฆษณามากมายหลายอย่าง
จริงๆแต่ผมไม่มีประสบการณ์ในการใช้ยี่ห้อเหล่านั้นเลย รบกวนช่วยแนะนำให้ผมสักคนนะครับ
ส่วนเรื่องทำโฮโมนผมเห็นด้วยครับว่าผมต้องไปฝึกงานแบบของจริงที่ไร่ลุงคิม มันจะได้ไม่พลาด
ขอบคุณกับคำแนะนำดีๆมากมายครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 19/02/2010 8:39 pm ชื่อกระทู้: |
|
การซื้อกระดูกป่นต้องดูแหล่งที่มาด้วยนะครับ ถ้าซื้อจากที่ไม่ระบุแหล่งผู้ผลิตคุณจะได้แบบผสม
ซึ่งจะประกอบด้วยกระดูกป่น หนังป่น รำระเอียด เซรามิคป่น
การผลิตฮอร์โมนต่างๆ นั้น ผมอยากให้คุณผ่านการเรียนรู้ที่ไร่กล้อมแกล้มก่อนดีกว่าครับ ผมว่ามัน
ได้ไม่ง่ายนะ แต่ถ้าจบหลักสูตรจากลุงคิมแล้วคุณจะเห็นแสงสว่างมากกว่านี้
ลองดูนะครับ
อ๊อด ระยอง |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 19/02/2010 6:46 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านและลุงคิม
ผมขอบคุณมากที่ชี้แนะเรื่องวิธีการให้ได้มาซึ่งกระดูกป่น ตามนั้นเลยครับ ผมจะหาซื้อสำเร็จรูป
ตามที่แนะนำผม และผมจะพยายามหาแหล่งที่ปลูกหัวไชเท้าในระแวก จ.ลำปาง บ้านผมเพื่อจะได้
ขอให้เขาเก็บให้ที่แหล่งปลูกตอนตี 5 ตามหลักวิชาการที่ลุงคิมได้ชี้แนะ ผมจึงคิดจะลงมือทำโฮ
โมน น้ำดำ โฮโมนสมส่วน โฮโมนไข่ไต้หวัน ทั้ง 3 ชนิดก่อนน่าจะดีที่สุดในช่วงเวลานี้
ขอบคุณมากครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 19/02/2010 4:05 pm ชื่อกระทู้: |
|
อ๊อด.พูดถูก....
ประเด็น..... รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม หรือ รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา..... อันนี้ O.K ส่งเสริม....แต่ก็อด
สงสัยไม่ได้ ทำไมเมื่อแนะนำอะไรไปแล้วจึงปักใจอยู่แต่กับตัวนั้นเท่านั้น ทั้งๆ ที่ สิ่งที่สามารถนำ
มาทำปุ๋ยให้กับต้นไม้ได้มีตั้งเยอะตั้งแยะ..... เอางี้ จงเดินตรงไปข้างหน้า 20 ก้าว แล้วหาอะไรก็
ได้ที่ไม่ใช่ปุ๋ยมาให้ 1 อย่าง ถ้าหาไม่ได้ถือว่า "สอบผ่าน" O.K. ไหม ?
ประเด็น....เศรษฐศาตร์การลงทุน ควรต้องพิจารณา....
1.ทำใช้....... มะลิ 2 ไร่ ใช้ไขกระดูกน่าจะซักประมาณ 1/2 กก./ไร่/
ปี ซึ่งก็ได้แต่สารอารในกระดูกเพียงอย่างเดียว จะคุ้มกันหรือกับการซื้อเครื่องบด 1 เครื่อง ที่
สเปคสามารถบดกระดูกแข็งๆได้ ราคาไม่น่าจะต่ำกว่า 7,000 - 10,000 นะ..... ประสบการณ์
ตรงลุงคิม เคยซื้อเครื่องมือ 2 มอเตอร์ไฟฟ้า 3 แรงม้า เครื่องใหญ่แล้วก็หนักขนาดยก 3 คน
ราคา 7,5000 นี่ถ้าเป็นเครื่องใหม่ป้ายแดงคงเหยียบ 12,000 (ราคาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว) ประสิทธิ
ภาพบดปลาขนาดเท่าฝ่ามือ ต้องใส่ทีละตัวๆ ปลา 20 กก. ใช้เวลาเกือบวัน.....บดปลาสดๆ ยัง
ยากขนาดนี้ แล้วถ้าบดกระดูกล่ะจะยากขนาดไหน.....ได้เครื่องบดมาแล้วก็ต้องไปหากระดูกไก่
กระดูกวัว กระดูกควาย แล้วจะไปหาที่ไหน กระดูกสดๆ นะ เน่าแล้วใช้ไม่ได้ คราวนี้แหละ งาน
เข้า.....บดเสร็จต้องหมักต่ออีก 2 ปี แล้วมะลิมันจะคอยไหวหรือ..... สรุปแล้ว ซื้อกระดูกป่นที่
เขามีขายตามร้าน (ร้านที่มีขาย) มาใช้ ใส่ปีละ 1 ครั้ง คุ้มค่ากว่ามั้ง
2. ทำขาย..... จะขายแต่กระดูกหมักชีวภาพอย่างเดียวหรือ แต่ถ้าจะทำน้ำ
หมักสูตรลุงคิม (ระเบิดเถิดเทิง) มันก็ต้องมี เลือด. ขี้ค้างคาว. นม. ร่วมด้วย พวกนี้ก็ต้อง
หมักข้ามปีทั้งนั้น ทำแล้วถ้ามีตลาดรองรับก็น่าจะลงทุน ถ้าไม่มีตลาดรองรับล่ะ จะทำยังไง.....
วัสดุพวกนี้ทุกอย่างมีอยู่ทั่วประเทศนั่นแหละ สำคัญแต่ว่าคุณเข้าถึงแหล่งหรือไม่ มันไม่ได้มีขาย
ตามร้านโชห่วย ตลาดนัดจร หรือห้างสรรพสินค้า......... นอกจากนี้ ต้นทุนเครื่องมืออุปกรณ์.
