-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 2ึ8 JUL * หอมมะลิอิสาน
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 2ึ8 JUL * หอมมะลิอิสาน
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 2ึ8 JUL * หอมมะลิอิสาน

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11554

ตอบตอบ: 28/07/2020 6:17 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 2ึ8 JUL * หอมมะลิอิสาน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 2ึ8 JUL....
AM 594 เวลา 08.15-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

*****************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม ...

ผลิตรายการโดย....
กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ

ผู้สนับสนุนรายการ ....
*** ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส ธันเดอร์แคล.... ออร์เดอร์จาก ออสเตรเลีย แคนนาดา อเมริกา +Mg. Zn. เคมี, .... ออร์เดอร์จากเกาหลี ให้ +Cu เคมี อย่างละ 5% .... ยิบซั่มเพื่อการเกษตรที่ทั่วโลกยอมรับ คือ ยิบซั่มจากประเทศไทย นี่แหละ

*** ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ คุณภาพผลผลิต (ยอด-ใบ-ดอก-ผล-เมล็ด-เนื้อ-ต้น-ราก) จะดกดี สีสวยสด รสจัดจ้านได้ ด้วยธาตุรอง/ธาตุเสริม ....

*** แม็กเนเซียม. สังกะสี. สาหร่ายทะเล. แคลเซียม โบรอน. ส่วนผสมเอาไปทำเอง ....
*** กลิ่นล่อดักแมลงวันทอง, กาวเหนียวดักแมลงศัตรูพืช.... คิดง่ายๆ ถ้าแมลงศัตรูพืชไม่มาที่กับดัก เขาก็จะไปที่ต้นพืช ว่ามั้ย ..... (089) 144-1112

เช่นเคย รายการเรา
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า

ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

........................................................................................................


งานสัญจรตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม (ขาล่อง) ก่อนถึงแยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ไปที่วัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสดิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรที่ไหนอยากให้งานสัญจรไปลงที่นั่น ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

- งานสัญจร ตามปกติ ตามวงรอบ วันเสาร์นี้ เสาร์ที่ 1 ส.ค. ไปวัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี.... ระเบิดเถิดเทิง ฟาจีก้า ไบโออิ หัวโต ไทเป ยูเรก้า ยาน็อค. ....

- งานสัญจรรอบพิเศษ เดือนหน้า ส.ค.มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือนนี้ตรงกับวันที่ 29 งานสัญจรไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา

สัญจรทุกครั้งทุกที่ สนใจอยากยลโฉม หม้อปุ๋ยหน้าโซน/กับดักแมลงวันทอง/วัดค่ากรด-ด่าง น้ำ/ดิน ส่งข่าวล่วงหน้าหน่อยก็ดี จะได้เตรียมไป .... ที่แน่ๆ แน่นอนนอนแน่ ซื้อปุ๋ยวงเงิน 3,000 ขึ้นไป แถมหนังสือ 1 เล่ม ไม้ผลแนวหน้า, หัวใจเกษตรไท มินิ. เลือกเอา 1 เล่ม
........................................................................................................


น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง เวอร์ชั่นล่าสุด (ปฏิเสธ/ไม่ปฏิเสธ ปุ๋ยเคมี) :
** เดิม .... น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง “อินทรีย์ ไม่ปุ๋ยเคมี ไม่ปรับโมเลกุล” ให้ทางราก
** เดิม .... น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง “อินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ไม่ปรับโมเลกุล" ให้ทางราก
** ใหม่ .... น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง “อินทรีย์ ไม่ปุ๋ยเคมี ปรับโมเลกุล” (โอไฮโอ) ให้ทางใบทางราก
** ใหม่ .... น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง “อินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ปรับโมเลกุล " (ฟาจีก้า) ให้ทางใบทางราก

วันนี้ เทคโนโลยี สปริงเกอร์/หม้อปุ๋ย ไม่ใช่เครื่องมือรดน้ำธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน ให้ปุ๋ยไปพร้อมกับน้ำ ให้ยา (สมุนไพร/เคมี) ไปพร้อมกับน้ำ ทั้งหมดนี้มิใช่แค่ให้อย่างใดอย่างหนึ่งทีละอย่าง แต่ให้ไปพร้อมกัน 2 อย่าง หรือ 3 อย่างเลยก็ได้ ทำงาน ณ เวลาที่ต้องการ ตี 5 ล้างน้ำค้าง, ตอนสายให้ปุ๋ย, ตอนเที่ยงไล่เพลี้ยไฟ, ตอนค่ำไล่แมลงฆ่าหนอน ....

