-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 16 ส.ค. * เรื่องทุเรียนแบบครบวงจร
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 16 ส.ค. * เรื่องทุเรียนแบบครบวงจร
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 16 ส.ค. * เรื่องทุเรียนแบบครบวงจร

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 15/08/2022 5:40 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 16 ส.ค. * เรื่องทุเรียนแบบครบวงจร ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 16 ส.ค.

***********************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ

เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***

งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ..... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ...... ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน . ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา

** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

- งานสีสันสัญจรวันเสาร์ วันที่ 20 ส.ค.. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปวัดท่าตำหนัก ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) แยกนครชัยศรี นครปฐม.... งานนี้ ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม ไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม....


****************************************************************
****************************************************************

จาก : (083) 716-81xx
ข้อความ : รู้ทุเรียนรู้กระจ่างแต่อย่างเดียว ขอความรู้เรื่องทุเรียนแบบครบวงจร สไตล์ลุงค่ะ

จาก : (096) 271-64xx
ข้อความ : ปุ๋ยคืออาหารของพืช อยากรู้เรื่องปุ๋ยสำหรับทุเรียนครับ

จาก : (083) 618-37xx
ข้อความ : ทุเรียนสายพันธุ์ไหนที่แปลกสำหรับคนกิน

จาก : (094) 287-19xx
ข้อความ : ทุเรียนราคาแพงที่สุดคือทุเรียนนอกฤดู เกรด เอ จัมโบ้

จาก : (086) 419-63xx
ข้อความ : ลุงครับ ทุเรียนพูหลอกแก้ยังไง ให้ปุ๋ยฮอร์โมนตัวไหน

จาก : (092) 276-91xx
ข้อความ : ขอสูตรผสมเกสรทุเรียนครับ

จาก : (089) 729-61xx
ข้อความ : สงสัยมานาน ทำไมไร่กล้อมแกล้มไม่ปลูกทุเรียน

จาก : (063) 723-01xx
ข้อความ : ทุเรียน ในฤดูนอกฤดูไม่สำคัญ ขอให้เกรด เอ. จัมโบ้. รสจัดจ้าน ไม่พอขายครับ

จาก : (099) 289-15xx
ข้อความ : ทุเรียนพูหลอก เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร

บ่น :
รายการสีสันชีวิตไทย หนังสือในเครือเกษตรใหม่ 2 สื่อตัวนี้นำเสนอเรื่องพืชอย่างเดียว เรื่องพืชที่นำเสนอ ทุเรียน กับ นาข้าว มีข้อมูลนำเสนอมากที่สุดในบรรดาพืชด้วยกัน ทั้งนี้เพราะเกษตรกรนาข้าว คือ กลุ่มใหญ่ที่สุด กับทุเรียนผลไม้ที่ราคาดีที่สุด

ทุกอย่างทุกหัวข้อที่นำเสนอมี “หลักการและเหตุผล” ปลูกพืชตามใจพืชไม่ใช่ตามใจคน ทำกิน ทำใช้ ทำขาย ต้องยึดหลัก “ผลผลิตเพิ่ม (ปริมาณ-คุณภาพ) ต้นทุนลด (ซื้อ-ทำเอง) อนาคตดี (คนซื้อ-คนกิน จองล่วงหน้า)

วันนี้คือคำตอบ ที่นี่จับทุเรียนมานานร่วม 20 ปี ตั้งแต่ราคาไม่แพง วันนี้ราคาทะลุฟ้า เหมือนจะรู้ล่วงหน้า ประมาณนั้น เฉพาะทุเรียนอย่างเดียวมีคำถามมามากที่สุด ในบรรดาคำถามทั้งหมดที่เคยมีคนถามมา

ก็ให้น่าสงสัย ราคาหน้าสวน ทุเรีน กก.ละ 100 แต่เงาะ มังคุด อยู่ในสวนเดียวกันราคาหน้าสวนแค่ กก.ละ 10 บาท

กระแสร์เกษตรวันนี้ ราคาทุเรียนแพงกะฉูด มะม่วงคนกินน้ำดอกไม้พันธุ์เดียว อะไรเป็นแรงจูงใจ ต่อไปนี้สินค้าเกษตรอะไรจะเกิดกระแสร์แบบนี้อีกไหม

แปลกที่คนกิน ไม่ใช่คนปลูก.....



ตอบ :

คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม :

ทุเรียน :
ลักษณะทางธรรมชาติ :

- เป็นผลไม้ที่ได้รับสมญานามว่า “ราชาแห่งผลไม้” มิใช่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แม้ต่างประเทศก็ยอมรับ อันเนื่องมาจากรสชาติและคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ต่างจากำผลไม้อื่นๆนั่นเอง จากสมญานามนี้ได้กลายมาเป็นเสน่ห์ที่ไม่เคยจืดจางลงเลย

- แผงขายผลไม้ของฝากเยี่ยมคนป่วยหน้าวชิรพยาบาล กทม. วันดีคืนดีจะมีทุเรียนใส่สาแหรกแขวนโชว์หน้าร้านพร้อมกับป้ายบอกราคา 1,500-2,000 บาท กำกับ ที่น่าสงสัยมากก็คือ สนนราคาแพงระดับนี้ถ้าไม่มีคนซื้อ ร้านค้าคงไม่นำมาขายแน่และต้องมั่นใจว่าขายได้จึงตั้งราคาจนแพงลิบลิ่ว กับสงสัยอยู่นิดๆว่า ช่วงเวลานั้นไม่ใช่ฤดูกาลทุเรียน แล้วเขาเอามาจากไหน คงไม่ใช่นำเข้าจากต่างประเทศแน่ และ ทุเรียนก้านยาว. หมอนทอง. ลวง. กบ. ชะนี. จากหลายสวนย่านนนทบุรี ราคาหน้าสวนผลละ 1,500-2,500 บาท ผลผลิตทุกปีจะมีขาประจำจองล่วงหน้า ทั้งนี้เพราะผู้ซื้อมั่นใจในคุณภาพนั่นเอง

- เป็นไม้ผลยืนต้นทรงพุ่มกว้างสูงใหญ่อายุยืนนับร้อยปี ปลูกได้ทุกภาคของประเทศ ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดี ในเขตภาคกลาง กทม. นนทบุรี นครนายก .... เขตภาคตะวันออก ปราจีนบุรี ระยอง ตราด จันทบุรี .... เขตภาคใต้ ชุมพร พังงา นครศรีธรรมราช สงขลา .... ภาคเหนือ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก .... แม้แต่ศรีสระเกษ. กาญจนบุรี. ก็ปลูกทุเรียนได้ดี

- ชอบเนื้อดินหนา ลึก 1.5-2 ม. ระดับน้ำไต้ดินลึก ถ้าระดับน้ำใต้ดินตื้น เมื่อรากเจริญยาวลงไปถึงน้ำจะเกิดอาการใบไหม้แห้ง ต้องใช้ระยะเวลานานจึงจะแตกใบชุดใหม่ ไม่นานใบชุดใหม่ก็จะไหม้แห้งอีก เป็นอย่างนี้จนกระทั่งยืนต้นตาย .... แนวทางแก้ไข ให้ปลูกต้นตอด้วยการเพาะเมล็ด เสริมราก เมื่อต้นตอและต้นรากเสริมเจริญเติบโตดีแล้วจึงเปลี่ยนยอดเป็นพันธุ์ดี กรณีนี้รากแก้วจากต้นตอและรากแก้วจากต้นเสริมรากจะช่วยแก้ปัญหาระดับน้ำไต้ดินตื้นได้

- ชอบน้ำสะอาด เมื่อคิดจะปลูกทุเรียนต้องแน่ใจว่ามีน้ำสะอาดสำหรับทุเรียนตลอดไป ทุเรียนนนทบุรีส่วนใหญ่ยืนต้นตายเพราะสาเหตุน้ำเสียจากโรงงานหรือชุมชน

- ชอบแสงแดด 100% การตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่งจนแสงแดดส่องได้ทั่วภายในทรงพุ่มสามารถช่วยกำจัดเชื้อราที่เกาะกินเปลือกลำต้นทำให้เปลือกสะอาด .... ออกดอกที่ใต้ผิวเปลือกสะอาด ไม่มีเชื้อราจับ จะทำให้ได้ดอกสมบูรณ์ แต่หากมีเชื้อราเกาะจับตามผิวเปลือก เชื้อราก็จะแย่งอาหารจากตาดอกทำให้ดอกไม่ออกหรือออกมาก็ไม่สมบูรณ์

- เป็นไม้ผลที่มีระบบรากหาอาหารตื้นโดยอยู่ลึกจากผิวดินประมาณ 20-30 ซม. จึงต้องการช่วงแล้วเพื่อให้เกิดสภาพเครียดก่อนออกดอกไม่นานนัก ต้นทุเรียนที่สมบูรณ์มีใบยอดแก่ ผ่านช่วงแล้งเพียง 10-14 วัน และมีอากาศหนาวเย็นลงเล็กน้อย ทุเรียนจะออกดอก

ระยะพัฒนาของดอก (ระยะไข่ปลา-ดอกบาน) ใช้เวลาประมาณ 55-60 วัน

ระยะพัฒนาของผล (จากดอกบาน-เก็บเกี่ยว) แตกต่างกันในแต่ละพันธุ์ เช่น กระดุม 12-13 สัปดาห์ หรือประมาณ 90 วัน ชะนี 15-16 สัปดาห์ หรือประมาณ 110 วัน หมอนทอง 18-19 สัปดาห์ หรือประมาณ 130 วัน

อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษาผลผลิต 14-16 องศา ความชื้นสัมพัทธ์ 85-95 % เก็บรักษาทุเรียนได้นานประมาณ 2 สัปดาห์ ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 14 องศา จะเกิดอาการ chilling injury

* ฤดูกาลของผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออก คือ เมษายน – มิถุนายน
* ฤดูกาลของผลผลิตทุเรียนภาคใต้ คือ มิถุนายน - สิงหาคม