อาคาร. ค่าขนส่ง. ค่างแรงงาน. เวลา. ทุกอย่างเป็นต้นทุนทั้งนั้น
คิดใหม่ทำใหม่เถอะน่า
ลุงคิมครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 19/02/2010 8:07 am ชื่อกระทู้: |
|
คำก็โง่ สองคำก็โง่ ในเว้ปนี้ไม่มีใครฉลาดกว่าใครหรอกครับ เรียกว่าใครมีประสบการณ์ในการทำ
เกษตรแบบไหนก็เอามาแลกเปลี่ยนความรู้กันดีกว่านะ ....... ผมก็ไม่ได้จบเกษตรโดยตรง แต่
อาศัยลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มาพบกับลุงคิมจึงเข้าใจว่าการทำเกษตรไม่ได้ง่าย
อย่างที่คิด และได้รู้จักเพื่อนๆ ทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่รู้
เครื่องบดพริก หากจะเอามาบดกระดูกผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถบดได้หรือเปล่า ผมคิด(คิดเอง)ว่า
มันอาจจะติดได้นะ เพราะกระดูกมันแข็ง ทางที่ดีคุณน่าจะขอทดลองเครื่องก่อนซื้อนะครับ ซื้อมา
แล้วใช้ไม่ได้คุณจะเอาไปทำอะไรล่ะทีนี้
ott_club |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 18/02/2010 10:33 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
สวัสดีครับเพื่อนๆและลุงคิม
ผมได้อ่านคำตอบที่ลุงคิมเมตตาตอบให้กับผมแล้ว ทำให้ผมได้ความรู้เพิ่มขึ้นจากการที่ไม่รู้เป็น
อย่างดี นับว่าการทำเกษตรมันช่างเป็นประดุจงานศิลป์อย่างหนึ่งจริงๆ หากเราไม่รู้ทำไปแบบดำ
น้ำมันเกิดประโยชน์ได้น้อยมากๆ
ที่ผมว่าตัวผมเองโง่ มันเป็นความรู้สึกแท้ๆจากก้นบึ้งในใจเชียวครับ เพราะผมไม่เคยได้ศึกษาวิชา
เกษตรแบบจริงๆจังๆ จึงมีความรู้แบบไม่ลึกและ 100 % ความรู้ด้านเกษตรต่างๆผมก็ศึกษาด้วย
ตัวเองจากแหล่งต่างๆ เช่นตามเวปไซด์ต่างๆ ถามหมอดิน และตัวผมเองก็ไม่รู้จริงๆว่าการที่ผมซึม
ซับความรู้ต่างๆ ได้มานั้นมันใช้แล้วได้ผล 100% หรือไม่ และผมก็ได้คำตอบแล้ว จากกาiทด
ลอง ปลูกดอกมะลิ ว่าความรู้ที่ได้มานั้นมันยังไม่ถึงที่สุดแห่งการผลิตดอกมะลิให้ได้คุณภาพที่
เยี่ยม ทั้งๆที่ผมทำตามความรู้ที่ได้มาแล้วเต็มที่ และมันเป็นโชคดีของผมที่ได้แหล่งความรู้ดีๆที่
เวปไซด์แห่งนี้ และยิ่งโชคดีมากๆที่เพื่อนๆทุกท่านที่มีประสบการณ์และความรู้ดีและใช้ได้ผลคอย
ช่วยเหลือเกื้อกูลในการตอบข้อสงสัยของผม และผมเป็นคนที่ยอมรับความจริงว่าตัวผมเองรู้หรือ
ไม่รู้ ยอมรับฟังความรู้จากทุกๆท่านแล้วนำไปปฏิบัติ แบบว่าผมโตขึ้นในลำปางในใจคิดเช่นไรก็
ตอบตามจริงไม่มีนัยยะแอบแฝงประชดใครๆทั้งสิ้น สิ่งที่ผมต้องการคือความรู้ครับเพื่อจะได้นำมา
ใช้กับแปลงดอกมะลิของผม ยิ่งช่วงนี้แม่ของผมจะใช้ให้ผมปลูกดอกกุหลาบเพิ่มอีก 1 อย่าง ผม
ได้บอกท่านไปว่าให้รอก่อนช่วงนี้ผมยังไม่พร้อม กำลังศึกษาเรื่องปุ๋ยและโฮโมนเพื่อปรับปรุงให้ดี
จากสูตรเดิมที่ใช้แล้วได้ผลไม่เต็มที่ ผมก็พยายามเพียรถามเพื่อนๆทุกท่านและลุงคิมนี่ละ ผมคิด
ว่าผมเลือกไม่ผิดแล้วที่จะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการดูแลพืชจากเวปนี้อย่างจริงจัง ผมเป็นคนชอบ
แสวงหาความรู้และกระหายความรู้ไม่รู้หน่าย หากได้เรียนสิ่งใดหากผมสงสัยจะกลุ้มใจมาก ต้องหา
คำตอบให้ได้ ถ้ายังหาคำตอบในสิ่งที่สงสัยไม่ได้ไม่มีทางที่จะหยุด โดยปกติงานผมหลักๆก็คือ ซื้อ
ขายพระเครื่อง ของสะสมเก่าๆ ซึ่งผมก็ค้าขายผ่านเวปโดยผมเป็นสมาชิกของเวป uamulet.
com ซึ่งใช้ยูสเนมว่า กฤษฎาlampang ผมดูพระไม่เก่งแต่อาศัยให้พวกกันที่เขารู้จริงตรวจ
สอบพระก่อนนำลงประมูลเสมอๆ เพื่อกันพลาดเดี๋ยวเสียชื่อ ผมหวังเป็นอย่างมากที่จะทำปุ๋ยและ
โฮฺโมนสูตรต่างๆที่ลุงคิมได้คิดค้นขึ้นเป็นแบบเพื่อนๆทุกท่านที่ได้มีโอกาสไปอบรมที่ไร่ของลุงคิม
มา และผมนับถือลุงคิมแบบจริงใจครับเพราะลุงคิมรู้จริงภาคปฏิบัติไม่มั่ว เสียดายมากที่ช่วงนี้
ปัจจัยต่างๆ ผมยังไม่เอื้ออำนวยไม่งั้นผมคงจะขออณุญาติลุงคิม ไปศึกษาแบบใกล้ชิดของจริงที่ไร่
ลุงคิม ตอนนี้เวลานี้ผมก็ได้แค่พูดคุยซักถามข้อที่สงสัยผ่านอินเตอร์เนตเท่านั้น และผมได้กลุ้มใจ
มากช่วงนี้เกี่ยวกับการทำกระดูกป่นเมื่อคืนผมนั่งหาจากอินเตอร์เนต ได้เจอบทความถามตอบ
ปัญหาการเกษตร ที่ลุงคิมได้อธิบายไว้ในหัวข้อ
หัวข้อ: ลุงครับ ผมอยากเห็น บทความ ทำดาวเรือง จัมบ้า ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bombon ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2009, 09:42:29 pm
TO K.BOMBON .......
