-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาประจำวัน 18 ม.ค. ....... * แตงโม ปุ๋ย ยา เกรด เอ. จัมโบ้
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาประจำวัน 18 ม.ค. ....... * แตงโม ปุ๋ย ยา เกรด เอ. จัมโบ้
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาประจำวัน 18 ม.ค. ....... * แตงโม ปุ๋ย ยา เกรด เอ. จัมโบ้

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 17/01/2023 4:57 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาประจำวัน 18 ม.ค. ....... * แตงโม ปุ๋ย ยา เกรด ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 18 ม.ค.

***********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย-ยา-ไฟฟ้า-เวลา-ค่าแรง-ค่าที่-อารมย์-เทคนิค-เทคโนฯ-โอกาส-ตลาด-ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***

งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ....... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ..... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ..... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ........ ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน ... ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

*** วันจันทร์ ทุกวันจันทร์ เฉพาะวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย “คุณล่า” (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย....
*** ด้วยประสบการณ์ร่วม 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง....

*** งานสีสันสัญจรวันเสาร์ เสาร์นี้วันที่ 21 ม.ค. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปที่วัดท่าตำหนัก ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) ก่อนถึงแยกนครชัยศรี 200 ม. นครปฐม....
*** งานนี้ ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม หนังสือไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม........ใครไม่ซื้อ ไม่ซื้อแต่แจก แจกหนังสือไม้ผลแนวหน้า คนละ 1 เล่ม


***********************************************************************

***********************************************************************


จาก : (085) 963-24xx
ข้อความ :
1. ลุงคิมคะ ขอความรู้เรื่องแตงโมด้วยค่ะ ยังไม่ปลูกแต่อยากรู้
2. ไม่แล้งก็ท่วม ไม่ท่วมก็แล้ง ไทยแลนด์ ปีก่อนท่วม ปีนี้แล้ง
3. หยุดนาปลูกแตงโมเพราะใช้น้ำน้อย
4. พันธุ์อะไร ปุ๋ย ยา เกรด เอ. จัมโบ้ สูตรผู้พันครับ ขอบคุณมากมากมากค่ะ

MOTIVATION แรงบันดาลใจ :
เกษตรกรแห่ปลูก ‘แตงโม’ แทน ‘ข้าวนาปรัง’ พืชทางเลือก 2 เดือนโกยเงินแสน

เกษตรกร อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ พากันหันมาปลูกแตงโมแทนการทำนาปรัง สร้างรายได้ 12,000-15,000 บาทต่อตัน มีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน เป็นทางเลือกที่ดีของเกษตรกรอีกหนึ่งช่องทางท้องถิ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนอินทรีย์เกษตรแว่น ต.บึงบูรพ์ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ นายวิชัย ศรีโพธิ์งาม เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายอิทธิพล สุยะลา นอภ.บึงบูรพ์ นายศราวุธ ทรงโฉม นอภ.อุทุมพรพิสัย นายสว่าง กาลพัฒน์ อดีตเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ นายแว่น พรหมคุณ เกษตรอำเภออุทุมพรพิสัย นายมหินธร เทพิน เกษตรอำเภอศิลาลาด นายวิเชียร ไชยสงคราม เกษตรกรเจ้าของสวน และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงเกษตรผลการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้ง ชนิด แตงโม ทางเลือกใหม่หลังฤดูทำนา ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างมาก

นายวิชัย กล่าวว่า ผลจากการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้ง ของสวนแตงโมเกษตรอินทรีย์แว่น หลังการทำนาในปีนี้ พบว่า ได้มีการปลูกแตงโม 4 สายพันธุ์ ในพื้นที่แปลงนาทั้งหมด 12 ไร่ โดยเฉพาะพันธุ์เมญ่า หรือแตงโมตอปิโด ทั้งเนื้อแดง เนื้อเหลือง เนื้อแน่น รสหวาน มีกลิ่นหอม ให้ผลผลิตประมาณ 5-6 ตันต่อไร่ ในช่วงนี้ราคารับซื้ออยู่ที่ 12,000-15,000 บาทต่อตัน โดยมีตลาดชัดเจนมีพ่อค้าคนกลางรับซื้อถึงสวนในราคาที่เป็นธรรม เพื่อคัดขนาดส่งไปขายที่ตลาดไท ดังนั้นการปลูกแตงโมหลังฤดูทำนา จึงเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกร เพราะนอกจากจะใช้น้ำน้อยแล้ว ยังเป็นพืชที่ใช้ระยะเวลาปลูกสั้นและให้ผลผลิตเร็ว อายุพืชแตงโมที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เพียง 60 วัน ได้รับผลตอบแทนดีกว่าปลูกพืชชนิดอื่นๆ

ทั้งนี้ จ.ศรีสะเกษ มีพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้งทั้งหมดอยู่ที่ 107,271 ไร่ ในห้วงที่ปริมาณน้ำสำหรับการเพาะปลูกมีจำกัด จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง เช่น การปลูกแตงโม ที่ใช้น้ำในการเพาะปลูกเพียง 600-650 ลบ.ม.ต่อไร่ เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูกข้าวที่ 1,000-1,500 ลบ.ม.ต่อไร่ อีกทั้งยังสร้างรายได้ดีกว่าการปลูกข้าวนาปรัง เป็นทางเลือกที่ดีของเกษตรกรอีกช่องทาง... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/892510/
https://www.dailynews.co.th/news/892510/



คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม :

