-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 101 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

นาข้าว





กำจัดวัชพืช                



          หลักการและเหตุผล  :               
          วัชพืช  คือ   พืชชนิดหนึ่งที่เกิดหรือขึ้นในที่ๆไม่ต้องการ   มีวัฏจักรชีวิต (เกิด แก่ เจ็บตาย ขยายพันธุ์)
และต้องการปัจจัยพื้นฐาน  (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) เช่นเดียวกับพืชอื่นๆ 
และพืชที่ถูกเรียกว่าวัชพืชมักเจริญเติบโตดีกว่าพืชหลักที่คนปลูก ในความเป็นจริงนั้น ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าหญ้าหรือ
สารกำจัดวัชพืชใดๆ ในโลกนี้ สามารถฆ่าหรือกำจัดวัชพืชให้ตายอย่างเด็ดขาดแน่นอนได้เมื่อใช้ตามอัตราที่ระบุบน
ฉลาก  อาการที่เห็นนั้นเป็นเพียงใบไหม้เท่านั้น  ในขณะที่ หัว-เหง้า-เมล็ด  ยังอยู่  ซึ่งไม่นานก็จะแตกยอดแทงหน่อ
ขึ้นมาใหม่.....ดังนั้น การโฆษณาว่ายาฆ่าหญ้าหรือสารกำจัดวัชพืชชนิดนี้หรือชนิดนั้นสามารถกำจัดได้ถึงรากและเหง้า
จึงเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงโฆษณาชวนเชื่อทั้งสิ้น และผู้ใช้ก็โกหกตัวเองว่าได้ผล              

          นอกจากนี้  ยาฆ่าหญ้าหรือสารกำจัดวัชพืช (ทุกชนิดหรือทุกยี่ห้อในท้องตลาด) ให้ผลเสียมากกว่าผลดี
อาทิ มีสถานะเป็นกรดจัดจึงทำให้ดินเป็นกรด.....เป็นพิษต่อจุลินทรีย์ในดิน......ทำให้เดินเสียสมดุล.....เป็นแหล่ง
สะสมเชื้อโรคพืช.....สภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงเสีย.....ละอองเป็นพิษต่อพืชประธาน                     

          วิธีการกำจัดหญ้าหรือวัชพืชที่ได้ผลที่สุด   ซึ่งนอกจากไม่ส่งผลเสียดังกล่าวแล้วยังส่งผลดีแบบยั่งยืนระยะ
ยาวนานอีกด้วย นั่นคือใช้มาตรการปรับเปลี่ยนหรือตัดวงจรปัจจัยพื้นฐานไม่ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของหญ้า
หรือวัชพืชเท่านั้น ได้แก่......                

 
      ล่อให้งอกแล้วทำลาย :   
      หลังเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จ ปล่อยฟางทิ้งไว้ตากแดดจัดอย่างน้อย 15 แดดจัด ระหว่างตากแดดจัดนี้ ถ้ามีฝนตกลงมาให้ยกเลิกจำนวนวันที่ตากแดดก่อนทั้งหมดแล้วเริ่มนับ 1 ใหม่จนกว่าจะครบอย่างน้อย 15 วัน  วัตถุประสงค์ของการตากแดดก็เพื่อ "ทำลายระยะพักตัว"  ของเมล็ดวัชพืชและเมล็ดพืชอื่นๆที่อยู่ในแปลง  จากนั้นจึงปล่อยน้ำเข้าพอหน้าดินชื้นโดยไม่ต้องไถ จากนั้นบรรดาพืชทุกชนิด (เมล็ดหญ้า เมล็ดข้าว ร่วงและหน่อวัชพืช) จะงอกขึ้นมา  ปล่อยให้พืชทุกอย่างงอกอย่างอิสระหรือเปิดโอกาสให้งอกมากๆ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  เพราะเมล็ดวัชพืชบางชนิดงอกเร็ว  บางชนิดงอกช้า 
       หมายเหตุ :
       ถ้าไม่ทำลายระยะพักตัวของเมล็ดวัชพืชหรือพืชอื่นๆก่อน  โดยหลังเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จใส่น้ำเข้าไปเลยนั้น เมล็ดวัชพืชหรือพืชอื่นๆก็จะไม่งอก เพราะยังไมใด้ทำลายระยะพักตัว  แต่หลังจากนั้น 10-15 วัน เมล็ดเหล่านั้นก็จะเริ่มงอกแล้วเจริญเติบโตคู่กับต้นข้าวต่อไป 
       การไถดินที่มีเมล็ดพืชต่างๆฝังอยู่ เท่ากับเป็นการเติมอ๊อกซิเจนลงไปในเนื้อดินซึ่งจะส่งเสริมการงอกของเมล็ดพันธุ์ต่างๆให้ดียิ่งขึ้น  เพราะฉนั้น จึงไม่ควรไถ แต่ปล่อยเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆวางอยู่บนผิวดินอย่างนั้น  รอเวลาหมดระยะพักตัวแล้วจึงปล่อยน้ำเข้า หมักฟาง และไถกลบ
       (ข้อมูล : สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)



