-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 29 DEC *ต้นทุนนาข้าว, กล้วยตายพราย
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร 28 DEC **พริกไทยผลร่วง, *วัด pH ดิน-น้ำ, *ปลูกผักหวานบ้าน, *เพลี้ยฝรั่ง, *ปุ๋ยหมักใส่แล้วดินขาว, *กากชานอ้อย, *บำรุงอ้อย, *ยิบซั่ม แผ่นฝ้า, *หมามุ่ยบำรุงเซ็กส์,*มะยง ชิดไม่ออกดอก
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร 28 DEC **พริกไทยผลร่วง, *วัด pH ดิน-น้ำ, *ปลูกผักหวานบ้าน, *เพลี้ยฝรั่ง, *ปุ๋ยหมักใส่แล้วดินขาว, *กากชานอ้อย, *บำรุงอ้อย, *ยิบซั่ม แผ่นฝ้า, *หมามุ่ยบำรุงเซ็กส์,*มะยง ชิดไม่ออกดอก

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 30/12/2014 1:25 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร 28 DEC **พริกไทยผลร่วง, *วัด pH ดิน-น้ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร รายการวิทยุ 28 DEC

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6
... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112
... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต, สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



http://www.fm91bkk.com/home91/index91.html

จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์
ข้อความ : พริกไทยอ่อนผลร่วง แก้ไขอย่างไร .... ?
ตอบ :
- เหมือนผลไม้ทั่วๆไป เกิดจาก ...
1. ขาดสารอาหารบำรุงช่วงผลเล็กอย่างรุนแรง ..... แก้ไขโดยให้สูตรบำรุงผลเล็ก *ทางใบ : 25-5-5 CaBr, *ทางราก : 25-7-7 อินทรีย์วัตถุ ให้น้ำพอหน้าดินชื้น

2. ขาดน้ำ หรือน้ำมากเกินจนต้นทิ้งลูกแล้วแตกใบอ่อน .... แก้ไขโดยควบคุมปริมาณน้ำให้พอดี
3. เชื้อราเข้าทำลายขั้ว .... แก้ไขโดยฉีดสารสมุนไพรกลุ่ม “เผ็ดจัด+ร้อนจัด” 2-3 รอบ ห่างกันวันเว้นวัน

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : อยากทราบขั้นตอนการวัดค่า พีเอช ดินและน้ำ .... ?
ตอบ :
- วัดค่า พีเอช.ดิน ด้วยเครื่องวัดดิจิตอล รูปร่างคล้ายลูกดิ่งช่างก่อสร้าง ปลายข้างหนึ่งแหลมใช้ปักลงดิน ปลายข้างหนึ่งเป็นกล่องมีมาตรตัวเลข .... การใช้งาน ใช้น้ำรดดินบริเวณที่จะวัดค่า พีเอช ให้พอชื้น แล้วแทงเครื่องวัดด้านปลายแหลมลงไป แล้วอ่านตัวเลขที่กล่องมาตรวัดด้านบน ตัวเลขที่โชว์ คือ ค่า พีเอช ของดิน ณ บริเวณนั้น อยากรู้ค่า พีเอช ตรงไหนก็ปักลงไปตรงนั้น

- วัดค่า พีเอช.น้ำ ด้วยกระดาษลิสมัส ใช้กระดาษวัดจุ่มลงไปในน้ำ แล้วนำขึ้นมาเทียบสีกับที่กล่อง ก็จะรู้ว่าน้ำนั้นมีค่า พีเอช. เท่าไหร่

- ค่า พีเอช 7.0 = เป็นกลาง, มากกว่า 7.0 ถึง 14.0 = เป็นด่าง, น้อยกว่า 7.0 ถึง 1.0 = เป็นกรด

– เครื่องวัดแบบดิจิตอล ใช้งานเสร็จแล้วต้องจัดเก็บให้เรียบร้อย ถูกต้องจริงๆ ทุกครั้ง หากจัดเก็บผิดวิธีจะทำให้ระบบเสีย ใช้งานไม่ได้

- ใช้กระดาษลิสมัสวัดค่า พีเอช ดิน โดยใช้น้ำกลั่นเติมแบตเตอรี่ (พีเอช 7.0) 1 ถ้วยกาแฟ หยิบดินบริเวณที่ต้องการวัดค่า พีเอช มา 1 ก้อนเท่าปลายก้อย นำลงละลายในน้ำ คนให้ละลายดี ปล่อยให้นอนก้น ใช้กระดาษลิสมัสที่ปกติใช้วัด พีเอช น้ำจุ่มลงไป นำขึ้นมาเทียบสีค่า พีเอช ที่ข้างกล่อง ก็จะรู้ค่า พีเอช ของดิน เป็นค่าโดยประมาณ +/- .5