จาก :
(062) 998-51xx
ข้อความ : ปีนี้ฝนแล้งมาก รัฐบาลบอกให้ปลูกข้าวโพดพืชใช้น้ำน้อย ก็ทำไม่ได้ เพราะใช้น้ำน้อยแต่ไม่มีน้ำ มันต่างกันยังไง กับปลูกแล้วไปขายที่ไหน ลุงคิมมีพืชใช้น้ำน้อยอย่างอื่นแนะนำไหมครับ ...ขอบคุณครับ เกษตรกรปากช่อง
ตอบ :
คำว่า “พืชใช้น้ำน้อย” มาจาก คนพูดเอง-ถามเอง-ตอบเอง ต้นไม้ต้นพืชไม่รู้เรื่อง เขาต้องการเท่าไหร่ ?
เมื่อไหร่ ? อย่างไร ? ต้องให้เมื่อนั้น เท่านั้น อย่างนั้น

แนวคิดนี้มาจากเปรียบเทียบกับ “ต้นข้าว” ทั้งๆที่ในความเป็นจริง พืชตระกูลข้าวก็ไม่ได้ใช้น้ำมากขนาดนั้น แต่ต้องใส่น้ำมากๆเพราะต้องเผื่ออนาคตที่น้ำอาจจะน้อย .... ปัญหานี้เป็นเพราะ "ระบบชลประทาน" ของเราไม่ดีนั่นเอง

* ต้นข้าวน้ำมาก น้ำท่วมขังค้าง = ต้นสูง ต้นใหญ่ บ้าใบ รวงสั้น เมล็ดน้อย เมล็ดลีบ ท้องไข่ ไม่มีน้ำหนัก ....
* ต้นข้าวน้ำน้อย น้ำเจ๊อะแจ๊ะ เปียกสลับแห้ง = ต้นไม่สูง แตกกอดีๆ ใบเขียวนานถึงวันเกี่ยว รวงยาว เมล็ดมาก เมล็ดเต็ม เมล็ดแกร่ง เมล็ดใส ไม่ท้องไข่ น้ำหนักดี ....

ปัญหาเรื่องน้ำเกิดจากการ “บริหาร-จัดการ” ผิดพลาดนั่นเอง....
พืชไร่ใช้น้ำน้อยไม่ใช่มีแต่ข้าวโพดเท่านั้น ถั่วเหลือง/เขียว/แดง/ดำ/ขาว, ถั่วลิสง, งา (ราคาดีที่สุด) เปรียบเทียบเนื้อที่ไร่ต่อไร่กับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อย่างไหน MAKE MONEY ได้ดีกว่ากัน

ชาวนาใน ทีวี. ทำนาปลูกข้าวเป็นอย่างเดียว บอกว่า อย่างอื่นปลูกไม่เป็น ไม่มีความรู้ .... นี่คืออะไร ?
ในความเป็นจริง พืชอายุสั้นฤดูกาลเดียว เขาต้องการน้ำใช้จริง เพื่อหล่อเลี้ยงต้นเพียงวันละ 1 ล. เท่านั้น แต่คนให้ 20 ล. ที่เหลือ 19 ล. คือน้ำที่คนราดรดลงดินเอง

ปรับ/เปลี่ยน การบริหาร จัดการน้ำ :
พืชอายุสั้น/ฤดูกาลเดียว/พุ่มเตี้ย (พริก-มะเขือ-กระเจี๊ยบ-ฯลฯ), เถาเลื้อย (แตง-เขือเทศ-ฟัก-มะระ-ฯลฯ) ใช้น้ำจริงต้นละ 1 ล./วัน .... แนวทางปฏิบัติคือ ปลูกในถุง (ภาชนะปลูก) 1 ถุง/1 ต้น หรือ 1 ถุง/2-3-4-5-6 ต้น (ต้นโตขึ้นมาจัดเถาให้เลื้อยไปคนละทิศ รอบถุงปลูก)

1 ต้น 1 ถุง ใช้น้ำ 1 ล. หรือ 2-3-4 ต้น 1 ถุง ใช้น้ำ 1-2 ล. พื้นที่ปลูก 1 ไร่ ปลูก 200-300 ต้น ใช้น้ำจริง 200-300 ล. เท่านั้น .... สิ่งสำคัญที่สุด คือ “เครื่องมือ” ในการให้น้ำ .... ทฤษฎีการปลูกพืชอายุสั้น ฤดูกาลเดียว แบบนี้ ได้ผลสูงมากในอิสราเอล คือ ผลิตเพิ่ม ต้นทุนลด อนาคตดี ....

จาก : (062) 782-36xx
ข้อความ : ลุงคิมคะ ช่วยเล่าเรื่องธรรมชาติของแตงโมให้ฟังหน่อย ว่าเขามีนิสัยอย่าง ไร จะเอาไปสอนวิชาการเกษตรในวิทยาลัยค่ะ ถ้ามีเวลาขอเรื่องปลูกแตงโมไร้เมล็ดด้วยค่ะ .... ขอบคุณค่ะ
ตอบ :
- เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับแตงโม รู้หมดแล้วเหรอ ? น่าจะหาข้อมูลที่เป็นเอกสารไปเก็บไว้โดยเฉพาะในสถานศึกษา เป็นห้องสมุดวิทยาลัย ห้องสมุดส่วนตัว

- วิทยาลัยสำหรับ นักเรียน นักศึกษา คนที่ไม่ได้เป็นนักเรียน นักศึกษา อยู่กับบ้าน อยู่กับสวนก็มีห้องสมุดส่วนตัวได้ไม่ใช่เหรอ ?