วางแผนจัดแปลงเป็นโซนๆ แปลงผักโซนละ 1 ไร่ ไม้ผลยืนต้นโซนละ 20 ต้น สปริงเกอร์/หม้อ ปุ๋ย ทำงานครั้งละ 3-5-10 นาที แรงงานคนเดียว ติดตั้งครั้งเดียวใช้งานได้ 10-20-30 ปี คุ้มเกินคุ้มนะ...

- หนังสือ "หัวใจเกษตรไท มินิ" สูตร ปุ๋ย/ฮอร์โมน/ยา/จุลินทรีย์ ทำใช้ ทำขาย ทำแจก ทำเททิ้ง สูตรเดียวก็เกินคุ้ม, .... หนังสือไม้ผลแนวหน้าบอกวิธี บำรุงไม้ผล ตั้งแต่ ก.ไก่ แก้วมังกร ถึง อ.อ่าง องุ่น ว่าตั้งแต่เริ่มต้น เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว ทำนอกฤดู เกรด เอ. จัมโบ้

ใครมีเล่มเดียว ระวังนะ คนขอยืมแล้วไม่คืน.....

สังเกต .... วันนี้ สปอนเซอร์ถอนตัวไป 1 งานนี้ใครสนใจก็ติดต่อเข้ามา วิทยุ ปตอ. AM
ระยะแพร่คลื่น 100% ได้ 20 จังหวัด แพร่คลื่นแบบกระโดดเป็นหย่อมๆ อีก 20 จังหวัด
น่าจะดีกว่า FM ทั้งคลื่นหลัก คลื่นชุมชน ที่แพร่คลื่นไปได้แค่จังหวัดเดียวเท่านั้น ลองซี่ ว่างๆ วิ่งรถเดินทางไป ตจว. ถึง จว.ไหนก็ได้ ยิ่งไกลยิ่งดี เปิดวิทยุในรถระบบ AM คลื่น 594 ก็จะรู้ว่า ว่ารับได้หรือไม่ได้ รับได้ ได้แค่ไหน รับไม่ได้คือรับไม่ได้ แค่นี้ก็รู้ ลองดูซี่ ..... โฆษณาที่นี่ ไม่ใช่พูดอย่างเดียว แต่มีกิจกรรมเสริมโฆษณา (เน้นย้ำ....กิจกรรมเสริมโฆษณา) อีก ตอนนี้คิดคร่าวๆได้ราว 20 กิจกรรมเสริม อันนี้ต้องมาคุยกัน วางแผนร่วมกันว่าจะเสริมยังไง....

********************************************************************
********************************************************************


28 JUL
จาก : (089) 719-42xx
ข้อความ : หอมมะลิ 105 เขตอิสาน ทำนาปรังได้ไหม ขอบคุณครับ .... จากโควิด 105
ตอบ : ด้ายยย ได้ยิ่งกว่าได้ ถ้ามีน้ำ แต่ถ้าไม่มีน้ำ นาปีก็ปลูกไม่ได้ ... เห็นชื่อเจ้าของคำถามแล้วพอจะมองภาพออกนะ ว่าเป็นใคร ? มาจากไหน ? มาเพราะอะไร ?....

