ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11453
|
ตอบ: 18/11/2023 7:42 am ชื่อกระทู้: * เกษตรแจ๊คพ็อต |
|
|
.
.
เกษตรแจ๊คพ็อต -40
****************************************************
****************************************************
มะลิหน้าหนาว
เตรียมดิน เตรียมแปลง :
- ไถดิน ขี้ไถขนาดใหญ่ ตากแดดจัด 15 แดด ถ้าฝนตกให้ไถใหม่เริ่มนับ 1 ตากแดดใหม่
- ตากแดดดินครบกำหนด ใส่อินทรีย์วัตถุ "ยิบซั่ม ปุ๋ยอินทรีย์ กระดูกป่น. ขี้วัวขี้ไก่แกลบเก่า" ผสมเข้ากันแล้วหว่านทั่วแปลง แล้วไถพรวน ปรับสันแปลงให้เป็นหลังเต่า คลุมหน้าแปลงด้วยฟางหนาๆ
- คลุมหน้าแปลงแล้วรดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 แล้วทิ้งไว้ 10-20 วัน จึงลงมือปลูก (หว่านเมล็ด ปลูกกล้า)
(....ไม่ต้องปุ๋ยเคมี รองพื้น-แต่งหน้า-กระแทก-กระทุ้ง เพราะในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงมีแล้ว อนาคตยังมีทางใบ ทั้งปุ๋ยเคมีและฮอร์โมนธรรมชาติ ให้อีก ที่สำคัญ ดินดี ได้แล้วกว่าครึ่ง ดินไม่ดี เสียแล้วกว่าครึ่ง .... เอาเงินค่าปุ๋ยเคมีมาซื้อปุ๋ยอินทรีย์ จ่ายน้อยกว่า แต่ประโยชน์ต่อพืชมากกว่า....)
หมายเหตุ :
- ระยะเวลาจากให้น้ำหมักฯ 10-20 วัน เป็นการบ่มดิน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์เข้าทำการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุและปรับสภาพดิน
- น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงมีส่วนผสม "ปลาทะเล. กากน้ำตาล. เลือด. ขี้ค้าง คาว. ไขกระดูก. นม. น้ำมะพร้าว." หมักนานข้าม 1-2-3 ปี จากส่วน ผสมทุกอย่างเป็น "อินทรีย์" แท้ๆ .... เมื่อเติม 30-0-0, แม็กเนเซียม, สังกะสี, ธาตุรอง/ธาตุเสริม ลงไปเป็น เคมี นี่คือ อินทรีย์เคมี ผสมผสาน
- อย่ากังวลว่า ไม่ใส่ปุ๋ยเคมี รองพื้น-แต่งหน้า-กระทุ้ง-กระแทก แล้วต้นผักจะไม่โต สาเหตุที่ผักไม่โตไม่ใช่เพราะปุ๋ยน้อย แต่เป็นเพราะ ดิน .... ตราบใดที่ดินไม่ดี ดินไม่สมบูรณ์ ดินไม่มีอินทรีย์วัตถุ ดินไม่มีจุลินทรีย์ ดินเป็นกรด ต่อให้ใส่ปุ๋ยไร่ละกระสอบ สองสามกระสอบ ใส่ไร่ละตันต้นผักก็ไม่โต ตรงกันข้าม จะเล็กลงๆ ๆๆ เพราะ ปุ๋ยเป็นพิษ-ดินไม่กินปุ๋ย
สายพันธุ์ :
มะลิลา, มะลิลาซ้อน, มะลิถอด, มะลิซ้อน, มะลิพิกุล หรือมะลิฉัตร, มะลิทะเล, มะลิพวง, มะลิเลื้อย, มะลิเขี้ยวงู (มะลิก้านยาว), มะลิฝรั่ง , มะลิเถื่อน ฯลฯ พันธุ์ที่ส่งเสริมและนิยมปลูกมี 3 พันธุ์คือ พันธุ์แม่กลอง, พันธุ์ราษฎร์บูรณะ, พันธุ์ชุมพร
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์ มะลินิยมทำกันมากที่สุด คือ ปักชำ เป็นวิธีการที่ทำได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว นิยมทำเป็นเชิงการค้า
บำรุงต้นสร้างความสมบูรณ์สะสม :
ทางใบ : ให้ไบโออิ (แม็กเนเซียม + สังกะสี + ธาตุรอง/ธาตุเสริม) + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน + สารสมุนไพร 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน
ทางราก : ให้ปุ๋ยอินทรีย์ กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ หญ้าแห้งคลุมโคนต้น ปีละ 2 ครั้ง .... ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (อินทรีย์ : กุ้งหอยปูปลาทะเล เลือด ไขกระดูก นม น้ำมะพร้าว ขี้ค้างคาว หมักข้ามปี .... เคมี : แม็กเนเซียม สังกะสี ธาตุรอง/ธาตุเสริม ฮิวมิกแอซิด ธาตุหลัก) 1 ล. +เพิ่มปุ๋ยเคมี (ธาตุหลัก) ตามระยะ 2 กก./ไร่/เดือน
ปฏิบัติการแจ็คพ็อต :
- มะลิแจ๊คพ็อต หมายถึง มะลิออกดอกช่วงหน้าหนาว, วันครู, วันแม่
- มะลิดอกสีม่วง เกิดจากขาด ธาตุรอง/ธาตุเสริม โดยเฉพาะ แคลเซียม โบรอน
- มะลิร้อยมาลัย บำรุงถึงแคลเซียม โบรอน ก้านดอกแข็ง แทงเข็มไม่ฉีกขาด
- มะลิดอกใหญ่ จำนวนกลีบเท่าเดิม แต่ขนาดดอกใหญ่ขึ้น
- มะลิร้อยมาลัยคู่กับ จำปี พุด กุหลาบหนู รัก
ตัดแต่งกิ่ง :
- ต้นใหญ่ตัดออกยาวเหลือกิ่งติดต้นสั้น ต้นเล็กตัดออกสั้น (ตัดที่รอยแก่ต่ออ่อน) เหลือกิ่งติด ต้นยาว
- จากวันตัดแต่งกิ่งแล้วเปิดตาดอก อีก 6 อาทิตย์ มะลิจะมีดอกให้เก็บ
- ติดทิ้งกิ่งแก่หมดอายุแล้ว
ทางใบ :
- ใช้ ไทเป + ไธโอยูเรีย + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน + สารสมุนไพร 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ในรอบ 1 เดือน หาโอกาสให้น้ำตาลทางด่วน (กลูโคส) เดี่ยวๆ หรือถือโอกาสให้ร่วมกับแคลเซียม โบรอนก็ได้ 1 รอบ
- ฉีดพ่นสารสมุนไพรบ่อยๆ เพื่อกำจัด และป้องกันล่วงหน้า
ทางราก :
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, พรวนดิน พูนดินโคนต้น หญ้าแห้งคลุมโคนต้น, ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (1 ล.) +8-24-24 (2 กก.) /ไร่ รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว
- ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น
บำรุงมะลิ ออกดอกแล้ว :
ทางใบ :
- ให้สูตรสหประชาชาติ (ไบโออิ ไทเป ยูเรก้า) + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน
- ทางราก :
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (1-2 ล.) +เพิ่ม 8-24-24 (1-2 กก.) /ไร่ /เดือน รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว, พรวนดินพูนดิน มีหญ้าแห้งคลุมโคนต้น
- ให้น้ำพอหน้าดินชื้นสม่ำเสมอ
กุหลาบ วาเลนไทน์
เตรียมดิน เตรียมแปลง :
- ไถดะ ขี้ไถใหญ่ๆ ตากแดด 15-20 แดดจัด .... ไถแปร ทำแปลงลูกฟูก ใส่ยิบซั่ม. ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) /ไร่ รดทั่วสันแปลงลูกฟูก พรวนดินให้คลุกเคล้าเข้ากันดี แล้วคลุมสันแปลงด้วยหญ้าแห้งฟางแห้งหนาๆ บ่มดิน 15-20 วัน .... ธรรมชาติกุหลาบตอบสนองต่อกระดูกป่นดีมากๆ
- ระหว่างบ่มดิน ให้น้ำพอหน้าดินชื้น 2-3 วัน/ครั้ง
พันธุ์กุหลาบ : กุหลาบที่ปลูกในประเทศไทยปัจจุบันนี้มีอยู่ด้วยกันหลายประเภทซึ่งถ้า แบ่งออก พันธุ์ที่กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำให้ปลูก :
พันธุ์ดอกสีแดง : พันธุ์บราโว. เรดมาสเตอร์พีช, คริสเตียนดิออร์, โอลิมเปียด, นอริค้า, แกรนด์มาสเตอร์พีช, ปาปามิลแลนด์, เวก้า
พันธุ์ดอกสีเหลือง : พันธุ์คิงส์แรนซัม, ซันคิงส์, เฮสมุดสมิดท์,นิวเดย์ โอรีโกลด์ และเมลิลอน
พันธุ์ดอกสีส้ม : พันธุ์ซันดาวน์เนอร์, แซนดรา, ซุปเปอร์สตาร์ หรือทรอพปิคานา
พันธุ์ดอกสีชมพู : พันธุ์มิสออลอเมริกาบิวตี้ หรือมาเรีย, คาสลาส, ไอเฟลทาวเวอร์, สวาทมอร์, เฟรนด์ชิพ, เพอร์ฟูมดีไลท์, จูวังแซล, เฟิร์สท์ไพรซ์, อเควเรียส, ซูซานแฮมเชียร์
พันธุ์ดอกสีขาว : พันธุ์ไวท์คริสต์มาส เอทีนา
พันธุ์ร้อยพวงมาลัย : กุหลาบพันธุ์ฟูซิเลียร์
พันธุ์ดอกสีอื่นๆ : พันธุ์แยงกี้ดูเดิ้ล, ดับเบิ้ลดีไลท์, เบลแอนจ์
พันธุ์ฟูซีเลียร์ : กุหลาบพวง :
พันธุ์คาเมล็อท, พันธุ์คาเสทไนท์ : พันธุ์ลูกผสมระหว่างกุหลาบตัดดอก และกุหลาบพวง
พันธุ์เบบี้ มาสเคอร์เหรด : พันธุ์ดอกเล็ก นิยมปลูกประดับแปลง และในกระถาง
พันธุ์ดอนจวน, พันธุ์ค็อกเทล : กุหลาบเลื้อย ดอกขนาดใหญ่ และดอกเป็นพวง
สีกุหลาบกับความหมาย :
สีแดง : รักแท้ แสนโรแมนติก ความรัก ความปรารถนา เป็นสิ่งนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายที่รับ .... กุหลาบสีแดงกับสีขาวในช่อเดียวกัน หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน .... กุหลาบสีแดงเข้มเหมือนไวน์แดง หมายถึง เธอช่างมีเสน่ห์ งดงาม .... กุหลาบตูมสีแดง หมายถึง ฉันเริ่มรักเธอแล้ว .... กุหลาบบานสีแดง หมายถึง ฉันรักเธอเข้าแล้ว
สีขาว : ความรักอันบริสุทธิ์ เห็นอกเห็นใจกัน ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ นำโชคให้แก่ผู้รับเช่นเดียวกับกุหลาบแดง .... กุหลาบตูมสีขาวหมายถึง เธอช่างไร้เดียงสาน่าทะนุถนอม ฉันรักเธอ
สีชมพู : รักที่สุภาพอ่อนหวาน แทนคำขอบคุณความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์
สีเหลือง : มิตรภาพที่ดี มิตรภาพ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่มีเซ็กซ์มาเอี่ยว .... กุหลาบสีส้มกับสีเหลืองในช่อเดียวกัน หมายถึง ระลึกถึงด้วยความเสน่หา
สีส้ม : ความปรารถนา อันน่าหลงใหลฉันยังรักเธอเหมือนเดิม
สีดำ : ความเสียใจและความโศกเศร้า
สีม่วง : รักที่เปี่ยมเสน่ห์ รักแรกพบ
สีฟ้า : ความอดทน แข็งแกร่ง
จำนวนดอกกุหลาบ ................... ความหมาย :
1 รักแรกพบ
2 แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
3 ฉันรักเธอ
7 คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
11 คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
13 เพื่อนแท้เสมอ
15 ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20 ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
999 คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
1,000 ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย
https://sites.google.com/site/mingbieliber/home/khwam-hmay-khxng-kuhlab
การเตรียมต้น :
- บริหารจัดการ ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูก (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) อย่างถูกต้องเหมาะสมสม่ำเสมอ
- บำรุงต้นให้ความสมบูรณ์อยู่เสมอตลอดปีเพื่อให้ต้นได้ สะสมความสมบูรณ์ ไว้ล่วงหน้า
- สารอาหารพื้นฐานต่อการออกดอก คือ สังกะสี กับ โบรอน แล้วเสริมด้วย น้ำตาลทางด่วน ตามความเหมาะสม
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ปีละ 2 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆ เต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง หรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน /ครั้ง
การบำรุงก่อนบังคับ :
ทางใบ :
- ให้ไบโออิ 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน
-ให้น้ำตาลทางด่วน เดือนละครั้ง
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรบ่อยๆ
ทางราก :
- พรวนดิน พูนดินโคนต้น คลุมโคนต้นด้วยหญ้าแห้ง
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (1 ล.) /ไร่ /เดือน
- ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น
การบังคับ :
บำรุงกุหลาบให้ออกวันวาเลนไทน์ :
- ต้องการตัดดอกวันที่ 14 ก.พ. ให้เริ่มลงมือปฏิบัติการ 1 ม.ค.