      ย่ำเพื่อทำลาย :

      เมื่อเห็นว่าบรรดาเมล็ดพืชทุกอย่างงอกขึ้นมาแล้ว และบรรดาหน่อวัชพืชต่างๆก็แทงยอดขึ้นมาจากเหง้าหรือ
ไหลทั้งหมดแล้วด้วย  ให้ปล่อยน้ำเข้าแล้วลงมือย่ำเทือกครั้งที่  1  ย่ำเทือกให้ใบและต้นพืช (วัชพืชและข้าว)
ทุกอย่างที่ขึ้นมาแหลกสลายลงไปคลุกกับเนื้อดิน  เสร็จแล้วไขน้ำออกพอเหลือติดหน้าดิน  ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 7-
15 วัน จะเห็นว่ายังมีวัชพืชบางส่วนงอกขึ้นมาอีกแต่จะน้อยกว่าครั้งแรกหลายเท่า 

      ปล่อยน้ำเข้าแล้วย่ำเทือกรอบ 2  ย่ำเพื่อทำลายใบและต้นวัชพืชเหมือนรอบที่ 1 ย่ำเทือกรอบ  2 เสร็จทิ้งไว้
ประมาณ 7-10 วัน ให้พิจารณา  ถ้ายังมีวัชพืชขึ้นอีกมากก็ให้ไขน้ำเข้า
 
       ย่ำเทือกรอบ 3  แต่ถ้าเห็นว่าวัชพืชลดลงจนเป็นที่น่าพอใจก็ไม่ต้องย่ำเทือกรอบ  3  ให้เตรียมการลงมือปลูก
(หว่าน-ดำ) ได้เลย
                

         หมายเหตุ :                 
         พืชหรือวัชพืชใดๆที่งอกขึ้นมาจากเมล็ด เมื่อ  ยอด-ใบ-ต้น  ถูกย่ำทำลายไปแล้วจะไม่มีโอกาสงอกหรือ
เกิดใหม่อีกได้เลยตลอดชีวิต  เพราะเมล็ดงอกได้เพียงครั้งเดียว   ส่วนหน่อที่งอกขึ้นมาจาก  หัว-เหง้า-ไหล  ยอดที่
งอกขึ้นมานั้นจะพัฒนาเป็น  ต้น-ใบ  ช่วยสังเคราะห์อาหาร ช่วงที่ยังไม่มีใบช่วยสังเคราะห์อาหารนั้น  ต้นวัชพืชจะกิน
สารอาหารจาก หัว-เหง้า-ไหล ที่สะสมเอาไว้  เมื่อแตกยอดขึ้นมาทีไรเป็นถูกย่ำทำลายทุกครั้ง เพียง 2-3 รอบ  ห่าง
กันรอบละ 7-10 วันเท่านั้น  สารอาหารในหัว-เหง้า-ไหลที่เคยสะสมไว้หมด  หัว-เหง้า-ไหล  ก็เน่าสลายหมดโอกาส
แตกยอดใหม่อีกตลอดกาล
               