เลิกได้แล้ว โดโลไมท์. มาร์ล. เพอร์ไรท์. หินภูเขาไฟ. ฯลฯ ....... วิเคราะห์ "ชนิด
และ ปริมาณ" ธาตุอาหารพืชอย่างละเอียดในแง่ของ "เศรฐศาสตร์การลงทุน" แล้ว ถือว่าไม่คุ้มค่า
อันที่จริง "ยิบซั่ม" น่ะ อัตราใช้ในเชิงวิชาการจริงๆ ใช้เพียง "2 กก./ไร่/รุ่น" เท่านั้น ....ในยิบ
ซั่มมี "แคลเซียม" กับ "กำมะถัน" เป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อไม่มียิบซั่มก็ให้พิจารณาใช้
อย่างอื่นที่มี แคลเซียม กับ กำมะถัน แทนก็ได้ นอกจากนี้ การที่ยิบซั่มช่วยให้ดินโปร่ง ร่วน ซุย
เมื่อไม่มียิบซั่ม เราก็ใช้อย่างอื่นที่ทำให้ดินโปร่ง ร่วน ซุย ได้เหมือนกัน เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ย
อินทรีย์ ไงล่ะ ที่ขาดไม่ได้และเป็นพระเอกในการทำให้ดินโปร่ง ร่วน ซุย ก็คือ "จุลินทรีย์" ไงล่ะ
กระดูกป่น สุดยอดปุ๋ยอินทรีย์ที่ให้ "อินทรีย์สาร" มหาศาลทั้งชนิดและปรีมาณ เมื่อหากระดูก
ป่นโดยตรงไม่ได้ ให้ใช้ "กระดูกสด" เช่น ซี่โครงไก่ กระดูกวัว/ควาย/หมู สดๆ ได้มาแล้วเอา
เข้าเครื่องบดพริกหรือบดปลาเป็ด บดให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ โดยการเปลี่ยนหน้าแว่น
เครื่องบด ....... ได้กระดูกสดบดละเอียดมาแล้ว เอามาทำ "กระดูกหมักชีวภาพ" หมักข้ามปีก็
จะได้ "ไขกระดูกหมัก" อย่างที่ลุงคิมทำใช้ ....... หรือ ได้กระดูกสดบดละเอียดมาแล้ว
ละลายน้ำเปล่า ราดรดโคนต้นหรือลงดินโดยตรงได้เลย ....... อัตราใช้ 250 กรัม/ต้นไม้ผลทรง
พุ่ม 3-5 ม./ปี ......ใช้ 1-2 กก./ไร่ นาข้าวหรือพืชไร่/พืชสวน ....... ใช้ 5-10 กก. เป็นส่วน
ผสมปุ๋ยอินทรีย์ในกองขนาด 1 ตัน
กระดูกสดมี "เนื้อ - กระดูก - ไขกระดูก - เลือด" ซึ่งอุดมไปด้วยธาตุต่างๆ มากมาย อยากรู้
จริงๆ ถามหมอซิครับ ทั้งนี้ ธาตุอาหารสำหรับคน กับ ธาตุอาหารสำหรับพืช คือตัวเดียวกัน ต่าง
กันที่ "รูป" ที่คนหรือพืชจะนำไปใช้ได้เท่านั้น
ลองดูนะ รับรองไม่ยาก อยากทำได้ต้องไม่กลัวผิดพลาด เพราะความผิดพลาดคือความสำเร็จ
อย่างหนึ่ง เหมือนอย่างเอดิสัน. ที่คุณอ้อ ระยอง เล่าให้ฟังไง
รักนะ
ลุงคิม
อ่านแล้วทำให้ผมเข้าใจหลักการเลือกวัตถุดิบคือ กระดูก มากขึ้นทำให้หายสงสัย ขจัดความโง่ใน
สิ่งที่ไม่รู้เพิ่มอีกนิด แต่ก็นั่นละความโง่ผมมันมีมากอยู่ดีต้องหาความรู้เพิ่มอีกมากๆ หวังว่าเพื่อนๆ
ทุกท่านคงไม่ทอดทิ้งคนโง่คนนี้นะครับ และหวังเป็นอย่างมากที่ลุงคิมคงไม่ทอดทิ้งให้ผมจมปลัก
กับความไม่รู้นะครับ และตอนนี้ที่ผมสงสัยเกี่ยวกับเครื่องบดพริกที่ลุงคิมได้กล่าวถึง คือวันนี้ผม
ลองไปดูที่ร้านขายในลำปาง มันมี ตัวขนาด 32 นิ้ว มอเตอร์ 1 แรงม้า ระบบโซ่ทด ราคา 5800
ผมไม่แน่ใจว่าตัวนี้มันจะใช้บดกระดูกได้ไหม ราคานี้แพงไปไหม มอเตอร์ที่ติดมายี่ห้อ อิวลี่ เขาว่า
มันเป็นของญี่ปุ่นส่วนตัวเครื่องบด เถ้าแก่อ้างว่าพี่ชายเขาประกอบขายเอง ผมถามเรื่องการประกัน
เขาไม่มีการรับประกันใดๆทั้งสิ้น ผมเลยลังเลจึงถือโอกาสถามเพื่อนๆทุกท่านและลุงคิมว่า เจ้า
เครื่องบดพริกตัวนี้ มันบดกระดูกดีไหม ซึ่งระแวกที่ผมอาศัยมันมีโรงฆ่าวัว ควาย คิดว่าจะขอซื้อ
กระดูกสดๆมาบดเพื่อจะดำเนินการทำ น้ำหมักไขกระดูก และนำกระดูกป่นไปใส่ต้นมะลิ ตามที่ลุง
คิมได้แนะนำให้ผม
ผมศรัทธาความรู้และเชื่อมั่นความรู้แบบลุงคิมจริงๆครับ อยากทำทุกอย่างตามหลักการและ
ความรู้ที่ลุงคิมได้เผยแพร่สนิทใจแบบ 100% แต่ผมยังไม่ค่อยเข้าใจหลายๆอย่างจึงต้องถามเพื่อ
ให้ตัวผมรู้ได้ถูกต้องตามหลักวิชาของลุงคิม
ขอบคุณครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 18/02/2010 6:31 pm ชื่อกระทู้: |
|
TO K.KRISADALAMPANG....