- ทุเรียนอยู่คู่กับทองหลาง (พืชตระกูลถั่ว)ได้ดีมาก ให้ปลูกทองหลางแซมแทรกระหว่างต้น ช่วงแรกเพื่อใช้ทองหลางเป็นพี่เลี้ยง เมื่อทุเรียนโตขึ้นก็ให้พิจารณาตัดกิ่งใบทองหลางออกบ้างเพื่อไม่ให้บังแสงแดดทุเรียน .... รากทองหลางสามารถตรึงไนโตรเจนไปไว้ในตัวเองได้ เมื่อรากทองหลางอยู่กับรากทุเรียน ทำให้ทุเรียนได้ไนโตรเจนจากรากทองหลางไปด้วย

- ต้นที่อายุมาก เปลือกแก่ผุเปื่อยเป็นแหล่งแหล่งอาศัยของเชื้อรา ใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพหรือจุลินทรีย์หน่อกล้วยฉีดพ่นบ่อยๆ จะช่วยให้เปลือกเก่าหลุดร่อน แล้วเกิดเปลือกใหม่สมบูรณ์และดีขึ้นกว่าเดิม

- เป็นผลไม้ที่มีจำนวนสายพันธุ์มากที่สุดชนิดหนึ่ง ปัจจุบันเท่าที่มีผู้รวบรวมไว้ได้หลายร้อยสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมจริงๆ ได้แก่ หมอนทอง. ก้านยาว. ชะนี. รวง. กบ. กระดุม. ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีรสชาติดีถูกรสนิยมคนกิน ในขณะที่อีกหลายร้อยสายพันธุ์ก็ไม่ใช่ว่าจะรสชาติไม่ดี เพียงแต่ขาดหรืออ่อนประชาสัมพันธ์ไปบ้างเท่านั้น ใครอยากรู้ว่าทุเรียนพันธุ์อื่นๆอร่อยหรือไม่อร่อย อย่างไรก็น่าจะลองเลียบๆ เคียงๆ ถามคนปลูกเอาเอง

- สายพันธุ์ยอดนิยมที่ออกดอกพร้อมกันแล้วกลายเป็นผลแก่ให้เก็บเกี่ยวได้ไม่พร้อมกัน ได้แก่ กระดุม-ชะนี-หมอนทอง ตามลำดับ .... สายพันธุ์เดียวกันแต่ต่างพื้นที่กันก็ออกดอกติดผลแล้วแก่เก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดไม่พร้อมกัน โดยทุเรียนภาคตะวันออกแก่ก่อนแล้วตามด้วยทุเรียนภาคกลาง (กทม. นนทบุรี) ปิดท้ายด้วยทุเรียนภาคใต้ ....

- สายพันธุ์ทุเรียนของไทยมีมากถึง 227 พันธุ์ สามารถจำแนกเป็นกลุ่มได้ 6 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มกบ :
ประกอบด้วย 46 พันธุ์ เช่น กบชายน้ำ กบตาขำ กบแม่เฒ่า กบตาสาย
2. กลุ่มลวง : ประกอบด้วย 12 พันธุ์ เช่น อีลวง ชะนี แดงรัศมี
3. กลุ่มก้านยาว : ประกอบด้วย 8 พันธุ์ เช่น ก้านยาววัดสัก ก้านยาวพวง
4. กลุ่มกำปั่น :
ประกอบด้วย 14 พันธุ์ เช่น กำปั่นตาแพ กำปั่นเนื้อขาว กำปั่นพวง หมอนทอง
5. กลุ่มทองย้อย : ประกอบด้วย 14 พันธุ์ เช่น ทองย้อยเดิม ทองย้อยฉัตร
6. กลุ่มเบ็ดเตล็ด : เป็นกลุ่มทุเรียนที่ยังไม่สามารถจำแนกกลุ่มไม่แน่ชัด ประกอบด้วย 81พันธุ์

* ทุเรียนพันธุ์เบา (ชะนี. กระดุม. ลวง.) ออกดอกต้น ธ.ค. เก็บเกี่ยวหลังดอกบาน 163-165 วัน
* ทุเรียนพันธุ์กลาง (ก้านยาว. กบ.) ออกดอกพร้อมพันธุ์เบา เก็บเกี่ยวหลังดอกบาน 122-130 วัน
* ทุเรียนพันธุ์หนัก (ทองย้อย. อีหนัก. กำปั่น. หมอนทอง.) ออกดอกพร้อมกันพันธุ์เบา เก็บเกี่ยวหลังดอกบาน 140-150 วัน

- ให้ “น้ำ 100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 30-50 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.” ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น ช่วงเดือน พ.ค.- มิ.ย. ทุก 15-20 วัน จะช่วยทุเรียนออกดอกก่อนกำหนด 1-1 เดือนครึ่งได้ ทั้งนี้ต้นต้องผ่านการเตรียมต้นมาอย่างดีและมีความสมบูรณ์สะสมสูง .... เคสนี้ คุณจะทำได้ต้องมีเทคโนโลยีเครื่องทุ่นแรง (ตัวอย่าง สปริงกอร์/หม้อปุ๋ย)

- ต้นอายุมากๆ ผลที่ติดต่ำๆ กับผลที่ติดชิดโคนกิ่งจะมีคุณภาพดีกว่าผลที่ติดสูงๆ หรือค่อนไปทางปลายกิ่ง (ลูกยอด) โดยผลที่อยู่ต่ำกับชิดโคนกิ่งจะได้รับอาหารที่ต้นลำเลียงส่งไปให้ก่อนที่เหลือจึงจะผ่านไปให้ผลที่อยู่ถัดไป ทำให้ผลที่อยู่สูงมากๆ หรือสูงสุดได้รับธาตุอาหารน้อย แนวทางแก้ไขสามารถทำได้ ดังนี้...

* ต้นสูงมาก 8-10 ม. ขึ้นไป เพิ่มปริมาณธาตุอาหารโดยให้ทางใบด้วยการติดตั้งสปริงเกอร์ในทรงพุ่มและเหนือยอดสูงสุดของต้น เมื่อให้ “น้ำ+ปุ๋ยทางใบ+ธาตุรอง/ธาตุเสริม+ฮอร์โมน” ผ่านสปริงเกอร์พอเปียกใบหรือให้จนโชกแล้วตกลงพื้นที่โคนต้นก็ถือเป็นการให้น้ำตามปกติได้ด้วย

* ตัดต้น (ยอดประธาน) เพื่อควบคุมความสูง และตัดกิ่งประธานเพื่อควบคุมความกว้างของขนาดทรงพุ่มแล้วสร้างใบใหม่ก็จะได้ต้นที่มีขนาดและรูปทรงตามต้องการ การตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดทรงพุ่มตั้งแต่ทุเรียนมีอายุต้นยังน้อยจะส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของต้นและคุณภาพของผลผลิตระยะยาว

- เคยมีผู้เปรียบเทียบระหว่างต้นสูงมากๆ ตามธรรมชาติกับต้นควบคุมความสูงไว้ที่ 5 ม. ด้วยการตัดแต่งตั้งแต่แรก ทราบว่า .... ต้นมีความสูงมากๆตามธรรมชาติ ผลที่ติด ณ ความสูง 1 ใน 3 ของความสูงต้นจากพื้นทุกผลจะเป็นผลที่มีคุณภาพดี ส่วนผลที่ติดในบริเวณความสูง 2 ใน 3 ของต้นที่เหลือจะไม่ดี หรือในต้นทุเรียนที่มีความสูงมากๆตามธรรมชาติจะให้ผลดีมีคุณภาพเพียง 1 ใน 3 ของผลทั้งต้นเท่านั้น .... ต้นที่มีการควบคุมความสูง 3-4 ม. ทรงพุ่มกว้าง 5-6 ม. ให้ปริมาณผลดกกว่าและคุณภาพเหนือกว่าต้นสูงตามธรรมชาติ

- ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรครากเน่าโคนเน่า (ไฟธอปเทอร่า) สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ คือ น้ำขังค้างโคนต้น ดินเหนียวจัดระบายน้ำไม่ดี อุ้มน้ำมากเนื่องจากฝนตกชุก สะสมยาฆ่าหญ้าและสารเคมีจำกัดโรคและแมลง

- รากฝอยหาอาหารอยู่ที่หน้าดินตื้นๆ (รากลอย) จึงควรพูนโคนต้นด้วยอินทรีย์วัตถุหนาๆ กระจายเต็มพื้นที่ทรงพุ่มปีละ 1 ครั้ง หลังจากคลุมโคนต้นด้วยอินทรีย์วัตถุหนาๆจะพบว่ามีรากทุเรียนจำนวนมากเจริญแทรกอยู่ในอินทรีย์วัตถุนั้น เป็นรากที่สมบูรณ์ ใหญ่ อวบ ดีมาก

- การบำรุงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาด้วย “แคลเซียม โบรอน + เอ็นเอเอ. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม” ด้วยการฉีดพ่นทางใบ 2-3 รอบจนกระทั่งดอกบาน วิธีนี้จะได้ประสิทธิภาพสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อก่อนเปิดตาดอกมีการบำรุงด้วยปุ๋ยทางดินสูตร 8-24-24 และ “ธาตุอาหารกลุ่มสร้างดอกบำรุงผล” อย่างเพียงพอจนปรากฏอาการอั้นตาดอกเต็มที่จริงๆ นอกจากนี้อุณหภูมิช่วงแทงช่อดอกก็เป็นปัจจัยประกอบที่สำคัญด้วย

- การตัดแต่งช่อดอกมีส่วนสำคัญ เนื่องจากต้นสมบูรณ์เต็มที่มักออกดอกรุ่นละจำนวนมาก แต่ดอกกลายเป็นผลจริงๆได้ไม่ถึง 10% ดังนั้นจึงควรมีแผนการตัดแต่งช่อดอกออกทิ้งบ้าง 1-2 รอบ โดยตัดแต่งรอบแรกให้เหลือไว้เพียง 50% และตัดแต่งรอบสองก่อนการผสมเกสรอีก 25% หลังจากตัดแต่งรอบสองไปแล้วจะเหลือเพียง 10% หรือน้อยกว่าของดอกที่เหลือจากการตัดแต่งรอบสอง ทั้งนี้การมีดอกน้อยๆจะทำให้ดอกที่เหลือได้รับธาตุอาหารเต็มที่ ส่งผลให้ได้ดอกที่สมบูรณ์