คิดยังไง ? แล้วจะทำยังไง ให้กับตัวเอง ให้กับประเทศ ให้กับโลก ?
คณะกรรมาธิการเกษตร วุฒิสภา

* ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าว 9 แสนตัน โดยนำเข้าจากเวียดนาม 8 แสนตัน นำเข้าจากไทย 1 แสนตัน
* ข้าวไทยราคาแพงเพราะต้นทุนสูงแต่ไม่พูดว่าต้นทุนค่าอะไร
* ตลาดโลกต้องการข้าวนุ่ม ในขณะที่คุณภาพข้าวไทยต่ำกว่าข้าวเวียดนาม
* ข้าวหอมมะลิไทย ปลูกซ้ำหลายรอบ ทำให้คุณภาพต่ำลง ในขณะที่เวียดนามระวังเรื่องนี้มาก
* ประเทศไทย งานวิจัยใหม่ไม่มี งานวิจัยเก่าไม่เอามาส่งเสริม หรือต่อยอด


คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม ....
จาก : (083) 411-49xx
ข้อความ : ข้าวหอมมะลิ ปลูกเดือนนี้ได้ไหม ..... ?
ตอบ : ..
@@ ข้อมูลทางวิชาการ จากศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์ :
* ปลูกข้าวหอมมะลิ ในฤดูนาปรังดีกว่า เพราะ :

- การปลูกข้าวหอมมะลิในฤดูนาปรังไม่มีระยะเฉื่อย (Vegetative Lag phase) ข้าวจะมีการเติบโตตลอด (ในนาปีข้าวมักจะมีระยะเฉื่อยเพราะปลูกข้าวเร็วไป) ทำให้ข้าวในฤดูนาปรังมีอายุสั้นกว่า (ข้าวที่จะให้ผลผลิตสูงควรมีอายุตั้งแต่ 100-120 วัน)

- นาปีล้มง่าย แต่ข้าวในฤดูนาปรังไม่ค่อยล้ม เพราะอายุสั้น
- ข้าวหอมมะลิในฤดูนาปีมีรวงใหญ่ ยาว ในฤดูนาปรังรวงเล็ก เมล็ดต่อรวงน้อย ดังนั้นการปลูกในฤดูนาปรังต้องให้ได้รวงมาก .... พื้นที่ 1 ตร.ม. มี 250 ต้น = 250 รวง, 1 รวงมี 100 เมล็ด., 1 ไร่ได้ 1,000 กก., ข้อแม้ต้นต้องไม่ล้ม, ระดับน้ำไม่เกิน 10 ซม.

* หลักการผลิตข้าวหอมมะลิในฤดูนาปรัง :
- นาปรังทำแล้วหวังผลสูง เรื่องพื้นที่จึงสำคัญมาก
- วันปลูก เนื่องจากช่วงแสงที่เหมาะสมในฤดูนาปรังสั้นมาก ประมาณ 1 เดือน ดังนั้น ต้องกำหนดระยะเวลาปลูกให้เหมาะสม (ที่กำหนดไว้ 20 ธ.ค. - 10 ม.ค.) ซึ่งจากการปฏิบัติจริงช่วงเดือนธันวาคมเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม

- วิธีการปลูก โดยวิธี หว่านน้ำตม/หว่านข้าวแห้ง อัตราเมล็ดพันธุ์ 20 กก. /ไร่
- การดูแลรักษาทั่วไป เช่นเดียวกับคำแนะนำในเกษตรดีที่เหมาะสมสำหรับข้าวนาชลประทานฤดูแล้ง

* ความหอมของข้าวหอมมะลิในฤดูนาปรัง :
- กลิ่นหอมเกิดจากการปลูกตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับฤดูนาปี
- การสังเคราะห์สารหอม 2AP ในทุกส่วนของต้น ยกเว้นราก เพราะรากอยู่ในน้ำสังเคราะห์ไม่ได้
- การสังเคราะห์ 2AP มีประสิทธิภาพสูง เมื่ออุณหภูมิสูง และการสะสม 2AP มีประสิทธิภาพสูงเมื่ออุณหภูมิต่ำ

สรุปก็คือ ในฤดูนาปี ปลูก (ร้อน) ---------------> เก็บเกี่ยว (เย็น)
ในฤดูนาปรัง ปลูก (เย็น) ----------------------> เก็บเกี่ยว (ร้อน)