- เผื่อเหลือเผื่อขาด แบ่งเป็นโซน แต่ละโซนลงมือปฏิบัติการก่อนวันตัดดอก 1-2-3-4-5 วัน และหลังวันตัดดอก 1-2-3-4-5 ตามลำดับ เพื่อให้ได้อายุดอกต่างกัน
บำรุงเรียกก้านดอก : ให้ไบโออิ + จิ๊บเบอเรลลิน + เหล็ก คีเลต" หลังตัดแต่งกิ่ง ทุก 3-5 วัน จนกว่าจะได้กิ่งขนาดยาวตามต้องการ
บำรุงเรียกดอก : ให้ไทเป เมื่อได้ขนาดยาวของก้านดอกตามต้องการแล้ว 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 3-5 วัน
วิธีเรียกก้านดอกยาว
- เลือกกิ่งกลางอ่อนกลางแก่ (กิ่งประธาน) โน้มกิ่งลงระนาบกับพื้น ยึดกิ่งกับหลัก ให้มั่นคง ตัดปลายกิ่งที่รอยต่อระหว่างกิ่งแก่ (เปลือกสีเทา) กับกิ่งอ่อน (เปลือกสีเขียว) ตัดกิ่งเล็กกิ่งน้อยด้านในออกให้หมด หรืออาจจะเหลือ 1-2 กิ่งในจำนวนกิ่งทั้งหมด 10 กิ่ง ก็ได้
- ตัดปลายกิ่ง (ประธาน) และกิ่งเล็กกิ่งน้อยแล้วบำรุงเรียกกิ่งใหม่ด้วย "ไบโออิ + จิ๊บเบอเรลลิน + เหล็ก คีเลต" ทุก 3-5 วัน .... พร้อมกับให้ทางรากด้วย "ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1 ล.) + 25-5-5 (500 กรัม)" ทุก 5-7 วัน ตอนเย็น ที่โคนต้นบริเวณทรงพุ่ม
- หลังจากให้ "ไบโออิ + จิ๊บเบอเรลลิน" ไปแล้ว ที่ข้อของกิ่งประธานจะเกิดยอดใหม่จำนวนมาก ให้คัดเลือกไว้ 1-2-3 ยอด จัดระยะให้ห่างเท่าๆ กันเพื่อเฉลี่ยสารอาหาร แล้วบำรุงด้วยสูตรเดิมต่อไป ซึ่งกิ่งที่แตกใหม่จะยาว (สูง) ขึ้นเรื่อยๆ เป็นกิ่งตรง ขนาดใหญ่อวบอ้วน ในต้นที่มีความสมบูรณ์มากๆ แสงแดด/อุณหภูมิ เหมาะสม อาจได้ความยาวกิ่ง 80 ซม.- 1 ม.
- เมื่อได้กิ่งที่มีขนาดยาวตามต้องการแล้ว ให้ลงมือเปิดตาดอกด้วย "ไทเป" กุหลาบกิ่งนั้นก็จะออกดอก .... กุหลาบก้านยาวพิเศษ (80 ซม.) ราคาสูงกว่ากุหลาบก้านสั้น (20-30 ซม.) หลายเท่าตัว
- ต้องการตัดดอกวันที่ 14 ก.พ. ให้ลงมือตัดแต่งกิ่งในวันที่ 1 ม.ค. ถ้าในธรรมชาติมีตัวเลขและสูตรสำเร็จก็จะได้ดอกในวันที่ 14 ไม่ผิดพลาด .... เมื่อในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ ก็ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด โดยตัดแต่งกิ่งวันที่ 29-30-31 ม.ค. หรือ +/- 3 ของวันตัดดอก แบบนี้ก็น่าจะได้ดอก 25-50% ของกุหลาบทั้งสวนตรงวันวาเลนไทน์พอดี
กุหลาบแจ๊คพ็อต :
* กุหลาบพันธุ์ดี ยิ่งพันธุ์ดีมากเท่าไรระบบรากยิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น แก้ไขโดยการเปลี่ยนยอดบนตอ "กุหลาบป่า
* ปลูกในโรงเรือน หลังคาซาแลน ควบคุมแสงได้ จะให้ผลผลิตที่ดีกว่าปลูกกลางแจ้ง
* การปล่อยให้ดอกกุหลาบแก่แห้งคาค้นแล้วรอให้ร่วงเอง กุหลาบกิ่งนั้นจะออกดอกใหม่ช้ามาก แก้ไขด้วยการตัดดอกเมื่อเห็นว่าแก่จัด ใช้ประโยชน์ ไม่ได้แล้วทิ้งไป จากนั้นประ มาณ 30-45 วันจะออกดอกใหญ่ ณ ที่เดิม
* กุหลาบก้านดอกยาว : ทำโดยโน้มกิ่งประธานลงระนาบกับพื้น มีเชือกผูกยึดไว้ ตัดปลายกิ่ง ริดใบในกิ่งออกหมด แล้วบำรุงเรียกใบอ่อน ก็จะเกิดกิ่งกระโดงใหม่ทั่วกิ่งประธานที่โน้มกิ่งแล้วตัดนั้น จำนวนกิ่งกระโดงใหม่ทั้งหมด เลือกกิ่งที่เหมาะสมไว้ 2-3 กิ่ง ที่เหลือตัดทิ้งทั้งหมด แล้วบำรุงเรียกใบอ่อนไปเรื่อยๆ จนได้ความสูง (ยาว) กิ่งตามต้องการ จึงบำรุงด้วยสูตรเปิดตาดอก ... ถึงช่วงจะเอาดอกให้บำรุงด้วย น้ำ 20 ล. + ไทเป 20 ซีซี.
* กุหลาบดอกไม่มีก้าน : ตัดแต่งกิ่งปกติ ให้ไทเป ใช้สูตรเดียวได้เลย
* ชอบดินเหนียวมีอินทรีย์วัตถุ มากกว่าดินร่วนมีอินทรีย์วัตถุ
* ชอบความชื้นน้อยๆ สม่ำเสมอ
* ชอบดินปลูกที่คลุมด้วยหญ้าไซ
* ตอบสนองต่อกระดูกป่น ดีมากๆ
* ต้องการแสงแดด 100%
* ในสภาพอุณหภูมิสูง (ร้อน/ภาคกลาง 15 วันออกดอก) ดอกเจริญเติบโตเร็วกว่าสภาพอุณหภูมิต่ำ (หนาว/ภาคเหนือ 20 วันออกดอก)
* ต้องการให้ก้านดอกยาวๆ เมื่อยอดเริ่มเกิดขึ้นแล้ว หลังสิ้นแสงอาทิตย์ให้แสงไฟเพื่อเพิ่มเวลาแสง ก้านนั้นจะยาวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ความยาวก้านตามต้องการแล้วก็หยุดให้แสง แล้วให้ปุ๋ยเปิดตาดอก ก็จะได้กุหลาบก้านยาว
ต้องการดอกใหญ่....
ทางใบ : ไบโออิ + ยูเรก้า 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน ทุกครั้ง +ยาสมุนไพรเข้าไปด้วย
ทางดิน : ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ 4 เดือน /ครั้ง, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 ทุก 2 เดือน, พรวนดินพูนดินโคนต้น ทุก 3 เดือน, ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าชื้น
การตัดแต่งกิ่ง :
1. ตัดแต่งกิ่งแบบให้เหลือกิ่งไว้กับต้นยาว คือ ตัดแต่งกิ่งออกเพียงเล็กน้อย ให้เหลือกิ่งที่มีใบสมบูรณ์ไว้มากๆ .... กิ่งที่ต้องตัดออก คือ กิ่งแห้งตาย กิ่งเป็นโรคหรือถูกแมลงทำลาย กิ่งไขว้ กิ่งชี้ลงล่าง กิ่งชี้เข้าในทรงพุ่ม กิ่งเอนไม่เป็นระเบียบ เลือกตัดกิ่งที่ตัดแล้วให้ตาอยู่ด้านบนของกิ่งหันออกนอกพุ่ม เพื่อให้กิ่งที่แตกใหม่หันออกนอกทรงพุ่ม และตัดกิ่งให้เฉียง 45 องศา.... การตัดแต่งกิ่งแบบนี้เหมาะสำหรับต้นที่มาจากกิ่งตอน หรือกิ่งชำ
2. การตัดแต่งกิ่งแบบให้เหลือกิ่งไว้กับต้นสั้น คือ ตัดแต่งกิ่งจนเหลือกิ่งบนต้นสูงจากพื้นดิน 30-45 ซม. เหลือกิ่งไว้ 3-4 กิ่งเท่านั้น การตัดแต่งกิ่งแบบนี้เหมาะสำหรับต้นที่ปลูกจากต้นติดตาเพียงเท่านั้น.... ถ้าต้นติดตานั้นมีอายุน้อยกว่า 2 ปี ให้ตัดแต่งกิ่งแบบแรก แต่ต้องตัดเพิ่มเติมอีก คือ กิ่งแก่ที่ไม่ต้องการ
* ระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการตัดแต่งกิ่ง คือ ต้นฤดูฝน เมื่อตัดแต่งกิ่งแล้วควรใช้ปูนกินหมากทาบนรอยแผลเพื่อป้องกันเชื้อรา
การตัดดอก :
- การตัดดอกกุหลาบ ควรให้มีกิ่งเหลืออยู่อย่างน้อย 2 กิ่งเสมอ ไม่ควรตัดชิดโคนกิ่ง และเมื่อตัดดอกออกจากต้นแล้วให้รีบแช่ก้านดอกในน้ำทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำจากกิ่ง
- ตัดดอกตูมเกินไป ดอกจะไม่บานต่อ และคอดอกจะโค้งงอง่าย .... ถ้าตัดดอกที่บานเกินไป ดอกจะบานเร็ว และมีอายุการปักแจกันสั้น
วิธีเก็บรักษาดอก
- นำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพดอกไม้ อุณหภูมิ 2 องศา ซ. ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เก็บได้นาน 4-5 วัน
- ใส่กล่องรองด้วยพลาสติกเก็บไว้ในห้องเย็น อุณหภูมิ 0.5-3 องศา ซ. เก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์
- ยืดอายุดอกกุหลาบ (1) : น้ำสะอาด 1 ล. + น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา + น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนชา
- ยืดอายุดอกกุหลาบ (2) : น้ำสะอาด 1 ล. + กลูโคส 5 ซีซี.
- ยืดอายุดอกกุหลาบ (3) : น้ำสะอาด 1 ล.+ ไฮเตอร์ 1-2 ซีซี.
- ยืดอายุดอกกุหลาบ (4) : น้ำสะอาด 1 ล. + น้ำมะพร้าวแก่ 50 ซีซี.
- ยืดอายุดอกกุหลาบ (5) : น้ำสะอาด 1 ล. + DICA 30 มก. + ซูโครส 5 ซีซี.
- ใช้กรรไกรหรือมีดคมๆ ตัดให้เฉียงแบบปากฉลาม นำจุ่มทันที จะช่วยให้ดอกสดนาน 7-10 วัน
กุหลาบย้อมสี :
อุปกรณ์ :
- ดอกกุหลาบสีขาว
- สีผสมอาหาร
- แก้วน้ำ
- น้ำอุ่น
- น้ำส้มสายชู
- กลูโคส
- น้ำยาฟอกผ้าขาว
วิธีทำ :
1. เลือกกุหลาบีขาวบริสุทธิ์ สดใหม่สมบูรณ์ บานมาก/น้อยตามต้องการ ดอกที่บานมากกว่าจะได้ผลดีกว่าดอกบานน้อยกว่า
2. ใช้น้ำสะอาด 1 ล. + สมสายชู 2 ช้อนโต๊ะ + กลูโคส 2 ช้อนโต๊ะ + น้ำยาฟอกขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ ใส่ทีละอย่างคนให้เข้ากันดีก่อนจึงใส่ตัวใหม่ ใส่ครบแล้วนำลงผสมกับน้ำอุ่น 4 ล. ใส่ช้าๆ พร้อมกับคนให้เข้ากันดี จากนั้นจึงเติมสีผสมอาหาร (สีที่ต้องการ) ลงไป 10-15 หยด หรือมากกว่าเพื่อความเข้มของสี ใส่ช้าๆ พร้อมกับคนให้เข้ากันดีเช่นกัน สังเกต น้ำที่ผสมทุกรายการครบแล้วมีสี ใส/สด เป็นอันใช้ได้ ก็จะได้ น้ำยาย้อมสี ดอกกุหลาบตามต้องการ
3. นำดอกกุหลาบพร้อมก้านมาตัดปลายก้านด้วยมีดคมๆ 1 นิ้ว เฉียง 45 องศา แล้วจุ่มเฉพาะโคนก้านลงไปในน้ำลึกๆ หรือจุ่มทั้งก้านทั้งดอกลงไปนอนแช่ในน้ำยาย้อมเสียเลยก็ได้
4. คอยสังเกตทุกๆ ชั่วโมง จะพบการเปลี่ยนสีของกลีบดอกกุหลาบตามลำดับ เนื่อง จากกุหลาบ (รอยตัดที่โคนก้าน) ดูดน้ำยาย้อมเสียเข้าไป จากโคนก้านไปถึงกลีบดอก ทำให้สีของกลีบดอกเปลี่ยนไปเป็นสีในน้ำย้อมสี กระทั่งครบ 24 ชม. กระบวนการดูดน้ำยาย้อมสีจะหยุดดูดสิ้นสุดลง สุดท้ายก็จะได้กุหลาบดอกใหม่ที่กลีบมีสีตามสีน้ำย้อม
5. ถ้าต้องการทำดอกกุหลาบในดอกเดียวกันให้มีหลายสี ให้ผ่าก้านตามทางยาว แบ่งเป็นแฉกๆ แต่ละแฉกยาว 2-3 นิ้ว แล้วใส่แต่ละแฉกลงไปในแก้วที่ผสมสีเอาไว้แล้ว แยก 1 แฉก : 1 แก้ว : 1 สี เพื่อให้แต่ละแฉกแยกกันดูดสี จากนั้นก็รอเวลาให้ก้านดอกลำเลียงน้ำย้อมสีขึ้นส่งไปยังกลีบดอกเต็มที่แล้ว ถือเป็นพิธี
http://home.kapook.com/view54803.html
- ต้องการทำครั้งละมากๆ (30-50 ดอก) เป็นสีเดียว ใช้กะละมังเป็นภาชนะผสมน้ำยาย้อมสี แล้วใส่กุหลาบทั้งก้านลงไปนอนแช่เลยก็ได้
- ช่วงอากาศร้อน ใช้เวลาประมาณ 24 ชม. .... ช่วงอากาศหนาวเย็น ใช้เวลาประมาณ 48 ชม.