- ดอกที่ออกมาจำนวนมากให้พิจารณาตัดทิ้งดอกอยู่ชิดกับลำต้น หรือดอกบนกิ่งมุมแคบกับลำต้นหรือดอกอยู่กับกิ่งเล็ก ทั้งนี้ควรตัดตั้งแต่ก่อนดอกบาน 2-3 สัปดาห์

- ดอกบานและพร้อมผสมเกสรได้ในช่วงกลางคืน การช่วยผสมเกสรด้วยแมลงจึงเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะแมลงประเภทช่วยผสมเกสรมักออกหากินเฉพาะตอนกลางวัน เช่น ผึ้ง. ผีเสื้อสวยงาม. ดังนั้นตอนค่ำหรือกลางคืนจะมีก็แต่ชันโรงเท่านั้นที่อาจจะเข้ามาช่วยผสมเกสรได้ ส่งผลให้การผสมติดตามธรรมชาติจึงมีเพียงสายลมพัดเป็นหลักเท่านั้น นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทุเรียนติดเป็นผลน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนดอกที่ออกมาในแต่ละรุ่น

- วิธีช่วยผสมเกสรทุเรียนด้วยมือทำได้โดยใช้พู่กันขนอ่อนป้ายเกสรตัวผู้จากดอกตัวผู้ แล้วป้ายใส่เกสรตัวเมียของต้นพันธุ์ที่ต้องการให้ติดผล ก่อนป้ายเกสรตัวผู้ใส่เกสรตัวเมียควรตัดเกสรตัวผู้ของดอกที่จะรับการป้ายเกสรออกก่อนเพื่อป้องกันการได้รับเกสรตัวผู้ซ้ำซ้อน การเก็บเกสรตัวผู้และการป้ายเกสรต้องทำในช่วงเวลา 19.30-20.30 น. (20.00 น. ดีที่สุด) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกสรทั้งสองพร้อมผสม .... ช่วงดอกระยะหัวกำไล (15 วันก่อนดอกบาน) ควรบำรุงดอกด้วย “เอ็นเอเอ.+ สาหร่ายทะเล + แคลเซียม โบรอน” 1 ครั้ง จะช่วยให้เกสรทั้งสองสมบูรณ์แข็งแรงผสมติดดีขึ้น

- ดอกชะนีมีเปอร์เซ็นต์ติดเป็นผลค่อนข้างต่ำ และช่วงเป็นผลอ่อนก็เจริญเติบโตช้า แก้ไขโดยตัดแต่งช่อดอกให้เหลือเฉพาะกลุ่มกลางกิ่ง และควรให้เหลือไว้มากกว่าหมอนทอง

- ผลที่เกิดจากการเกสรในดอกเดียวกันผสมกันเองมักมีลักษณะบิดเบี้ยว คดงอ เป็นพูหลอก และแคระแกร็น ส่วนผลที่เกิดจากการช่วยผสมด้วยมือมักเป็นผลที่สมบูรณ์และคุณภาพดี

- เกสรตัวผู้มีก้านเกสรสั้นกว่าก้านเกสรตัวเมีย .... เกสรตัวผู้มีสีขาวแต่เกสรตัวเมียมีสีเหลือง เกสรทั้งสองมักพร้อมผสมในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน โดยเกสรตัวเมียจะมีความพร้อมก่อนเกสรตัวผู้พร้อมทีหลัง ซึ่งช่วงเวลาพร้อม ก่อน-หลัง นี้ห่างกันไม่เกินครึ่งชั่วโมง ....การใช้เกสรตัวผู้กับเกสรตัวเมียต่างสายพันธุ์ผสมกันจะได้ผลดีกว่าใช้เกสรตัวผู้ตัวเมียสายพันธุ์เดียวกันผสมกัน ยกเว้นหมอนทองที่ใช้เกสรตัวผู้กับเกสรตัวเมียพันธุ์เดียวกันแต่ต่างต้น หรือในต้นเดียวกันแต่ต่างดอกกัน หรือในดอกเดียวกันผสมกันได้

- ดอกทุเรียนบานพร้อมรับการผสมช่วงกลางคืน (หัวค่ำ) สัตว์ธรรมชาติที่สามารถช่วยสมเกสรให้แก่ทุเรียนได้จึงมีเพียงค้างคาวกินน้ำหวานในดอกไม้เท่านั้น

- ขั้นตอนพัฒนาการของดอกทุเรียน 9 ระยะ คือ
1. ระยะไข่ปลา.
2. ระยะตาปู.
3. ระยะเหยียดตีนหนู.
4. ระยะกระดุม.
5. ระยะมะเขือพวง.
6. ระยะหัวกำไล.
7. ระยะดอกขาว.
8. ระยะดอกบาน. และ
9. ระยะปิ่น (ไม้กลัดหรือหางแย้).

- ช่วงดอกระยะมะเขือพวง ถึง หัวกำไล ฉีดพ่น “เอ็นเอเอ. อัตรา 10-20 ซีซี./น้ำ 100 ล.” ให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น สามารถช่วยลดการร่วงของดอกได้ดี

วิธีผสมเกสรทุเรียน :
ถ้าเกสรทุเรียนผสมกันเองตามธรรมชาติ ถามว่า จะเกิดอะไรขึ้น ?
1. ทุเรียนจะติดผลน้อย โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์ชะนี จะติดผลไม่เกิน 3% และพันธุ์ก้านยาวจะติดผลไม่เกิน 7%

2. ทุเรียนมักจะติดผลปลายกิ่งหรือกิ่งเล็ก ทำให้การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยวลำบากต้องมีการโยกกิ่ง มักทำให้กิ่งฉีกหักได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีลมพายุ หรือฝนตกหนัก จากสาเหตุ 2 ประการนี้ หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้การปลูกทุเรียนได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

การแก้ไข :
การนำเทคนิคการผสมเกสรทุเรียนมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการติดผลของทุเรียนจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้การติดผลของทุเรียนเกิดขึ้นได้ช้า เร็ว หรือมีขนาดของผลเท่า ๆ กัน และมีคุณภาพดีได้ด้วยนั้น เพียงใช้ขั้นตอนการปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้

ขั้นตอนการผสมเกสรทุเรียน :
1. เวลา 09.00-12.00 น. ใช้กรรไกรเล็กตัดแต่งดอกพันธุ์แม่ให้เหลือเฉพาะดอกขาว และตัดเกสรตัวผู้ออกทิ้ง หลังจากนั้นใช้ถุงผ้าขาวบางคลุมดอกขาวพันธุ์แม่ไว้

2. เวลา 19.00-19.30 น. เก็บละอองเกสรตัวผู้ของพันธุ์พ่อ โดยใช้กรรไกรเล็กตัดเฉพาะอับละอองเกสรตัวผู้ที่แตกใส่ไว้ในขวดหรือกระบอกพลาสติก ละอองเกสรนี้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งจะมีลักษณะเป็นละอองสีขาวเกาะติดอยู่กับอับละอองเกสร

3. เวลา 19.30 น. เริ่มทำการผสมเกสร ใช้ปลายพู่กันแตะละอองเกสรตัวผู้ แล้วนำไปแตะที่ยอดเกสรตัวเมียพันธุ์แม่ ซึ่งดอกเกสรพันธุ์แม่นี้จะมีลักษณะดอกกลม สีเหลือง แล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางไว้ตามเดิม ผูกป้ายบันทึก เขียนชื่อพันธุ์ วัน เดือน และ ปีที่ทำการผสมเกสร

กิ่งทุเรียน ในแต่ละต้นมักจะมีระดับความสูงต่ำต่างกัน จึงแนะนำให้ปฏิบัติด้วยวิธีการดังนี้
วิธีผสมเกสรกิ่งระดับต่ำ :
1. ตัดดอกทุเรียนที่กำลังบาน และพร้อมที่จะผสมเกสรของพันธุ์พ่อ เวลา 19.00-19.30 น. ไปทำการผสมเกสร โดยให้ส่วนของอับเกสรตัวผู้ที่มีละอองเกสรตัวผู้สีขาวไปแตะกับยอดเกสรตัวเมียพันธุ์แม่

2. ตัดเฉพาะชุดของเกสรตัวผู้พันธุ์พ่อ โดยใช้มือจับก้านเกสรตัวผู้ ซึงที่ปลายก้านจะมีอับละอองเกสรตัวผู้เกาะอยู่ แล้วนำไปแตะกับยอดเกสรตัวเมียพันธุ์แม่

3. ตัดเฉพาะอับละอองเกสรตัวผู้ ที่มีละอองเกสรสีขาวเกาะอยู่ภายในดอกพันธุ์พ่อ ใส่ขวด แล้วใชปลายพู่กันแตะละอองเกสรตัวผู้ นำไปแตะที่ยอดเกสรตัวเมียพันธุ์

วิธีผสมเกสรกิ่งระดับสูง :
1. เก็บละอองเกสรตัวผู้พันธุ์พ่อ ใส่ขวดผูกเชือกแล้วคล้องคอ ซึ่งเกษตรกรจะต้องทำการปีนขึ้นต้นทุเรียน แล้วใช้ปลายพู่กันแตะละอองเกสรตัวผู้ในขวด ไปแตะที่ยอดเกสรตัวเมียพันธุ์แม่

2. เก็บละอองเกสรตัวผู้พันธุ์พ่อใส่ในกระป๋องพลาสติก แล้วใช้แปรงขนอ่อนต่อด้ามไม้ยาว ใช้ปลายแปลงแตะละอองเกสรตัวผู้ในกระป๋อง นำไปแตะที่ยอดเกสรตัวเมียพันธุ์แม่ วิธีนี้ไม่ต้องปีนขึ้นไปผสมเกสรบนต้นทุเรียน ในกรณีต้นพันธุ์พ่ออยู่ใกล้กับต้นพันธุ์แม่ ไม่ว่าจะเป็นกิ่งต่ำหรือกิ่งสูง สามารถใช้แปรงขนอ่อนแตะละอองเกสรตัวผู้พันธุ์พ่อ แล้วนำไปแตะที่ยอดเกสรตัวเมียพันธุ์แม่ได้เลย