ข้อมูล : หนังสือ หัวใจเกษตรไท มินิ, ไม้ผลแนวหน้า :


แตงโม :
ลักษณะทางธรรมชาติ :

- เป็นพืชเถาเลื้อยอายุสั้นฤดูกาลเดียว ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาคและทุกฤดูกาล เจริญเติบ โตได้ดีในดินร่วนปนทรายหรือดินดำร่วน มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ๆๆ ระบายน้ำดี ไม่ทนต่อสภาพน้ำขังค้างต้องการความชื้นในดินสูงแต่ไม่ชอบแฉะ

- ปลูกได้ทุกฤดูกาล โดยมีระบบจัดการเรื่องน้ำเพียงอย่างเดียวให้ถูกต้องเท่านั้น
- อายุต้นตั้งแต่เริ่มงอกถึงออกดอก 20-25 วัน จากนั้นอีก 10-15 วันดอกก็พร้อมผสม อายุผลตั้งแต่ผสมติดถึงแก่เก็บเกี่ยว 30-40 วัน หรือตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยว 65-90 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ว่าเป็นพันธุ์เบาหรือพันธุ์หนัก และการปฏิบัติบำรุง

- การจัดแปลงปลูกแบบพื้นราบ นิยมปลูกเป็นพืชที่สองในนาหลังเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว ซึ่งเป็นช่วงหน้าหนาวมีน้ำค้างแรง ช่วยสร้างความชื้นในดินให้แก่แตงโม กับทั้งมีความแห้งแล้งของสภาพอากาศช่วยจึงทำให้แตงโมมีรสชาติดี

การปลูกในภาชนะปลูก (ถุง) บรรจุวัสดุปลูก (ดินปลูกปรุงสำเร็จ สูตรสำหรับพืชที่ปลูก) จัดวางภาชนะปลูกในที่ๆเหมาะสมต่อธรรมชาติของแตงโม เช่น ยกภาชนะปลูกให้พ้นน้ำ (น้ำท่วม) แล้วจัดทำค้างให้เถาเลื้อยขึ้นไปพร้อมกับมีเครื่องยกผล (ตาข่าย) ให้สูงขึ้นพ้นพื้นหรือพ้นน้ำท่วม (สูตรของไต้หวัน-อิสราเอล) ก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะการปลูกในช่วงหน้าฝนซึ่งมีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยมากก็จะได้ราคาดี นอกจาก นี้วิธีปลูกในภาชนะปลูกยังสามารถควบคุมปริมาณน้ำ สารอาหาร และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ง่ายอีกด้วย

- แปลงปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสมควบคุมปริมาณน้ำได้สามารถปลูกได้ตลอดปี ส่วนใหญ่นิยมปลูก 3 รุ่น โดยรุ่นแรกปลูกเดือน ม.ค. เก็บเกี่ยวเดือน มี.ค. - เม.ย. ....รุ่น 2 ปลูกเดือน พ.ค. เก็บเกี่ยวเดือน ก.ค. - ส.ค. ....รุ่น 3 ปลูกเดือน ก.ย. เก็บเกี่ยวเดือน พ.ย. - ธ.ค. โดยรุ่น 3 จะมีคุณภาพดีที่สุดเพราะช่วงผลแก่ตรงกับหน้าแล้ง

- ฤดูหนาวเมล็ดพันธุ์งอกยาก แก้ไขโดยแช่เมล็ดในน้ำอุ่น 50 องศา + ไคตินไคโตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริม ทิ้งไว้จนน้ำเย็น แล้วนำขึ้นมาห่มความชื้นในที่อบอุ่น (กลางแดด) เมื่อรากเริ่มงอกก็ให้นำไปปลูกได้

- ดอกตัวผู้ (โคนดอกกลม) กับดอกตัวเมีย (โคนดอกเรียวตรง) แยกกันคนละดอกแต่อยู่ในต้นเดียวกัน ในแต่ละต้นจะมีดอกตัวผู้มากกว่าดอกตัวเมียถึง 7:1 (ดอกตัวผู้ 7 ดอก : ดอกตัวเมีย 1 ดอก) ดอกตัวเมียมักเกิดจากข้อที่ 3-4-9 และ 10 และต่อไปเรื่อยๆ ห่างกันดอกละ 4-5 ข้อใบ

การผสมเกสรต้องอาศัยแมลงเป็นหลัก ถ้าไม่มีแมลงก็ต้องช่วยผสมโดยเด็ดดอกตัวผู้ที่เกสรพร้อมผสมแล้ว ตัดกลีบดอกทิ้งไปเหลือแต่ก้านเกสรไว้ นำก้านเกสรตัวผู้ไปป้ายใส่ให้กับปลายก้านเกสรดอกตัวเมีย หรือใช้พู่กันขนอ่อนแห้งสนิทสะอาดป้ายเกสรตัวผู้ก่อนแล้วไปป้ายใส่เกสรตัวเมียก็ได้ ช่วยผสมเกสรช่วง 07.00-11.00 น.จะได้ผลดีที่สุด

- แปลงปลูกที่ปลอดสารฆ่าแมลงมานานมักมีผึ้งเข้าตอมเกสรช่วง 07.00-10.00 น.เสมอ ช่วงที่ผึ้งเริ่มเข้ามาในแปลงปลูกให้ถือกิ่งไม้เล็กๆแต่ยาวมีใบไล่ โดยโบกแกว่งไปมาช้าๆ พอให้ผึ้งเห็นแล้วรู้ตัวแต่ไม่ตกใจ เริ่มโบกกิ่งไม้ไล่จากหัวแปลงไปทางท้ายแปลง เมื่อผึ้งเห็นกิ่งไม้โบกไล่ไปมาจะบินขึ้นแต่ไม่ตกใจโผบินไปหาดอกต่อไปข้างหน้าระยะทางไม่ไกลนัก ปล่อยให้ผึ้งลงตอมดอกแตงโมดอกชุดใหม่สักครู่ก็ให้โบกกิ่งไม้ไล่อีก ผึ้งก็จะบินขึ้นโผไปหาดอกต่อไปข้างหน้าอีก ปล่อยให้ผึ้งตอมดอกแตงโมสักครู่ก็ให้โบกกิ่งไม้อีก ผึ้งก็จะบินขึ้นโผไปหาดอกต่อไปอีก ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนถึงท้ายแปลง ถึงท้ายแปลงแล้วถ้าผึ้งยังติดใจตอมดอกแตงโมอยู่ ก็ให้โบกกิ่งไม้ไล่จากท้ายแปลงย้อนมาทางหัวแปลงด้วยวิธีการเดียวกันอีก จะทำ 2-3 รอบ/วันก็ได้ตราบเท่าที่ผึ้งยังอยู่ หรือทำ 2-3 วันติดต่อกันจนกระทั่งแน่ใจว่าเกสรแตงโมทุกดอกได้รับการถ่ายละอองเกสรจนเป็นที่พอใจแล้วก็ได้ ....

