kimzagass หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11777
|
ตอบ: 20/04/2010 5:53 pm ชื่อกระทู้: ปลูกฝรั่งไต้หวันแบบประณีตในไทย |
|
|
ปลูกฝรั่งไต้หวันแบบประณีตในไทย
มีเกษตรกรไทยเป็นจำนวนมากยังไม่ทราบว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2513 ทางไต้หวันได้มีการ นำ
ฝรั่งจากประเทศไทยซึ่งมีขนาดผลใหญ่ เนื้อแน่นและกรอบไปปลูกได้ผลผลิตเป็นที่ชื่นชอบของ
คนไต้หวันในขณะนั้น เวลาผ่าน ไปไต้หวันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งเรื่อยมาโดยเน้นความ
กรอบอร่อยของเนื้อ, มีเมล็ด น้อยและนิ่ม ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีเกษตรกรไทยนำพันธุ์
ฝรั่งจากไต้หวันมาปลูกจนประสบผลสำเร็จในบ้านเราและที่รู้จักกันดีคือ พันธุ์เจินจู ซึ่งมีเมล็ดนิ่ม
และรสชาติอร่อย เริ่มมีเกษตรกรไทยขหยายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้นในขณะนี้
ความจริงแล้ว ฝรั่ง จัดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากชนิดหนึ่งและจัดเป็นผลไม้ที่ปลูก
ง่ายและสร้างรายได้เร็ว ปลูกไปเพียงไม่กี่เดือนก็เริ่มให้ผลผลิตนับเป็นไม้ผลที่ให้ผลตอบแทนเร็ว
มากชนิดหนึ่ง อีกทั้งผู้บริโภคหาซื้อบริโภคได้ในราคาที่ไม่สูงนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เกษตรกรไทยที่ปลูก
ฝรั่งไม่ได้สนใจในเรื่องของความประณีต ในการจัดการสวน เช่น การห่อผลฝรั่งมีหลายสวนใช้เพียง
ถุงหิ้วพลาสติกธรรมดา, บางรายอาจจะใช้ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์และห่อทับด้วยถุงหิ้ว
พลาสติกอีกชั้นหนึ่ง ฯลฯ
แต่ที่ไต้หวันไม่ว่าจะเป็นสวนเล็กหรือสวนใหญ่จะมีความประณีตในการห่อผลฝรั่งมาก เริ่มแรกจาก
การปลิดผลทิ้งบ้างให้เหลือกิ่งละไม่กี่ผล เมื่อผลมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับส้มเขียวหวานจะใช้
ตาข่ายโฟมห่อที่ผลก่อนเป็นลำดับแรกและห่อตามด้วยถุงพลาสติกบางใสและเหนียว สังเกตได้ว่า
ถุงพลาสติกที่เกษตรกรไต้หวันใช้จะบางมาก และสามารถมอง ทะลุเห็นผลภายในอย่างชัดเจนเพื่อ
สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว
นอกจากฝรั่งพันธุ์เจินจู ที่ได้กล่าวมา แล้วในข้างต้น ปัจจุบันได้มีฝรั่งไต้หวันอีกสายพันธุ์หนึ่งที่
ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จ.พิจิตร ได้กิ่งพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกที่ จ.พิจิตร เป็นกิ่ง
ประเภทเสียบยอดมีรากแก้วจำนวน 2 ต้น (การขยายพันธุ์ฝรั่งในบ้านเราเกือบทั้งหมดจะใช้วิธีการ
ตอนกิ่ง) และมีชื่อพันธุ์ที่ติดมากับต้นว่า ฮ่องเต้ เริ่มปลูกฝรั่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 มาจน
ถึงขณะนี้เริ่มเห็นผลผลิตแล้วซึ่งได้พบความแตกต่างจากฝรั่งไต้หวันสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ปลูกในบ้าน
เรา ตรงที่รูปทรงผลจะเป็นทรงกระบอกสี่เหลี่ยม เมื่อผลเจริญเติบโตเต็มที่มีน้ำหนักผลไม่ต่ำกว่า
500 กรัม เนื้อมีรสชาติหวาน กรอบ, เมล็ดน้อยมากและนิ่ม ที่สำคัญเป็นพันธุ์ที่ออกดอกและติด
ผลง่ายให้ผลผลิตดี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งของเกษตรกรไทยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในเรื่องของสาย
พันธุ์ที่ไม่มีเมล็ด ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบว่าการปลูกฝรั่งไร้เมล็ดมักจะพบปัญหาในเรื่องของการติด
ผลซึ่งส่วนใหญ่ติดผลน้อยมากและรสชาติไม่อร่อยเท่าที่ควร ทำให้การพัฒนาการปลูกฝรั่งใน
ประเทศไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร.
ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=568&contentID=46706 |
|