ถาม :
4.... หัวไชเท้าสดใหม่ เลือกหัวไชเท้าสดใหม่ สมบูรณ์ โตเร็ว เก็บตอน ตี.5 อันนี้ผมดูไม่
เป็นจริงๆ ว่าหัวที่เขาเก็บมาขายนั้นมันดูยังไงว่าเก็บช่วงเวลาไหน ดูเป็นแค่หัวมันให้สด เพราะแถบ
ลำปาง ช่วงเที่ยงคืนตลาดสด จะมีรถขนผักสดๆ จากที่ต่างๆ มาขายที่ตลาด ออมสินลำปาง ซึ่งหา
ซื้อไม่ยากเจ้าหัวไชเท้า แต่ยากตรงที่ไม่รู้เขาดูยังไงว่ามันเก็บช่วงเวลาไหน ยังไงๆ พ่อค้ามันตอบ
เราไม่ตรงอยู่แล้วเรื่องเวลาเก็บจากแหล่งมาขาย ..... รบกวนชี้แนะการเลือกซื้อด้วยครับ
ตอบ :
ที่ให้เก็บหัวไชเท้าตอน ตี.5 เพื่อนำมาสกัดเอาฮอร์โมนหรือสารอาหารในพืชนั้น ก็เหมือนกับการ
เก็บพืชอื่นๆ คือ เก็บตอน ตี.5 สภาพสดใหม่ สมบูรณ์ โตเร็ว ไม่มีโรคแมลงรบกวน. ได้มาแล้ว
ไม่ต้องล้างเพียงแต่เช็ดทำความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ........ทำไมคุณจึงวิเคราะห์ไม่ออกว่าระหว่าง
หัวไชเท้าที่วางขายบนแผง กับหัวไชเท้าที่เพิ่งถอนขึ้นมาจากแปลงเดี๋ยวนั้น อย่างไหนใหม่ หรือ
เก่ากว่ากันแค่ไหน ในเมื่อหาหัวไชเท้าแบบถอนจากแปลงเดี๋ยวนั้นไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำฮอร์โมนที่
ว่า เรื่องนี้เอาแค่รู้เพื่อประดับสติปัญญาก็พอมั้ง อีกทางออกหนึ่งก็คือ เมื่อฮอร์โมนธรรมชาติมีแต่
สารพัดปัญหาก็ไม่ต้องไปสนใจมัน ใช้ฮอร์โมนวิทยาศาสตร์แทนก็ได้นี่นา
เหตุผลทางหลักวิชาการก็คือ ช่วงกลางคืนพืชจะดูดสารอาหารต่างๆ จากดินไปเก็บสะสมไว้ในต้น
และใบ เพื่อรอแสงแดดสังเคราะห์สารอาหารเหล่านั้นในช่วงวันรุ่งขึ้น หลังจากสารอาหารถูกสัง
เคราะห์แล้วก็จะส่งกลับมายังส่วนต่างของต้นเพื่อพัฒนาการต่อไป
พืชมีการลำเลียงสารอาหารตลอด 24 ชม. .....กลางคืนลำเลียงจากรากสู่ใบ......กลางวันลำเลียง
จากใบสู่ราก.....กระบวนการนี้เรียกว่า ไซเร็ม และ โฟลเร็ม.
การเก็บตอน ตี.5 จึงทำให้ได้สารอาหารต่างๆ โดยเฉพาะฮอร์โมนในปริมาณที่มากที่สุดเท่าที่พืช
นั้นได้สะสมไว้..... ทดสอบ เก็บหัวไชเท้าตอน ตี.5 สดใหม่จากแปลง แล้วผ่า ดม/ชิม กับ
เก็บหัวไชเท้าในตลาดที่เก็บมานานข้ามวัน มาผ่า ดม/ชิม ก็จะรู้ว่า กลิ่น/รส ต่างกันอย่างสิ้น
เชิง ลักษณะที่แตกต่างกันนี้ใช่คุณภาพของสารอาหารหรือฮอร์โมนในหัวไชเท้าหรือไม่
สารอาหารหรือฮอร์โมนจากพืชสดที่ได้ ไม่สามารถสู้กับแสงและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติได้ ดังนั้น
เมื่อได้มาแล้วต้องเก็บในภาชนะทึบแสง เก็บในตู้เย็นช่องเย็นธรรมดา เมื่อจะใช้งานก็ต้องใช้
ขณะที่ไม่มีแสงแดด นั่นคือ ให้ตอนหลังพระอาทิตย์สิ้นแสงแล้ว..... ต่อข้อสงสัยที่ว่า ปากใบ
เปิดตอนกลางวันหรือตอนกลางคืนกันแน่นั้น ให้ตั้งข้อสังเกตุ ดังนี้ ตอนกลางวัน หากเราอยู่ใต้
โคนต้นไม้จะรู้สึกสดชื่น เพราะต้นไม้คายอ๊อกซิเจน.ออกมา แล้วรับคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เข้า
ไป ส่วนตอนกลางคืน ห้ามเรานอนใต้ต้นไม้ เพราะต้นไม้จะคายคาร์บอนไดอ๊อกไซด์.ออกมา
แล้วดูดอ๊อกซิเจน.เข้าไป ฉนี้แล้ว คุณว่าปากใบต้นไม้เปิดตอนกลางวันหรือกลางคืนล่ะ
ผักไฮโดรโปรนิค น้ำสารอาหารต้องวนตลอด 24 ชม. ตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงวันเก็บเกี่ยว เพราะ
อะไร ........ ระบบน้ำหยด ต้องมีน้ำหยดลงพื้นตลอด 24 ชม. เพราะอะไร ...... ทั้ง 2 กรณี
24 ชม. แสดงว่ากระบวนดูดซับสารอาหารพืชดำเนินไปตลอด 24 ชม. ....... ใช่หรือไม่
ถาม :
5.... การที่ลุงคิมแนะนำการใช้พ่นโฮโมนแก่มะลิ ฉีดพ่นให้กับมะลิช่วงหัวค่ำ (ไม่มีแสงแดด) ผม
สงสัยครับ ว่า ตามหลักการพืชมันจะไม่สังเคราะห์แสงหลังหมดแสงแดดและหยุดกระบวนการดูด
ซับอาหารและน้ำ แล้วพืชมันจะได้อาหาร คือ โฮโมนที่เราพ่นให้มันได้หรือครับ และ มันจะมี
ปัญหาต่อพืชไหม ถ้าตามต้นและใบมันเปียกชื้นจากน้ำไม่แห้ง จะทำให้เกิดโรคได้ไหม เช่น เชื้อ
รา ซึ่งปัญหาข้อนี้ผมเคยลองถามจากเกษตรกรหลายๆ คนตอบไม่เหมือนกัน บ้างก็ว่าควรจะพ่นโฮ
โมนให้พืชหรือพ่นปุ๋ยทางใบ หรือพ่นน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง ช่วงเช้ามืดจนถึงก่อน 9 โมงเช้า จะ
เป็นเวลาที่ดี เพราะแดดมันยังไม่ร้อน พืชจะดูดซับได้ทัน นำไปใช้บำรุงต้นได้ดี และลำต้นและใบ
จะแห้งไม่เปียก ทำให้พืชไม่เป็นโรค เช่น เชื้อรา
ตอบ :
..... การให้สารอาหารทั้งทางใบและทางราก ให้ได้ทุกเวลา เพราะพืชกินอาหารตลอด 24 ชม.