- นำกุหลาบที่ผ่านการย้อมเสียเรียบร้อยแล้ว ลงแช่ในน้ำสะอาด 10-15 นาที ก็พร้อมนำไปใช้งานได้
http://www.bloggang.com
---------------------------------------------------------------------
กล้วยหอม ตรุษจีน
แก้วมังกร ตรุษจีน
ส้มเขียวหวาน ตรุษจีน
กระท้อน นอกฤดู
ผักชี หน้าฝน
ผักกินเจ เทศกาลเจ
บัว เข้าพรรษา
กล้วยไข่ สารทไทย
ชะอม หน้าแล้ง
แตงโม หน้าฝน ไร้เมล็ด สี่เหลี่ยม
แคนตาลูป หน้าฝน
ไผ่ หน้าแล้ง
ผลไม้ไซส์ยักษ์
----------------------------------------
มะนาวหน้าแล้ง
บำรุงต้นสร้างความสมบูรณ์สะสม :
ทางใบ : ให้ไบโออิ (แม็กเนเซียม + สังกะสี + ธาตุรอง/ธาตุเสริม) + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน + สารสมุนไพร 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน
ทางราก : ให้ปุ๋ยอินทรีย์ กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ หญ้าแห้งคลุมโคนต้น ปีละ 2 ครั้ง .... ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (อินทรีย์ : กุ้งหอยปูปลาทะเล เลือด ไขกระดูก นม น้ำมะพร้าว ขี้ค้างคาว หมักข้ามปี .... เคมี : แม็กเนเซียม สังกะสี ธาตุรอง/ธาตุเสริม ฮิวมิกแอซิด ธาตุหลัก) 1 ล. +เพิ่มปุ๋ยเคมี (ธาตุหลัก) ตามระยะ 2 กก./ไร่/เดือน
นิสัยธรรมชาติมะนาว :
- ต้นที่ออกดอกช่วงเดือน ต.ค. ผลแก่เก็บได้ช่วงเดือน เม.ย. ราคาแพง โดยออกดอกก่อน ต.ค. ผลจะแก่เก็บได้ก่อน เม.ย. หรือต้นที่ออกดอกหลัง เม.ย. ผลก็จะแก่เก็บได้หลัง เม.ย.
- ต้นที่ดอกออกก่อน ต.ค. ผลจะแก่เก็บได้ก่อน เม.ย. สามารถบำรุงยืดอายุผลให้แก่ช้ากว่าปกติได้ 15-20 วัน ด้วยสูตรขยายขนาดไปเรื่อยๆ
- ต้นที่ดอกหลัง เม.ย. ผลก็จะแก่เก็บได้หลัง เม.ย. สามารถบำรุงเร่งอายุผลให้แก่เร็วกว่าปกติได้ 15-20 วัน ด้วยสูตรบำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
- ต้นที่ออกดอกช่วงเดือน ธ.ค.- ม.ค. ผลแก่เก็บได้ช่วงเดือน มิ.ย.- ก.ค. ราคาถูก
- ต้นที่สะสม แม็กเนเซียม. สังกะสี. (ไบโออิ) แคลเซียม โบรอน. น้ำตาลทางด่วน (กลู โคส). สม่ำเสมอ ตลอดปีทั้งช่วงมีผลบนต้นและไม่มีผลบนต้น เมื่อแตกใบอ่อนแล้วมักมีดอกออกตามมา
- ต้นที่สะสม แม็กเนเซียม. สังกะสี. แคลเซียม โบรอน. น้ำตาลทางด่วน. สม่ำเสมอจนใบแก่เขียวเข้มดี เมื่องดให้น้ำเด็ดขาดเด็ดขาด ใบเริ่มร่วง ร่วงมากๆ เหมือนจะตาย แล้วระดมให้น้ำวันต่อวัน 2-3 วันติดต่อกัน มะนาวต้นนั้นจะแตกยอดใหม่แล้วมีดอกตามออกมาด้วย จังหวะนี้ให้เสริมปุ๋ยทางรากด้วย 8-24-24 กับปุ๋ยทางใบด้วย 0-52-34 + 13-0-46 (1-2 ครั้ง) ห่างกันครั้งละ 5-7 วัน จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ พร้อมติดเป็นผลต่อไปดี
หลากลายวิธีบังคับมะนาวให้ออกดอก :
1. วิธีตัดปลายกิ่งออก 1-2 นิ้ว ทั้งต้น แล้วใส่ปุ๋ยกระตุ้นการออกดอก
2. วิธีรมควันให้ใบร่วงแล้วแตกยอดใหม่ พร้อมกับให้ดอกตามมาภายหลัง
3. วิธีใช้ลวดเล็กๆ รัดโคนกิ่งใหญ่เพื่อให้มะนาวสะสมอาหาร เตรียมพร้อมต่อการออกดอก
4. วิธีงดน้ำเพื่อทำให้ใบเหี่ยว แล้วกลับมารดน้ำ และใส่ปุ๋ยเคมี เพื่อกระตุ้นให้ออกดอก
5. วิธีปล่อยน้ำเข้าแปลงปลูกให้ท่วม 3-4 วัน แล้วระบายน้ำออก
6. วิธีใช้น้ำอุ่นค่อนข้างร้อนฉีดให้ใบร่วง
7. วิธียูเรียละลายน้ำ ฉีดพ่นให้ใบไหม้และร่วง แล้วให้ปุ๋ยเร่งเพื่อการออกดอก
วิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ บางวิธีอาจทำให้ต้นโทรมและตายได้ หรือให้ผลผลิตแล้วตายไปเลย และบางวิธีก็ไม่เหมาะกับการปฏิบัติรักษาต่อมะนาวที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นวิธีการทำให้มะนาวออกนอกฤดู โดยที่ไม่ทำให้ต้นโทรนจนเกินไป ดังนี้....
วิธีที่ 1 :
งดน้ำชั่วระยะหนึ่ง ปล่อยให้ใบเหี่ยว เมื่อใบเหี่ยวก็ให้น้ำเล็กน้อย 1 ครั้ง เมื่อเห็นว่าต้นมีอาการฟื้นตัวแล้ว ค่อยเพิ่มน้ำให้มากขึ้น ให้ติดต่อกัน 5-7 วัน แล้วใส่ปุ๋ยเร่งดอกทางรากสูตร 12-24-12 หรือ 9-27-27 (1-2 กก.) /ต้น ควบคู่กับ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ กระดูกป่นลงไปด้วยก็ได้
วิธีที่ 2 :
- งดน้ำ 7-15 วัน แล้วตัดปลายกิ่งออกประมาณ 1-2 นิ้ว ทั่วทั้งต้น ช่วยให้มะนาวแตกยอดใหม่ วิธีนี้ใช้เพื่อเพิ่มปริมาณการออกดอกในช่วงเดือน มิ.ย.- ก.ค. ต้นมะนาวที่ติดผลในช่วงนี้จะไม่ดกนัก
วิธีที่ 3 :
- ฉีดพ่นทางใบด้วย น้ำ 20 ล. + ยูเรีย 1 กก. ในทรงพุ่มให้โชกทั่วทั้งต้น จากนั้น 4-5 วัน ใบแก่เริ่มร่วงแต่ใบอ่อนจะไม่ร่วง ลักษณะของใบที่ร่วงนี้คล้ายกับถูกน้ำร้อนลวก จังหวะนี้ให้ใส่ปุ๋ยทางราก 12-24-12 โรยโคนต้น ๆละ 1-2 กก. หลังฉีดพ่นยูเรียไปแล้ว 15-20 วัน มะนาวจะแตกยอดใหม่แล้วเริ่มมีดอกออกมาด้วย .... หลังจากดอกออกมาแล้วให้บำรุงตามขั้นตอน บำรุงดอก บำรุงผล ต่อไปตามลำดับ .... มะนาวที่ออกดอกช่วงเดือน ก.ย. - ต.ค. ผลจะแก่เก็บได้ในช่วงเดือน มี.ค. เม.ย. ได้ราคาพอดี
วิธีที่ 4 :
- วิธีนี้ไม่ทำให้ต้นโทรมเร็วเหมือนวิธีแรกๆ มีขั้นตอนในการปฏิบัติ ดังนี้
1. เดือน ก.ย. ทางดินใส่ปุ๋ย 8-24-24 เพื่อเร่งให้ใบแก่เร็วขึ้น และสะสมอาหารเพื่อการดอก
2. ต้น ต.ค. งดน้ำ 15-20 วัน เพื่อปรับ ซี/เอ็น เรโช
3. ปลาย ต.ค. ให้น้ำเต็มที่
4. ต้น พ.ย. หลังจากให้น้ำไปแล้ว 7 วัน มะนาวเริ่มออกดอก
5. ปลาย พ.ย. เริ่มติดผล
6. ต้น ธ.ค. ใส่ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 16-16-16 เพื่อบำรุงผล
7. เดือน มี.ค. เป็นต้นไปเริ่มเก็บผลมะนาวจำหน่ายได้
วิธีที่ 7 :
วิธีที่ชาวสวนแถบเพชรบุรีนิยมปฏิบัติ ดังนี้ :
1. ช่วง ก.ย. - ต.ค. ซึ่งเป็นฤดูฝนไม่ควรให้น้ำ การทำให้ใบร่วงยากเพราะยังมีฝนอยู่
2. ทรมานเล็กน้อย โดยตัดปลายกิ่งประมาณ 1-2 นิ้วออกทั่วทั้งต้น แล้วกระตุ้นด้วยปุ๋ยทางดินสูตร 12-24-12 หรือ 9-27-27 ต้นละ 1 กก. เพื่อสะสมตาดอก
3. ช่วง ก.ย. ต.ค. หลังตัดปลายกิ่ง และให้ปุ๋ยทางดินแล้ว ถ้าไม่มีฝนก็ต้องให้น้ำ จาก นั้น 14 - 21 วัน มะนาวจะเริ่มแตกใบอ่อนแล้วมีดอกออกมาด้วย หลังจากนั้นก็ให้บำรุงตามขั้นตอนต่อไป
วิธีที่ 8 :
- ใช้สารพาโคลบิวทราโซล เป็นวิธีใหม่ล่าสุด ที่มีการทดลองอยู่ในขณะนี้ และมีแนวโน้มว่ามะนาวตอบสนองต่อการใช้สารนี้ได้ดี ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเพื่อให้มะนาวเก็บเกี่ยวได้ในช่วงหน้าแล้งด้วยสารพาโคลบิวทราโซล ทำได้ ดังนี้...