การมีชันโรง (หากินเก่งและขยันหากินมากกว่าผึ้ง) หรือผีเสื้อสวยงามในบริเวณใกล้เคียงเข้ามาช่วยให้ได้ประโยชน์อย่างมาก

- เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์ เกิดจากขาดสาร อาหารและฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) แล้วผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว

- แตงโมเป็นพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียว อวบน้ำ ย่อมต้องการน้ำสม่ำเสมอ ช่วงออกดอกติดผลจะขาดน้ำไม่ได้เลย การให้น้ำด้วยระบบน้ำหยดจะช่วยแก้ปัญหาน้ำไม่สม่ำเสมอได้ดี

- การเตรียมสารอาหารไว้ในดินปลูกอย่างเพียงพอตั้งแต่ช่วงเตรียมดินจะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตเร็วและสม่ำเสมอดีกว่าการใส่สารอาหารภายหลัง ทั้งนี้ปริมาณสารอาหารที่จะไปหล่อเลี้ยงต้นนั้น 9 ใน 10 ส่วนไปจากดิน

- เมื่อผลโตได้ประมาณ 25% ของขนาดผลเมื่อโตเต็มที่ ควรใช้ฟางหรือหญ้าแห้งหนาๆ รองผลเพื่อป้องกันผิวผลติดพื้นดิน แล้วให้กลับผลทุก 7-10 วัน เพื่อให้ด้านที่ไม่ได้แสงแดดได้รับแสงแดดแล้วสีผลจะเข้มเท่ากันทั้งผล

- สังเกตผลแก่ โดยดูที่มือเกาะอันที่ใกล้ผลที่สุดเริ่มเหลืองและเริ่มแห้ง หรือนวลใบเริ่มจาง
- หลังจากเก็บผลมาแล้วปล่อยทิ้งให้ลืมต้น 2-3 วัน รสชาติจะดีขึ้น
สายพันธุ์ :

พันธุ์มีเมล็ด :
ฟลาวเวอร์ ดราก้อน-122. ทาร์นิการ์. ลูกผสม เอฟ-1. ตอปิโด. จินตหรา. ชาร์ลตันส์เกรย์ (ผลใหญ่ 9-10 กก.). บางช้าง. บางเบิด. เรดโคช ไฮบริด (เนื้อขาว). วานลี เอฟ-2 (เนื้อขาว).

พันธุ์ไร้เมล็ด :
เยลโล เบบี้ ไฮบริด (เนื้อเหลือง). เฟ็งซาน เบอร์ 1 ไฮบริด (ผลใหญ่ 7-8 กก., นัมเบอร์วัน ไฮบริด. ซี้ดเลส. ฟาร์มเมอร์ วันเดอร์ฟูล ไฮบริด. ควอริตี้ (เนื้อเหลือง).
หมายเหตุ :
- พันธุ์ที่ไม่ได้ระบุสีคือพันธุ์เนื้อแดง
- พันธุ์ “ตอปิโด” มีคุณสมบัติทนฝนหรือปลูกหน้าฝนได้ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ
- อายุเก็บเกี่ยวระหว่าง พันธุ์เบา-พันธุ์หนัก ต่างกันประมาณ 5-10 วันจึงไม่มีผลนักต่อแผนการปลูก
- สายพันธุ์ดั้งเดิมหรือนิยมปลูกกันมานานแล้ว เมื่อนำมาปลูกอีกสายพันธุ์มักผิดเพี้ยน เนื่องจากมีการผสมข้ามสายพันธุ์ไปมาโดยไม่รู้ตัวและไม่มีการควบคุมใดๆ

เตรียมเมล็ดพันธุ์
ทดสอบความสมบูรณ์เมล็ดโดยการแช่น้ำ คัดเมล็ดลอยออกทิ้ง นำเมล็ดจมขึ้นมาขลิบปลายด้านแหลมด้วยกรรไกตัดเล็บพอให้เปลือกนอกเปิด สารไคตินไคโตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริมจะซึมเข้าสู่ภายในเมล็ดทางช่องเปลือกที่ได้ขลิบเปิดไว้ ทำให้เมล็ดได้สะสมสารอาหารไว้ในตัวเองตั้งแต่งอกซึ่งจะส่งผลต่อต้นเมื่อโตขึ้นสมบูรณ์แข็งแรงดี

สารไคติเนส. ในไคตินไคโตซาน. มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับเมล็ดพันธุ์ได้ไม่ต่างจากสารเคมี การแช่เมล็ดในสารเคมีเพื่อกำจัดเชื้อโรคเท่ากับทำให้เมล็ดสะสมสารพิษซึ่งไม่ใช่สารอาหารไว้ในตัวเองตั้งแต่ก่อนเกิดนั่นเอง

2. นำเมล็ดที่ผ่านการแช่ในไคตินไคโตซานหรือธาตุรองธาตุเสริมครบกำหนดแล้ว ห่อด้วยผ้าชื้นต่ออีก 12-24 ชม. เมื่อเห็นว่าเริ่มมีรากงอกออกมาก็ให้นำไปปลูกต่อได้