เรื่องปากใบเปิดหรือปิด ไม่ใช่อุปสรรค เพราะพืชรับสารอาหารได้ 2 ทาง คือ ปากใบ กับ ปลาย
ราก บางตำรา (ดร.) บอกว่า การให้น้ำแก่ต้นพื่ชช่วงหัวค่ำ จะทำให้พืชได้รับน้ำมากกว่าช่วงกลาง
วัน ส่งผลให้พืชโตเร็วกว่าด้วย.... ผักบุ้งจีน ถือเป็นพืชกินใบที่โตเร็วที่สุด อายุ 14-17 วัน
สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว คุณตรวจสอบโดยวัดขนาดสูง (ยาว) ของต้นซี่ ช่วง 6 โมงเย็น ถึง 6
โมงเช้า (กลางคืน) ระยะหนึ่ง กับ 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น (กลางวัน) อีกระยะหนึ่ง แล้วคุณจะรู้
ว่า ช่วงกลางคืนผักบุ้งจีนมีอัตราการเจริญเติบโตมากกว่าช่วงกลางวัน.... เพราะอะไร และนี่คือ
อะไร
..... การฉีดพ่นยาสมุนไพร ช่วงหัวค่ำเพื่ออาศัยกลิ่นสมุนไพรขับไล่แม่ผีเสื้อ ฉีดพ่นช่วงเช้าก่อน
แสงแดด เพื่อล้างน้ำค้าง (ป้องกันกำจัดราน้ำค้าง ราสนิม ราแป้ง) กับอาศัยกลิ่นขับไล่แม่ผีเสื้อ
กลุ่มที่มาก่อนสวาง ...... อย่ากังวลเรื่องใบแห้งใบเปียก ต้นพืชไม่ได้กินยาทางปากใบ ยาไม่ได้
เข้าไปในเนื้อพืช เพราะไม่ใช่ยาดูดชึม แต่ตัวยาเคลือบอยู่บนผิวใบ ถึงใบจะแห้งแล้ว ตัวสาร
ออกฤทธิ์ก็ยังเคลือบอยู่บนผิวใบได้ไม่ใช่หรือ เมื่อ แมลง-หนอน มากัดกินก็จะสัมผัสกับสารออก
ฤทธิ์แล้วเลิกกินหรือไม่ก็ตายไปเลย ส่วนเชื้อ รา-แบคทีเรีย ก็อยู่บนผิวใบ เพราะฉนั้น เมื่อฉีด
พ่นสารสกัดสมุนไพรทับลงไป สารออกฤทธิ์ก็จะกำจัดเชื้อพวกนี้ได้
..... เรื่องแหล่งข้อมูลความรู้ ทั้งที่เป็นวิชาการ และที่เป็นประสบการณ์ (ภูมิปัญญาพื้นบ้าน) ไม่
ควรปฏิเสธทั้งสองทาง แต่ก็ไม่ควรเชื่อทางใดทางหนึ่งเพียงทางเดียวอย่างหัวปักหัวปำ ลุงคิมเคย
คุยกับ ดร.ก. ท่านบอกว่าที่ลุงคิมพูดน่ะผิด ลุงคิมเลยหยิบตำราของ ดร.ข. มาให้ดู ปรากฏว่า
ดร.ก. เงียบ เลยรู้ว่า ดร.กับ ดร.น่ะไม่คุยกัน เพราะกลัวเสียเหลี่ยมไงล่ะ แล้วงานนี้เชื่อใคร เชื่อ
ตัวเองไง
นี่คือปัญหาของมือใหม่ที่โง่แบบผม ไม่รู้จริงๆ ครับ ขอคำชี้แนะ จากลุงคิม และเพื่อนๆ ทุกท่าน
ด้วยครับ
คุณพูดว่าคุณ "โง่" คุณดูถูกตัวเองทำไม หรือคุณพูด "ประชด" ใคร เพราะฟังแล้วให้รู้สึกไม่
สบายใจกันทั้งนั้น
ขอบคุณครับผม
ลุงคิมครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 16/02/2010 7:52 am ชื่อกระทู้: |
|
อย่ายึดติด อย่าคิดมาก ..... บอกแล้วงัยว่าความรู้อาจเป็นกำแพงในการสร้างจินตนาการ
เรื่องฟอร์มารีนไม่ต้องกลัวเพราะปลาทะเลส่วนมากก็ใส่ฟอร์มารีนกันทั้งนั้น แต่หลังจากที่เราทำ
การหมักข้ามปี จุลินทรีย์จะทำการสลายพิษทั้งที่อยู่ในกากน้ำตาลและปลาทะเลไม่ให้เหลือตกค้าง
ไปเอง
เป็นกำลังใจให้นะครับ
ott_club |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 15/02/2010 9:35 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน และลุงคิม
ปลาทะเลที่วางขายในจังหวัดลำปาง มันไม่สด เพราะผมคิดว่ากว่าจะลำเลียงมาจากแหล่งมัน
ต้องราดด้วยฟอร์มารีนแน่ๆ และผมคิดว่าหากปลาไม่สดจริงๆ คือแบบว่า ปลาตายปุบเราก็นำมาทำ
การใช้หมักปุ๋ยเลยมันจะได้ผลดีเต็ม 100% แน่ๆ แต่นี่มันตายมาตั้งไม่รู้กี่วันแล้วมันจะยังให้ผลดี
ในการหมักปุ๋ย "สูตรระเบิดเถิดเทิง" อยู่อีกหรือ และที่สำคัญเจ้าสารฟอร์มารีนตัวนี้มันจะขัด
ขวางกระบวนการย่อยสลายของ เชื้อจุลินทรีย์ฝ่ายดีหรือไม่ และเมื่อหมักเสร็จแล้ว มันจะมีการปน
เปื้อนของสารฟอร์มารีนหรือเปล่า ผมสงสัยจริงๆ
ขอบคุณครับผม |
|
|
ott_club |
ตอบ: 15/02/2010 2:53 pm ชื่อกระทู้: |
|
คุณกำลังยึดติดอยู่กับคำพูดของลุงคิมมากเกินไปครับ ไปไร่กล้อมแกล้มสักครั้งซิครับ แล้วจะเห็น