1. เดือน ก.ค. .... หลังเก็บเกี่ยวผลหมดแล้ว บำรุงต้นให้สมบูรณ์ ทำให้มะนาวแตกใบอ่อน 1 ชุด ก่อนการสะสมตาดอก
2. เดือน ส.ค. .... ตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง เปิดหน้าดินให้ดินแห้ง ใส่ปุ๋ยทางดิน 12-24-24อัตรา 1/3 กก. ทั่วทรงพุ่มเพื่อเปิดตาดอก
3. เดือน ก.ย. .... ราดสารพาโคลบิวทราโซล อัตรา 1 กรัม /ต้น (เช่น คัลทาร์ 10 ซี.ซี.) ที่โคนต้นมะนาวในระยะใบเพสลาด ก่อนราดสารควรให้น้ำกับต้นมะนาว เพื่อให้ดินชุ่มก่อน จะช่วยให้รากดูดซึมสารเข้าไปภายในต้นได้ดีขึ้น
4. เดือน ส.ค. - ต.ค. .... ก็จะมีดอกมะนาวทยอยกันออกมา
5. เดือน ต.ค. - พ.ย. .... เป็นช่วงที่มะนาวดอกกำลังออกดอก ต้องคอยระวังอย่าให้ขาดน้ำ ถ้าขาดน้ำดอกจะร่วง
6. หลังจากผลมะนาวมีอายุได้ 1-2 เดือนไปแล้ว เป็นช่วงที่ผลมีการขยายขนาด ควรให้ปุ๋ยสูตร 15-5-20+2 (MgO) หรือสูตร 16-11-14+2 (MgO) ลงไปด้วย ถ้ามะนาวต้นไหนติดผลดกอาจเพิ่มปุ๋ยสูตร 20-10-10 หรือ สูตร 30-20-10 โดยฉีดพ่นทางใบเพื่อช่วยขนาดของผล
7. เดือน มี.ค. - เม.ย. ..... เก็บผลได้
http://lemonthai.wordpress.com
มะนาวแจ๊คพ็อต
ช่วงไม่มีผลบนต้น : (เตรียมความพร้อมต้น สะสมแป้งและน้ำตาล) :
ทางใบ : ให้ไบโออิ+สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน. 1 รอบ ห่างกันรอบละ 15-20 วัน .... หาโอกาสให้ น้ำตาลทางด่วน (สะสมแป้งและน้ำตาล) 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 1 เดือน
ทางราก : ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, หญ้าแห้งใบไม้แห้งคุลมโคนต้นหนาๆ ให้ปีละ 2 รอบ, ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (30-10-10) 1-2 ล./ไร่ /เดือน ให้ทั่วแปลงทุกตารางนิ้ว, ให้ 30-10-10 อัตรา (1/2 กก.ต้นเล็ก, 1 กก.ต้นกลาง, 2 กก.ต้นใหญ่) /ต้น /เดือน ละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณทรงพุ่ม, ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น
ช่วงมีผลบนต้น (บำรุงต้น-สะสมตาดอก-เปิดตาดอก-บำรุงผล-ขยายขนาด-หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ-สร้างคุณภาพ) :
ทางใบ : ให้ไบโออิ + ไทเป + ยูเรก้า + สมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน. 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน
ทางราก : ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, หญ้าแห้งใบไม้แห้งคุลมโคนต้นหนาๆ, .... ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 1-2 ล./ไร่ /เดือน รดทั่วแปลงทุกตารางนิ้ว, +เพิ่ม 21-7-14 อัตรา (2-3 กำมือต้นเล็ก, 3-4 กำมือต้นกลาง, 4-5 กำมือต้นใหญ่)/ต้น /เดือน ละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณทรงพุ่ม, ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น .... สลับเดือน ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (8-24-24) 1-2 ล./ไร่ /เดือน รดทั่วแปลงทุกตารางนิ้ว, +เพิ่มปุ๋ยเคมี 8-24-24 อัตรา (2 มือต้นเล็ก, 3-4 กำมือต้นกลาง, 5-6 กำมือต้นใหญ่ /ต้น /เดือน) ละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณทรงพุ่ม, ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้า ดินชื้น
หมายเหตุ :
- มะนาวตอบสนองต่อสูตรสหประชาติดีมากๆ ให้ประจำสม่ำเสมอติดต่อกันมานาน จนต้นสมบูรณ์ให้ผลผลิตคงที่ดีแล้วให้ ลดอัตราใช้ต่อครั้ง ระยะห่างการให้เท่าเดิมลง หรือ อัตราใช้ต่อครั้งเท่าเดิม แต่ยืดระยะห่างการให้ออกไป เพื่อการประหยัด
- มะนาวเริ่มแก่ใกล้เก็บผลแตกมาก แก้ไขด้วยการให้ จิ๊บเบอเรลลิน โดยช่วงผลเล็กหาจังหวะให้ 1-2 รอบ กรณีที่มีมะนาวหลายรุ่น ให้จิ๊บเบอเรลลินไปแล้วจะไม่ส่งผลเสียต่อผลใหญ่
วิธีเร่งผลให้แก่ช้า :
ทางใบ : ให้ ยูเรก้า + ไบโออิ + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ ทุก 7-10 วัน
ทางราก : ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 (500 กรัม)/ต้น /เดือน ให้น้ำทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อเมล็ดเริ่มเข้าไคล
- สามารถยืดการแก่ของผลให้ช้าหรือนานกว่าอายุจริง 20-30 วัน
วิธีเร่งผลให้แก่เร็ว :
ทางใบ : ให้ไบโออิ 0-0-50 หรือ 0-21-74 (สูตรใดสูตรหนึ่ง )+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน 2-3 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด
ทางราก : เปิดหน้าดินโคนต้นให้แดดส่องถึง นำอินทรียวัตถุคลุมโคนต้นออกให้หมด .... ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1/2-1 กก.) / ต้น ทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน .... ให้น้ำ 1 ครั้งเพื่อละลายปุ๋ยแล้วงดน้ำเด็ดขาด
หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อผลแก่ได้ประมาณ 75% ของผลที่แก่ตามอายุจริง
- สามารถเร่งให้ผลแก่เร็วกว่าอายุจริง 10-20 วัน
- ควรวางแผนบำรุงให้ผลแก่เร็วกว่าปกติตั้งแต่เริ่มติดผล โดยการคำนวณอายุผลตั้งแต่ผสมติดถึงแก่เก็บเกี่ยวได้ แล้วบำรุงตั้งแต่ช่วงระยะผลขนาดกลางให้โตเร็วๆ และมากๆ ด้วยสูตร หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ เตรียมรอไว้ล่วงหน้า
- หลังจากเริ่มบำรุงด้วยสูตร บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว แล้ว ขนาดของผลมะนาวจะไม่โตขึ้นอีกหรือหยุดการเจริญเติบโต แต่โครงสร้างภายในของผลจะเปลี่ยนเป็นผลแก่แม้ว่าอายุผลจะน้อยกว่าความเป็นจริงแต่คุณภาพของผลไม่แตกต่างกันนัก
---------------------------------------
4. กล้วยหอมตรุษจีน
กล้วยหอมแจ๊คพ็อต :
- กล้วยหอมแจ็คพอต หมายถึง กล้วยหอมที่แก่จัดใกล้สุก (ห่าม) หรือสุกพอดี ตรงหรือก่อนเล็กน้อยกับเทศกาล ตรุษจีน สารทจีน ไหว้พระจันทร์ เชงเม้ง ทำได้โดยการนับระยะอายุจากวันตัดเครือ ย้อนหลังมาถึงวันที่หน่อยืนต้นได้ 10 เดือนครึ่ง นั่นคือ ให้ลงมือปลูกหน่อกล้วยก่อนวันยืนต้นได้ 2-3 เดือน เพื่อจะได้มีโอกาสตัดต้น 1-2 รอบสำหรับสร้างเหง้าให้ใหญ่ก่อน ซึ่งการตัดต้นครั้งสุดท้ายตรงกับวันเริ่มนับอายุปลูก จากนั้นให้ปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนปกติ กล้วยหอมต้นนั้นก็จะมีเครือให้ตัดได้ในอีก 10 เดือนครึ่งต่อมาพอดี
- ผลสุกเต็มที่ในวันเซ่นไหว้ถือว่าดีที่สุด ผลที่มีขนาดใหญ่ จำนวนผลในหวีมาก สีจัด ไร้ตำหนิ มีราคาแพงมาก ลักษณะสีเหลืองเปรียบเสมือนสีทอง ถือเป็นโหงวเฮ้งที่ดี คนซื้อใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ แต่ปัจจุบันค่านิยมบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป กล้วยหอมที่ลักษณะทุกอย่างดี แต่ยังดิบอยู่ก็ใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ได้เช่นกัน
กล้วยหอมก้าวหน้า :
- เลือกหน่อชิด แยกจากต้นแม่มาปลูกเป็นต้นแรก จะได้ต้นที่สมบูรณ์ดีกว่าเลี้ยงหน่อในต้นแม่
- หน่อเหง้าใหญ่จะให้ผลผลิตดีกว่าหน่อเหง้าเล็ก ปลูกหน่อลงไปแล้วให้ตัดต้น 2-3 รอบ ห่างกับรอบละ 1 เดือน เพื่อเลี้ยงเหง้าให้ใหญ่ไว้ก่อน
- ปลูกซ้ำที่ 2-3-4 รอบ มักเกิดโรค ตายพราย เชื้อโรคตัวนี้เป็นไวรัส ไม่มีสารเคมีหรือสารสมุนไพรใดกำจัดได้ แก้ไขโดยไม่ปลูกซ้ำที่เท่านั้น
- ก่อนตัดเครือ 2-3 อาทิตย์ ฉีดพ่นด้วยน้ำคั้นมะเขือเทศสุก ให้ทั่วต้นแต่เน้นที่เครือโดย ตรง 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 1 อาทิตย์ หลังจากตัดเครือและนำไปบ่มจนสุกแล้วจะได้รสชาติและกลิ่นดีมาก
- คลุมโคนต้นด้วยผักปอด ทั้งต้น ใบ และราก ใส่ทับด้วยยิบซั่ม, ปุ๋ยอินทรีย์, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 รดทั่วแปลงทุกตารางนิ้ว จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ แข็งแรง ให้ผล ผลิตดี
- ห่อผลหลังจากตัดปลี 20-30 วัน ด้วยกระสอบปุ๋ยหรือห่อด้วยใบกล้วย เครือที่ห่อด้วยใบกล้วย จะให้คุณภาพดีกว่าห่อด้วยกระสอบปุ๋ย
- อายุต้นตั้งแต่เริ่มปลูกถึงแทงปลี 7-8 เดือน และตั้งแต่แทงปลีถึงเก็บเกี่ยว 70-80 วัน หรือตั้งแต่เริ่มปลูกถึงตัดเครือ 10 เดือนครึ่ง
ระยะพัฒนาการของกล้วยหอม :
- ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงแทงปลี 7-8 เดือน
- ตั้งแต่แทงปลีถึงเก็บเกี่ยว 70-80 วัน หรือ....
- ตั้งแต่เริ่มปลูกถึงตัดเครือ 10 เดือนครึ่ง
นิคการทำให้ตัดเครือได้ ณ วันที่ต้องการ :
1. จากวันตัดเครือ ให้นับถอยหลังในปฏิทิน 10 เดือน สำหรับการเลี้ยงต้น
2. จากระยะ 10 เดือนสำหรับการเลี้ยงต้นให้นับถอยหลัง 2 เดือน สำหรับการเลี้ยงเหง้า
3. จากระยะ 2 เดือนสำหรับการเลี้ยงเหง้า ให้ลงหน่อ สำหรับการตัดต้นก่อนเลี้ยงต้น
สรุป :
- ลงหน่อ 2 เดือน เลี้ยงเหง้าแล้วตัดต้น + 10 เดือน สำหรับการเลี้ยงต้น .... หรือ
- วันที่ตัดต้น คือ วันเริ่มนับอายุ เริ่มปลูก ถึง ตัดเครือ ..... หรือ
- ลงหน่อก่อนวันตัดเครือ 12 เดือน
หมายเหตุ :
- ในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและไม่มีสูตรสำเร็จ วันที่ตัดเครือ คือ วันที่กล้วยยังดิบอยู่ หากต้องการขายกล้วยสุก ก็ต้องตัดเครือล่วงหน้า 7 วัน สำหรับบ่ม
- กำหนดวันตัดเครือล่วงหน้า 7-15 วัน ต้องเปลี่ยนวันลงหน่อก่อน 12 เดือน เป็น 12 เดือนครึ่ง ก็จะทำให้มีกล้วยออกตลาดตั้งแต่ก่อนวันไหว้ ถึงวันไหว้ 10-15 วัน
- กล้วยหอม ท่ายางเพชรบุรี บำรุงด้วยสูตรสหประชาชาติ ปรากฏผลใหญ่เกิน ส่งออกญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ห้างในประเทศชอบ มีเท่าไหร่รับทั้งหมด จองล่วงหน้าด้วย
------------------------------------------------------------------------------------
แก้วมังกรตรุษจีน
บังคับแก้วมังกรให้ออกก่อนฤดูกาล
- เดือน ก.ค.- ส.ค. ตัดแต่งกิ่ง เรียกใบอ่อน
- เดือน ก.ย.- ต.ค. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
- เดือน พ.ย.- ธ.ค. สะสมอาหารเพื่อการออกดอกพร้อมกับให้แสง ไฟขนาด 100 วัตต์ หลอด/4 ต้น ช่วง เวลา 18.00-21.00 น. และ 05.00-06.00 น.
ทุกวัน ตลอด 1 เดือน
- เดือน ม.ค. เปิดตาดอก
- เดือน ก.พ. บำรุงผล
หมายเหตุ :
- การให้แสงไฟวันละ 2-4 ชม.หลังพระอาทิตย์สิ้นแสง ช่วงอากาศหนาว (พ.ย.- ธ.ค.) ต้องใช้ระยะเวลานาน 20-25 วันขึ้นไป แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้งใช้ระยะเวลาให้ประมาณ 15-20 วันซึ่งดอกที่ออกมาจะดกกว่าช่วงอากาศปกติที่ไม่มีการให้แสงไฟ....ในฤดูกาลปกติถ้ามีการให้แสงไฟก็จะช่วยให้ออกดอกดีและดกกว่าการไม่ให้แสงไฟ