เตรียมดิน ปลูกในถุง :
- เลือกดินขุยไผ่ มีเศษซาก ใบ/ราก/แห้ง/เก่า ผสมคลุกกับ ขุยมะพร้าวสับเล็ก ใบก้ามปูแห้ง ปุ๋ยอินทรีย์ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบแกลบดำ ให้เข้ากันดี รดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ให้ได้ความชื้น 50% ทำกอง อัดแน่น คลุมด้วยพลาสติกเพื่ออบความร้อน

- ระหว่างอบความร้อน ....
* ถ้าร้อน 40-60 องศา = ดี จุลินทรีย์มีประโยชนเจริญดี
* ถ้าร้อนน้อยกว่า หรือไม่ร้อนให้เพิ่มน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +ยูเรีย เพื่อเร่งกระบวนการจุลินทรีย์ ....
* ถ้าร้อนเกิน 60 องศา = ไม่ดี จุลินทรีย์มีประโยชน์ตาย แก้ไขด้วยการกลับพลิกกอง แล้ว หมักต่อไป
- ระหว่างการหมักแล้วเกิดความร้อน มีควันลอยขึ้นมา ตรวจสอบระดับอุณหภูมิ แล้วกลับกองเพื่อระบายความร้อนและให้อากาศแก่จุลินทรีย์ กลับกอง/กดแน่น/คลุมกอง แล้วร้อน ให้กลับกองระบายความร้อนอีก ทำซ้ำทุกครั้ง จนในกองไม่มีความร้อน ใช้มือล้วงเข้าไปในกองแล้วรู้สึกเย็น นั่นคือ “ดินปลูก” พร้อมใช้งาน

ข้อดีของการปลูกในถุง :
* ปลูกหน้าฝนหรือน้ำท่วมได้ โดยยกถุงขึ้นที่สูงหนีน้ำ
* ควบคุม ชนิด/ปริมาณ สารอาหารและน้ำได้เต็มที่
* ถุงไหนเป็นโรคทางดิน จะเสียหายเฉพาะ ถุง/ต้น นั้น ไม่ลามไปหาต้นอื่น
* ใช้งานปลูกรุ่นนี้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว เทดินปลูกออก ตากแดดฆ่าเชื้อโรค แล้วปรับปรุงใหม่ ใช้งานใหม่ได้อีก

เตรียมดินปลูกบนแปลง :
- ไถดิน ขี้ไถขนาดใหญ่ ตากแดดจัด 15-20 แดด ถ้าฝนตกให้ไถใหม่เริ่มนับ 1 ตากแดดใหม่
- ตากแดดดินครบกำหนด ใส่อินทรีย์วัตถุ ขุยมะพร้าวสับเล็ก ใบก้ามปูแห้ง ยิบซั่ม ปุ๋ยอินทรีย์ กระดูกป่น. ขี้วัวขี้ไก่แกลบเก่าแกลบดำ ผสมเข้ากันแล้วหว่านทั่วแปลง แล้วไถพรวนดีป่นดินให้ละเอียดมากๆ ปรับสันแปลงให้เป็นหลังเต่า คลุมหน้าแปลงด้วยฟางหนาๆ

- คลุมหน้าแปลงแล้วรดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 แล้วทิ้งไว้ 20-30 วัน
(ไม่ต้องปุ๋ยเคมี รองพื้น-แต่งหน้า-กระแทก-กระทุ้ง เพราะในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงมีแล้วอนาคตยังมีทางใบ ทั้งปุ๋ยเคมีและฮอร์โมนธรรมชาติ ให้อีก ที่สำคัญ ดินดี =ได้แล้วกว่าครึ่ง.... ดินไม่ดี = เสียแล้วกว่าครึ่ง...)
หมายเหตุ :
- ระยะเวลาจากให้น้ำหมักฯ 20-30 วัน เป็นการบ่มดิน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์เข้าทำการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุและปรับสภาพดิน

- น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงมีส่วนผสม "ปลาทะเล. กากน้ำตาล. เลือด. ขี้ค้าง คาว. ไขกระดูก. นม. น้ำมะพร้าว." หมักนานข้าม 1-2-3 ปี จากส่วน ผสมทุกอย่างเป็น "อินทรีย์" แท้ๆ ....

เมื่อเติม 30-10-10, แม็กเนเซียม, สังกะสี, ธาตุรอง/ธาตุเสริม ลงไปเป็น “เคมี” นี่คือ อินทรีย์เคมี ผสมผสาน

- อย่ากังวลว่าไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมี รองพื้น-แต่งหน้า-กระทุ้ง-กระแทก แล้วต้นแคนตาลูปจะไม่โต สาเหตุที่ไม่โตไม่ใช่เพราะปุ๋ยน้อย แต่เป็นเพราะ “ดิน” ยังไม่พร้อมจริง ....

ตราบใดที่ดินไม่ดี ดินไม่สมบูรณ์ ดินไม่มีอินทรีย์วัตถุ ดินไม่มีจุลินทรีย์ ดินเป็นกรด ต่อให้ใส่ปุ๋ยไร่ละกระสอบ สองสามกระสอบ ใส่ไร่ละตันต้นแคนตาลูปก็ไม่โต ตรงกันข้าม จะเล็กลงๆ ๆๆ เพราะ “ปุ๋ยเป็นพิษ-ดินไม่กินปุ๋ย”

