-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-*สมช.V.S.ลุงคิม ... นิราศวัดพยัคฆาราม ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 22 DEC * รวมปัญหาเลี้ยงปลา (5-บึก)
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 22 DEC * รวมปัญหาเลี้ยงปลา (5-บึก)

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 22/12/2017 10:12 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 22 DEC * รวมปัญหาเลี้ยงปลา (5-บึก) ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 22 DEC

AM 594 เวลา 08.15-09.00 (จันทร์-ศุกร์)
********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
http://www.nimut.com/
* บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

http://www.bkgmax.com/kaset/product.html
* ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

http://www.mysuccessagro.com
* บ.มายซัคเซส อะโกร---ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

* และ ชมรมสีสะนชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ

เช่นเคย รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว ที่ (081) 913-4986 โทรศัพท์เข้ารายการคุยกันสดๆ
ออกอากาศ สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน (02) 888-0881 และอินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิมดอทคอม ถาม 1 บันทัด ตอบ 1 หน้า....

--------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
7) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)


----------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด, ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)

มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......


**********************************************************


จาก : (094) 836-72xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ภาคไต้ นราธิวาส เลี้ยงปลาบึกได้ไหมครับ .... ขอบคุณครับ
ตอบ : ได้ .... ถ้าที่นั่นน้ำจืดสนิท น้ำจืดจริงๆ ไม่ใช่น้ำกร่อยปากแม่น้ำก่อนลงทะเล ลงไต้ข้ามไปมาเลเซีย สิงค์โปร์ อินโดเนเซีย เลี้ยงได้ทั้งนั้น ว่าแต่จะเลี้ยงไว้กิน หรือเลี้ยงไว้ให้นักท่องเที่ยวดูเล่นล่ะ...คอยฟัง COMMENT ตอนท้ายรายการ มีอะไรดีๆจะแนะนำ

จาก : (093) 470-15xx
ข้อความ : นอกจากปลาบึก ปลาน้ำจืดยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ยังมีปลายักษ์พันธุ์อื่นอีกไหมครับ...ขอบคุณครับ
ตอบ : มี .... เฉพาะปลาน้ำจืดในแม่น้ำในประเทศไทยนะ นั่นคือ ปลายี่สกไทยเมืองกาญจน์ (ไม่ใช่ยี่สกเทศแม่น้ำโขง), ปลากระโห้, ปลาเทพา, ปลาแค้ (พบมากที่ภาคไต้), ปลากระเบนราหู, ปลาพวกนี้ขนาด 100 กก.ขึ้น ทั้งนั้น .... คอยฟัง COMMENT ตอนท้ายรายการ มีอะไรดีๆจะแนะนำ

จาก : (069) 893-63xx
ข้อความ : ขอให้คุณตาเล่าเรื่องปลาบึก ที่เป็นประสบการณ์ตรงของคุณตาให้ฟังหน่อย จะอัดเทป เอาไปทำรายงานส่งครูค่ะ .. .. ของคุณอย่างสูง หลานปอแก้ว อนุบาลนครสวรรค์ เจ้าค่ะ
ตอบ :

เกษตรานุสติ :

นี่แหละ เด็กรุ่นใหม่ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ครูตั้งโจทย์แล้วให้เด็กไปค้นคว้าหาคำตอบเอาเอง คำถามเดียวโจทย์เดียวให้เด็กหลายๆคน หาคำตอบหลายๆคำตอบ แล้วเอาคำตอบทั้งหมดมา DISCUSS (ถกแถลง) กัน เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องที่สุด บนพื้นฐาน “เหตุและผล” .... วันนี้ถ้าหลานถาม คนวัย ปู่ย่าตายาย มีความรู้รอบตัวเป็นคำตอบให้หลานหรือไม่

คนรุ่นเก่าที่ไม่ได้เรียนแบบ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” หรือคนรุ่นใหม่ที่ “ไม่ได้เรียนมาโดยตรง” ก็สามารถนำหลักการเรียนแบบ “เพิ่มเวลารู้” ด้วยวิธีการ ของตัวเอง โดยตัวเอง เพื่อตัวเอง และเพื่อคนอื่น ได้

- ถึงยุคแล้วที่ควรต้องขวนขวายไขว่คว้า “หาโอกาส ในการสร้างโอกาส” เพราะสังคมวันนี้ แพ้/ชนะ กันที่โอกาส

----------------------------------------------------------------------------------


http://www.fisheries.go.th/sf-chiangrai/sara/GiantCatfish.htm
ปลาบึก (กรมประมง)


ปลาบึกชอบอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีระดับน้ำลึกกว่าสิบเมตร พื้นท้องน้ำเต็มไปด้วยก้อนหินและโขดหินสลับซับซ้อนกัน ยิ่งมีถ้ำใต้น้ำด้วยแล้วปลาบึกจะชอบมากที่สุด ปลาบึกขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในระดับน้ำที่ลึกอาศัยถ้ำใต้น้ำเป็นที่หลบซ่อนตัว นอกจากนี้ยังได้ตะไคร่น้ำที่ขึ้นตามโขดหินกินเป็นอาหาร

ปลาบึกมีเฉพาะในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แม้ว่าบางครั้งอาจจับปลาบึกได้จากแม่น้ำสายใหญ่ๆ ที่เป็นสาขาของแม่น้ำโขง เช่น แม่น้ำสงคราม นครพนม, แม่น้ำมูล อุบลราชธานี, แม่น้ำงึม เวียงจันทร์ ประเทศลาว. ปลาที่จับได้เชื่อว่าเป็นปลาที่เข้าไปหากินในลำน้ำเป็นการชั่วคราว

ปัจจุบันประเทศไทยประเทศเดียวในโลกสามารถเลี้ยงปลาบึกได้ทั่วประเทศ ทั้งเลี้ยงในแหล่งน้ำธรรมชาติ และแหล่งน้ำส่วนบุคคล นอกเขตแม่น้ำโขง เช่น

* ปลาบึกที่อ่างทอง ขนาด 150 กก.
* ปลาบึกที่แก่งกระจาย ขนาด 200 กก.
* ปลาบึกที่เขื่อนลำปลายมาศ ขนาด 250 กก.
* ปลาบึกที่เขื่อนเจ้าพระยา ขนาด 200 กก.
* ปลาบึกที่แม่น้ำปิง ขนาด 350 กก.
* ปลาบึกที่เขื่อนศรีนครินทร์ ขนาด 150 กก.
* ปลาบึกที่บึงพลาญชัย ขนาด 150 กก.
* ปลาบึกที่กว๊านพะเยา ขนาด 200 กก.
*

ปลาบึกได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งแม่น้ำโขง" และมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า "ไตรราช" (ลาว) ขณะที่ชาวจีนจะเรียกว่า "ปลาขงเบ้ง" เนื่องจากมีนิทานปรัมปราเล่าว่า ขงเบ้งเมื่อครั้งยกทัพมาทำศึกในภาคใต้ของจีนนั้นได้เกิดเสบียงอาหารขาดแคลน จึงอธิษฐานแล้วโยนกุนเชียงลงในน้ำกลายเป็นปลาขนาดใหญ่เพื่อเป็นเสบียงของกองทัพ คือ ปลาบึก

ปลาบึกที่มีขายในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการผสมเทียม โดยกรมประมงสามารถผสมเทียมได้ทั้งในบ่อดินและปัจจุบันสามารถเพาะได้ในบ่อปูนซีเมนต์ได้ด้วย โดยได้ลูกปลาออกมานำไปปล่อยไปในแหล่งน้ำหลายแห่งในประเทศ อาทิ เขื่อนบางลาง ยะลา, เขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี, บ่อน้ำภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เป็นต้น

โดยมีการกำหนดให้จับได้เป็นช่วงระยะเวลาและปริมาณที่ชัดเจน เช่น ที่เขื่อนแก่งกระจานมีการปล่อยปลาบึกลงไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 มีกำหนดในช่วงปลายปีถึงต้นปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาว ที่น้ำจะมีอุณหภูมิเย็น ปลาบึกจะลอยตัวขึ้นมาบริเวณผิวน้ำเพื่อเล่นน้ำ ทำให้จับได้ง่าย
https://th.wikipedia.org/wiki/ปลาบึก


กรมประมงได้เพาะขยายพันธุ์ ประสบผลสำเร็จครั้งแรกในปี พ.ศ. 2526 ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าวทำให้การศึกษาทางอนุกรมวิธานของปลาบึกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และทำให้ทราบว่าลูกปลาบึกมีลักษณะหลาย ๆ ประการที่แตกต่างไปจากปลาที่โตเต็มวัย เช่น มีฟันบนขากรรไกร และเพดานปาก และจะหลุดร่วงไปหมดเมื่อโตเต็มวัย

ได้มีการนำพันธุ์ปลาบึกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆ เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจและติดตาม ทำให้ทราบว่าปลาบึกสามารถเจริญเติบโตในแหล่งน้ำธรรมชาติได้ปีละประมาณ 10-12 กก.