- การบังคับให้ออกนอกฤดูจะสำเร็จได้ ต้นต้องได้รับการบำรุงอย่างดี มีการจัดการปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตร (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) อย่างถูกต้องสม่ำเสมอจนต้นสมบูรณ์เต็มที่ และไม่ควรปล่อยให้ออกดอกติดผลในฤดูกาลมาก่อน
-------------------------------------
6. ส้มตรุษจีน
จาก : (081) 253-32xx
ข้อความ : ขอให้ผู้พันพูดวิธีทำส้มเขียวหวานตามแบบของผู้พัน ผมมีส้มอยู่ 15 ไร่ ลงใหม่ได้ปีกว่า .... ขอบคุณครับ หนองเสือ
ตอบ :
@@ ถือหลัก 9 เลิกเด็ดขาด 9 ทำสม่ำเสมอ
- เลิก เด็ดขาด : 1. น้ำหล่อร่อง .... 2. สารเคมี .... 3. หว่านปุ๋ยรดน้ำตาม .... 4. เชื่อคนขายปุ๋ยขายยา .... 5. ตามข้างบ้านที่ล้มเหลว .... 6. เชื่อโฆษณา .... 7, วิธีแบบเดิม .... 8. ปิดกั้นตัวเอง .... 9. กูเก่งกว่า
- ทำ สม่ำเสมอ : 1. ติดสปริงเกอร์ .... 2. ใช้สมุนไพร .... 3. ให้ปุ๋ยไปกับน้ำ .... 4. ลดปุ๋ยเคมี เพิ่มปุ๋ยอินทรีย์ และสารปรับปรุงบำรุงดิน .... 5. ลดธาตุหลัก เพิ่มธาตุรอง ธาตุเสริม ฮอร์โมน และอื่นๆ .... 6. ให้ปุ๋ยน้อยแต่บ่อยครั้ง .... 7. ตามใจส้ม .... 8. เป็นตัวของตัวเอง .... 9. เปิดใจรับข้อมูล
@@ บำรุง :
- ทางใบ : ให้สูตรสหประชาชาติ น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 60 ซีซี. + ไทเป 60 ซีซี. + ยูเรก้า 4:1:2 (60 ซีซี.) + สมุนไพร 1-2 ล. 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 15-20 วัน
- ทางราก : ใส่ ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่, 6 เดือน/ครั้ง, หญ้าแห้งคลุมโคนต้น, ให้ 21-7-14 (2-3 กำมือ)/ต้น/เดือน, ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 (1 ล.) / 20 / เดือน
@@ สมการเกษตร :
ปุ๋ย/ยา + ถูก + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล
ปุ๋ย/ยา + ผิด + ใช้ถูก = ไม่ได้ผล
ปุ๋ย/ยา + ผิด + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล ยกกำลังสอง
ปุ๋ย/ยา + ถูก + ใช้ถูก = ได้ผล ยกกำลังสอง
หมายเหตุ :
- ธรรมชาติส้ม (ส้มเขียวหวาน ส้มโอ ส้มโชกุล ส้มเช้ง มะนาว มะกรูด) ต้องการธาตุอาหาร Mg. Zn. และ CaBr. เป็นหลัก
- อายุผล 9-10 เดือน ถือว่านาน การบำรุงทางใบควรให้ห่างๆ ทุก 15-20 วัน
- ออกดอกติดผลตลอดปี บำรุงด้วยสูตรสหประชาชาติ
ติดสปริงเกอร์ หม้อปุ๋ยหน้าโซน.... ฉีดพ่นทางใบ (ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สมุนไพร) .... ให้ทางราก (ปุ๋ยเคมี/น้ำหมักฯ) ได้ด้วยแรงงานคนเดียว
สวนยกร่องน้ำหล่อ รากแช่น้ำตลอดเวลา ตั้งแต่เกิด
สวนยกร่องเอาน้ำออก เดือนที่จะเก็บผล ต้องการใช้เรือจึงเอาน้ำเข้า เก็บผลหมดแล้วเอาน้ำออก
@@ ประสบการณ์ตรง :
(1) ส้มเขียวหวาน ยกร่องน้ำหล่อ หน้าดินสันแปลงไม่มีหญ้าขึ้นแม้แต่ต้นเดียว สวนสอาดกว่าลานวัด บอกว่า หญ้าแย่งอาหาร-หญ้าแย่งอาหาร เมื่อไม่มีหญ้าแย่งอาหารซักต้นเดียว แล้วทำไมต้นส้มถึงไม่รอดล่ะ สังเกตตอนแล่นเรือปากเป็ดรดน้ำแต่ละครั้ง รดน้ำแล้ว 3 ชม. น้ำถึงซึมลงดินหมด ลองแหวกดินดู น้ำลงไปได้แต่ฝ่ามือเดียว นี่แสดงว่า ดินนั้นทั้งเหนียว ทั้งแน่น นี่คือ ในเนื้อดินไม่มีอินทรีย์วัตถุแม้เแต่ชิ้นเดียว ไม่มีสารปรับปรงบำรุงดิน ไม่มีปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก ไม่มีจุลินทรีย์ที่ช่วยให้ดินโปร่ง ร่วนซุย น้ำและอากาศผ่านสะดวก .... ธรรมชาติของพืชทุกชนิด เมื่อมีน้ำที่ไหน รากเขาจะเจริญยาวไปหาน้ำที่นั่น ส้มเขียวหวานสวนยกร่องน้ำหล่อก็เช่นกัน รากต้นส้มจะเจริญยาวไปหาน้ำในร่อง พอไปถึงน้ำแล้วก็เน่า จะเห็นรากปลายกุดเป็นนิ้วด้วนทั้งนั้น เรื่องนี้เจ้าของสวนส้มรู้ดี
(2) ส้มเขียวหวาน ยกร่องน้ำหล่อ ย่านตลาดเขต บางปลาม้า สุพรรณบุรี แนะนำให้เอาน้ำในร่องออก รักษาระดับผิวน้ำถึงสันแปลง 1 ม. จากนั้นเพียง 1 เดือน ส้มเขียวหวานทั้งแปลงแตกยอดใหม่ สมบูรณ์ดีมากๆ
(3) ส้มเขียวหวาน ยกร่องน้ำหล่อ ย่านองค์รักษ์ นครนายก แนะนำให้เอาน้ำในร่องออก รักษาระดับผิวน้ำถึงสันแปลง 1 ม. หาฟางแห้งคลุมแปลงหนาๆ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ สารปรับปรุงบำรุงดิน ให้จุลินทรีย์ เพียง 1 เดือน ส้มทั้งแปลงแตกยอดใหม่ สมบูรณ์ดีมากๆ
(4) ส้มเขียวหวาน ยกร่องน้ำหล่อ ย่านวังน้อย อยุธยา ... ช่วง 3 เดือนแรก บอกให้ใส่น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 2 ล./ไร่/เดือน หลังจากนั้นเพียง 2 เดือน ส้มแตกใบอ่อนใหม่ทั้งสวน ต้นสมบูรณ์ดีมาก เจ้าของเห็นเข้าใจร้อน คราวนี้ใส่น้ำหมักฯ 5 ล./ไร่ อาทิตย์เดียวส้มใบเหลืองร่วงทั้งสวน ครึ่งสวนยืนตาย เจ้าของสวนบอกต่อไปนี้ ก.ไม่เชื่อผู้พันคิมอีกแล้ว ลุงคิมไปทันทีแล้วถาม ม.ไม่เชื่อ ก. ไม่ว่าอะไร แต่ขอถามหน่อย ม.เชื่อใคร เจ้า ของสวนกลับไม่ตอบ เลยถามว่า ก็ตอนแรกมันดีอยู่แล้ว ทำไมตอนนี้เป็นยังงี้ คำตอบคือ ใส่น้ำหมักฯ มากเกิน เพราะใจร้อน อยากให้โตเร็วกว่านี้อีก .... โถ พ่อเจ้าประคุณ ต้นไม้ต้นพืชไม่มีคันเร่ง ไม่มีโวลลุ่ม
(5) ส้มเขียวหวาน ยกร่องน้ำหล่อ ย่านวังน้อย อยุธยา ... เนื้อที่ 200 ไร่ ใช้เรือปากเป็ดรดน้ำ ครั้งละ 2 ลำ ใช้แรงงานพม่า 2 คน ให้น้ำเช้ายันเที่ยง พักเที่ยงขึ้นมากินข้าว บ่ายลงต่อถึง 4 โมงเย็น ใช้ระยะเวลา 7 วันจึงครบรอบ ... คิดดู คนทำงานให้น้ำทุกวัน แต่ต้นส้ม 7 วันได้น้ำครั้งเดียว แนะนำสปริงเกอร์ก็บอก สปริงเกอร์แพง
(6) ส้มเขียวหวาน ยกร่องแห้ง พื้นราบ จ.แพร่ ส้มเขียวหวานบางมด พันธุ์เดียวกันกับที่รังสิต วันนี้ส้มเขียวหวานแพร่อายุ 40-50 ปี ยังให้ผลผลิตดีอยู่ ต้นยิ่งอายุมาก ลูกยิ่งดก คุณภาพยิ่งดี แต่ส้มรังสิตอายุแค่ 4-5 ปีเท่านั้น ต้องปลูกแซม เพราะต้นรุ่นแรกเริ่มทยอยตาย
(7) ส้มโชกุน ยกร่องแห้ง พื้นราบ เชียงใหม่ ตระกูลส้มเปลือกล่อนเหมือนกัน ปลูกมาแล้ว 20-30 ปี ต้นยังอยู่ สมบูรณ์ดีด้วย
(8 ) ส้มเขียวหวาน กำแพงเพชร มีนักวิชาการจากเยอรมันมาทำงานวิจัยในไทย ไปดูสวนส้มเขียวหวานแล้วเปรียบเทียบระหว่าง แปลงยกร่องน้ำหล่อ ใช้เรือปากเป็ดรดน้ำ กับ แปลงพื้นราบ ใช้ปริงเกอร์รดน้ำ สรุปว่า แปลงยกร่องน้ำหล่อ ใช้เรือปากเป็ดรดน้ำ มีข้อเสียมากกว่า แปลงพื้นราบ ใช้สปริงเกอร์ .... เยอรมันสงสัย ทำไมเกษตรกรไทยจึง คิด-วิเคราะห์-เปรียบเทียบ ไม่เป็น
---------------------------------------------------
ส้มเขียวหวานแจ็คพ็อต
แม้ว่าส้มเขียวหวานจะเป็นผลไม้ที่ผู้คนนิยมบริโภคกันตลอดทั้งปีก็ตาม แต่ช่วงเทศกาลตรุษจีน สารทจีน เชงเม้ง ไหว้พระจันทร์ ส้มเขียวหวานจะเป็นผลไม้เพื่อการบริโภคแล้วยังเป็นเครื่องเซ่นไหว้อีกด้วย ส่งผลให้ส้มเขียวหวานมีราคาแพงขึ้นไปอีก ชาวสวนส้มหลายรายแบ่งพื้นที่ (โซน) สวนส้มออกเป็น 4 แปลง แล้วบำรุงส้มเขียวหวานให้ออกเฉพาะตรงกับเทศกาลเท่านั้น โดยไม่สนใจช่วงใดๆของปีทั้งสิ้น การบำรุงให้ต้นส้มเขียวหวานออกดอกติดผลแล้วแก่เก็บเกี่ยวได้ ณ ช่วงเวลาตามต้องการนั้น ผู้ปลูกต้องเข้าใจช่วงพัฒนาการของต้นอย่างลึกซึ้ง การให้สารอาหารแต่ละชนิดต้องถูกต้องตรงตามความต้องการของต้นส้มอย่างแท้จริงไม่ใช่ตรงตามความต้องการของคน
การปฏิบัติบำรุงต่อส้มเขียวหวานแจ็คพอต
- เดือน พ.ย.- ธ.ค. ล้างต้น ตัดแต่งกิ่ง เรียกใบอ่อน
- เดือน ม.ค.- ก.พ. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
- เดือน มี.ค. (ต้นเดือน) ปรับ ซี/เอ็น เรโช
- เดือน มี.ค. (ปลายเดือน) เปิดตาดอก
- เดือน เม.ย. บำรุงดอก
- เดือน พ.ค.-มิ.ย. บำรุงผลเล็ก
- เดือน ก.ค.-ต.ค. บำรุงผลกลาง
- เดือน พ.ย. บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
- เดือน ธ.ค.-ม.ค. (ต้นเดือน) เก็บเกี่ยว
หรือ..........
- ล้างต้น-ตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อน 2 เดือน
- สะสมอาหารเพื่อการออกดอก 2 เดือน
- ปรับ ซี/เอ็น เรโช 15 วัน
- เปิดตาดอก 15 วัน
- บำรุงดอก (ตูม-บาน) 1 เดือน
- บำรุงผลเล็ก 2 เดือน
- บำรุงผลกลาง 5 เดือน
- บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว 1 เดือน
หมายเหตุ :
- เมื่อต้องการเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนใด ให้นับเวลาย้อนหลังจากเดือนเก็บเกี่ยวมาถึงวันล้างต้น-ตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อน โดยทำเครื่องหมายบนปฏิทินเลยก็ได้ ทั้งนี้ระยะเวลาปฏิบัติบำรุงรวมทั้งสิ้น 13-14 เดือน/ 1 รุ่นการผลิต
- ในระบบธรรมชาติไม่สามารถกำหนดจำนวนวัน/เดือนหรือตัวเลขแบบตายตัวลงไปได้ เนื่องจาก ปัจจัยพื้นฐานการเกษตร (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ตัวเลขทุกอย่างเป็นไปในลักษณะโดยประมาณเท่านั้น ดังนั้น ในการวางแผนจะต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้ด้วยทุกครั้ง และอย่าตั้งความหวังว่าทุกอย่างที่วางแผนไว้จะต้องดำเนินไปอย่างราบรื่นความสำเร็จทุกขั้นตอนเสมอไป
- เทคนิคการบำรุงต้นแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องจนถึงปีที่ 3 ต้นส้มจะมีความสมบูรณ์อย่างมาก จะส่งผลให้ต้นตอบสนองต่อการบำรุงต้นในช่วงต่างๆดีและแน่นอน
- ช่วงเวลาต้นเดือนหรือปลายเดือนให้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยมีอายุผลตั้งแต่ผลติดถึงเก็บเกี่ยว (8 เดือน) เป็นตัวกำหนด
- หากต้องการให้ส้มเขียวหวานออกช่วงเทศกาลอื่น (สารทจีน เชงเม้ง ไหว้พระจันทร์)ก็ให้คำนวณในลักษณะเดียวกันโดยการนับถอยหลังจากเดือนเก็บเกี่ยวผลผลิตมาถึงวันเริ่มล้างต้น ตัดแต่งกิ่งและเรียกใบอ่อน (12-13 เดือน) แล้วลงมือปฏิบัติด้วยหลักการเดียวกัน.....หรือเริ่มลงมือตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนเดือนใดของปีนี้ ก็จะได้ผลแก่เก็บเกี่ยวในเดือนเดียวกันของปีรุ่งขึ้นนั่นเอง
- วิธีบำรุงให้ ผลแก่ก่อนกำหนด หรือ ผลแก่ช้ากว่ากำหนด 20-30 วัน ก็ถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
- ข้อยุ่งยากก็คือช่วงปรับ ซี/เอ็น เรโช ซึ่งจะต้องงดการให้น้ำเด็ดขาดนั้น หากตรงกับช่วงหน้าฝนจะทำให้การปฏิบัติยุ่งยากมากหรือทำการงดน้ำไม่ได้เลย
ส้มแก้ว :
- เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง อายุยืนหลายสิบปี ปลูกได้ทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดู กาล เจริญเติบโตได้ดีในดินดำร่วน มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ระบายน้ำดี ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังค้างนาน
- ต้องการแสงแดดรำไร หรือ 50% เหมือนส้มเช้ง จึงควรปลูกแซมแทรกในไม้ผลขนาดใหญ่เพื่ออาศัยช่วยบังแดด