- เกษตรกรอิสราเอล ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี กับอีกหลายประเทศที่มีเทคโนโลยีการ เกษตรสูงและมีความเข้าใจเรื่องพืชอย่างแท้จริง ปลูกไม้ผลตระกูลเถาอายุสั้นฤดูกาลเดียว เช่น แคนตาลูป แตงโม แตงกวา ฯลฯ ในถุง (ภาชนะปลูก) ด้วยดิน (วัสดุปลูก) ที่สามารถควบคุมชนิด/ปริมาณสารอาหาร/น้ำได้ และปลูกในโรงเรือนที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ (อิสราเอลร้อน-แล้ง...ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี หนาว)

เกษตรกรไทยไม่มีปัญหา ร้อน-หนาว-แล้ง จึงเหลือเพียงปัญหา “ดินหรือวัสดุปลูกและสารอาหาร” เท่านั้น การนำแนวทางบางอย่างของเกษตรกรในกลุ่มประเทศดังกล่าวมาประ ยุกต์ใช้บ้าง จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ปลูกในถุง :
1. เตรียมภาชนะปลูก
2. บรรจุวัสดุปลูก (ดินหมักชีวภาพสำเร็จรูป) ลงถุงให้เต็ม อัดแน่นพอประมาณ คลุมปากถุงด้วยหญ้าหรือฟางแห้งหนาๆ

ปลูกในถุงแบบให้เลื้อยไปบนพื้น 1 ถุง/ 4,5,6 ต้น ลงกล้าเป็นวงที่ปากถุงรอบปากถุง ระยะห่างเท่าๆกัน กล้าโตขึ้นมาแล้วจับเถาเลื้อยจากปากถุงลงพื้น แล้วจัดทิศทางให้แต่ละต้นเลื้อยออกรอบทิศรอบถุงไม่ให้เลื้อยทับซ้อนกัน....จัดระยะห่างระหว่างถุงปลูกห่างกันแบบว่า เมื่อเถาโตเต็มที่เลื้อยไปแล้วไม่ ชน/ซ้อน ซึ่งกันและกัน

ปลูกในถุงแบบให้เลื้อยขึ้นค้าง 1 ถุง/ 2,3 ต้น ขึงลวดคล้ายราวตากผ้าเหนือแนวแถวปลูก ผูกเชือกปอพลาสติกจากราวตากผ้าลงมาที่พื้นโคนต้นแตงโมที่ปากถุง (มีไม้หลักเล็กๆยึดปลายเชือกปักลงดิน) เมื่อเถาโตขึ้น ระยะแรกช่วยจัดปลายเถาให้เกาะเชือกปอก่อน เมื่อต้นโตเต็มที่จะเกาะเชือกปอเอง จัดให้เถาที่เลื้อยไปแล้วแล้วไม่ ชน/ซ้อน ซึ่งกันและกัน เมื่อแตงโมเป็นลูก ใช้ตาข่ายใส่ลูกแล้วแขวนกับลวดรวตากผ้า

การปลูกในถุงช่วยให้ประหยัดน้ำได้ดีที่สุด ให้น้ำเท่าที่แตงโมใช้จริง ไม่มีการ ราด/เท น้ำลงพื้นดินให้สูญเปล่า

ระบบให้น้ำ :
- กรณีปลูกในแปลงแล้วไม่มีระบบน้ำหยด เมื่อต้องการให้น้ำหรือสารอาหารทางรากสามารถทำได้โดยการปล่อยน้ำไปตามร่องระหว่างแปลงปลูก แล้วเพิ่มเติมด้วยน้ำพ่นฝอยจากสปริงเกอร์เหนือต้นฉีดพ่นน้ำลงพื้นเพื่อสร้างความชื้นหน้าดิน

- กรณีปลูกในถุงไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องอาศัยสปริงเกอร์เท่านั้น แม้แต่สปริงเกอร์แบบพ่นฝอยเหนือต้นก็ไม่เหมาะสม เพราะน้ำที่ผ่านปากถุงลงไปถึงดินปลูกไม่เพียงพอ ต้องใช้สปริงเกอร์พ่นฝอยเหนือต้น 1 หัว แล้วติดหัวสปริงเกอร์ที่ปากถุงอีกถุงละ 1 หัวเท่านั้น

- สปริงเกอร์กะเหรี่ยงลอยฟ้า ท่อ พีอี.เมตรละ 7.50 บาท หัวสปริงเกอร์แบบหัวผีเสื้อ หัวละ 50 ตังค์ ซื้อที่บ้านโป่ง ราชบุรี…

* ให้ทางใบทางรากแยกกัน ไร่ละ 3,000-3,500 ไม่รวมค่าแรง ติดตั้งถาวร ใช้งานได้ 10-20-30 ปี ....
* เลิกปลูกแตงโมเปลี่ยนเป็นปลูก พริกมะเขือ = ได้ ....
* เลิกปลูกในถุงเปลี่ยนเป็นปลูกบนพื้น = ได้ ....
* หม้อปุ๋ยหน้าโซนฉีดพ่นสารสมุนไพร ทุกวัน วันละ 3 เวลา
** เช้ามืด ตี.5 ...... ล้างน้ำค้าง ป้องกัน/กำจัด ราน้ำค้าง ราแป้ง ราสนิม
** เที่ยง ............. ให้ปุ๋ย +ไล่เพลี้ยไฟ
** ค่ำ ............... ไล่แมลงเข้าวางไข่ ทำลายไข่ฝ่อ กำจัดหนอน

ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อแตงโม
1. บำรุงระยะต้นเล็ก
ทางใบ :

- ให้ไบโออิ 25-5-5 + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1 ล.) + 25-7-7 (1-2 กก.) ละลายน้ำให้เข้ากันดี ให้โคนต้น ให้ครั้งเดียวถึงระยะสะสมตาดอก

- ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น
หมายเหตุ :
- ดินต้องมาก่อน ดินต้องพร้อมจริง ผสมดินปรุงดินแล้ว ต้อง “บ่ม หรือ มักกอง” ไม่น้อยกว่า 3-6 เดือน ....
(ส่วนผสมดิน : ดินขุยไผ่ รากไผ่มากๆ, ปุ๋ยอินทรีย์, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบแกลบดำ, ขุยมะพร้าวสับเล็ก, ใบก้ามปู, น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง. จุลินทรีย์หน่อกล้วย, จุลินทรีย์จาวปลวก, นมสด)

- เมื่อต้นเริ่มงอกขึ้นมาจากเมล็ดได้ 2-3 ใบ ควรมีหญ้าแห้งหรือฟางคลุมโคนต้น ป้อง กันแดดเผาหน้าดิน และรักษาความชื้นหน้าดินให้คงที่อยู่เสมอ

- เริ่มให้สารอาหารทางใบเมื่อได้ใบ 2-3 ใบแล้ว
- เมื่อต้นเจริญเติบโตได้ 4-5 ใบให้ตัดยอด จากนั้นต้นจะแตกยอดใหม่ 3-4 ยอด เรียกว่า “เถาแขนง” ให้บำรุงเลี้ยงเถาแขนงนี้ต่อไปตามปกติ เมื่อเถาแขนงทั้ง 3-4 นี้ยาวขึ้นให้จัดระเบียบเลื้อยเข้าหากลางแปลงโดยไม่ทับซ้อนบังแสงแดดซึ่งกันและกัน และเตรียมความพร้อมอื่นๆ ให้ดีเพราะจะต้องเอาผลผลิตจากเถาแขนงเหล่านี้

- เมื่อเถาแขนงโตขึ้นได้ความยาว 25-30 ซม. หรือ 20-25 วันหลังปลูก หรือเริ่มมีดอกแรก ให้พิจารณาเลือกเถาแขนงสมบูรณ์แข็งแรงที่สุดไว้ 3 เถาสำหรับเอาผล ส่วนอีก 1 เถาให้เลี้ยงไว้สำหรับช่วยสังเคราะห์อาหารแต่ไม่เอาผลโดยเด็ดดอกที่ออกมาทิ้งทั้งหมด

2. บำรุงระยะออกดอก :
ทางใบ :

- ให้ 15-30-15 + สารสมุนไพร 2 รอบ
- ให้ เอ็นเอเอ. 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสมุนไพร ทุก 3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1 ล.) + 25-7-7 (1-2 กก.) ละลายน้ำให้เข้ากันดี ให้โคนต้น ให้ครั้งเดียวถึงระยะสะสมตาดอก

- ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น
หมายเหตุ :
- ให้ก่อนวันเถาแขนงออกดอก 5-7 วัน
- จากเถาแขนงทั้ง 3 เถาที่เลี้ยงไว้เพื่อเอาผลนี้ เถาแขนงมักจะออกดอกพร้อมๆกัน โดยเริ่มออกดอกแรกตั้งแต่ข้อใบที่ 4-5 ซึ่งดอกชุดแรกนี้ให้เด็ดทิ้งทั้งหมด แล้วเริ่มไว้ผลแรกระหว่างข้อใบที่ 9-12 จำนวน 1 ดอก จากนั้นตามข้อใบต่อจากข้อเอาผลและข้อใบต่อๆไปจะมีดอกออกตามมาอีกทุกข้อ ก็ให้เด็ดทิ้งทั้งหมดอีกเช่นกัน ทั้งนี้ให้ไว้ผลเพียง 1 เถาแขนง/1 ผลเท่านั้น เพื่อ ให้ได้ผลคุณภาพสูงสุด

- แตงโมบางสายพันธุ์อาจจะไว้ผล 2-3 ผล/1 เถาแขนงได้ กรณีนี้ต้องไว้ผลให้ห่างกันโดยมีใบคั่นอย่างน้อย 4-5 ใบ/1 ผล การไว้ผลมากกว่า 1 ผล/1 เถาแขนง ต้องมีสารอาหารอย่างเพียงพอจึงจะได้ผลคุณภาพสูง

- นิสัยของแตงโมออกดอกเองเมื่อได้อายุ โดยต้นสมบูรณ์กว่าจะออกดอกดีกว่าต้นสมบูรณ์น้อยกว่าเท่านั้น การให้ฮอร์โมนเสริมเพียง 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ออกดอกดีและสมบูรณ์กว่าไม่ได้ให้เลย

3. บำรุง “ผลเล็ก-กลาง” :
ทางใบ :

- ให้ไบโออิ + ยูเรก้า + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5 วัน ฉีดพ่นพอปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสมุนไพรทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ปลูกในแปลง ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 (1 ล.) +21-7-14 (1-2 กก.) ละลายเข้ากันดี ให้โคนต้น ด้วยระบบให้น้ำที่ใช้
หมายเหตุ :
- หลังจากติดเป็นผลแล้วให้จัดระเบียบเถาและใบ อย่าให้ใบบังแสงแดดต่อผล กับทั้งให้มีวัสดุ (ฟาง หญ้าแห้ง) หนาๆรองรับผล เพื่อไม่ให้ผิวผลสัมผัสผิวดิน ถ้าผิวผลสัมผัสพื้นดินอาจจะมีเชื้อโรคเข้าทำลายผิวผลได้

4. บำรุง “ผลแก่” เก็บเกี่ยว
ทางใบ :

- ให้ไบโออิ 0-21-74 + สารสมุนไพร 1 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ให้อย่างละ 1 ครั้ง ก่อนเก็บ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ

- ฉีดพ่นสารสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- เปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้ 13-13-21 ละลายน้ำแล้วผ่านไปกับระบบน้ำที่ใช้งาน
หมายเหตุ :
- ก่อนเก็บเกี่ยวถ้าให้ทางใบด้วย 0-0-50 หรือ 0-21-74 เพียง 1 รอบแล้วงดน้ำ 2-3 วัน จะช่วยให้ได้ความหวานสูงขึ้น