* การวิจัยและพัฒนา :
- ข้าวหอมมะลิปลูกในฤดูนาปรังได้ และได้ผลผลิตสูงกว่าฤดูนาปี โดยมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ แต่ต้องทำความเข้าใจกับเกษตรกรชาวนา ต้องไม่ปลูกเหมือนฤดูนาปี เพราะช่วงฤดูนาปรังมีช่วงแสงเหมาะสมจำกัด

- ภาคอีสาน ยังเรียกนาปี/นาปรังได้ เพราะน้ำเป็นตัวจำกัดให้ ทำได้/ทำไม่ได้ แต่ภาคกลางข้าวไม่ไวแสง มีน้ำพร้อมปลูกข้าวได้หลายรอบ จึงไม่มีนาปี/นาปรัง

* ความหอมของข้าว :
- ข้าวหอมมะลิจะหอมมากหอมน้อย ขึ้นอยู่กับลักษณะพันธุกรรมของข้าวว่า มีสารหอมระเหยกลิ่นใบเตยที่เรียกว่า 2AP (2-acetyl-1-pyroline) ปนอยู่ในเนื้อแป้งข้าวมากแค่ไหน ซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของข้าวหอมมะลิที่ไม่เหมือนข้าวพันธุ์อื่น การรักษาความหอมของข้าวหอมมะลิให้คงอยู่นานนั้น จึงควรเก็บข้าวไว้ในที่เย็น อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส เก็บข้าวเปลือกที่มีความชื้นต่ำ 14-15% ลดความชื้นข้าวเปลือกที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป และจากการศึกษาของกรมการข้าวมาตั้งแต่ปี 2550 โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มาช่วยวัดค่าความหอม พบว่าพันธุ์ข้าวหอมมะลิแท้ ยังคงความหอมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง .... แต่สิ่งที่ทำให้ความหอมลดลง มาจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม

ใช้พันธุ์แท้ ทั้งที่มีข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่า ข้าวไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหนๆ ถ้านำไปปลูกติดต่อกันเกินกว่า 3 ฤดูกาล ลักษณะเด่นประจำพันธุ์มักจะเพี้ยนเปลี่ยน ไป และจะมีข้าวพันธุ์อื่นมาปนผสมอีกต่างหาก แค่มีข้าวพันธุ์อื่นมาปนเพียง 1 เมล็ดพันธุ์ มันจะเติบโตเป็นข้าว 1 กอ ให้เมล็ดข้าวประมาณ 2,000 เมล็ด และเมื่อนำไปปลูกในฤดูกาลที่สอง เมล็ดพันธุ์ปนจะเพิ่มเป็น 4,000,000 เมล็ดพันธุ์ .... ถ้าเอาไปปลูกต่อในฤดูกาลที่ 3-4-5 จะเหลือเมล็ดพันธุ์แท้ๆ ให้เก็บเกี่ยวจำนวนเท่าไร

* กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้แบ่งชั้นของข้าวหอมมะลิ ดังนี้ :
1. ข้าวหอมมะลิ ชั้น 1 (ดีพิเศษ) มีข้าวชนิดอื่นปนได้ไม่เกิน 5%
2. ข้าวหอมมะลิ ชั้น 2 (ดี) มีข้าวชนิดอื่นปนได้ไม่เกิน 15%
3. ข้าวหอมมะลิ ชั้น 3 (ธรรมดา) มีข้าวชนิดอื่นปนได้ไม่เกิน 30%

**********************************************************************


@@ ข้อมูลทางประสบการณ์ตรง จากลุงคิม :
- คำว่า “ปรัง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “แล้ง” ในความแล้งที่เกี่ยว ข้องกับพืชก็คือ “แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล” อันเป็นปัจจัย พื้นฐานต่อพัฒนาการของพืชโดยตรง เมื่อมาสังเกตทีละประเด็นๆที่เกี่ยวข้องโดยตรง จะพบว่าในความแล้งที่มีผลต่อพืชโดยตรง คือ ฤดูกาล (ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูฝน) และ อุณหภูมิ (ร้อน หนาว อบอุ่น)