- ระบบรากตื้นหากินบริเวณผิวหน้าดิน จึงไม่ควรตัดแต่งรากหรือกระทำการใดๆ ให้กระทบกระเทือนต่อราก วิธีการพูนโคนต้นด้วยอินทรีย์วัตถุเพื่อล่อรากให้ขึ้นมาข้างบนจะช่วยให้ได้รากใหม่ที่ดีขึ้น
- เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุต้นได้ 2-3 ปีหลังปลูก และจะให้ผลผลิตเต็มที่เมื่ออายุต้นได้ 5-7 ปี
- ปกติจะให้ผลผลิตปีละ 1 รุ่น ออกดอกช่วง พ.ย.-ธ.ค. ผลแก่เก็บเกี่ยวช่วง ต.ค.-พ.ย.ของปีรุ่งขึ้น
- เมื่อผลพัฒนาตั้งแต่ขนาดกลางจนถึงเก็บเกี่ยวให้ แคลเซียม ไนเตรท จี.เกรด (15-0-0) ทางใบ 2-3 รอบ จะช่วยยืดอายุผลให้แก่ช้ากว่าปกติได้ โดยไม่ส่งผลเสียต่อคุณภาพผลแต่อย่างใด
- ต้นที่ได้รับการบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องหลายๆปี จะออกดอกติดผลตลอดปี หรือทุกครั้งที่แตกใบอ่อนออกมา
- ช่วงผลแก่ตรงกับช่วงอากาศเย็น ผิวเปลือกจะเป็นสีเหลืองทองสวยงามมาก นิยมใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้
- ระยะผลเล็กเท่าขนาดมะนาวให้ เอ็นเอเอ. หรือ จิ๊เบอเรลลิน. อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างเพียง 1 ครั้ง จะช่วยลดอาการผลแตกผลร่วงเมื่อผลโตขึ้นได้ดี
- การห่อผลด้วยใบตองแห้ง (กระโปรง) ตั้งแต่ขนาดเท่ามะนาว นอกจากช่วยรักษาสีผิวให้สวยแล้วยังทำให้คุณภาพดีอีกด้วย
- สวนยกร่องน้ำหล่อ ทำให้ต้นได้รับไนโตรเจนจากน้ำตลอดเวลาจึงทำส้มแก้วออกเปรี้ยวถึงเปี้ยวจัด วิธีแก้ไข คือ ก่อนเก็บเกี่ยว 15-30 วัน ต้องปรับปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้นโดยงดน้ำเด็ดขาดพร้อมกับบำรุงเร่งหวานทั้งทางรากและทางใบ
- สวนพื้นราบยกร่องแห้งลาดไหล่เขาที่สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้แน่นอน จะให้ได้รสชาติดีมาก
- อายุต้น 2-5 ปีแรกที่เริ่มให้ผลผลิตอาจจะไม่ดีนัก แต่เมื่อต้นอายุมากขึ้นหรือเป็นต้นสาวแล้วจะให้ผลผลิตดี
- ลำต้นเปล้าเดี่ยวๆ หรือกิ่งง่ามแรกสูงจากพื้น 50-80 ซม. จะให้ผลผลิตดีกว่าต้นที่ลำเปล้าสั้น หรือกิ่งง่ามแรกอยู่ต่ำ แนะนำให้ตัดแต่งกิ่งจัดรูปทรงพุ่มให้มีลำเปล้าสูงๆ ตั้งแต่ต้นเริ่มให้ผลผลิตปีแรกๆ รูปทรงต้นก็อยู่อย่างนั้นตลอดไป
ส้มแก้วแจ๊คพ็อต :
- ตัดแต่งกิ่ง เรียกใบอ่อน 1 ชุด 2 เดือน
- ได้ใบอ่อนแล้วสะสมตาดอก 2 เดือน
- สะสมตาดอกแล้วปรับ ซี/เอ็น เรโช (งดน้ำ ) 1 เดือน
- งดน้ำใบสลดแล้วเปิดตาดอก 1 เดือน
- ดอกทยอยออก บำรุงดอก 1 เดือน
- ดอกผสมติดเป็นผลแล้ว บำรุงผล 8 เดือน
หมายเหตุ :
- วันแจ๊คพ็อต คือ วันตรุษจีน เชงเม้ง สารทจีน ไหว้พระจันทร์
- แบ่งต้นส้มเป็นโซนๆ แล้วกำหนดวันแจ๊คพ็อตตามต้องการ
- ของดี เกรด เอ. จัมโบ้. โกอินเตอร์. ขึ้นห้าง. คนม. ออกแจ๊คพ็อต. รสจัดจ้าน. ไร้สารเคมี 100% เท่าไหร่ก็ไม่พอขาย เพราะไหว้เจ้าแล้วกินเองได้
-----------------------------------
กระท้อน
เทคนิคทำกระท้อน ก่อน-หลัง ฤดูกาล
ปัจจุบันยังไม่มีสารหรือฮอร์โมนใดๆ บังคับกระท้อนให้ออกนอกฤดูได้ และไม่มีกระท้อนทะวาย (ให้ผลปีละ 2รุ่น) ดังนั้นการที่จะบังคับกระท้อนให้ออกนอกฤดูกาลปกติ (ก่อน/หลัง) ได้ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีบังคับโดยการบำรุงอย่างเต็มที่เท่านั้น
บังคับกระท้อนให้ออกก่อนฤดู :
เลือกกระท้อนสายพันธุ์เบา (ทับทิม) ที่มีผลผลิตแก่เก็บเกี่ยวได้ช่วงต้นเดือน พ.ค. มาทำกระท้อนให้ออกก่อนฤดู โดยบำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยวรุ่นปีการผลิตปีนี้ทางรากด้วย 8-24-24 กับบำรุงทางใบด้วย 0-21-74 และเมื่อถึงปลายเดือน พ.ค.ให้เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตบนต้นให้หมดแบบ ล้างต้น แล้วลงมือบำรุงตามขั้นตอน ดังนี้
ช่วงเดือน พ.ค. - ก.ค. (เตรียมต้น)
หลังจากเก็บเกี่ยวผลสุดท้ายจากต้นไปแล้วเริ่มบำรุงเพื่อ เตรียมความพร้อมของต้น โดยตัดแต่งกิ่ง ปรับสภาพทรงพุ่มให้โปร่ง เรียกใบอ่อนให้ได้ 1-2 ชุด เมื่อใบอ่อนออกมาแล้วให้เร่ง บำรุงใบอ่อนให้เป็นใบแก่โดยเร็ว ส่วนทางรากใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ยิบซั่มธรรมชาติ กระดูกป่น ตามปกติระยะเวลา 3 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.-ก.ค.) ต่อการเรียกใบอ่อน 3 ชุดนั้น จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อต้นมีความสมบูรณ์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะมาตรการบำรุงต้นให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องมาแล้วหลายๆปีติดต่อกัน
หมายเหตุ :
ต้นที่ผ่านการบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องมานานหลายๆปีและในรุ่นปีการผลิตที่ผ่านมาไว้ผลน้อยแต่บำรุงเต็มที่ เมื่อถึงรุ่นปีการผลิตใหม่ให้เรียกใบอ่อนเพียง 1 ชุด แล้วสะสมอาหารเพื่อการออกดอกต่อได้เลย ทั้งนี้เพื่อย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น
ช่วงต้น ส.ค. - กลาง ก.ย. (สะสมอาหารเพื่อการออกดอก)
หลังจากใบอ่อนชุดสุดท้ายที่ต้องการเพสลาดแล้ว ให้ลงมือบำรุงทางใบด้วยสูตร สะสมอาหาร เพื่อการออกดอก 2-3 สูตร ระยะการให้ห่างกันสูตรละ 5-7 วัน และบำรุงทางรากอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งให้ต้นได้สะสมทั้งอาหารกลุ่มสร้างดอกบำรุงผล (ซี) และกลุ่มสร้างใบบำรุงต้น (เอ็น) ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ช่วงปลายเดือน ก.ย. (ปรับ ซี/เอ็น เรโช)
ปรับ ซี/เอ็น เรโช. โดยทางรากให้เปิดหน้าดินโคนต้น งดน้ำเด็ดขาด ส่วนทางใบให้สารอาหารสูตรสะสมตาดอกเหมือนเดิมแต่ให้พอเปียกใบ ระวังอย่าให้น้ำหยดลงพื้นเพราะจะทำให้มาตรการงดน้ำล้มเหลว พร้อมกันนั้นให้เสริมด้วยการ รมควัน ทุก 2-3 วันช่วงหลังค่ำ ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อเร่งให้ใบสลดแล้ว "เหลือง-แห้ง-ร่วง" เร็วขึ้น
ช่วงต้น ต.ค. (เปิดตาดอก)
เปิดตาดอกด้วย 13-0-46 หรือ 0-52-34 หรือ 13-0-46 + 0-52-34 สูตรใดสูตรหนึ่งสลับกับฮอร์โมนไข่ อย่างละ 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
หมายเหตุ :
- กระท้อนก่อนฤดูออกสู่ตลาดพร้อมกับทุเรียน เงาะ มังคุด อาจไม่ได้ราคาดี แต่ถ้าเป็นกระท้อนคุณภาพเกรด เอ. ขนาดจัมโบ้ ก็พอสู้ได้
- ต้นที่สมบูรณ์เต็มที่เพราะได้รับการปฏิบัติบำรุงแบบมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องหลายปี สามารถออกดอกได้เอง (ทั้งพันธุ์เบาและพันธุ์หนัก) โดยไม่ต้องเปิดตาดอกในช่วงเดือน ธ.ค.- ม.ค. จากนั้นก็จะทยอยออกมาเรื่อยๆกลายเป็นไม่มีรุ่น
- กระท้อนปีออกดอกในช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ. ดังนั้นการทำกระท้อนก่อนฤดูจึงต้องทำให้ออกดอกก่อนช่วงเดือนดังกล่าว ด้วยการเตรียมความพร้อมต้นตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1 (เรียกใบอ่อน) ทันทีหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นปีที่ผ่านมา ควบคู่กับเร่งระยะเวลาการบำรุงตามขั้นตอนต่างๆให้เร็วขึ้นด้วย
- เตรียมต้นที่จะทำให้ออกก่อนฤดูด้วยการเว้นการออกดอกติดผลในรุ่นปีการผลิตนี้ แล้วบำรุงต้นไว้อย่างต่อเนื่องเพื่อรอโอกาส หรือไว้ผลในต้นให้เหลือน้อยๆเพื่อไม่ให้ต้นโทรม จะช่วยให้การทำให้ออกก่อนฤดูในรุ่นปีการผลิตต่อไปง่ายและแน่นอนยิ่งขึ้น
- เนื่องจากธรรมชาติของกระท้อนออกดอกจากกิ่งแก่อายุข้ามปี ระหว่างที่มีผลอยู่บนต้นนั้นถ้ามีกิ่งที่ไม่ออกดอกติดผลมากกว่ากิ่งที่ออกดอกติดผล ให้เตรียมการบำรุงกิ่งที่ไม่ออกดอกติดผลนั้นให้ออกดอกแล้วทำเป็นกระท้อนก่อนฤดู โดยหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วให้บำรุงด้วยสูตร สะสมอาหาร ทั้งทางรากและทางใบต่อได้เลย ซึ่งขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอกนี้อาจต้องใช้ระยะเวลานาน 3-4 เดือน แต่ถ้าประสบความสำเร็จก็ถือว่าคุ้ม
- ไม้ผลที่ผ่านการบำรุงมาอย่างดีแล้วต้องกระทบหนาวจึงออกดอกดีนั้น ช่วงขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอก ถ้ามีการให้ กลูโคส + 0-52-34 หรือ 0-42-56 + สังกะสี ฉีดพ่นพอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด 1-2 รอบ ให้รอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอก จากนั้น อีก 20 วัน ให้อีกเป็นรอบ 2 ก็จะช่วยให้ต้นเกิดอาการอั้นตาดอกและส่งผลให้เปิดตาดอกแล้วมีดอกออกมาดีอีกด้วย
บังคับกระท้อนให้ออกหลังฤดู
เลือกกระท้อนพันธุ์อีล่า เพราะมีนิสัยออกดอกและเก็บเกี่ยวได้ช้ากว่าสายพันธุ์อื่นโดยทำให้อีล่าออกช้ากว่าอีล่าด้วยกัน เพื่อบังคับให้เป็น อีล่า-ล่าฤดู หรือบังคับกระท้อนพันธุ์นิยมด้วยการยืดระยะเวลาในการบำรุงแต่ละระยะตามขั้นตอนให้นานขึ้นก็ได้ ดังนี้
1. เรียกใบอ่อนให้ครบทั้ง 3 ชุด เมื่อได้แต่ละชุดมาแล้วไม่ต้องเร่งให้เป็นใบแก่แต่ปล่อยให้แก่เองตามธรรมชาติเพื่อยืดระยะเวลา
2. ยืดเวลาขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอกให้นานขึ้นด้วยสูตรสะสมอาหาร (ธาตุรอง/ธาตุเสริม/นมสัตว์สด) ไปเรื่อยๆโดยยังไม่ปรับ ซี/เอ็น เรโช. (งดน้ำ) แม้ว่าต้นจะพร้อมแล้วก็ตาม จนกว่าจะได้ระยะเวลาที่ต้องการจึงลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช. แล้วเปิดตาดอก
3. เมื่อดอกออกมาแล้วให้บำรุงไปตามปกติเพราะไม่สามารถยืดอายุดอกให้นานขึ้นได้
4. บำรุงผลเล็กตามปกติ
5. บำรุงระยะผลขนาดกลางด้วย สูตรบำรุงผลให้แก่ช้า จนกระทั่งได้เวลาเก็บเกี่ยวตามต้องการจึงเปลี่ยนมาบำรุงด้วยสูตรบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวตามปกติ
หมายเหตุ :
ในเมื่อกระท้อนปีออกดอกในช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ. ดังนั้นการทำกระท้อนล่าฤดูจึงต้องทำให้ออกดอกหลังช่วงเดือนดังกล่าวให้นานที่สุดเท่าที่สภาพภูมิอากาศและสภาพต้นอำนวย แล้วปฏิบัติบำรุงตั้งแต่ขั้นตอนแรก (เรียกใบอ่อน) จนถึงขั้นตอนสุดท้าย (บำรุงผลแก่) แบบยืดเวลาให้นานขึ้น
-------------------------------------
ผักชีหน้าฝน
ผักชีแจ๊คพ็อตก็คือ หน้าฝน ๆชุก ผักชีที่ไหนๆ ต่างโดนฝนล้มหายตายจากกันมาก ทำให้ผักชีขาดตลาด สาเหตุจริงๆ ก็แค่นี้แหละ เมื่อเรารู้ว่า ผักชีหน้าฝนโดนฝนแล้วเสียหาย เราก็อย่าให้ผักชีโดนฝนซี่ ถ้าสู้ฝนได้ก็แจ๊คพ็อตแล้ว ไร่ละเป็นแสนเชียวนา
- สาเหตุที่ทำให้ผักชีหน้าฝนล้มหายตายจาก ....
1) ดินเหนียว น้ำฝนขังค้าง ทำให้รากเน่าตาย ....
2) ใบผักชีโดนเม็ดฝน เกิดน้ำหนัก ก้านใบลู่ลง โคนก้านใบฉีก เป็นช่องทางให้โรคเข้า ....
3) ขาดสารอาหารที่ทำให้ต้นสู้กับสภาพอากาศที่เปลี่ยนกะทันหัน ....