- ก่อนเก็บเกี่ยว 10-15 วัน สำรวจผล ถ้าด้านใดไม่ได้รับแสงแดด (สีเปลือกขาวเหลือง)ให้พลิกผลด้านนั้นขึ้นรับแสงแดด เพื่อให้สีเปลือกเป็นสีเดียวกันทั่วทั้งผล....ด้านที่สีเปลือกขาวเหลืองเนื้อในจะมีคุณภาพไม่ดี
แตงโม

ประสบการณ์ตรง :
แตงโมที่ปลูกแบบปล่อยเถาเลื้อยไปบนพื้นนั้น ส่วนใหญ่ 1 กอ มักให้มี 2 ยอด แล้วไว้ผลยอดละ 1 ผล/ยอด
.... ช่วงแตงโมได้อายุต้นเริ่มออกดอก บำรุงทางใบด้วย "ฮม.ไข่" ทุก 4-5 วัน จะช่วยให้แตงโมออกดอกมากขึ้น หรือให้ 1 ครั้งได้ 1-2 ดอกเสมอ .... คู่กับให้ทางรากด้วย "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24" โดยฉีดอัดลงดินบริเวณโคนต้น ทุก 15-20 วัน

....ช่วงออกดอกแล้วควรงดการฉีดพ่นทางใบทุกชนิดช่วง 08.00-11.00 เพราะเป็นช่วงที่เกสรต้องการผสม หากฉีดพ่นอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้

.... การช่วยผสมเกสรด้วยมือ นอกจากช่วยให้การติดเป็นผลดีแล้วยังช่วยให้เป็นผลที่คุณภาพดีอีกด้วย
.... วิธีหลอกผึ้งให้ช่วยผสมเกสร เช้าราว 08.00 แดดจัดฟ้าสดใส ผึ้งจะออกหากินในแปลงแตงโม จงเดินเข้าไปทางหัวแปลงก่อน ถือกิ่งไม้ 2 มือ กางแขน 2 ข้าง ก้าวเดินช้าๆพร้อมกับโบกกิ่งไม้เบาๆ ผึ้งเห็นกิ่งไม้โบกไปมาจะบินขึ้นแล้วบินไปเกาะดอกแตงโมข้างหน้าใหม่ ก็ให้เดินช้าๆตามไปอีกสัก 3-5 ก้าว เท่ากับระยะที่ผึ้งบินไปก่อนล่วงหน้า โบกกิ่งไม้อีก ผึ้งก็จะบินขึ้นหนีไปข้างหน้าอีก ทำซ้ำไปเรื่อยๆหลายๆ รอบ จนสุดแปลงแล้วย้อนทำซ้ำ ตราบเท่าที่ผึ้งยังไม่หนีไปไหน

.... เถาเดียวที่มีหลายผล ควรเว้นระยะ 1 ผล /7-8 ใบ เพื่อให้แต่ละผลมีใบสำหรับสังเคราะห์อาหาร เทคนิคไว้ผลแบบนี้ต้องเด็ดดอกทิ้งตั้งแต่ออกมาใหม่ๆ โดยเลือกเด็ดทิ้งกับเลือกเก็บไว้

.... เถาเดียวมีหลายผล ระหว่างผลต่อผลให้ทำไม้โค้งงอรูปตัว ยู. กดเถาบริเวณข้อให้แนบผิวดินแล้วคลุมทับด้วยเศษดิน เศษหญ้าแห้ง ไม่นานที่ข้อจะมีรากงอกออกมา รากนี้จะดูดซับสารอาหารไปเลี้ยงผลที่อยู่ถัดไปทางปลายเถา ควรทำต่อทุกผล จะทำให้แต่ละผลมีรากส่วนตัวแทนที่จะรอรับสารอาหารจากรากที่โคนเถาเพียงรากเดียว

แตงโมไร้เมล็ด :
1. ปลูกแตงโม พันธุ์ไร้เมล็ด สลับแถวหรือสลับต้นกับ พันธุ์มีเมล็ด ลงไปก่อน การบำรุงต้นทั้งสองสายพันธุ์ เช่น เด็ดยอด - เลี้ยงยอด - ไว้ดอก เหมือนกันตามปกติ

2. เมื่อได้ดอกของทั้งสองสายพันธุ์แล้วให้นำ เกสรดอกตัวผู้ของต้นพันธุ์มีเมล็ดไปผสมให้กับ เกสรดอกตัวเมียของต้นพันธุ์ไร้เมล็ด ด้วยวิธี "ต่อดอก" ตามปกติ

3. เมื่อเกสรของดอกตัวเมียจากต้นพันธุ์ไร้เมล็ด ได้รับการผสมจากละอองเกสรตัวผู้ของต้นพันธุ์มีเมล็ดแล้ว ผลที่เกิดมาจะไร้เมล็ดตามดอกต้นแม่

หมายเหตุ :
- แตงโมไร้เมล็ดมีเมล็ดพันธุ์โดยเฉพาะจำหน่าย แต่ราคาแพงกว่าแตงโมมีเมล็ด
- การปฏิบัติบำรุงทุกขั้นตอนต่อแตงโมไร้เมล็ดเหมือนแตงโมมีเมล็ดทุกประการ
- แตงโมไร้เมล็ดไม่ได้หมายความว่าไม่มีเมล็ดเลยแม้แต่เมล็ดเดียว เพียงมีเมล็ดสีน้ำตาลน้อยมากและขนาดเล็ก เมล็ดส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดสีขาวอ่อนนิ่ม เคี้ยวรับประทานได้เลย

***** การปฏิบัติบำรุงทุกขั้นตอนเหมือนแตงโมกินเนื้อทุกประการ *****

----------------------------------------------------------------------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©