* ฤดูร้อน ฤดูหนาว เดือน พ.ย. ต่อไปถึง เม.ย. รวม 6 เดือนใน 1 ปี คือ คามแห้งแล้ง และไม่มีน้ำ
* ฤดูหนาว คือ อุณหภูมิต่ำหรือหนาว อากาศหนาวทำให้ระบบรากของต้นข้าวไม่ดูดซับสารอาหาร ไม่ออกรวง หรือออกรวงแต่เกสรไม่สมบูรณ์ ทำให้ผสมไม่ติด

- หอมมะลิปลูกที่อิสานได้ผลผลิตเฉลี่ย 35-45 ถัง/ไร่ ในขณะที่หอมมะลิภาคอื่น ได้ผลผลิตเฉลี่ย 70-80 ถัง สาเหตุเพราะ อิสานน้ำน้อย ดินขาดอินทรีย์วัตถุ ส่วนภาคอื่นน้ำมาก มีอินทรีย์วัตถุ นั่นเอง

- จากงานวิจัย และเทคนิคการปลูกข้าวหอมมะลิ (รวมถึงข้าวทุกสายพันธุ์) ส่งเสริม/แนะนำ ให้ใส่แต่ยูเรีย. 16-20-0 เท่านั้น ไม่มีการให้ แม็กเนเซียม. สังกะสี. และ 16-8-8 (2:1:1 หรือ 3:1:1 .... อ้างอิง : IRRI)

- ไม่ไถกลบฟาง จึงไม่มีฟางทำหน้าที่เสมือนฟองน้ำคอยกักเก็บน้ำไว้ไต้ดิน ช่วงหน้าแล้งจึงไม่มีน้ำอย่างเพียงพอสำหรับข้าว

- สาร 2AP (2-acetyl-1-pyroline) มีอยู่ในใบเตยสด หากใส่ใบเตยสดเป็นส่วนผสมของน้ำหมักชีวภาพ หรือใช้น้ำคั้นใบเตยสด (ฮอร์โมนเขียว) ฉีดพ่นทางใบ ก็อาจจะ (เน้นย้ำ....อาจจะ) ช่วยให้ข้าวมีกลิ่นหมอมมากขึ้นได้

- ข้าวขณะที่ยังอยู่ในเปลือก (แกลบ) จะยังคงกลิ่นหอมนานนับหลายๆ เดือน แต่หากสีเอาเปลือก (แกลบ) ออก จะคงความหอมได้ไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ เท่านั้น

- ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า “ระยะปลูกที่ให้ผลผลิตสูงสุดคือ ระยะปลูกที่ 15 ธ.ค.” นั่นคือ หลังจากปลูก 60 วัน ข้าวออกรวงซึ่งไม่ตรงกับช่วงอากาศหนาว เป็นผลให้เกสรผสมติดดี จึงเป็นผลให้ได้ผลผลิตดี

* การปฏิบัติ :
- วางแผนลงมือปลูกกลางเดือน ธ.ค. จึงควรเตรียมทำเทือกรอไว้ล่วงหน้า 1-2 เดือน (ต.ค. - พ.ย. - ธ.ค.)
- ทำนาดำ นาข้าวแบบประณีต อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของข้าวหอมมะลินาปรัง จังหวัด.. ?..
- เน้นการให้ “สังกะสี อะมิโน คีเลต” ทางใบ สม่ำเสมอ โดยเฉพาะให้ก่อนอากาศเริ่มหนาว เพื่อให้ต้นมีเวลาเตรียมตัว