คู่พันธุ์ที่เหมาะสมในการผสมเกสร :
การเลือกคู่พันธุ์ทุเรียนที่เหมาะสมสำหรับการผสมเกสรเพื่อให้ทุเรียนติดได้ผลดี สามารถเลือกจากคู่พันธุ์ที่เหมาะสมได้ดังนี้

- เกสรตัวผู้พันธุ์ หมอนทอง และ/หรือ ก้านยาว ผสมกับ พันธุ์แม่ชะนี
- เกสรตัวผู้พันธ์ หมอนทอง และ/หรือ ชะนี ผสมกับ พันธุ์แม่ก้านยาว
- เกสรตัวผู้พันธุ์ หมอนทอง และ/หรือ ชะนี ผสมกับ พันธุ์แม่อีหนัก
- เกสรตัวผู้พันธุ์ หมอนทองต่างต้น และ/หรือ ชมพูศรี ผสมกับ พันธุ์แม่หมอนทอง
- เกสรตัวผู้พันธุ์ ชะนี และ/หรือ ชมพูศรี ผสมกับ พันธุ์แม่กระดุม

คำว่า และ/หรือ หมายถึง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง ผลทุเรียนที่เกิดจากการผสมเกสรตัวเมียเป็นพันธุ์อะไร เมื่อโตขึ้นผลจะเป็นพันธุ์นั้น โดยไม่มีอาการกลายพันธุ์หรือเพี้ยนพันธุ์ นอกจากนี้การช่วยผสมเกสรยังทำให้ผลมีรูปทรงดีไม่บิดเบี้ยวเพราะเกิดจากเกสรที่แข็งแรงผสมกัน

ผลทุเรียนที่เกิดจากการผสมเกสร :
ผลทุเรียนที่ได้จากการใช้เทคนิคผสมเกสรนั้นจะสังเกตได้ 2 ลักษณะดังนี้
ลักษณะภายนอก :
- การเจริญเติบโตของผลทุเรียนจะเร็วกว่าการผสมเกสรกันเองตามธรรมขาติ
- รูปทรงของผลสวยงามไม่บิดเบี้ยว พูเต็มเกือบทุกพู

ลักษณะภายใน :
- ลักษณะเนื้อทุเรียน สีเนื้อทุเรียน รสชาติไม่แตกต่างจากทุเรียนที่ผสมเกสรกันเองตามธรรมชาติ
- ในแม่พันธุ์ชะนี จะได้พูเต็ม และจำนวนพูต่อผลมากขึ้น
- ในแม่พันธุ์กระดุมทอง จะได้เมล็ดลีบตั้งแต่ 29-55%
- ในแม่พันธุ์หมอนทอง จะได้ความหนาของเนื้อมากตั้งแต่ 1.9-2.78 ซม. และมีเมล็ดลีบตั้งแต่ 40-59%

ประโยชน์ที่ได้รับ :
1. กำหนดตำแหน่งติดผล ตามกิ่งขนาดใหญ่ หรือกิ่งในระดับต่ำได้
2. ช่วยให้ทุเรียนติดผลดีขึ้น
3. ช่วยในการปฏิบัติและดูแลรักษาสวนทำได้สะดวก
4. กำหนดวันเก็บเกี่ยวได้ และเก็บเกี่ยวได้ง่าย
5. ทำให้ผลทุเรียนแก่ใกล้เคียงกัน หรือพร้อมกัน
6. รูปทรงผลสวยงาม พูเต็มเกือบทุกพู น้ำหนักและขนาดผลดี
7. ลักษณะคุณภาพของเนื้อทุเรียน และรสชาติไม่เปลี่ยนแปลง
8. ได้รับผลผลิตทุเรียนมากขึ้น
9. ผลผลิตทุเรียนจะเป็นที่ต้องการของตลาด

- ธรรมชาติของทุเรียนทั้งต้นที่สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์ เมื่อถึงฤดูออกดอกจะออดอกจำนวนมาก แต่ดอกที่จะพัฒนาเป็นผลได้น้อยมากขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น ถ้าต้นไม่สมบูรณ์จริงต้นจะสลัดดอกทิ้ง แม้แต่ต้นที่สมบูรณ์ก็ยังสลัดดอกทิ้ง ดังนั้นเพื่อป้องกันต้นสลัดดอกทิ้งเอง จึงจำเป็นต้องชิงตัดเสียก่อน เพื่อให้เหลือแต่ดอกที่สมบูรณ์และอยู่ ณ ตำแหน่งที่เหมาะสม

การเลือกดอกตัดทิ้งหรือดอกเก็บไว้ให้พิจารณา :
- ดอกรุ่นเดียวกันอยู่ในกิ่งเดียวกัน บริเวณกลางกิ่งให้เก็บไว้ แต่ดอกต่างรุ่น และอยู่ค่อนไปทางปลายกิ่งให้ตัดทิ้ง

- ดอกที่ออกมาเป็นกระจุก ให้ตัดทิ้งดอกเล็ก เก็บดอกใหญ่ไว้
- ดอกในกระจุกเดียวกันให้ตัดทิ้ง ดอกไม่สมบูรณ์ ดอกต่างรุ่น รวมประมาณ 1 ใน 4 ของกระจุก
- หลังจากตัดแล้วพิจารณาตำแหน่งของดอกที่เก็บไว้แต่ละจุด ให้อยู่ห่างกระจายทั่วบริเวณ
- ถ้าดอกออกมากแต่หลายรุ่นให้พิจารณารุ่นที่จะเป็นผลมีราคาเก็บไว้ แล้วตัดทิ้งดอกรุ่นที่จะไม่มีราคา
- ถ้ามีดอกน้อยแต่หลายรุ่น ให้พิจารณารุ่นเดียวกันกับตำแหน่งที่ออกดอก อาจจะเก็บไว้ ดอกต่างรุ่นแต่อยู่ในตำแหน่ง (ระยะห่าง) ที่เหมาะสมแล้วบำรุงไปตามปกติก็ได้

- การตัดแต่งช่อผลก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ผลที่จะมีคุณภาพดีเพราะได้รับน้ำเลี้ยงอย่างสมบูรณ์นั้น ลักษณะขั้วผลต้องอวบอ้วน เหยียดตรงเดี่ยวออกมาจากกิ่ง บางจุดอาจจะมีมาก กว่า 1 ผล แต่ถ้าทุกผลมีขั้วดีก็สามารถเก็บไว้ได้ ส่วนผลขั้วคดงอเล็กเรียวหรือเป็นขั้วแยกจากขั้วใหญ่ไม่ควรเก็บไว้ให้ตัดทิ้งไป

ตำแหน่งไว้ผลในแต่ละกิ่งควรห่างเท่าๆกัน โดยคำนวณจากจำนวนผลทั้งหมดแล้วเฉลี่ยระยะห่างซึ่งกันและกัน ก็จะช่วยให้แต่ละผลได้รับน้ำเลี้ยงจากลำต้นและจากใบกระจายได้อย่างทั่วถึงทุกผล

- สร้างความสมบูรณ์ต้นด้วยปุ๋ยทางด่วน (สูตร : ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี) เพื่อให้ต้นมีความพร้อมสำหรับการออกดอกติดผล ให้ผลผลิตดี มีคุณภาพ และสร้างภูมิต้านทานต่อโรคแมลงศัตรูพืช ใช้อาหารเสริมทางด่วน ซึ่งมีคาร์โบไฮเดรตเป็นองค์ประกอบหลัก โดยฉีดพ่นทางใบให้โชก ทั้งใต้ใบบนใบ “ทางด่วน 20-30 ซีซี.+ 15-30-15 หรือ 20-20-20 หรือ 10-20-30 (40-60 กรัม) + ฮิวมิค แอซิด (20 ซีซี.) /น้ำ 20 ลิตร” ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 3-4 สัปดาห์

หมายเหตุ :
- อาหารเสริมทางด่วนการค้า ได้แก่ ดร็อปไจแอนท์. โพลีแซค. มอลตานิค. ฟลอริเจน.
- อาหารเสริมทางด่วนทำเอง ได้แก่ กลูโคส. เด็กซ์โตรส. ฟลุกโตส. กลูโคลิน. ยาคูลท์. นมสัตว์สดรีดใหม่. น้ำมะพร้าวอ่อน. ไข่สด. น้ำตาลสดจากงวงมะพร้าวหรือตาล. อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ 2-3-4 อย่างๆละเท่าๆ กัน คนเคล้าให้เข้ากันดี ผสมเสร็จแล้วใช้ใหม่ๆจะได้ผลดี

- สถานีวิจัยพืชสวนพลิ้ว จ.จันทบุรี ส่งเสริมให้ชาวสวนทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกองและไม้ผลอื่นๆ บำรุงต้นด้วย “ฮอร์โมนน้ำดำ” อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี โดยช่วงมีดอกผลอยู่บนต้นให้บำรุงเดือนละ 1 ครั้ง ส่วนช่วงที่ไม่มีดอกผลอยู่บนต้นให้บำรุง 2 เดือน/ครั้ง ปรากฏว่าต้นมีความสมบูรณ์สูงมาก สังเกตได้จากใบใหญ่ หนาเขียวเข้ม เป็นมันวาว

- ช่วงไว้ผลบนต้นแล้วต้นมีอาการโทรม เริ่มจากใบอ่อนเหลืองซีด แต่ใบแก่ยังเขียวสดใสอยู่ แสดงว่า ต้นขาดธาตุอาหารรอง/เสริม อย่างรุนแรง ซึ่งช่วงนี้ต้นต้องการใช้ธาตุอาหารจำนวนมากส่งไปเลี้ยงผล หากปล่อยไว้จะทำให้ผลผลิตไม่มีคุณภาพและต้นไม่พร้อมสำหรับการให้ผลผลิตรุ่นต่อไป บางทีอาจถึงต้นตายได้ แก้ไขโดย ให้ธาตุอาหารรอง/เสริม (เน้น แคลเซียม โบรอน. แมกนีเซียม.สังกะสี.) ควบคู่กับธาตุอาหารหลัก (เอ็น. พี. เค.) ด้วยระยะการให้ถี่ขึ้น