อะไรต่อมิอะไรทั้งหมด รับรองคุณจะร้องอ๋อ......ขำกลิ้ง ใจเย็นๆ ร่มๆ ลองประติดประต่อเรื่องราว
ที่ลุงเขียนไว้ด้านบนแล้วนำมาลองใช้ดูก่อน ผมว่าลุงเขียนได้ละเอียดแล้วนะครับ
1 เรื่องไขกระดูกคุณก็หากระดูกสัตว์สดมาบดทั้งกระดูกแล้วทำการหมักได้เลยครับ หากจะหาไข
กระดูกเพียวๆ คงยากเพราะประเทศไทยคนที่มีกำลังหาได้ก็มีแต่ลุงคิมนี่แหละ เพราะเขาส่งออก
หมด
2 ทั้งจังหวัดลำปางหาปลาทะเลไม่ได้มันก็เกินไป
3 กระดูกป่นก็คือกระดูกป่น หาไม่ได้ก็ซื้อแบบสำเร็จรูปซิครับ ของ บ.ผลปุ๋ยรุ้งก็ยี่ห้อ "รุ้ง
แคลโปร" ของ บ.ร่มทองก็ยี่ห้อ "รันโบน" หาซื้อไม่ได้อีกก็ไม่ต้องใส่
4 ต้องไปเก็บเองครับถึงจะได้หัวใช้เท้าตอนตี 5 ถ้าทำไม่ได้ก็เอาแบบที่อยู่ในตลาดนั่นแหละ
อย่ายึดติด
5 ฮอร์โมนที่ได้จากธรรมชาติมันจะไม่เสถียร ไม่ทนต่อแสงแดดครับ
ott_club |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 15/02/2010 12:06 am ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
ผมขอเรียนถามลุงคิม และเพื่อนๆ ทุกท่านครับ
1.... ไขกระดูกหมักชีวภาพ เจ้าตัววัตถุดิบตัวนี้ผมจะต้องสกัดอย่างไรถึงจะได้ไขกระดูก 10 กิโล
ซึ่งผมโง่จริงๆ ไม่รู้จะหาซื้อหรือทำอย่างไรดีจะได้วัตถุดิบตัวนี้รบกวนทุกๆ ท่านช่วยสอนผมด้วย
ครับ จะทำไงให้ได้ไขกระดูก 10 กิโล เพื่อนำมาหมัก
2.... ปลาทะเลสดที่ใช้หมักระเบิดเถิดเทิง ลำปางมันไม่มีปลาทะเลสดผมใช้วัตถุดิบตัวไหนแทน
ดีครับ
3.... กระดูกป่น ที่ใช้ในการผสมกับขี้สัตว์ต่างๆ ในหัวข้อบำรุงดอกมะลิ ผมควรทำอย่างไรถึงจะ
ได้กระดูกป่น คือ ผมไม่รู้จริงๆ เพราะมันไม่มีเครื่องป่นกระดูกขาย ทำอย่างไรให้กระดูกมันป่น
ละเอียดดี และควรใช้กระดูกสดๆ ที่ยังไม่ผ่านการทำให้สุกหรือ ใช้กระดูกที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวทำน้ำ
ซุป หรือกระดูกที่ร้านอาหารต่างๆ เหลือใช้ เช่น ร้ านข้าวมันไก่ ที่กระดูกเหลือในหม้อน้ำซุป มาใช้
ทำกระดูกป่นก็ได้ ผลที่ออกมามันจะเหมือนหรือต่างกันกับกระดูกสดๆ หรือไม่
4.... หัวไชเท้าสดใหม่ เลือกหัวไชเท้าสดใหม่ สมบูรณ์ โตเร็ว เก็บตอน ตี.5 อันนี้ผมดูไม่
เป็นจริงๆ ว่าหัวที่เขาเก็บมาขายนั้นมันดูยังไงว่าเก็บช่วงเวลาไหน ดูเป็นแค่หัวมันให้สด เพราะแถบ
ลำปาง ช่วงเที่ยงคืนตลาดสด จะมีรถขนผักสดๆ จากที่ต่างๆ มาขายที่ตลาด ออมสินลำปาง ซึ่งหา
ซื้อไม่ยากเจ้าหัวไชเท้า แต่ยากตรงที่ไม่รู้เขาดูยังไงว่ามันเก็บช่วงเวลาไหน ยังไงๆ พ่อค้ามันตอบ
เราไม่ตรงอยู่แล้วเรื่องเวลาเก็บจากแหล่งมาขาย ..... รบกวนชี้แนะการเลือกซื้อด้วยครับ
5.... การที่ลุงคิมแนะนำการใช้พ่นโฮโมนแก่มะลิ ฉีดพ่นให้กับมะลิช่วงหัวค่ำ (ไม่มีแสงแดด) ผม
สงสัยครับ ว่า ตามหลักการพืชมันจะไม่สังเคราะห์แสงหลังหมดแสงแดดและหยุดกระบวนการดูด
ซับอาหารและน้ำ แล้วพืชมันจะได้อาหาร คือ โฮโมนที่เราพ่นให้มันได้หรือครับ และ มันจะมี
ปัญหาต่อพืชไหม ถ้าตามต้นและใบมันเปียกชื้นจากน้ำไม่แห้ง จะทำให้เกิดโรคได้ไหม เช่น เชื้อ
รา ซึ่งปัญหาข้อนี้ผมเคยลองถามจากเกษตรกรหลายๆ คนตอบไม่เหมือนกัน บ้างก็ว่าควรจะพ่นโฮ
โมนให้พืชหรือพ่นปุ๋ยทางใบ หรือพ่นน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง ช่วงเช้ามืดจนถึงก่อน 9 โมงเช้า จะ
เป็นเวลาที่ดี เพราะแดดมันยังไม่ร้อน พืชจะดูดซับได้ทัน นำไปใช้บำรุงต้นได้ดี และลำต้นและใบ
จะแห้งไม่เปียก ทำให้พืชไม่เป็นโรค เช่น เชื้อรา
นี่คือปัญหาของมือใหม่ที่โง่แบบผม ไม่รู้จริงๆ ครับ ขอคำชี้แนะ จากลุงคิม และเพื่อนๆ ทุกท่าน
ด้วยครับ
ขอบคุณครับผม |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 14/02/2010 11:22 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