4) ศัตรูพืช
- แก้ปัญหาเม็ดฝน ทำ หลังคาพลาสติก คลุมแปลง ทำพลาสติกกรอบไม้ กว้าง 1-1.20 ม. ยาว 2.5-3 ม. ตามความสะดวก ใช้ 2 แผ่นชนกันเหมือนจั่วหลังคาบ้าน ครอบแปลงซ้ายขวาให้ชายลงถึงตีนแปลง .... ยามใดไม่มีฝนก็ปล่อยให้ได้แดดปกติ ก่อนมีฝนก็กางหลังคาให้ ก็เท่านั้นแหละ ว่าแต่ กล้าขยันมั้ยล่ะ
- เลิกคิดทำโรงเรือนมีหลังคา ทำผักกางมุ้ง ออกข่าว ทีวี.กันครึกโครม จนคนขายมุ้งรายไปตามๆกัน ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า วันนี้คนที่เคยส่งเสริมให้ทำผักกางมุ้ง เอาหน้าไปมุดอยู่ตรง ไหน บางมุ้งจนวันนี้ยังใช้หนี้ค่ามุ้งไม่หมดเลย
- วางแผนทำผักชี 4 แปลง แต่ละแปลงเก็บเกี่ยวห่างกัน 1 อาทิตย์ คงซัก 1 หรือ 2 แปลงเจอแจ๊คพ็อตแน่ๆ ถึงไม่แจ๊คพ็อตเต็มๆ ก็เฉียดๆ แค่เฉียดๆ ก็ไร่ละเป็นแสนแล้ว
เตรียมดิน เตรียมแปลง :
สำคัญที่สุด ดินต้องมาก่อน ดินดีได้แล้วกว่าครึ่ง ถ้าดินไม่ดีเสียแล้วกว่าครึ่งหรือมากกว่าค่อน อยากให้พิจารณาการทำแบบอินทรีย์นำ เคมีเสริมนิดๆหน่อยๆ พอเป็นพิธีก็พอแล้วสำหรับผักชี ....
ทำสันแปลงสูงๆ มีช่องทางระบายน้ำจากสันแปลงลงตีนแปลงดีๆ ใส่ยิบซั่ม, ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ทำให้ดินโปร่งให้ได้ บ่มดินทิ้งไว้ 20-30 วัน เพื่อให้เวลาจุลินทรีย์ปรับสภาพดิน เตรียมสารอาหารพร้อมแล้วจึงค่อยปลูก ใช้ฟางแห้งคลุมหน้าแปลงหนาๆ, ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1-2 ล.)/ไร่/เดือน (ไม่ต้อง +เพิ่มปุ๋ยเคมี), ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น, อย่าให้น้ำขังค้างเด็ดขาด
บำรุง ทางใบ : ให้ไบโออิ + ยูเรก้า + นมสด + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ให้โชกๆ อาบจากยอดลงถึงดินเป็นการให้น้ำไปเลย
- หมั่นยีฟางให้ฟูขึ้น คอยรับก้านผักชีไม่ให้โน้มลงจนโคนก้านใบฉีก
- ต้องการากใหญ่ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 12-60-0 หาโอกาสให้บ้างตามความเหมาะสม
- หาข่าวตลาดผักชีเสมอๆ
- ทำผักชีปลอดยาฆ่าแมลง ใช้สารสมุนไพร ไม่รู้ต้องหาข่าว ไม่เคยเห็นต้องไปดู ไม่เป็นต้องหัดทำ ไม่เชื่อต้องลอง ไม่ได้ผลต้องปรับปรุง ไม่ใครรู้ไม่มีใครทำเป็นมาตั้งแต่เกิด คนที่ทำเป็นใช้เป็นวันนี้เพราะเขาเปิดตัวเปิดใจรับรู้ ....
----------------------------------
บัวเข้าพรรษา
- บัวออกดอกทั้งปี ไม่มีรุ่น ไม่มีฤดูกาล บำรุงไปเรื่อยๆ .... ให้ไทเป 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ พายเรือฉีดทางใบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน
- ให้ปุ๋ยทางดินแก่บัว ใส่ตอนแรกก่อนลงมือปลูก ย่ำดินเหมือนตีเทือกนา ใส่ยิบซั่ม. ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่, น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง 8-24-24. (ไม่ต้องปุ๋ยเคมี) ใส่ครั้งเดียวจนถึงรื้อแปลงปลูกใหม่รุ่นหน้าได้ .... บำรุงสูตรนี้นอกจากดอกมากแล้ว ยังได้ฝักมาก ฝักใหญ่ ไหลใหญ่อีกด้วย .... ช่วงเป็นฝัก อาจเสริมด้วย ไบโออิ + ยูเรก้า สลับ แคลเซียม โบรอน จะดีมากๆ
---------------------------------
ชะอมหน้าแล้ง
บังคับชะอมแตกยอดหน้าหนาว
- ต้นเดือน พ.ย. .... ทางราก : ใส่ กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, หญ้าแห้งหรือฟางแห้งคลุมโคนต้น, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) + 25-7-7 (2 กก.) ละลายให้เข้ากันดี รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว เดือนละ 1 ครั้ง .... ทางใบ : ตัดแต่งกิ่งที่ไม่แข็งแรงและใบ ออกให้หมด แล้วให้ ไบโออิ + ยูเรีย จี. + เหล็ก คีเลต + น้ำมะพร้าวอ่อน 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน .... ประมาณ 15 วัน ชะอมจะแตกยอดออกมาให้เก็บได
บังคับชะอมแตกยอดหน้าแล้ง :
ขั้นตอนที่ 1 :
- กำจัดวัชพืชรอบ ๆ โคนต้นให้หมด, ใส่ยิบซั่ม, ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (2 ล.) +25-7-7 (2 กก.) / ไร่ รดทั่วแปลง ให้น้ำโชกๆ .... ทิ้งไว้ 5-7 วัน เริ่มขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 :
- ใช้หญ้าแห้งหรือฟางแห้งวางบนพื้นให้ห่างจากโตนต้นประมาณ 15 ซม. ใช้หญ้าสดหรือฟางเปียกวางทับฟางแห้งอีกชั้นหนึ่ง แล้วจุดไฟเผาฟางแห้ง ระวังอย่าให้เปลวไฟสูงนัก โดยคอยเกลี่ยหญ้าสดหรือฟางเปียกทับเปลวไฟไว้ กะให้ได้แต่ควัน 9 ใน 10 ส่วน รมที่ต้นชะอม ค่อยๆแบ่งโซนเผาฟางลามไปเรื่อยๆ พร้อมกับคอยช่วยให้ควันลอยขึ้นคลุมต้นเสมอกันทุกต้นทั่วทั้งแปลง ....
- หลังจากดับไฟแล้ว 2-3 วัน ใบชะอมเริ่มเหลือง ใบบางส่วนเริ่มร่วง .... ทางใบ : ให้ไบโออิ + ยูเรีย จี. + เหล็ก คีเลต + น้ำมะพร้าวอ่อน 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน .... ทางราก : ช่วง 2-3 วันแรกให้น้ำติดต่อกัน หลังจากนั้นจึงให้ 3-5 วัน/ครั้ง หลังจากให้ทางใบทางรากแล้ว ประมาณ 15 วัน ชะอมก็จะแทงยอดใหม่ออกมา แล้วแตกต่อมาเรื่อยๆ
พันธุ์ชะอม :
พันธุ์ยอดใหญ่ : ต้นสูงใหญ่ แตกยอดดีในหน้าแล้ง หน้าหนาวแตกยอดน้อย ไม่แนะนำให้บังคับให้แตกยอดช่วงแล้ง เพราะอาจทำให้ต้นตายได้
พันธุ์ยอดกลาง : ให้ยอดดีทั้งหน้าฝนและหน้าแล้ง
พันธุ์ยอดเล็ก : ยอดตรงคล้ายยอดกระถิน ใบออกเหลืองเล็กน้อย ขนาดยอดเล็กกว่าพันธุ์ยอดใหญ่ชัดเจน ตัดต้นแล้วแตกยอดใหม่ดี
หมายเหตุ :
- ทุกอย่างจะสำเสร็จสมบูรณ์แบบได้ ปัจจัยพื้นฐาน ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค ต้อง O.K.
- การบำรุงสร้าง ความสมบูรณ์สะสม ต้องทำสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนปลูกถึงต้นตาย
---------------------------------
ทุเรียนนอกฤดู
บำรุงทุเรียนหมอนทอง (เพื่อ....ออกดอกติดผลตลอดปี) :
ช่วงมีผลบนต้น (บำรุงต้น, สะสมตาดอก, เปิดตาดอก. บำรุงดอก, บำรุงผล-ขยายขนาด-หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ-สร้างคุณภาพ)
ทางใบ : ให้สูตรสหประชาติ น้ำ 100 ล. + ไบโออิ (Mg Zn) 50 ซีซี. + ไทเป (0-52-34. 13-0-46) 50 ซีซี. + ยูเรก้า 412 (21-7-14. ไคโตซาน, อะมิโน โปรตีน) 50 ซีซี. + สารสมุนไพร 1-2 ล 2 รอบ ให้แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 10 วัน หาจังหวะให้น้ำตาลทางด่วน 1-2 เดือน / ครั้ง
ทางราก : ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, หญ้าแห้งใบไม้แห้งคลุมโคนต้นหนาๆ ปีละ 2 ครั้ง ....ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (1-2 ล. /ไร่) +8-24-24 (1/2 กก.ต้นเล็ก, 1 กก.ต้นกลาง, 2 กก.ต้นใหญ่) สลับเดือนกับ ระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 (1-2 ล. /ไร่) +21-7-14 (ครึ่ง กก.ต้นเล็ก, 1 กก.ต้นกลาง, 2 กก.ต้นใหญ่)
หมายเหตุ :
- สปริงเกอร์ หม้อปุ๋ยหน้าโซน ช่วยให้การทำงานได้ประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน, ประหยัดเวลา, ประหยัดแรงงาน
- แก้ปัญหา ลูกยอด-พูหลอก โดยการให้ปุ๋ยทางใบบ่อยๆ
- ดินต้องมาก่อน ใส่อินทรีย์วัตถุ, สารปรับปรุงบำรุงดิน, จุลินทรีย์, สารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น, ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น
- ใส่อินทรีย์วัตถุ หญ้าแห้งใบไม้แห้ง คลุมโคนต้นหนาๆ ถึงหัวเข่า ระบบรากจะขึ้นมาอยู่ในเศษซากอินทรีย์ เพราะมีทั้งสารอาหาร อินทรีย์ เคมี และอากาศ เป็นรากที่สมบูรณ์แข็งแรงดีมากๆ
- เคมีนำ อินทรีย์เสริม ตามความเหมาะสมของทุเรียน หมายถึง สารอาหารอินทรีย์ในปุ๋ยอินทรีย์และสารปรับปรุงบำรุงดินไม่เพียงต่อความต้องการของไม้ใหญ่อย่างทุเรียน แก้ไขด้วยการใส่เพิ่มสารอาหารสังเคราะห์ (เคมี)
- หมั่นตัดแต่งกิ่งที่ ลำต้น/โคนต้น/ท้องกิ่ง ออกเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองน้ำเลี้ยง แต่เลี้ยงไว้กิ่งด้านบนของกิ่งที่มีลูก เพื่อให้สังเคราะห์อาหารเลี้ยงลูกกลางกิ่ง
- หมั่นตัดแต่ง ช่อดอก (เริ่มออกดอก หางแย้ กำไร), ผลเล็กที่มากเกิน, ผลที่รูปทรงไม่สวย, อยู่เสมอ
- ปลูกทองหลางแซมแทรกเพื่อเอารากบำรุงทุเรียน ควบคุมทรงพุ่มทองหลางไม่ให้รบกวนแสงแดดต่อทุเรียน
- ทุเรียนอ่อนแอต่อโรค ไฟธอปเทอร์ร่า มาก แนะนำว่า ให้จุลินทรีย์กลุ่ม ไตรโคเดอร์ม่า บ้าง 2-3 เดือน / ครั้ง ให้ไว้ตั้งแต่ดินยังไม่เป็นกรดเพื่อป้องกัน เพราะถ้าดินเป็นกรดจัดจนเกิดไฟธอปเทอร์ร่าแล้ว ไตรโคเดอร์ม่าจะเอาไม่อยู่ เพราะไตรโคเดอร์ม่าอยู่ไม่ได้ในดินที่เป็นกรดจัด
-----------------------------------
มะม่วงนอกฤดู
ราดสารพาโคลบิวทาโซล
พาโคลบิวทาโซล คือ ฮอร์โมนยับยั้งการเจริญเติบโต มีประสิทธิภาพในการหยุดการพัฒนาทางต้น ทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโตทางใบหรือหยุดการแตกใบอ่อน หลังจากต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้เต็มที่แล้ว ในขณะที่ระบบพัฒนาการของต้นซึ่งต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องนั้น เมื่อไม่อาจพัฒนาให้เป็นยอดหรือใบได้จึงพัฒนาเป็นดอกแทน การใช้ฮอร์โมนยับยั้งการเจริญเติบโตบังคับต้นไม่ให้แตกใบอ่อนแต่ออกดอกแทนเป็นการทรมานต้นโดยตรง หากต้นถูกทรมานมากๆย่อมมีโอกาสโทรมแล้วตายได้ ดังนั้นการใช้ฮอร์โมนบังคับมะม่วงให้ออกดอกได้โดยต้นไม่โทรมและได้ผลผลิตดีจึงควรทำตามขั้นตอน ดังนี้
1. สภาพต้นต้องสมบูรณ์เต็มที่ ผ่านการบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องมาแล้วหลายๆปี