- บำรุงผลขนาดเล็กหรือผลลักษณะไม่สมบูรณ์ด้วยการฉีดพ่น “แคลเซียม โบรอน + ธาตุรอง/เสริม + ไคตินไคโตซาน + ทางด่วน” ที่ผลโดยตรง และที่ใบให้โชก ตั้งแต่ผลยังเล็ก ทุก 7-10 วัน จะช่วยพัฒนาผลให้ดีขึ้นได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสมบูรณ์ของต้นเป็นปัจจัยหลัก

- กลูโคส. ยาคูลท์. นมสัตว์สดรีดใหม่. กระทิงแดง. มีส่วนประกอบของน้ำตาล เมื่อให้แก่ต้นไม้ผลโดยฉีดพ่นทางใบช่วงที่กำลังมีผลอยู่บนต้น จะช่วยให้ผลได้รับธาตุอาหารทันที เหมาะสำหรับต้นที่ติดผลดกจำนวนมากจนธาตุอาหารไม่พอเลี้ยง ช่วยให้ผลโตเร็วมีขนาดใหญ่ขึ้น และแก้อาการผลร่วงผลแตก หากมีการใช้ร่วมกับปุ๋ยเกร็ดทางใบด้วยจะเสริมประสิทธิภาพให้สูงยิ่งขึ้น

- ธาตุ ฟอสฟอรัส. กับ โปแตสเซียม. จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมี สังกะสี.รวมด้วย และแคลเซียม. จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมี โบรอน. รวมอยู่ด้วยเช่นกัน

- ทุเรียนฉีดสาร หมายถึง การใช้สารพาโคลบิวทาโซลบังคับทุเรียนให้ออกนอกฤดู เริ่มด้วยการเรียกใบอ่อน 3 รุ่น โดยรุ่น 1 กับรุ่น 2 ออกมาแล้วต้องเร่งให้เป็นใบแก่โดยเร็ว ส่วนใบอ่อนรุ่น 3 ไม่ต้องเร่งให้เป็นใบแก่ แต่พอเริ่มเพสลาดก็ให้ใส่ปุ๋ยทางรากสูตร 8-24-24 จากนั้นสังเกตใบชุด 3 ที่แตกออกมานี้ ถ้าใบปลายยอด 2 ใบยังอ่อน (ใบหางปลา) ในขณะที่ใบล่างเริ่มแก่ก็ให้ฉีดพ่นสารพาโคลบิวทาโซล อัตรา 200 ซีซี./น้ำ 20 ลิตร ที่ปลายทรงพุ่มบริเวณใบ ให้เปียกทั่วทุกใบทั้งใต้ใบบนใบ แต่อย่าให้เปียกถึงในทรงพุ่ม เทคนิคก็คือ ต้องปรับหัว ฉีดให้น้ำออกเป็นฝอยเล็กๆ ยิ่งเล็กมากยิ่งดี ควรฉีดพ่นช่วง 09.00-10.30 น. ซึ่งเป็นช่วงปากใบเปิด ในทรงพุ่มโปร่ง แสงแดดส่องทั่วถึงอากาศถ่ายเทดี ไม่มีฝนตกก่อนฉีด 2 วัน และหลังฉีดไม่มีฝนตก 2 วันเช่นกัน เมื่อฉีดพ่นแล้วให้งดน้ำ ถ้างดน้ำแล้วไม่มีฝนตกหรือแล้งจัดประมาณ 40-45 วัน ดอกชุดแรกจะออกมาให้เห็น

- ช่วงเดือน ก.ค. ถ้างดน้ำอย่างเด็ดขาดได้ แล้วฉีดพ่นสารพาโคลบิวทาโซล อัตรา 100 กรัม/น้ำ 100 ล. (1,000 พีพีเอ็ม.) ให้แก่ทุเรียนที่ผ่านการเตรียมต้นมาดีแล้ว สามารถทำให้ทุเรียนออกดอกหลังการให้พาโคลบิวทาโซล 2-3 เดือนได้ แต่มีข้อแม้ว่า ช่วงก่อนออกดอกและกำลังออกดอกนั้นสภาพอากาศจะต้องแห้งแล้ง หรือควบคุมน้ำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

- ชะนีฉีดสารฯ ไม่ควรช่วยผสมเกสรด้วยมือ แต่ปล่อยให้ผสมติดเองตามธรรมชาติ เพราะถ้าช่วยผสมแล้วเมื่อแก่จะสุกช้า สุกแล้วเนื้อขาวซีด

- ช่วงกำลังมีผลอยู่บนต้นแล้วแตกใบอ่อน จะทำให้ให้เกิดการแย่งอาหารระหว่างใบกับผล ส่งผลเสียต่อผลดังนี้

* แตกใบอ่อนช่วงหลังดอกบาน (สัปดาห์ที่ 3-5) ทำให้ผลเล็กร่วง
* แตกใบอ่อนช่วงหลังดอกบาน (สัปดาห์ที่ 5- 8 ) ทำให้รูปทรงผลบิดเบี้ยว
* แตกใบอ่อนช่วงหลังดอกบาน (สัปดาห์ที่ 10-12) ทำให้เนื้อด้อยคุณภาพ เป็นเต่าเผา เนื้อแกร็น เนื้อสามสี ไม่น่ารับประทาน

- ลักษณะทุเรียนที่กำลังจะแตกใบอ่อนระหว่างมีผล ให้สังเกตเยื่อหุ้มตาเริ่มเจริญ หรือระยะหางปลา ให้ยับยั้งการแตกใบอ่อนด้วย 13-0-46 (150-300 กรัม) /น้ำ 20 ล. 1 ครั้งก่อน ถ้าพบว่ายังจะแตกใบอ่อนอีกหรือกดไม่อยู่ ก็ให้ฉีดซ้ำอีกครั้งด้วยอัตราเดิม นอกจากนี้การให้"ธาตุรอง/ธาตุเสริม"สม่ำเสมอระหว่างมีผล นอกจากจะช่วยบำรุงผลให้ได้คุณภาพดีแล้วยังช่วยกดใบอ่อนได้อีกด้วย

แนวทางแก้ไข :
1. ระยะที่ยอดมีการพัฒนาโดยเยื่อหุ้มตาเริ่มเจริญ หรือที่ชาวสวนเรียกว่า “ระยะหางปลา” ฉีดพ่นด้วยปุ๋ยทางใบสูตร “13-0-46 (150-300 กรัม) /น้ำ 20 ล.” ให้ทั่วทรงพุ่ม 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

2. ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบสูตร “0-52-34 (100 กรัม) /น้ำ 20 ล.” เพื่อป้องกันการแตกใบอ่อนและเร่งการแก่ของใบ

3. ใช้สารเคมี “ไดเมทโธเอท (40-50 ซีซี.) /น้ำ 20 ล.” ฉีดพ่น สามารถควบคุมใบอ่อนได้ดีมาก โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หมอนทอง

4. ใส่ปุ๋ยทางรากสูตร “8-24-24” หรือ “9-26-26” เพื่อเพิ่มปริมาณแป้ง-น้ำตาล ลดปริมาณไนโตรเจน ทั้งในดินและในต้น

5. ควบคุมการแตกใบอ่อนโดยให้ “ธาตุรอง/ธาตุเสริม” ในรูปอาหาร “ทางด่วน” ทุก 5-7 วัน เพื่อเพิ่มปริมาณธาตุอาหารทั้งต่อใบอ่อนและผลอ่อน

6. ควบคุมการให้น้ำหรือลดปริมาณน้ำอย่าให้มากเกินไป และอย่าให้ขาดน้ำ เพื่อป้องกันการแตกใบอ่อนเร็วเกินไป

7. การไว้ผลบนต้นมากๆ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ป้องกันการแตกใบอ่อนระหว่างมีผลอยู่บนต้นได้
8. ใช้สาร “พาโคลบิวทาโซล ชนิด 10% (100-150 ซีซี.) /น้ำ 20 ล.” ฉีดพ่นที่ใบสามารถควบคุมการแตกใบอ่อนได้ แต่หลังจากฉีดพ่นพาโคลบิวทาโซลไปแล้ว ต้องให้น้ำและธาตุอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากอัตราเคยให้ตามปกติ

9. ใช้สาร “เมพิควอทคลอไรด์ ชนิด 50% (20 ซีซี.) /น้ำ 20 ล.” ฉีดพ่นทางใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 10-15 วัน ช่วงที่มีฝนตกชุกเพื่อลดปริมาณออกซินในต้นไม่ให้ขึ้นไปสู่ยอดซึ่งจะทำให้ต้นแตกใบอ่อนได้ ก็สามารถควบคุมใบอ่อนได้เช่นกัน .... หรือใช้ “พาโคลบิวทาโซล ชนิด 10% (50 ซีซี.) /น้ำ 100 ล.” ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น 1 ครั้งหลังฝนตกใบแห้งหลังจากฉีดพ่นแล้ว 10 วัน ให้น้ำจนดินชุ่ม 3 วันติดต่อกัน ก็สามารถยับยั้งการแตกใบอ่อนได้เช่นกัน

- อายุผลตั้งแต่เริ่มติดหรือกลีบดอกร่วงถึงเก็บเกี่ยว .... กระดุม 90-100 วัน ... ก้านยาว 120-135 วัน .... ชะนี 110-120 วัน .... หมอนทอง 140-150 วัน .... ทั้งนี้ช่วง 20-30 วันสุดท้ายของอายุผลนั้น สภาพอากาศจะต้องแห้งแล้งหรือไม่มีฝน หากมีฝนหรือต้นได้รับน้ำมากอายุผลจะยืดยาวออกไปอย่างไม่มีกำหนด หรือจนกว่าจะกระทบแล้ง