นาข้าว ทุกชนิด-ทุกสายพันธุ์-ทุกพื้นที่ ปลูกไปแล้ว :
* ทำแบบเดิมๆ เดิมทุกอย่าง ปล่อยให้ข้าวเกิดเองแล้วโตเองตามธรรมชาติของต้นข้าว คงได้ข้าวไม่เกิน 80 ถัง ค่าโรงสีตัดราคาข้าวลีบ ข้าวท้องไข่ ลงท้ายได้ราคา 8,000 หักต้นทุนจ่ายแล้ว 4,800 กับที่ยังไม่ได้จ่ายอีก 2,000 รวมเป็น 6,800 งานนี้เหลือคงกำไรแค่ 1,200 ....นา 40 ไร่ x ไร่ละ 1,200 = 48,000

* ทำแบบเดิมๆ เดิมทุกอย่าง ทำแล้วทำเลย ใส่แล้วใส่เลย แก้ไม่ได้ เอาออกไม่ได้ ให้บำรุง เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก ด้วยสูตรเลยตามเลย ไหนๆก็ไหนๆ แบบสูตรเหมาจ่าย จะแก้ปัญหา ค่าโรงสีตัดราคาข้าวลีบ ข้าวท้องไข่ อันนี้โรงสีไม่ตัดราคา กับข้าวรัฐบาลเกวียนละหมื่น ได้หมื่นเต็มๆ แถมปริมาณข้าวที่ได้ต่อไร่เพิ่มขึ้น จากไร่ละ 80 ถัง 100 ถัง

* ทำแบบเดิมๆ เดิมทุกอย่าง ทำแล้วทำเลย ใส่แล้วใส่เลย แก้ไม่ได้ เอาออกไม่ได้ ให้บำรุง เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก ด้วยสูตรเลยตามเลย ไหนๆก็ไหนๆ แบบประณีต ปัญหา ค่าโรงสีตัดราคาข้าวลีบ ข้าวท้องไข่ อันนี้โรงสีไม่ตัดราคา กับข้าวรัฐบาลเกวียนละหมื่น ได้หมื่นเต็มๆ แถมปริมาณผลข้าวเปลือกต่อไร่เพิ่มขึ้น จากไร่ละ 80 ถัง เป็น 120 ถัง

* ทำนารอบหน้า นาข้าวแบบประณีต ....
- ลดปุ๋ยเคมีจาก 2 กส. 100 กก. /ไร่ ลงเหลือ 10 กก./ไร่ เปลี่ยนสูตรยูเรีย 16-20-0 เป็น 16-8-8 กับใช้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงเตรียมดินทำเทือก

- ทำเทือกแบบประณีต ย่ำ 4 รอบ ใส่ปุ๋ยตอนย่ำเทือก (ไม่ต้องจ้างหว่าน), ไม่ต้องยาฆ่ายาคุมหญ้า (ย่ำเทือกกำจัดหญ้าให้), ขี้เทือกดี (จุลินทรีย์ในระเบิดเถิดเทิงช่วย), เนื้อปุ๋ยกระจายทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว ข้าวทุกต้นได้กินปุ๋ย (เครื่องใส่ปุ๋ย เคมี+อินทรีย์ ลงหน้ารถย่ำเทือก แล้วลูกทุบท้ายรถกวาดเนื้อปุ๋ยกระจายทั่วแปลง)

- ทำนาดำ (ดำด้วยเครื่อง), นาหยอด (หยอดด้วยเครื่องหยอด แรงคนลาก หรืออีต๊อกลาก), ได้ต้นข้าวดี เมล็ดดี ทำพันธุ์ได้.... ลดต้นทุน ค่าแรง ค่าเมล็ดพันธุ์ ลดโรค....

- นา 200 ไร่ นาข้าวแบบประณีต ซื้อทุกอย่าง จ้างทุกอย่าง ตั้งแต่ก้าวแรกลงนา ถึงก้าวสุดท้ายขายข้าวกลับเข้าบ้าน ได้ข้าว 100 ถึงขึ้น ได้กำไรเป็นล้าน