2. การบริหารจัดการด้านปัจจัยพื้นฐานการเกษตร (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-ปุ๋ย-พันธุ์-โรค)ถูกต้องตรงตามความต้องการทางธรรมชาติที่แท้จริง
3. อายุต้นเป็นสาวเต็มที่ และเคยให้ผลผลิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 2-3 รุ่น
4. อัตราใช้สารพาโคลบิวทาโซลชนิด 10 เปอร์เซ็นต์ ต่ออายุต้น
- อายุต้น 2-4 ปี อัตราใช้ 20-40 ซีซี./ต้น
- อายุต้น 5-6 ปี อัตราใช้ 60-80 ซีซี./ต้น
- อายุต้น 7-8 ปี อัตราใช้ 80-100 ซีซี./ต้น
5. ใช้ในอัตราเข้มข้นเกินช่อดอกที่ออกมาจะเป็นกระจุกไม่ติดเป็นผลแต่ถ้าใช้อัตราต่ำเกินไปก็จะไม่ได้ผล หรือแทงช่อดอกช้ากว่ากำหนดมากหรืออาจแตกใบอ่อนแทนก็ได้
6. ราดสารฯ เมื่อใบเพสลาด (ใบพวงหรือใบกลางอ่อนกลางแก่) ได้ผลแน่นอนกว่าราดสารฯ ช่วงใบแก่แล้ว
7. สารพาโคลบิวทาโซลชนิดผงให้ละลายในแอลกอฮอร์ ชนิดน้ำให้ละลายในน้ำกลั่น คนให้แตกตัวดีก่อนแล้วจึงผสมกับน้ำเปล่า .... น้ำเปล่าที่ใช้ผสมควรปรับค่ากรดด่าง 6.0-6.5 เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยา "กรด + ด่าง = เกลือ + น้ำ" ซึ่งจะทำให้สารฯ เสื่อมประสิทธิภาพ
8. ก่อนลงมือราดสารฯ ให้เปิดหน้าดินนำเศษพืชคลุมโคนต้น (ถ้ามี)ทั่วบริเวณทรงพุ่มโคนต้นออกก่อน แล้วรดน้ำบริเวณที่จะราดสารฯ ล่วงหน้า 1วันให้ดินชุ่มชื้นดี
9. มะม่วงอายุต้นต่ำกว่า 5 ปี ให้ราดชิดและรอบโคนต้น อาจจะทำร่องรอบโคนต้นก่อนแล้วราดน้ำละลายสารแล้วลงในร่องนั้นก็ได้ .... มะม่วงอายุต้นมากกว่า 5 ปี ให้ราดทั่วพื้นที่บริเวณทรงพุ่มด้านใน 1 ส่วน ราดชายพุ่มบริเวณที่มีปลายรากฝอยอยู่จำนวนมาก 3 ส่วน
10. หลังจากราดสารฯ แล้วต้องระดมให้น้ำเต็มที่แบบวันต่อวัน 3-5 วันติดต่อกัน
11. หลังจากราดสารฯ 1-1 เดือนครึ่ง ถ้าสภาพอากาศอำนวย มะม่วงพันธุ์เบาหรือพันธุ์ทะวายก็จะแทงช่อดอกออกมาและ 2-2 เดือนครึ่ง มะม่วงพันธุ์หนักหรือมะม่วงปีจึงจะแทงช่อดอก....ถ้าครบกำหนดที่มะม่วงควรจะแทงช่อดอกได้แล้วแต่ยังไม่ออกให้เปิดตาดอกด้วย 13-0-46 หรือ 13-0-46 + 0-52-34 (สูตรใดสูตรหนึ่ง) ตามความเหมาะสม
12. ถ้าราดสารฯ และเปิดตาดอกแล้วดอกไม่ออกห้ามราดซ้ำรอบสอง เพราะการราดซ้ำอีกครั้งไม่ได้ทำให้มะม่วงออกดอกแต่กลับทำให้ต้นโทรมหนักยิ่งขึ้น
13. ไม่ควรราดสารฯ แบบปีต่อปี เพราะสารฯ ที่ราดลงไปแต่ละครั้งที่ตกค้างอยู่ในดินยังออกฤทธิ์ต่อได้อย่างน้อย 1-2 รุ่นการผลิต ในปีรุ่งขึ้นของการผลิตถ้าต้นสมบูรณ์ดีให้บำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกแล้วปรับ ซี/เอ็น เรโช. ดีๆ ก็สามารถเปิดตาดอกได้เลย แต่ถ้าต้นไม่สมบูรณ์หรือโทรมมากจะต้องระงับการราดสารฯ เด็ดขาดอย่างน้อย 2-3 ปี
14. ไม่ควรขายพันธุ์ (ตอน/ทาบ) จากต้นแม่ที่ราดสารฯ เพราะกิ่งพันธุ์ที่ได้เมื่อนำไปปลูกจะเจริญเติบโตช้ามาก
15. ดอกและผลที่ออกมาหลังราดสารฯ จะต้องได้รับการบำรุงโดยเฉพาะ ธาตุอาหาร-ฮอร์โมน ทั้งทางรากและทางใบมากกว่าต้นที่มีดอกและผลออกมาด้วยวิธีบำรุงตามปกติ
16. ในเนื้อดินที่ราดสารฯ ลงไป สารจะตกค้างนาน เมื่อเลิกปลูกมะม่วงแล้วปลูกพืชใหม่ (ทุกชนิด) ลงไป พืชใหม่จะไม่โตหรือโตช้ามากๆจนบางครั้งนั่งหลุมตายไปเลยก็มี
หมายเหตุ :
การราดสารพาโคลบิวทาโซลเป็นการบังคับแบบทรมานต้น นอกจากทำให้ต้นโทรมแล้วยังต้องทำแบบปีเว้นปี หรือทำปีเว้น 2 ปี ทำให้เสียเวลาและโอกาส แต่หากเปลี่ยนวิธีการมาเป็นบังคับแบบบำรุงให้ต้นสมบูรณ์สูงสุด นอกจากจะไม่ทำให้ต้นโทรมแล้วยังมีโอกาสสร้างผลผลิตได้ทุกปีอีกด้วย
www.it.mju.ac.th/dbresearch/organize/.../book.../fruit049.htm -
สารเร่งดอกมะม่วง :
พันธุ์ที่ตอบสนองต่อสารนี้ คือ น้ำดอกไม้ (สายพันธุ์ทะวายและไม่ทะวาย) ฟ้าลั่น เจ้าคุณทิพย์ ศาลายา หนองแซง อกร่อง แรด เขียวเสวย ทองดำ หนังกลางวันแก้วลืมรัง เพชรบ้านลาด หัวช้าง มันแห้ว สายฝน (ศ.ดร. พีรเดช ทองอำไพ)
-------------------------------------------
เงาะนอกฤดู
การบังคับเงาะให้ออกนอกฤดู
ในเมื่อไม่มีเงาะทะวาย พันธุ์เบา พันธุ์หนัก และยังไม่มีสารหรือฮอร์โมนใดๆบังคับให้เงาะออกดอกติดผลในช่วงที่ต้องการหรือเป็นเงาะนอกฤดูได้ แต่ธรรมชาติทางพัฒนาการของเงาะก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ผลอื่นๆ นั่นคือ การที่จะทำให้เงาะออกดอกติดผล ก่อนหรือหลัง ฤดูกาลปกติยังมีโอกาสด้วยการปรับระยะเวลาปฏิบัติบำรุงแต่ละขั้นตอนเร็วขึ้นเพื่อเร่งให้เป็นเงาะก่อนฤดูกาล หรือยืดระยะเวลาในการปฏิบัติบำรุงแต่ละขั้นตอนออกไปเพื่อให้เงาะออกหลังฤดูปกติเท่านั้น กล่าวคือ..
ทำเงาะล่าฤดู :
1. หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นปีนี้แล้วชะลอเวลาฟื้นฟูสภาพต้นออกไป 1-2 เดือน จากนั้นจึงเริ่มลงมือบำรุงขั้นตอนที่ 1 (ตัดแต่งกิ่งและเรียกใบอ่อน) ตามปกติ
2. เรียกใบอ่อน 2 ชุด เมื่อใบอ่อนแต่ละชุดออกมาแล้วไม่ต้องเร่งใบอ่อนให้เป็นใบแก่แต่ปล่อยให้แก่เองตามธรรมชาติ
3. เพิ่มช่วงเวลาบำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกจากเดิมที่เคยใช้เวลา 2 เดือนเป็น 3 เดือนหรือ 3 เดือนครึ่ง
4. การลงมือ เปิดตาดอก-บำรุงดอก-บำรุงผลเล็ก ต้องทำตามปกติ ซึ่งไม่สามารถยืดเวลาออกไปให้ช้าหรือเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้
5. ช่วงบำรุงผลกลางสามารถยืดเวลาออกไปได้ 15-20 วันโดยบำรุงด้วยสูตร ยืดอายุผลให้แก่ช้า เช่นเดียวกันกับส้มเขียวหวานหรือมะนาว ซึ่งขั้นตอนนี้สามารถกำหนดระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้
6. บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยวตามปกติ
หมายเหตุ :
การใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. (เดี่ยวๆ) ในอัตราเข้มข้นกว่าปกติ 25-50% จะมีผลทำให้ดอกตูมร่วงหลัง จากนั้น 1-2 เดือนต้นจะแทงช่อดอกชุดใหม่เอง ซึ่งดอกชุดใหม่นี้จะพัฒนาเป็นผลล่าฤดูได้ อัตราการใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. เพื่อทำให้ดอกร่วงแล้วออกมาใหม่จะได้ผลก็ต่อเมื่อต้นผ่านการบำรุงมาจนสมบูรณ์เต็มที่อย่างแท้จริง และสภาพอากาศเอื้ออำนวยเท่านั้น
(อัตราใช้ฮอ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 28/11/2023 3:36 pm, แก้ไขทั้งหมด 32 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
kimzagass หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11453
|
ตอบ: 18/11/2023 7:51 am ชื่อกระทู้: |
|
|
.
.
พืชผักบนคันนา
กล้วยบนคันนา :
- เลือกคันนาที่คนไม่เดิน รถเกี่ยวรถไถไม่ผ่าน คันนากว้างซัก 1 ม.ปลูกลงไปได้เลย ถ้าเล็กกว่านี้อาจจะต้องเสริมความกว้าง ....
- ดินเหนียว ให้ลงกล้วยน้ำว้า .... ดินร่วน ให้ลงกล้วยหอม ....
- ลงระยะห่าง 3 ม. แถวเดียวบนคันนา ต้นโตใบมากให้ตัดใบออกบ้าง เพื่อไม่ให้บังแดดต้นข้าว
- กะระยะเวลาดีๆ .... กล้วยน้ำว้าแจ๊คพ็อต ตัดเครือช่วงเข้าพรรษา .... กล้วยหอมแจ๊คพ็อต ตัดเครือช่วงตรุษจีน สาร์ทจีน เชงเม้ง ไหว้พระจันทร์
ปลูกผัก บนคันนา :
- ทำคันนาใหญ่ๆ กว้าง 2-3 ม. แล้วใช้ปลูกพืชอื่นเสริมนาข้าว เพราะวันนี้ยืนยันแล้วว่า พื้นที่คันนาปลูกผัก สร้างเงินได้มากกว่าข้าว ทั้งๆที่ พื้นที่เท่ากัน
- ปลูกผักที่ราคา ขึ้น-ลง สูงๆ ตามตลาด เช่น ... มะเขือพวงราคา ขึ้น-ลง 40-80 บาท/กก. แต่มะเขือเปราะราคา ขึ้น-ลง 5-15 บาท/กก. .... พริกขี้หนูหอมราคา ขึ้นลง 80-100 บาท/กก. แต่พริกขี้หนูยอดสนราคา ขึ้น-ลง 40-60 บาท/กก. .... พริกเหลืองราคา ขึ้น-ลง 50-70 บาท/กก. แต่พริกชี้ฟ้าราคา ขึ้น-ลง 10-20 บาท/กก.
- ปลูกพริก แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มเป็น พริกแห้ง พริกป่น
- ปลูกผักราคาดีๆ มะเขือพวง พริกเหลือง
- ปลูกผักแจ๊คพ็อต เช่น ผักชีไทย หน้าฝน กก.ละ 100 หน้าสวน
- ปลูกไม้ดอกแจ็คพ๊อต เช่น มะลิ กุหลาบ
- ปลูกไม้ดอกประเภทใช้ทั้งปี ดาวเรือง สร้อยทอง
หมายเหตุ :
- ปลูกผักพื้นบ้าน แบบอินทรีย์เกาะขอบ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้สารแคมียาฆ่าแมลง แค่ในหมู่บ้านก็ไม่พอขายแล้ว
- วางแผนทำ 2-3 อย่าง เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน ตัวหนึ่งล้มแต่มีอีกตัวหนึ่งแทนได้
- ใช้เครื่องทุ่นแรงเพื่อประหยัดเวลา แรงงาน ประสิทธิภาพประสิทธิผลเนื้องาน เช่น สปริงเกอร์ ระบบป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบ ไอพีเอ็ม.
---------------------------------------
ที่ 10 ไร่ รายได้วันละ 2.000
* ชะอม อินทรีย์นำ เคมีเสริม เนื้อที่ 3 ไร่ ข้างบ้าน แรงงานผู้หญิงอายุ 50 ปี คนเดียวเดี่ยวๆ ติดสปริงเกอร์ แม่ค้าตลาดนัดจรมารับถึงบ้าน รายได้ขึ้นๆลงๆ ตามราคาตลาด ระหว่าง 500-1,000 ทุกวัน
* ผักหวานบ้าน อินทรีย์นำ เคมีเสริม เนื้อที่ 10 ไร่ ข้างบ้าน แรงงาน 2 คนผัวเมีย ติดสปริงเกอร์ ทำเกษตรพันธะสัญญา ไม่ใช้สารเคมียาฆ่ายาแมลง ใช้ปุ๋ยเคมีได้ ส่งห้าง รายได้ขึ้นๆลงๆ ตามราคาตลาด ระหว่าง 2,500-3,000 ทุกวัน
*ชะอม 3 ไร่ ผักหวานบ้าน 3 ไร่ มะกรูดตัดใบ 4 ไร่ อินทรีย์นำ เคมีเสริม รวมเนื้อที่ 10 ไร่ ข้างบ้าน แรงงาน 2 คนผัวเมีย ติดสปริงเกอร์ แม่ค้าตลาดนัดจรมารับถึงบ้าน รายได้ขึ้นๆลงๆตามราคาตลาด ระหว่าง 1,500-2,500 ทุกวัน
----------------------------------
ส่วนลึกของใจ
----------------------------------
|
|
กลับไปข้างบน |
|
 |
|
|
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้ คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
|
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
|
|