- กระดาษลิสมัส 1 กล่องมี 200 อัน ราคา 450 บาท และเครื่องวัด พีเอช ดินแบบดิจิตอล ราคา 3,500 บาท ทั้งสองอย่างมีจำหน่ายที่ศึกษาภัณฑ์พานิช

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ผักหวานบ้าน ปลูกอย่างไร .... ?
ตอบ :
- วิธีเพาะเมล็ด : เลือกเมล็ดแก่จัด สมบูรณ์ ไม่เป็นโรค แก่คาต้น ขยำในน้ำล้างเปลือกเนื้อหุ่มเมล็ดออกให้หมด แล้วนำไปฝังเพาะในดิน ณ จุดที่ต้องการปลูก หรือเพาะในกระบะเพาะ ได้ต้นกล้ามาแล้วย้ายไปปลูกตามปกติเหมือนไม้ทั่วๆไป

- วิธีปักชำ : ตัดยอดสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรคแมลง ยาว 1 คืบมือ เด็ดใบ เด็ดยอดอ่อนทิ้ง นำไปปักลงดิน ณ จุดที่ต้องการปลูก หรือปักในกระบะเพาะชำ เมื่อต้นกล้าโตแล้วก็ย้ายไปปลูก ณ จุดที่ต้องการได้

- ตอน : เลือกกิ่งกระโดง กลางอ่อนกลางแก่ ยาวประมาณครึ่งศอกแขนจากปลายกิ่ง ควั่นกิ่งลอกเปลือก แล้วหุ้มด้วยตุ้มตอนขุยมะพร้าว เหมือนการตอนไม้ทั่วๆไป ออกรากแล้วตัดลงมา เลี้ยงในถุงเพาะชำก่อน กระทั่งได้ยอดใหม่ 2-3 ชุด จึงย้ายลงปลูกในแปลงจริง

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : เพลี้ยฝรั่ง สีขาว สีเหลือง แก้ไขอย่างไร .... ?
ตอบ :
- เพลี้ยสีขาวน่าจะเป็นเพลี้ยแป้ง แต่เพลี้ยสีเหลืองไม่รู้จัก ไม่มีข้อมูล เหมาจ่ายว่าเพลี้ยตามที่บอกมา
- ใช้สมุนไพร “เผ็ดจัด + เบื่อเมา + น้ำยาล้างจาน” ฉีดให้เป็นฟองฟ่อดทั่วทรงพุ่ม โดยเฉพาะไต้ใบ 2-3 รอบ วันเว้นวัน

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ปุ๋ยหมักชีวภาพใส่ดินแล้ว หน้าดินขาวแก้ไขอย่างไร .... ?
ตอบ :
- ปุ๋ยหมักชีวภาพที่ว่านั้น ทำมาจากอะไร ? วิธีทำอย่างไร ? วิธีใส่อย่างไร ? ใส่เท่าไหร่ ? ใส่แล้วปฏิบัติต่อดินอย่างไร ? ดินตรงนั้นมีประวัติอย่างไร ? เหล่านี้คือบางสาเหตุ เพราะฉะนั้นอะไรเป็นสาเหตุก็ให้แก้ไขตรงนั้น สำคัญแต่ว่า รู้จักสาเหตุ และวิธีแก้ไขหรือไม่ เท่านั้น

- น้ำหมักชีวภาพที่ไร่กล้อมแกล้ม “ทำและใช้” ไม่เคยเกิดปัญหาแบบนี้ เมื่อไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร แนะนำให้เอา “หลักการทำ/หลักการใช้” ของไร่กล้อมแกล้มไปใช้

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : กากชานอ้อยคืออะไร....?
ตอบ :
- กากชานอ้อย คือ อะไร ?
.... “ชานอ้อย” คือ ส่วนที่เคี้ยว (อ้อยควั่น) กลืนน้ำอ้อยแล้วคายส่วนที่เหลือออกมา หรืออ้อยเป็นท่อนหีบเอาน้ำอ้อย (น้ำอ้อยคั้น) ออกไปแล้ว ทั้งคนเคี้ยวทั้งหีบด้วยเครื่องสภาพยังเป็นชิ้นๆ