- ที่นา 40 ไร่แค่นี้ เตรียมใจทำนารอบหน้า นาข้าวแบบประณีต นะ....รึว่าไง ?
วันนี้ถึงยุคถึงสมัยที่เราจะต้อง กล้าคิด-กล้าทำ แล้ว เพราะทำแบบเดิมๆยังไงๆมันคงไม่ดีไปกว่าเดิมแน่ เผลอๆจะแย่กว่าเดิมด้วย เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางลบด้วย ดินแย่ลงๆ ปุ๋ยแพงขึ้นๆ ค่าแรงแพงหนักๆ แถมหายากอีกต่างหาก....ขอบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ “ใจ” เท่านั้น

บำรุงต้นข้าวเลยตามเลย แบบหมาจ่าย :
- ให้ไบโออิ อย่างเดียวตั้งแต่ระยะกล้าถึงเกี่ยว ห่างกัน 7-10 วัน ....ทุกครั้งที่ให้ทางใบ + ยาน็อค สารสมุนไพรร่วมด้วยทุกครั้ง
- ป้องกันศัตรูพืช :
มาตรการ “กันก่อนแก้” : คือ แม็กเนเซียม. สังกะสี. ช่วยสร้างภูมิตานทานให้แก่ต้นข้าวเป็นพื้นฐาน แถมฉีดพ่นสารสมุนไพรทับเข้าไปอีก นี่คือ 2 เด้ง
มาตรการ “ป้องกัน + กำจัด” : ถ้าแปลงข้างๆกำลังเกิดระบาด ช่วงว่างระหว่าง 7-10 วัน ให้ฉีดพ่นสารสมุนไพรเดี่ยวๆ 2-3 รอบ ห่างกันวันเว้นวัน

บำรุงต้นข้าวสูตร "เลยตามเลย ไหนไหนก็ไหนไหน" แบบประณีต :
นาข้าวที่กำจัดวัชพืชไม่หมด ต้นข้าวโตขึ้นมาแล้วมีต้นข้าวกับต้นวัชพืช "ครึ่ง : ครึ่ง" จนเต็มนา แนะนำให้ใช้สูตร "เลยตามเลย หรือ ไหนไหนก็ไหนไหน" เพราะกำจัดวัชพืชไม่ได้แล้ว โดยเน้นบำรุงทางใบเป็นหลัก.....ดังนี้

ระยะกล้า :
- ฉีดพ่น "ไบโออิ + ยาน็อค" ทุก 7-10 วัน ระยะนี้หาโอกาสให้แคลเซียม โบรอน 1 รอบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน

ระยะตั้งท้อง ออกรวง :
- ฉีดพ่น "ไทเป + ยาน็อค" 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน
ระยะน้ำนม :

- ฉีดพ่น "ไบโออิ 100 ซีซี. + ยูเรก้า + ยาน็อค" ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร "สูตรเฉพาะ" เมื่อมีศัตรูพืชเฉพาะชนิดก่อนการระบาด (ป้องกัน) และระหว่างการระบาด (กำจัด) ทุก 3 วัน

หมายเหตุ :
- การให้ทางใบเท่ากับบำรุงทั้งต้นข้าวและต้นวัชพืช แม้จะสิ้นเปลืองปุ๋ยแต่จำเป็นต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ต้นข้าวก็จะไม่ได้ปุ๋ยเลย ส่งผลให้ไม่ได้ผลผลิตข้าวไปด้วย

- หลังจากต้น (ข้าว-วัชพืช) โตแล้ว ไม่ควรใส่ปุ๋ยทางราก เพราะธรรมชาติของต้นวัชพืชจะดูดสารได้เก่งกว่าต้นข้าว นี่คือ ต้นวัชพืชแย่งอาหารต้นข้าวนั่นเอง

- ปุ๋ยทางใบอยู่ที่ใบข้าว ต้นวัชพืชไม่สามารถแย่งได้ นั่นคือ ต้นข้าวยังได้รับปุ๋ยเท่าที่ให้อย่างแน่นอน
- หลังจากเกี่ยวข้าวแล้ว ก่อนทำนารุ่นต่อไป ทำการไถกลบฟางพร้อมต้นวัชพืช ก็จะได้ปุ๋ยที่ต้นวัชพืชเอาไปกลับคืนมา

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=10

-------------------------------------------------------------------------------------


.



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©