           การใช้จุลินทรีย์เป็นตัวช่วยย่อยสลายเศษ  ใบ-ต้น-หัว-เหง้า-ไหล   ที่ถูกย่ำให้เปื่อยยุ่ยแล้วกลายเป็น
ปุ๋ย  นอกจากจะไม่ทำลายสภาพโครงสร้างดินแล้วยังปรับปรุงสภาพโครงสร้างดินให้ดีขึ้นอีกด้วย ในขณะที่การใช้สาร
เคมีหรือสารสังเคราะห์ใดๆ แม้จะช่วยสลายเศษพืชได้แต่กลับทำให้สภาพโครงสร้างของดินเสียและเสียอย่างถาวรอีก
ด้วย
                            
 
          สรุป :               
        1. ทำลายวัชพืชด้วยวิธีการบำรุงให้งอกแล้วย่ำทำลาย   โดยการทำเทือกหลายๆรอบแต่ละรอบจำนวนวัชพืช
จะลดลงและลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งหมดไปนั่นเอง                

         2. ถอนด้วยมือ     หลังจากกำจัดวัชพืชส่วนใหญ่ด้วยวิธีทำเทือกย่ำทำลายแล้ว  เมื่อต้นข้าวเจริญเติบโตขึ้น
มา วัชพืชประเภทงอกช้าอาจจะยังหลงเหลืออยู่ก็จะงอกขึ้นมาให้เห็นอีก   การกำจัดในขั้นตอนนี้ต้องใช้วิธีเดินเข้าไป
ในแปลงแล้ว "ถอนด้วยมือ"  เท่านั้น   ซึ่งวิธีถอนด้วยมือนี้นอกจากจะเป็นการกำจัดได้อย่างสิ้นซาก (ไม่มีโอกาสงอก
ใหม่อีกเลยตลอดชีวิต) แล้ว   ยังไม่ทำลายสภาพโครงสร้างดินอีกด้วย   ในนาดำช่วยให้การกำจัดวัชพืชด้วยวิธีถอน
ด้วยมือทำได้ง่ายกว่านาหว่าน         

        3. ป้องกันกำจัดหญ้าหรือวัชพืชตัวใหม่   เมื่อในแปลงนาข้าวไม่มี  "เมล็ด-หัว-เหง้า-ไหล"  ของวัชพืชที่จะ
เกิดใหม่ได้แล้ว เมล็ดแก่จากต้นวัชพืชบนคันนาหรือบริเวณข้างแปลงยังสามารถปลิวตามลมเข้าไปในแปลงแล้วเกิดเป็น
ต้นใหม่ขึ้นมาได้ กรณีนี้แก้ไขโดยการตัดหรือใช้ไม่เรียวฟาดก้านดอก ขณะที่ยังเป็นดอกอ่อนเพื่อทำลายดอกตั้งแต่
เนิ่นๆ ไม่ให้เป็นดอกแก่แล้วมีเมล็ดขยายพันธุ์ได้                

           การใส่ปุ๋ยคอกมูลสัตว์กินหญ้า (วัว ควาย แพะ) มักมีเมล็ดพันธุ์วัชพืชปนมาด้วยเสมอ  กำจัดเมล็ดพันธุ์
วัชพืช  โดยการหมักนาน 6 เดือน - 1 ปี  เพื่ออาศัยจุลินทรีย์ทำลายชีวิตเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก่อน  ถ้าไม่มีเวลาหมักก็
ให้ใช้เฉพาะ  "น้ำมูลสัตว์"  หมักก่อนหรือไม่หมักก็ได้ ราดรดลงบนเศษซากพืช (ฟาง ต้นถั่ว วัชพืช) ในแปลงหลัง
หรือก่อนไถกลบก็ได้  หลังจากนั้น  นอกจากเศษซากพืชจะกลายสภาพเป็นปุ๋ยคอกมูลสัตว์โดยไม่มีเมล็ดวัชพืชหรือ
พืชใดๆปนเปื้อนมาด้วยแล้ว ยังได้ทำให้คุณภาพของเนื้อปุ๋ยดีกว่ามูลสัตว์ที่มาจากสัตว์โดยตรงอีกด้วย 
                 