.... “กากชานอ้อย” คือ เศษของชานที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ .... ทั้งกาก ทั้งชาน คืออินทรีย์วัตถุ เพราะเป็นเศษซากพืช

- ที่ถามมา ขอเดาว่า หมายถึง ของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาล จากโรงงานน้ำตาล ถ้าเป็นเจ้าตัวนี้ ภาษาเกษตรกรหรือภาษาโรงงานน้ำตาลเขาเรียกว่า “ขี้เค้ก”

- ในขี้เค้กประกอบด้วย ชานอ้อยที่ถูก บีบ/หีบ เอาน้ำอ้อยออกไปหมดแล้วเป็นหลัก ตามด้วยวัสดุเคมีที่ใช้ในการผลิตน้ำตาล ซึ่งจะมีวัสดุเคมีอะไรบ้างก็ว่ากันไป ที่แน่ๆต้องมี “สารฟอกขาว” ในกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายอย่างแน่นอน

- สารอาหารพืชในขี้เค้ก แน่ๆ คือ น้ำตาล
- ในอดีต โรงงานน้ำตาลให้ฟรี เพราะถือเป็นของเสีย ปัจจุบันโรงงานน้ำตาลบางแห่งขาย บางโรงงานเอามาทำปุ๋ยนอินทรีย์ขาย

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : อ้อยสูง 5 ม. บำรุงอย่างไร....?
ตอบ :
- อ้อยเป็นพืชอวบน้ำ ถ้าไม่ให้น้ำ เขาจะเอาน้ำที่ไหนไปสร้างความอวบ
- อาจารย์มหาลัย 4 แห่ง อิสาน เหนือ ระบุชัดเจนตรงกันว่า ตลอดอายุขัยของอ้อย เขาต้องการน้ำ 4 ครั้ง

.... ครั้งที่ 1 หลังปลูก หรือหลังเจียนตอ ไม่เกิน 3 วัน
.... ครั้งที่ 2 เริ่มย่างปล้อง
.... ครั้งที่ 3 และ 4 เมื่อต้นโตแล้ว
- ให้น้ำแต่ละครั้งเต็มร่องระหว่างแถวปลูก

- ปี พ.ศ. 54 น้ำท่วมใหญ่ ที่พยุหคีรี นครสวรรค์ แปลงอ้อย 20 ไร่ น้ำท่วมสูงกว่าหัวเข่า แช่นานนับเดือน ระหว่างนี้เจ้าของใช้โอเวอร์เฮด (ไทยประดิษฐ์) ฉีดพ่น “น้ำ + แม็กเซียม + สังกะสี” ทุก 10 วัน อ้อยแปลงนี้อยู่ได้ รอดตายจนถึงได้ขาย .... ในขณะที่แปลงข้างเคียง เนื้อที่ 50 ไร่ ไม่ได้ทำอะไรเลย อ้อยแช่น้ำจนตาย ลงท้ายเจ้าของยอมขายที่ 25 ไร่ เอาเงินมาลงทุนต่อ แบบนี้เชื่อเถอะ ทำต่อไปเดี๋ยวก็ขายที่ 12 ไร่ครึ่ง เอาเงินมาลงทุนอีก

*** วังขนาย ทำอ้อยได้ 100 ตัน/ไร่ ....
*** มิตรผล ทำอ้อยได้ 50 ตัน/ไร่ ...
*** สมช.กลุ่มสีสันชีวิตไทย อ้อย 20 ไร่ ตอ 8 ใช้ปุ๋ย 8-24-24 ไม่ถึง กส. ได้ 14 ตัน/ไร่ .....
*** เขาทำอย่างไร ? คำตอบ คือ “ให้น้ำ” .....

*** ชาวไร่อ้อย ทุกวันนี้ อ้อยตอแรกได้ 12 ตัน, ตอ 2 ได้ 6 ตัน, ตอ 3 ได้ 3 ตัน
*** เขาทำอย่างไร ? คำตอบ คือ “ไม่ให้น้ำ + ไฟเผา + แดดเผา + เคมี (ปุ๋ย/ยา) ผลาญ”

*** คนที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ ไม่ทำตาม .... คนที่ทำแล้วล้มเหลว ทำตาม .... ตัวเองทำแล้วล้มเหลว ยังทำแบบเดิม
*** เพราะอะไร ? คำตอบ คือ “ถามคนในกระจก”