ขอบคุณมากครับลุงคิม
ผมเพิ่งหัดปลูกมะลิครั้งแรกในชีวิต ที่อยู่มา 40 ปี ไม่เคยทำเกษตรจริงจังมาก่อน ผมหัดปลูกครั้ง
นี้ 80 กว่าต้น โดยยึดหลักการที่ว่า เริ่มจากเล็กไปใหญ่ เพราะในครั้งนี้ผมยังจัดการดูแลบำรุงต้น
ดอกมะลิไม่เป็น จึงพยายามทดลองดูแลมันให้ได้ผลดีแน่นอน แล้วจึงคิดจะทำจริงๆ จังๆ สัก 1 ไร่
เนื่องจากที่ลำปางผมมีแค่ที่ปรึกษาด้านเกษตรอินทรีย์ชีวภาพ คือ หมอดินของกรมพัฒนาที่ดินเท่า
นั้น และผมไม่มีประสบการณ์ในการเกษตรมาเลยจริงๆ ไม่รู้จะทำไงให้มันสำเร็จดังใจหวัง จึงดิ้นรน
หาความรู้ให้มากๆ และนำมาใช้ในการทดลองปลูกดอกมะลิ
ผมได้คิดว่าหากเป็นไปได้มีงบอำนวย ผมตั้งใจอยากจะขอไปเรียนรู้ที่สวนลุงคิมแบบคนอื่นๆ มั่ง
ผมชื่นชอบแหล่งตักศิลาของลุงคิมมาก จากการเปิดเวปนี้ดูอิจฉาเพื่อนๆ ที่ได้เคยไปตักศิลาเรื่อง
ดูแลพืชสำนักลุงคิม ผมคิดว่าต้องไปให้ได้ ถ้าจะหาความรู้แบบลึกและจริง กะจะไปเช่าบ้านอยู่
แถบนั้นสักเดือนแล้วตั้งใจศีกษาเรื่องปุ๋ยและโฮโมนต่างๆ แบบลงมือทำเองจะได้เข้าใจได้แบบไม่
ต้องจินตนาการตามตัวอักษรในเวปที่ คุณลุงคิมได้เมตตานำมาสอนให้ทุกคนที่มุ่งมั่นได้ทดลอง
ทำใช้เอง ผมหวังอย่างยิ่งที่เวลาเช่นนั้นจะมาถึงผมมั่งจังที่จะได้ฝึกด้วยของจริงที่สวนลุงคิม ขอบ
คุณลุงคิมเป็นอย่างยิ่งที่ชี้ทางเดินแบบถูกต้องตรงๆให้ผม
ขอบคุณครับผม
้ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 14/02/2010 9:17 pm ชื่อกระทู้: |
|
คุณมีมะลิกี่ไร่น่ะ.... 50-100 ไร่เลยหรือ.....เท่าที่ลุงคิมเคยเห็น แปลงขนาด 2 ไร่
ก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว....... ถ้าแปลงมะลิคุณแค่ขนาด 1-2 ไร่ แล้วคุณลงทุนขนาดนี้
ลุงคิมว่า คุณกำลังขี่ช้างจับตั๊กแตนนะ มันจะคุ้มกันหรือ
อ่านข้อมูลเรื่อง 21-7-14 ของ "ยารา" แล้ว น่าจะคิดได้นะว่า อีก 100 ปี แถวบ้านเราจะมีขาย
ไหม เพราะฉนั้น อย่าได้ไปตามหาให้มะเร็งกินอารมย์เลยคุณ
ต้องการให้มะลิดอกใหญ่ๆ ใช้ "โกร์วกรีน" เนื้อในคือ "ยูเรก้า" หรือ "กล้อมแกล้มระเบิด
เถิดเทิง สูตรบำรุงผล ขยายขนาด หยุดเมล็ดสร้างเนื้อ" เนื้อในคือ "อเมริกาโน" สนนราคาลิตร
ละประมาณ 300-350 บาท (ราคาเอเย่นต์) ซื้อมาลิตรเดียวใช้ได้นาน 3-4 เดือน....... อยู่
ลำปาง ติดต่อไปที "สวนโชคฉัตร อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โทร. (082) 031-9124 น่าจะ
ประหยัดต้นทุนกว่าทำเองมั้ง......นอกจากสูตรขยายขนาดแล้ว ที่นั่นน่าจะมี ไวซ่า (ฮอร์โมนไข่
สูตรไต้หวัน). ไบโอไรซ์ (ฮอร์โมนน้ำดำ). .... ก็สูตรที่ลุงคิมสอนให้ทำเอง แต่อันนี้คือที่ลุงคิม
ทำส่งเอเย่นต์
แค่ขยายขนาดดอกมะลิ ไม่น่าจะยุ่งยากหรือเข้มข้นเท่าขยายขนาดผล ลำไย-ลิ้นจี่ หรอกนะ
ลองๆ คลิกไปที่ "เมนูหลัก - ฮอร์โมน" แล้วพิจารณาทำ "ฮอร์โมนสมส่วน" ใช้เอง ทำทีใช้ที
ใช้อาทิตย์ละครั้งก็พอแล้ว
หาเครื่องปั่นแบบแยกกากแยกน้ำ (จุ๊ยเซอร์) เครื่องละ 1,000 กว่าๆ ปั่นหัวไชเท้า สดใหม่ เพียง
หัวเดียว เอาน้ำคั้นแค่ 100-200 ซีซี. ได้มาแล้วผสมน้ำ (พีเอช 6.0) 20 ล. + ธาตุรอง/ธาตุ
เสริม 20 กรัม แล้วฉีดพ่นให้กับมะลิช่วงหัวค่ำ (ไม่มีแสงแดด) อาทิตย์ละครั้ง แค่นี้ก็เหลือจะ
ใหญ่แล้ว.....ไม่มีน้ำคั้นหัวไชเท้า ใช้น้ำมะพร้าวแก่แทนก็ได้ หรือจะใช้ทั้งสองย่างก็ยิ่งดี...ก็แค่นี้
แหละ
มะลิเรื่องง่ายๆ คนนั่นแหละทำให้มันยุ่งยาก..... อากู๋ อายุ 80 พูดกับลุงคิม "อาผู้พัง มะลินะ
หมากักกังกิ่งหัก มันก็ออกหร็อกเลี้ยว....." หมายความว่าให้หมั่นตัดแต่งกิ่งเท่านั้นแหละ....มะลิ
ชอบกระดูกป่น ใส่ไขกระดูกหมักซี่ แค่ครึ่งลิตร/ไร่/3 เดือน รับรอง ออกหร็อกไม่เลิ่ก....