       4. ข้าววัชพืช   คือ    วัชพืชชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตได้ดีมากในนาข้าว   แต่ในแปลงเกษตรอื่นๆที่แม้จะมี
สภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตรเหมือนนาข้าวกลับไม่เจริญเติบโต   มีชื่อตามภาษาท้องถิ่น  เช่น
ข้าวนก.  ข้าวหาง.  ข้างเด้ง.  ข้าวลายหรือข้าวแดง.  ข้าวป่าหรือข้าวละมาน.  (คำว่า  “ข้าวนก”  หมายถึงสายพันธุ์
ข้าวที่ใช้เลี้ยงนกเขา หรือ นกสวยงามในกรง.........แต่คำว่า  “ข้าววัชพืช”  เป็นชื่อที่ทางราชการกำหนด) 

           ดังกล่าวข้างต้นแล้วว่า  ปัจจุบันนี้ยังไม่มีสารเคมีใดในโลกสามารถกำจัดข้าววัชพืชโดยเฉพาะได้ผลร้อย
เปอร์เซ็นต์                

 
          ลักษณะเด่นของข้าววัชพืชในแปลงนาข้าว :                  
         - งอกหลังต้นข้าว (นาหว่าน) 8-10 วัน   แต่เจริญเติบโตเร็วกว่าต้นข้าวแล้วเป็นต้นแก่มีเมล็ดขยายพันธุ์ได้
ก่อนต้นข้าว  หรือ เกิดทีหลังแต่แก่ก่อน               
         - สายพันธุ์เดียวกันแต่เมล็ดพันธุ์บางเมล็ดอยู่ได้นาน (1-12 ปี)โดยไม่เสื่อมความงอกในขณะที่บางเมล็ด
งอกได้เร็ว  หรือ  พักตัว/ไม่พักตัว....พักตัวนาน/พักตัวไม่นาน
         - ไม่มีโรคและแมลงศัตรูหรือมีน้อยมาก               
         - เปอร์เซ็นต์ความงอกสูงมาก  แม้เมล็ดที่ยังแก่ไม่จัดก็สามารถงอกได้                
         - ปรับตัวให้ต่ำกว่าหรือสูงเท่ากับต้นข้าวเพื่อให้รอดพ้นจากการถูกกำจัดได้ดี 
         - จากเมล็ดข้าววัชพืช  1 เมล็ด  ในนาข้าวรุ่นที่  1 ขยายพันธุ์ต่อเนื่องถึงทำนารุ่นที่ 6  จะมีเมล็ดมากถึง
31,250,000,000 เมล็ด
                            

 
          วิธีกำจัดข้าววัชพืช :               
        
- ล่อให้งอกแล้วย่ำทำลายด้วยวิธีย่ำเทือก  ย่ำซ้ำหลายๆรอบเพื่อกำจัดวงรอบหรือวัฏจักชีวิต               
         - เปลี่ยนจากการทำนาหว่านมาเป็นนาดำ    ทั้งนี้   นาดำ  1 รุ่น  กำจัดข้าววัชพืชได้กว่า 90 %  จากนั้นใช้
วิธีถอนด้วยมือก็จะทำให้ต้นข้าววัชพืชหมดไปจากแปลงนาได้
         - ถอนด้วยมือ (นาดำทำได้ง่ายกว่านาหว่าน)               
         - ป้องกันเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่จากแหล่งภายนอก เช่น  เมล็ดพันธุ์  รถเกี่ยว และจากแปลงข้างเคียง






 









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-10 (4418 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©