ลักษณะทั่วไปของปลาบึก :

ปลาบึกเป็นปลาขนาดใหญ่ มีรูปร่างเพรียวขาวแบนข้างเล็กน้อย ลูกปลาบึกขนาดเล็กมีสีคล้ำเหลือบเหลือง ข้างลำตัวมีแถบสีคล้ำตามยาว 1-2 แถบ ครีบหางตอนบนและล่างมีแถบสีคล้ำตามยาว ในปลาขนาดใหญ่ด้านหลังของลำตัวจะมีสีเทาอมน้ำตาลแดง ด้านข้างเป็นสีเทาปนน้ำเงินและจางกว่าด้านหลัง

เมื่อค่อนลงมาทางท้องสีจะจางลงเรื่อยๆ จนเป็นสีขาวเงิน ตามลำตัวมีจุดสีดำค่อนข้างกลมกระจ่ายอยู่ห่าง ๆ กันเกือบทั่วตัว

จงอยปาก :
มีรูจมูก 2 คู่ ตั้งอยู่บนริมผีปากทางด้านข้างจงอยปาก คู่หน้าอยู่ชิดกันมากกว่าคู่หลัง

นัยตา :
ของปลาบึกมีขนาดเล็กอยู่เป็นอิสระไม่ติดกับขอบตามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ใน 20 เท่าของความยาวหัว ตำแหน่งของ นัยตาอยู่ต่ำกว่าระดับมุมปาก ลูกตามีหนังบางๆ คลุมด้านขอบเล็กน้อยเปิดเป็นช่องรูปกลมที่กึ่งกลางกะโหลกมีจุดสีขาวขนาดเดียวกับตา 1 จุด

ครีบหลัง :
มีสีเทาปนดำ จุดเริ่มต้นของครีบหลังอยู่ล้ำหน้าจุดเริ่มต้นของครีบท้อง แต่ไม่ถึงกึ่งกลางของลำตัว ก้านครีบแข็งเป็นเงี่ยงแต่สั้นและทู่ลงเมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้น

ครีบอก :
มีสีเทาปนดำอยู่ค่อนข้างต่ำ ประกอบด้วยก้านครีบแข็งใหญ่ 1 อัน ซึ่งปลายโค้งงอได้ไม่แข็งเป็นเงี่ยง หรือหยักเป็นฟันเลื่อย ก้านครีบอ่อนมีจำนวน 10 อัน ความยาวครีบอกมีขนาดเท่าหรือเกือบเท่ากับความยาวครีบหลัง คือมีความยาวครึ่งหนึ่งของหัว

ครีบท้อง :
มีสีเทาอ่อน มีก้านครีบโค้งงอได้ 1 อัน มีก้านครีบอ่อนจำนวน 7 อัน
ครีบก้น : มีสีเทาอ่อน มีก้านครีบแข็งที่โค้งงอได้ 5 อัน ก้านครีบอ่อน 29-32 อัน
ครีบไขมัน : มีสีเทาปนดำ มีขนาดเล็กอยู่ค่อนไปทางครีบหาง
ครีบหาง : มีสีเทาปนดำ ขนาดอ่อนข้างสั้นเว้าลึก ส่วนของแพนหางบนและล่างมีขนาดเท่ากัน

ลักษณะหรือลักษณะพิเศษ :

รูปร่างลักษณะปลาบึก ถ้าดูผิวเผินมีรูปร่างคล้ายปลาสวาย (Pangasius sutchi) และมีขนาดไล่เลี่ยกับปลาเทพา (Pangasius sanitwongsei) แต่ปลาบึกจะมีขนาดใหญ่กว่า ข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด คือ ปลาบึกไม่มีเงี่ยง ไม่มีฟัน และมีตำแหน่งของนัยน์ตาอยู่ต่ำกว่าระดับมุมปาก ขนาดตัวเต็มวัยของปลาบึกมีความยาวประมาณ 3 ม. ส่วนน้ำหนักที่ ชาวประมงจับได้ในแม่น้ำโขงในปี พ.ศ. 2532 พบว่าปลาบึกมีน้ำหนักประมาณ 282 กก.

ความแตกต่างระหว่างเพศ :
ปลาบึกเพศผู้ :
มีหัวเล็ก จะงอยปากกลมมน ตัวยาวเรียว ช่องท้องเล็ก ครีบหูหนา ครีบหางเล็ก ช่องเพศมีลักษณะเป็นตุ่มกลมรวมติดกับผิวหนัง อัณฑะมีลักษณะคล้ายของปลาสวายมาก คือมีลักษณะเป็นท่อสั้นจำนวนมาก คล้ายนิ้วมือรวมกันเป็นกลุ่มอยู่ทั่ง 2 ข้างของช่องเพศ จากครีบก้นถึงรูก้น มีลักษณะเป็นสันนูน