ลุงคิมครับผม |
|
|
kritsadalampang |
ตอบ: 14/02/2010 6:36 pm ชื่อกระทู้: 21-7-14 และ 8-24-24 |
|
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน และลุงคิม
ผมพยายามหาซื้อ 21-7-14 ตามที่ลุงคิมชี้แนะ ด้านการบำรุง ขนาดของดอกมะลิของผม แต่
ลำปางบ้านผมไม่มีขาย ก็พยายามหาซื้อในแถบ จังหวัดภาคเหนือที่ใกล้ๆ ลำปาง ยังไม่ได้ของ
ขอเรียนถามลุงคิม และเพื่อนๆ ว่า 21-7-14 ที่ผมต้องการจะผสมปุ๋ยอินทรีย์น้ำ เพื่อพ่นทางใบ
จะต้องใช้แบบไหน ใช้แบบเม็ด หรือแบบที่ใช้สำหรับพ่นทางใบโดยเฉพาะ ซึ่งผมเลือกซื้อไม่ถูก
จริงว่า ควรซื้อแบบไหนมาใช้ จึงจะเหมาะกับการพ่นปุ๋ยทางใบให้กับ ต้นดอกมะลิของผม
ขอบคุณมากครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 14/02/2010 10:59 am ชื่อกระทู้: |
|
เกษตรานุสติ :
1.... พืชใช้สารอาหารในปริมาณระดับ พีพีเอ็ม. แต่ในส่วนผสมของปุ๋ยที่เราปรุงเองมีปริมาณ
ระดับ เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามีปริมาณที่มากพอต่อความจำเป็นต้องใช้ของพืช
2.... พืชรับสารอาหารได้ 2 ทาง คือ "ปากใบ กับ ปลายราก" ..... ในดินมีปัจจัยต้านที่เรียก
ว่า "อ๊อกซิเดชั่น" ทำให้สารอาหารเปลี่ยนรูปกลายเป็นสารอย่างอื่นได้ เช่น ไนโตรเจน อาจ
เปลี่ยนรูปเป็น ไนไตรท์. ไนเตรท. ซัลไฟด์. หรือคลอไรด์.ได้ ส่งผลให้ไม้ต้นนั้นไม่ได้รับ
ไนโตรเจน ในขณะที่ใบมีปากใบ สารอาหารที่จะผ่านปากใบเข้าสู่ต้นนั้นไม่มีปัจจัยต้าน หรือมี
น้อยมาก หรือไม่มีอ๊อกซิเดชั่น จึงทำให้ไม้ต้นนั้นได้รับสารอาหารในปริมาณที่มากกว่า ซึ่งจะส่ง
ผลให้พืชได้รับสารอาหารค่อนข้างแน่นอน
จากหลักการและเหตุผล 2 ประการ ดังกล่าว ทางเลือกหรือทางออกสำหรับกรณีหาปุ๋ยทางดินสูตร
ที่ต้องการไม่ได้ เราสามารถปรับเทคนิคการให้ปุ๋ยแก่ต้นพืช โดยให้ "ปุ๋ยทางใบ" โชกๆ โชกจน
ตกลงเปียกพื้นดินโคนต้น เช่น ให้ 21-7-14 ทางใบด้วย ยูเรก้า. โชกๆ ก็จะทำให้มี 21-7-14
ลงถึงพื้นแทนปุ๋ยทางดินได้เช่นกัน
ก็ไม่จำเป็นต้อง ยูเรก้า. ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่ "คุณสมบัติ หรือ ส่วนผสม" เหมือนกัน ทั้งนี้ ต้นพืช
ไม่รู้จักยี่ห้อ. ไม่ฟังโฆษณา. ไม่ต้องการลดแลกแจกแถม.
ไม่พ่อค้าใดในโลกนี้ยอมขาดทุนกำไร
ลุงคิมครับผม |
|
|
Pitipol |
ตอบ: 14/02/2010 12:32 am ชื่อกระทู้: |
|
วันก่อนจะไปซื้อ 21-7-14 ชนิดเม็ดจากร้านนิเวศการเกษตร เลยถามเรื่องราวมาเพิ่มเติมจากพี่
อ็อด.ได้ความว่า....... ประวิทย์กรุ๊ป บริษัทแม่ของ โรจน์กสิกิจ รู้มานาน 3-4 ปีแล้วว่า "ยารา"
ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปุ๋ยและปิโตเลียมอันดับต้นๆ ของโลก กำลังจะซื้อบริษัทผลิตปุ๋ยต่างๆ ทางประ
วิทย์กรุ๊ป.รู้ดีว่า ต่อไปอาจจะเป็นตัวแทนจำหน่ายนำเข้าปุ๋ยจากบริษัทเดิมไม่ได้อีก จึงสร้างแบลนด์
อื่นๆ ขึ้นมาเช่น รุ่งอรุณ. ประกายดาว. ดาวเหนือ. ขึ้นมารองรับตลาด เมื่อยารา.ได้ซื้อบริษัท
ต่างๆ ตามที่คาดไว้แล้ว ยารา. จึงยื่นข้อเสนอให้ประวิทย์กรุ๊ป. เป็นตัวแทนจำหน่ายได้ต่อ แต่มี
เงื่อนไขว่า ห้ามประวิทย์กรุ๊ป.เป็นตัวแทนจำหน่ายให้บริษัทอื่นเลย แบลนด์พวก รุ่งอรุ่ณ. ประกาย
ดาว. ดาวเหนือ. ต้องยกเลิกไป ทางประวิทย์กรุ๊ป จึงเลือกปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว จึงกลายเป็นคู่
แข่งทางการค้าเต็มตัว
ประวิทย์กรุ๊ป.ซึ่งยังมีปุ๋ยที่ผลิตจากยารา.เดิมอยู่ในโกดังเป็นหมื่นตัน จึงทำสัญลักษณ์ที่กระสอบปุ๋ย
คล้ายของยารา.ใหม่ เพียงแต่ว่าจะมีบางส่วนที่แตกต่างเช่น ตราประวิทย์กรุ๊ป. รูปเรือใบ. ทางยารา.
จึงออกโฆษณาอย่างเต็มที่ บอกว่าปุ๋ยยารา.ของแท้ ต้องสังเกตุที่ใดบ้าง พร้อมทั้งทำการฟ้องร้อง
ประวิทย์กรุ๊ป. ว่าทำสัญลักษณ์ที่กระสอบปุ๋ยคล้ายกับของยารา. แต่ทางประวิทย์กรุ๊ป.อ้างว่า
สัญลักษณ์ต่างกัน เช่น เรือใบมีลักษณะใบคนละอย่างกัน
ยารา.บริษัทต่างชาติ ซึ่งมีคนไทยทำงานอยู่ไม่กี่คน ได้ใช้กลยุทธ ลดราคาปุ๋ยต่างๆ เพื่อหวังว่าจะตี
ปุ๋ยของ ประวิทย์กรุ๊ป. เจ๊งแหงแก๋ ซึ่งราคาปุ๋ย 21-7-14 ล่าสุดที่ยารา.ของแท้จะมีราคากระสอบ
ละ 940 บาท (ร้านนิเวศการเกษตร) ซึ่งหากเป็นยารา.ที่ประวิทย์กรุ๊ปผลิตจะราคากระสอบละ
1,000 บาท (ร้านสามแยกเกษตร) ผลประโยชน์คงตกอยู่กับผู้บริโภคก็ตอนนี้
หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วย เนื่องจากเป็นความจำจากคำบอกเล่าพูดคุย
กับเจ้าของร้าน และตัวผมเองก็ไม่เคยซื้อปุ๋ยเคมีการก่อน |
|
|