- ฝนชุกช่วงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวทำให้ผลทุเรียน แก่ช้า เปลือกหนา เนื้อเป็นเต่าเผา ไส้ล้ม สีไม่ออก กลิ่นไม่ออก ผลแตก และผลร่วง สาเหตุเป็นเพราะต้นได้รับไนโตรเจนจากน้ำฝนมากเกินไป

แนวทางแก้ไข :
- ตามปกติช่วงผลแก่ใกล้เก็บมักใส่ปุ๋ยทางรากสูตร “8-24-24” หรือ “9-26-26” ควบคู่กับการให้ปุ๋ยทางใบสูตร “0-0-50 หรือ 0-21-74 + ธาตุรอง/ธาตุเสริม” ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีฝนแล้วก็ควรให้ล่วงหน้าเป็นการเตรียมตัวไว้ก่อนจะได้ประสิทธิภาพดีกว่าฝนตกแล้วจึงให้

- ผลแก่ใกล้เก็บแล้วได้รับน้ำจากฝนทำให้ผลแก่ช้า อายุผลที่ควรแก่จัดตามกำหนดจึงต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด การปฏิบัติสำหรับขั้นตอนนี้ คือ ให้ปุ๋ยทั้งทางรากและทางใบสูตรดังกล่าวไปเรื่อยๆ พร้อมกับเปิดหน้าดินโคนต้น ให้แสงแดดส่องถึงพื้นดินมากๆ เมื่อมีแสงแดดหรือฟ้าเปิด ทำร่องระบายน้ำป้องกันน้ำขังค้างโคนต้น

หลังจากฝนหมดแล้วให้บำรุงด้วยสูตรเดิมทั้งทางใบและทางรากต่อไปอีกพร้อมกับงดน้ำ 15-20 วัน ระหว่างนี้ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผล แล้วสุ่มเก็บมาผ่าดูภายในก็จะเห็นและรู้ว่าสมควรต้องยืดอายุผลออกไปอีกนานเท่าไรผลจึงจะแก่จัดและเก็บเกี่ยวได้

แนวทางแก้ปัญหาเรื่องผลแก่ตรงกับฝนชุก คือ วางแผนกะเวลาบำรุงต้นล่วงหน้าให้ได้ผลแก่ตรงกับช่วงแล้ง

- วิธีเก็บเกี่ยวทุเรียนของชาวสวนทุเรียนเมืองนนทบุรีไม่ใช้วิธีนับอายุผล เพราะรู้ว่าเอาแน่นอนไม่ได้ เนื่องจากน้ำใต้ดินโคนต้นหรืออาจจะมีฝนตก แต่ใช้วิธีปล่อยให้ผลใดผลหนึ่งร่วงจากต้นลงมาเองก่อน 1 ผล แล้วเก็บผลร่วงนั้นมาผ่าดูภายในก็จะเห็นชัดว่าทุเรียนแก่สมควรเก็บเกี่ยวได้หรือยัง เมื่อเห็นว่าแก่จัดเก็บเกี่ยวได้แล้วจะลงมือเก็บผลที่เป็นรุ่นเดียวกันนั้นก่อน จากนั้นอีก 7 วันจะลงมือเก็บรุ่นสอง และรุ่นสามไปเรื่อยๆ แต่ละรุ่นห่างกัน 5-7 วัน จนกระทั่งหมดทั้งต้น

* ทำทุเรียนอ่อนให้เนื้อนุ่มเหมือนทุเรียนแก่และสุก :
วิธีที่ 1 :
นำผลทุเรียนแก่ที่เก็บเกี่ยวลงมาแล้วแช่ใน "อีเทฟอน 50 ซีซี. + น้ำ 100 ล." จนมิดทั้งผล นาน 2 นาที นำขึ้นผึ่งลมให้แห้ง จากนั้นนำไปบ่มตามปกติ ผลทุเรียนจะสุกภายใน 3 วันวิธีนี้ใช้กับผลที่แก่ไม่จัดก็ได้ หลังจากผลได้รับอีเทฟอนไปแล้วเนื้อจะอ่อนนุ่มเหมือนทุเรียนสุกทุกประการ แต่รสและกลิ่นไม่ดี วิธีนี้ ชาวสวนไม่นิยมทำ

วิธีที่ 2 : ใช้สารละลายเอทีฟอน เร่งสุกทุเรียนหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ด้วยการปาดขั้วทุเรียนให้ชิดปริงมากที่สุด แล้วใช้สารละลายเอทีฟอน ทาที่ขั้วทุเรียนที่ปาดเสร็จใหม่ๆ สารละลายเอทีฟอน จะซึมลงไปที่ไส้ทุเรียน จะทำให้เนื้อทุเรียนนิ่ม เหมือนทุเรียนสุกทั้งๆ ที่เป็นทุเรียนอ่อน วิธีการนี้ได้รับความนิยมในวงการ ทั้งเกษตรกรและแม่ค้า โดยเฉพาะแม่ค้า ที่ต้องการให้ทุเรียนสุกพร้อมๆกัน เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำหนักของทุเรียนที่จะสูญเสียไป ถ้าปล่อยให้ทุเรียนสุกตามธรรมชาติ ส่วนเกษตรกรก็ขาดจิตสำนึก ตัดทุเรียนอ่อนขายเพราะต้องการขายให้ได้ราคาสูงๆ

- ทุเรียนออกดอกติดผลที่กิ่งประธาน ผลเกิดจากกิ่งประธานคนละกิ่ง (ในต้นเดียวกัน) มักแก่ไม่พร้อมกัน แก้ไขโดย แบ่งกิ่งประธานในต้นเดียวกันนั้นเป็นกิ่งละรุ่น จากนั้นพิจารณาผลที่อยู่ในกิ่งประธานกิ่งเดียวกัน แล้วเลือกผลอายุใกล้เคียงกันที่สุด (ไม่ควรห่างกันเกิน 3-5 วัน) ไว้ ซึ่งผลที่คงไว้นี้จะแก่เก็บเกี่ยวได้พร้อมกัน ส่วนผลอายุต่างจากผลอื่นมากๆให้ตัดทิ้ง และการตัดทิ้งให้ทำตั้งแต่เป็นผลขนาดเล็ก เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวก็ให้เก็บผลในกิ่งประธานเดียวกันพร้อมๆกัน ซึ่งทุกผลจะแก่เท่ากัน จากนั้นจึงเลือกเก็บจากกิ่งประธานอื่นๆต่อไปตามลำดับอายุ

- ต้นที่ติดผลจำนวนมาก ปริมาณสารอาหารอาจจะส่งไปเลี้ยงผลทุกผลได้ไม่ทั่วถึงหรือไม่เพียงพอต่อความต้องการของแต่ละผล จึงจำเป็นต้องตัดผลบางส่วนทิ้ง เพื่อให้ผลที่คงไว้ได้รับสารอาหารเต็มที่ การตัดผลทิ้งจะต้องทำตามขั้นตอน ดังนี้.

ครั้งที่ 1 .... เมื่ออายุผลได้ 3-4 สัปดาห์ (ขนาดเท่ามะเขือพวง-ไข่นกกระทา) เลือกตัด ทิ้งผลไม่สมบูรณ์ รูปทรงบิดเบี้ยว ผลขนาดเล็กผิดปกติ หางแย้ที่ก้นผลบิดเบี้ยวเรียวเล็กคดงอ ซึ่งเมื่อโตขึ้นมักเป็นผลแป้ว ไม่มีพู คุณภาพไม่ดี และผลที่ต่างอายุกับผลส่วนใหญ่

ครั้งที่ 2 .... เมื่ออายุผลได้ 5-6 สัปดาห์ (ขนาดไข่ไก่) เลือกตัดทิ้งผลที่มีหนามแดงหนามบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง หางแย้ที่ก้นผลบิดเบี้ยวเรียวเล็ก ผลที่หางแย้ใหญ่อวบอ้วนตรงจะเป็นผลดีมีคุณภาพ

ครั้งที่ 3 .... เมื่ออายุผลได้ 7-8 สัปดาห์ (ขนาดกระป๋องนม) เลือกตัดทิ้งผลก้นจีบ ผลขนาดเล็กผิดปกติ

- ด้วยมาตรการบำรุงแบบทำให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายปี ปรากฏว่าทุเรียนกลายเป็นไม้ผลประเภททะวาย ออกดอกติดผลแบบไม่เป็นรุ่น หรือมีผลตลอดปีได้นั่นเอง

- แนวทางในการใส่ปุ๋ยไม้ผลที่ให้ผลดีที่สุด ควรใช้ค่าวิเคราะห์พืชและค่าวิเคราะห์ดินมาเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจในการใส่ปุ๋ย เนื่องจากค่าวิเคราะห์พืชบอกให้ทราบถึงความเข้มข้นของธาตุอาหารในใบพืช ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสามารถในการดูดธาตุอาหารของพืช ส่วนค่าวิเคราะห์ดิน บอกให้ทราบว่า ดินมีธาตุอาหารพืชอยู่แล้วมากน้อยเพียงใดและมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์หรือไม่ ถ้าไม่เหมาะสมจะปรับปรุงดินอย่างไร เพื่อให้ธาตุอาหารพืชที่มีอยู่แล้วในดินรวมทั้งปุ๋ยที่จะใส่เพิ่มให้กับดินอยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืชมากที่สุด

- มีการวิจัยพบว่าดินในสวนไม้ผลภาคตะวันออกส่วนใหญ่มักขาดไนโตรเจน.โพ
แทสเซียม. แคลเซียม. แมกนีเซียม. เหล็ก. แมงกานีส. และสังกะสี. โดยพบอาการขาดสังกะสี. มากที่สุด ส่วนธาตุฟอสฟอรัส.นั้น สวนไม้ผลส่วนใหญ่ใส่ปุ๋ยชนิดนี้มากเกินกว่าความต้องการของพืช แต่มิได้หมายความว่าสวนไม้ผลทั้งหมดจะขาดธาตุดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น เพราะดินแต่ละแห่งมีธาตุอาหารที่พืชจะดูดไปใช้ได้ไม่เท่ากัน สวนแต่ละสวนมีประวัติการใส่ปุ๋ยและการจัดการดินที่แตกต่างกัน