ปลาบึกเพศเมีย :
มีหัวใหญ่ จะงอยปากใหญ่ส่วนปลายทู่ป้าน ลำตัวป้อมสั้นกว่าเพศผู้ที่มีขนาดเดียวกัน ช่วงท้องขยายใหญ่ออกทั้ง 2 ข้าง ครีบหูบาง ครีบหางใหญ่ ช่องเพศกับรูก้นอยู่ชิดกันมาก ช่องเพศมีลักษณะคล้ายอักษรตัว V และตรงมุมแหลมของตัว V เป็นรูใหญ่ลึกกว่าระดับผิวท้อง รังไข่มีลักษณะเช่น เดียวกับปลาสวาย คือ มีลักษณะเป็นลอนขนาดใหญ่ 2 ข้างของช่องท้อง ขนาดอาจยาวกว่า 60 ซม. แม้เมื่อซากแห้งแล้ว ปลาบึกเพศเมียบางตัว อาจพบสันนูนจากครีบก้นถึงรูก้น

การเพาะเลี้ยงปลาบึก :

เริ่มจากการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาบึก โดยปกติจะปล่อยปลา 100 ตัว/ไร่ ให้อาหารอัตรา 2% ปริมาณโปรตีนรวม 30% ผสมสาหร่าย 5%

บ่อที่เลี้ยงควรมีขนาดใหญ่และมีความลึกกว่าบ่อเลี้ยงปลาเนื้อธรรมดา คือ ขนาด 5-20 ไร่ ความลึก 2-3 เมตร มีระบบท่อส่งน้ำและระบายน้ำเพื่อรักษาคุณภาพของน้ำช่วยให้ปลาบึกเจริญเติบโตและเจริญพันธุ์ได้ดี

อาหารในธรรมชาติ คือพืชชนิดต่างๆ เช่น ตะไคร่น้ำ สาหร่าย แต่เมื่อนำมาเลี้ยงก็สามารถรับอาหารชนิดอื่นได้

ตามธรรมชาติปลาบึก เมื่อยังเล็กอยู่จะกินพวกสัตว์น้ำขนาดเล็ก ตั้งแต่โรติเฟอร์ ไรน้ำ หนอนแดงแมลงในน้ำ ลูกกุ้ง ลูกปลา ไปตามลำดับของอายุ และขนาดของตัวเอง จนถึงเมื่อมีความยาวประมาณ 50 ซม. จึงจะเริ่มเปลี่ยนนิสัยการกิน เพราะฟันในปากเริ่มเสื่อมสูญไป หันมากินพืชในน้ำเป็นอาหารหลัก

ปลาชนิดนี้หากใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูปของปลาดุกหรือปลากินพืชก็จะทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงค่อนข้างสูง เพราะว่าเป็นปลาตัวใหญ่ ซึ่งปัจจุบันนี้ฟาร์มเลี้ยงปลาบึกทั่วๆ ไป มักจะผลิตอาหารขึ้นมาเอง โดยใช้การผสมดังนี้ คือ ปลายข้าวเหนียว ปลาป่น กากถั่วเหลือง รำละเอียด และน้ำมันพืช ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อประหยัดต้นทุนในการเลี้ยงปลานั่นเอง

ติดต่อซื้อพันธุ์ปลาบึกได้ที่ คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 0-5387-3470-2

หมายเหตุ :

- บิ้กหวาย คือปลาลูกผสมระหว่าง พ่อปลาบึก แม่ปลาสวาย
- แม่น้ำโขงจะมีปลาบึกให้จับปีละครั้งตามฤดูกาล หากมีขายนอกฤดูกาลของปลาบึกนั่นคือ ปลาเริม ปลาเคิ่ง
- ปัจจุบันปลาบึกแท้มี (เลี้ยง) ในแม่น้ำในประเทศได้ทั่วประเทศ ตลอดปี
- ปลาบึกที่ดีต้องตัวโต 100 กก.ขึ้นไป หนังหนา เหนียว เนื้อแน่น
- ลาว ปี 2428 นักสำรวจฝรั่งเศสจับได้ที่หลวงพระบางได้ นน. 1,100 กก.
- ไทย สติถิปลาบึกในน้ำโขง เคยจับได้ที่เวินบึก อุบลราชธานี นน. 500 กก., จับได้ที่นครพนม 300 กก., จับได้ที่หนองคาย 250 กก., จับได้ที่เชียงของ เชียงราย 120 กก.

- สร้างจุดขาย :
* เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องปลายักษ์ ไทย/เทศ
* เปิดเป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรเลี้ยงปลาบึก (ปลายักษ์น้ำจืด ไทย/ตปท. ) ในบ่อ ในตู้กระจก
* ทำ HOME STAY ริมน้ำ/กลางน้ำ
* ขายอาหารปลา ชมปลา
* ชม/ชิม/ชอป ปลาบึก/ปลายักษ์อื่นๆ
- จำหน่ายลูกปลาบึก หรือปลายักษ์อื่นๆ ตามสั่ง

----------------------------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©