เกรดทุเรียน :
1. “ไอ้เข้”
หมายถึง ทุเรียนผลใหญ่สุดประมาณ 5 กก.ขึ้น ทรงดีพูเต็ม แก่จัด (ราคาดี รับซื้อไม่อั้น)

2. “เบอร์กล่อง” หมายถึง ทุเรียนเบอร์สวยที่สุด ทรงสวย มี 4 พูเต็ม หนามสวย (หนามบริเวณขั้วไม่ติดกัน)ไม่มีตำหนิ น้ำหนักประมาณ 2.7-4.5 กก. เปอร์เซ็นต์แก่ 80 ขึ้น ใช้ไม้เคาะต้องไม่มีเสียงปุ (ทุเรียนกำลังจะสุก) เรียกเบอร์กล่อง เพราะพ่อค้าจะซื้อใส่กล่อง (ลังกระดาษ) ส่งนอก

3. “เบอร์กลาง” หมายถึง ทุเรียนเบอร์รองจากเบอร์กล่อง ทรงสวย มี 3 พูครึ่ง - 4 พู หนามสวย น้ำหนักประมาณ 2-4 กก. แก่ 80% ขึ้น เคาะไม่ปุ หากเป็นช่วงที่ทุเรียนขาด (น้อย) อาจขยับตำแหน่งเป็นเบอร์กล่องได้

4. “เบอร์หาง” หมายถึง ทุเรียนผลเล็กกลม ขนาด 1-2 กก. หรือทุเรียนผลใหญ่ แต่รูปทรงแป้ว (มีแค่ 2 พูครึ่ง) หนามที่ขั้วอาจติดกันได้บ้าง เคาะไม่ปุ

5. “ป๊อกแป๊ก”
หมายถึง ทุเรียนตกไซด์ที่กล่าวมาทั้งหมด เคาะไม่ปุ หรือผลใหญ่แต่มีแค่พูเดียว
6. “สุก/แตก/หล่น”
หมายถึง ทุเรียนส่งเขมร หรือเอาไปกวน

หลักการสังเกตทุเรียนแก่ :
1. ก้านผล :
ก้านผลจะแข็งและมีสีเข้มขึ้น เมื่อลูบจะรู้สึกสากมือ เมื่อจับก้านผลแล้วแกว่งผลทุเรียน จะรู้สึกว่าก้านผลทุเรียนยืดหยุ่นมากขึ้น ก้านผลบริเวณปากปลิงจะบวมโต เห็นรอยต่อชัดเจน

2. หนาม : ปลายหนามแห้ง มีสีน้ำตาลเข้ม เปราะและหักง่าย ดังนั้น เมื่อมองจากด้านบนของผลจะเห็นหนามเป็นสีเข้ม หนามมีลักษณะกว้างออก ร่องหนามห่าง เวลาบีบปลายหนามเข้าหากันจะรู้สึกว่ายืดหยุ่น

3. รอยแยกระหว่างพู : ผลทุเรียนที่แก่จัดจะสังเกตเห็นรอยแยกบนพูได้อย่างชัด เจน ยกเว้นบางพันธุ์ที่ปรากฏไม่เด่นชัด เช่น พันธุ์ก้านยาว

4. ชิมปลิง : ผลทุเรียนที่แก่จัด เมื่อตัดขั้วผลหรือปลิงออก จะพบน้ำใสซึ่งไม่ข้นเหนียวเหมือนในทุเรียนอ่อน และเมื่อใช้ลิ้นแตะชิมดูจะมีรสหวาน

5. เคาะเปลือกหรือกรีดหนาม : เมื่อเคาะเปลือก ผลทุเรียนที่แก่จัดจะมีเสียงดังหลวมๆ เนื่องจากมีช่องว่างระหว่างเปลือกกับเนื้อภายในผล เสียงหนักหรือเบาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพันธุ์และอายุของต้นทุเรียน

6. ปล่อยให้ร่วง : ปกติดอกทุเรียนแต่ละรุ่นในแต่ละต้นจะบานไม่พร้อมกัน และมีช่วงต่างกันไม่เกิน 10 วัน ดังนั้น เมื่อมีผลทุเรียนในต้นเริ่มแก่ สุกและร่วง ก็เป็นสัญญาณเตือนว่า ผลทุเรียนที่เหลือในรุ่นนั้นแก่แล้วสามารถเก็บเกี่ยวได้

7. นับอายุ : โดยนับอายุผลเป็นจำนวนวันหลังดอกบาน เช่น พันธุ์ชะนี ใช้เวลา 100-105 วัน เป็นต้น การนับวันหรืออายุของผลจะแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละปี และในแต่ละท้อง ถิ่น ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ เช่น ถ้าปีใดมีอุณหภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูง ผลทุเรียนจะแก่เร็วกว่าปีที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า

( ข้อมูลงานวิจัย : สุพิทย์ มะระยงค์, ดร.หิรัญ หิรัญประดิษฐ์, ศิวพร จินตนาวงศ์, ศิริพร วรกุลดำรงชัย ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี)

- ทุเรียนที่ตัดมาจากสวนใหม่ๆ นำไปเป่าพัดลมไล่น้ำ 3-5 ชั่วโมง เนื้อทุเรียนจะไม่อมน้ำ ทำให้ทานอร่อยยิ่งขึ้น

- ซื้อทุเรียนที่ตัดตอนแก่ พันธุ์ชะนีให้ทิ้งข้ามคืน 3 คืน ส่วนหมอนทองให้ทิ้งข้ามคืน 5 คืน จะได้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น

- การใช้มีดผ่าทุเรียน ควรใช้มีดขนาดกระชับมือ มีความคมเป็นพิเศษผ่าตามร่องพู แล้วค่อยๆ บิดเปลือกออกจะทำให้แกะง่ายขึ้น

- ถ้าทานทุเรียนไม่หมดให้นำไปแช่ช่องฟิต จะได้ไอศกรีมทุเรียนที่อร่อยไม่แพ้ทานทุเรียนสดๆ

ทุเรียนลูกยอดไม่มีเนื้อ :
คำตอบ :
ทุเรียนลูกนั้นไม่ได้รับสารอาหาร ทั้งจากทางใบและทางราก .... หลักการและเหตุผล คือ ธรรมชาตินิสัยของทุเรียน สารอาหารจากดินผ่านราก ผ่านต้น ผ่านกิ่ง สู่ลูกบนต้น ลูกแรกของกิ่งแรกของต้นจะกินอาหารก่อน กินอิ่มแล้วจึงจะปล่อยไปให้ลูกถัดไปของกิ่งเดียวกัน ลูกถัดไปกินอิ่มก็จะปล่อยให้ลูกถัดไป ทีละลูกๆ ตามลำดับจนถึงลูกสุดท้ายปลายสุดของกิ่งแรก ขณะที่แต่ละลูกของกิ่งแรกกำลังรับสารอาหารตามลำดับนั้น สารอาหารส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งให้กิ่งที่สูงถัดขึ้นไป ซึ่งกิ่งนี้ก็จะส่งไปยังลูก ลูกแรกรับแล้วส่งต่อให้ลูกถัดไปตามลำดับเหมือนวิธีของกิ่งแรก.... การส่งสารอาหารจากกิ่งแรกไปกิ่งสูงถัดขึ้นไป ถัดขึ้นไป และถัดขึ้นตามลำดับจากล่างไปบน แต่ละกิ่งได้รับแล้วจะให้ลูกแรกของกิ่งก่อน แล้วจึงให้ต่อไปจนถึงลูกสุดท้ายของกิ่งของตัวเอง

นี่คือสาเหตุที่ทุเรียนลูกสุดท้ายปลายกิ่งของแต่ละกิ่ง และลูกสุดท้ายของปลายกิ่งที่สูงสุดของต้น ไม่ได้รับสารอาหารที่ส่งจากรากผ่านลำต้นขึ้นมา ทำให้ผลไม่มีคุณภาพ คือ ไม่มีเนื้อ หรือเป็นพูหลอก นั่นเอง

แนวทางแก้ปัญหา : ให้สารอาหารทางใบ เมื่อใบสังเคราะห์แล้วจะส่งย้อนกลับมาทางลำต้น ระหว่างที่ส่งย้อนกลับนี้ ลูกแรกปลายสุดก็จะกลายเป็นลูกแรกได้รับโดยอัตโนมัติ เมื่อลูกปลายสุดๆได้รับสารอหารแล้ว ลูกกลางกิ่งก็ยังมีปัญหาอีกจนได้ แนวทาง แก้ไข คือ ให้มีใบบริเวณกลางกิ่งเป็นตัวสังเคราะห์สารอาหารให้ ทั้งนี้ เมื่อช่วงที่ทุเรียนออกดอก หรือ ติดผลเล็ก ซึ่งจะต้องตัดแต่งกิ่งที่แตกซ้อนออกใหม่นี้ทิ้ง ก็ให้คงเหลือใบบางส่วนไว้สำหรับสังเคราะห์อาหารให้ลูกกลางกิ่ง

สรุป : ด้วยการเตรียมใบให้พร้อม แล้วให้สารอาหารทางใบ ใบก็จะสังเคราะห์อา หารให้แก่ทุกลูก ทุกตำแหน่งที่ติดลูก ทั่วทั้งต้น ส่งผลให้ทุเรียนทุกลูกไม่เป็น “พูหลอก”

ทุเรียนพูหลอก .... สาเหตุ และการแก้ไข :
- ชาวสวนทุเรียนเรียกว่า “ลูกยอด” คือ ลูกที่อยู่ส่วนปลายของกิ่ง ทั้งกิ่งล่างกับกิ่งปลายยอดสูงสุด เป็นผลที่ไม่มีเนื้อ ชาวสวนไม่ใช่น้อยไม่รู้สาเหตุ ก็ว่าเป็นธรรมชาติของทุเรียนเอง แก้ไขไม่ได้

- สาเหตุ เพราะให้ปุ๋ยทางแต่ราก ต้นดูดขึ้นไปแล้ว ลูกแรกรับก่อน กินก่อน กินอิ่มแล้วจึงปล่อยให้ลูกถัดไป ลูกถัดไปกินอิ่มแล้วจึงจะปล่อยให้ลูกถัดไปอีก ตามลำดับ จากลูกแรกถึงลูกสุดท้ายที่ปลายกิ่งจะได้อะไร

แก้ไขด้วยการให้ปุ๋ยทางใบ เมื่อให้ปุ๋ยทางใบผลที่อยู่ปลายสุดของกิ่ง จะได้รับเป็นผลแรก ในขณะเดียวกัน ลูกกลางกิ่งก็จะได้รับปุ๋ยจากใบกลางกิ่ง .... นิสัยธรรมชาติของทุเรียน ช่วงมีดอก ถึงผลเล็ก มักมีใบอ่อนแตกออกมา การปฏิบัติคือ ให้เลือกตัดแต่งกิ่งที่แตกใหม่ที่ท้องกิ่งใหญ่ทิ้งทั้งหมด ส่วนกิ่งด้านบนของกิ่งใหญ่ให้เหลือไว้เท่าที่จำเป็น 1 กิ่งเลี้ยง 1 ลูก แบบนี้จะทำให้ทุกลูกในกิ่ง ทั้งโคนกิ่ง กลางกิ่ง ปลายกิ่ง กิ่งล่าง กิ่งกลาง กิ่งสูง ของต้นได้รับสารอา หารเท่าเทียมกัน เมื่อได้รับสารอาหารก็จะไม่เป็นพูหลอก หรือมีพูเต็มนั่นเอง

- ทั้งนี้ ต้นอายุมากๆ ผลที่ติดต่ำๆ กับผลที่ติดชิดโคนกิ่ง จะมีคุณภาพดีกว่าผลที่ติดสูงๆหรือค่อนไปทางปลายกิ่ง (ลูกยอด) โดยผลที่อยู่ต่ำกับชิดโคนกิ่งจะได้รับอาหารที่ต้นลำเลียงส่งไปให้ก่อน ที่เหลือจึงจะผ่านไปให้ผลที่อยู่ถัดไป ทำให้ผลที่อยู่สูงมากๆ หรือสูงสุดได้รับธาตุอาหารน้อย

- ต้นสูงมาก 8-10 ม. ขึ้นไป เพิ่มปริมาณธาตุอาหารโดยให้ทางใบด้วยการติดตั้งสปริงเกอร์ในทรงพุ่มและเหนือยอดสูงสุดของต้น เมื่อให้ “น้ำ + ปุ๋ยทางใบ + ธาตุรอง/ธาตุเสริม + ฮอร์โมน” ผ่านสปริงเกอร์พอเปียกใบ หรือให้จนโชกแล้วตกลงพื้นที่โคนต้นก็ถือเป็นการให้น้ำตามปกติได้ด้วย

- ตัดต้น (ยอดประธาน) เพื่อควบคุมความสูง และตัดกิ่งประธานเพื่อควบคุมความกว้างของขนาดทรงพุ่มแล้วสร้างใบใหม่ก็จะได้ต้นที่มีขนาดและรูปทรงตามต้องการ การตัดแต่งกิ่งเพื่อควบ คุมขนาดทรงพุ่มตั้งแต่ทุเรียนมีอายุต้นยังน้อยจะส่งผลดีต่อการเจริญ เติบโตของต้น และคุณภาพของผลผลิตระยะยาว

- เคยมีผู้เปรียบเทียบระหว่างต้นสูงมากๆ ตามธรรมชาติ กับต้นควบคุมความสูงไว้ที่ 5 ม. ด้วยการตัดแต่งตั้งแต่แรก พบว่า ต้นมีความสูงมากๆตามธรรมชาติ ผลที่ติด ณ ความสูง 1 ใน 3 ของความสูงต้นจากพื้น ทุกผลจะเป็นผลที่มีคุณภาพดี ส่วนผลที่ติดในบริเวณความสูง 2 ใน 3 ของต้นที่เหลือจะไม่ดี หรือในต้นทุเรียนที่มีความสูงมากๆ ตามธรรมชาติจะให้ ผลดีมีคุณภาพเพียง 1 ใน 3 ของผลทั้งต้นเท่านั้น .... ต้นที่มีการควบคุมความสูง 3-4 ม. ทรงพุ่มกว้าง 5-6 ม. ให้ปริมาณผลดกกว่า และคุณภาพเหนือกว่าต้นสูงตามธรรมชาติ

ข้อเปรียบเทียบนี้ได้จาก การบำรุงทุเรียนโดยให้ปุ๋ยทางรากอย่างเดียว ไม่มีการให้ปุ๋ยทางใบ หรือให้ปุ๋ยทางใบน้อยมากเนื่องจากเครื่องมือให้ปุ๋ยทางใบไม่พร้อม (ลากสายยาง หรือสะพายเป้) แต่หากได้ให้ปุ๋ยทางใบ ถูกสูตร/ถูกระยะ/สม่ำเสมอ/ต่อเนื่อง ทั้งช่วงมีผลต้นและไม่มีผลบนต้น ด้วยเครื่องมือให้ปุ๋ยทางใบอย่างสปริงเกอร์หม้อปุ๋ย เมื่อปุ๋ยผ่านใบเข้าสู่ต้น ก็จะช่วยให้ลูกยอดที่ปลายกิ่งได้รับสารอาหาร ไม่เป็นพูหลอก กับทั้งคุณภาพดีเหมือนลูกโคนกิ่งโคนต้น

สารอาหารพร้อม อุปกรณ์พร้อม คนพร้อม ต้นทุเรียนพร้อม :
ทางใบ :
ให้ไบโออิ + ยูเรก้า + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน ในรอบ 1-2 เดือน หาจังหวะให้น้ำตาลทางด่วน 1 ครั้ง

ทางราก : ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ หญ้าแห้งใบไม้แห้งคลุมโคนต้นหนาๆ ทั่วพื้นที่ทรงพุ่ม .... น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 2 ล./ไร่ รดทั่วพื้นที่เพราะรากทุเรียนแผ่กระจายทั่วแปลง เป็นการบำรุงดินสำหรับรากทุเรียนจะเจริญยาวไปหา .... ให้ 21-7-14 (1 กก. ต้นเล็ก, 2 กก. ต้นใหญ่) /เดือน โดยละลายน้ำรดทั่วทรงพุ่ม เพราะรากทุเรียนแผ่กระจายทั่วพื้นที่ทรงพุ่ม

- เนื่องจากทุเรียนที่ให้ผลผลิตแล้ว มีความต้องการสารอาหารในปริมาณที่มากกว่าไม้ผลชนิดอื่นๆ ดังนั้น ต้องให้สารอาหารทั้งทางรากและทางใบ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ โดย เฉพาะช่วงพักต้นหรือช่วงเตรียมต้น หรือช่วงที่ยังไม่ออกดอกติดผล จะต้องให้ทั้งสารอาหารตัวหลัก (Mg. Zn. CaB.) และสารอาหารตัวเสริม (น้ำตาลทางด่วน)

- ช่วงมีผลอยู่บนต้น ถ้าสารอาหารไม่เพียงพอจะทำให้ หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะเกิดอาการต้นโทรมอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นการให้สารอาหารทางราก (อินทรีย์ + เคมี) จะต้องต่อเนื่อง สม่ำเสมอ อย่างแท้จริง

ทุเรียนกับระบบสปริงเกอร์ :
สปริงเกอร์ทุเรียนอายุ 20 ปี ต้น ใหญ่/สูง/กว้าง ตามปกติธรรมชาติ :
- ทางใบต้นละ 2 หัว (โซนละ 20 ต้น = 40 หัว)
- ทางรากต้นละ 3 หัว (โซนละ 20 ต้น = 60 หัว

เปรียบเทียบ ทุเรียน 20 ต้น ให้ทางใบ :
- สปริงเกอร์นาน 5 นาที = ไฟฟ้า 5 นาที
- ลากสายยางฉีดพ่นที่ละต้น ต้นละ 5 นาที +เดิน = ไฟฟ้า 100 (+) นาที

ต่อการทำงาน 1 ครั้ง เปรียบเทียบ ทุเรียน 20 ต้น ให้ทางราก :
- สปริงเกอร์ให้พร้อมกันทั้ง 20 ต้น นาน 10 นาที = ไฟฟ้า 10 นาที
- ลากสายยางฉีดพ่นที่ละต้น ต้นละ 10 นาที +เดิน นาน 200 นาที = ไฟฟ้า 200 (+) นาที

ต่อการทำงาน 1 ครั้ง ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ RKK :
- คน (กิน อยู่), โรงปุ๋ย (โมลิเน็กซ์ยักษ์), ต้นไม้ (สปริงเกอร์) เดือนละ 900
- เฉพาะปั๊มบาดาล (ซัมเมิร์ซ) อย่างเดียว เดือนละ 1,000 .... ใช้งานปีละ 2 เดือน ช่วงที่ชลประทานไม่ปล่อยน้ำ เพื่อให้ชาวนาเกี่ยวข้าว

ทำงานได้เต็มที่ส่งผลให้ บำรุงเต็มที่ = ได้ผลเต็มที่ :
- ประสิทธิภาพประสิทธิผล ทุเรียนต้น ใหญ่/สูง/กว้าง ไม่คิดไม้ เสริม/แซม/แทรก ด้วยแรงงานคนเดียว

- ใช้สารสมุนไพรได้เต็มที่ ณ เวลาที่ต้องการ (ผลผลิต ใช้สารสมุนไพรจะได้รสชาดจัดจ้านดีกว่า ผลผลิตที่ใช้สารเคมียาฆ่าแมลง .... อ้างอิง : RKK)

- ไอพีเอ็ม กับดักกาวเหนียว แมลงปากกัดปากดูด แมลงวันทอง
- บำรุงต้นสมบูรณ์เป็นภูมิต้านทานโรค

-----------------------------------------------------------------------------------------


.



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©