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ยิบซั่มฝาผนังใส่ต้นไม้ได้ไหม ..... ?
ตอบ :
- ได้ ..... แต่ได้แคลเซียมเพียง 3% เท่านั้น
- เกษตรกรอเมริกันอยากได้ยิบซั่มใส่ดิน หายิบซั่มเพื่อการเกษตรแท้ๆไม่ได้ ลงทุนเอาแผ่นยิบซั่มที่ใช้ทำฝ้าทำผนังบ้านมาบดแล้วเอาใส่ให้กับต้นไม้

- ยิบซั่มเพื่อเการเกษตร สัญญลักษณ์ทางเคมีว่า CaSo4 มีแคลเซียม 18% ซัลเฟอร์ 23% เป็นธาตุอินทรีย์ที่พืชนำไปใช้ได้ทันที ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นยิบซั่มเพี่อการเกษตรที่ดีที่สุดในโลก

--------------------------------------------------------------


จาก : (094) 271-03xx
ข้อความ : เรียนผู้พันคิมที่นับถือ ทราบว่า ผู้พันส่งเสริมพืชสมุนไพรทำยาฆ่าแมลง แต่ไม่ส่งเสริม ให้ทำยาคน ยาสัตว์ มีคนมาติดต่อให้ทำหมามุ่ยส่ง แกะเมล็ดแล้ว ให้ราคา กก.ละ 5,000-10,000 ผมอยู่ชายแดนติดเขมร จะเข้าไปปลูกในเขมร เพราะมีแรงงานดี ผมใคร่ขอข้อมูลเกี่ยวกับหมามุ่ยจากผู้พันด้วยครับ
ตอบ :
- เมล็ด กก.ละ 5,000–10,000 ราคาถูกไปหน่อยนะ คิดดู เมล็ดหมามุ่ยมันจะมีน้ำหนักอะไรซักเท่าไหร่เชียว เมื่อเทียบกับมูลค่าที่แปรรูป ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ แล้วเป็นเงินเท่าไหร่ มีข้อแม้นิดเดียว คิดเป็น-ทำเป็น-ขายเป็น เท่านั้นแหละ

- หลังจากข่าว “หมามุ่ย ไวอากร้า” เข้าไปเปิดตัวที่รัฐสภาแล้ว ข่าวคราวก็เงียบไป มาได้คำถามวันนี้เลยเกิดสนใจขึ้นมาเล็กๆ อย่างน้อยก็ความเป็นพืชเหมือนกัน เท่าที่ค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต พอจะทราบดังนี้....

ชาวศรีสะเกษ คอนเฟิร์ม “เม็ดหมามุ่ย” ช่วยทำชีวิตสมรสดีขึ้น หลังวิจัยพบช่วยปลุกอารมณ์เซ็กซ์ ผู้ชายรู้สึกปึ๋งปั๋ง ไม่เหนื่อยง่าย ส่วนฝ่ายหญิงยิ้ม รู้สึกอกเต่งตึง อวัยวะรับสัมผัสเซ็กซ์กระชับขึ้น

ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา มีการนำเสนอผลงานวิจัยของข้าราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จำนวนกว่า 800 ผลงาน โดย นางชนัดดา บัลลังค์ นักวิชาการจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ. สต.) ทุ่งรวงทอง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ ได้นำเสนอผลงานวิจัยเรื่อง “หมามุ่ย : สมุนไพรต่อความมั่นคงของชีวิตสมรส” ว่า จากการศึกษาผลของสมุนไพรหมามุ่ยต่อความสุขของชีวิตสมรส เพื่อเปรียบเทียบผลของการใช้สมุนไพรหมามุ่ยต่อชีวิตสมรส กับชาวบ้านในตำบลโพธิ์ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 6,217 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยสมัครใจจำนวน 40 คน เป็นชาย 20 คน และ หญิง 20 คน ซึ่งก่อนการวิจัยให้ข้อมูลว่า มีความรู้สึกถึงความมั่นคงต่อชีวิตสมรสในระดับปานกลางถึงค่อน ข้างต่ำ โดยใช้เม็ดหมามุ่ยคั่วสุกบดละเอียดให้ชงรับประทาน และสอบถามความรู้สึกหลังการวิจัย พบว่า ระดับความรู้สึกของกลุ่มตัวอย่างต่อชีวิตสมรสก่อนการใช้หมามุ่ยอยู่ในระดับปานกลาง แต่เมื่อได้ดื่มน้ำเม็ดหมามุ่ยคั่วบดละเอียดแล้ว ความรู้สึกต่อชีวิตสมรสเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับดีมาก

นอกจากนี้ ได้มีการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่างที่ดื่มสมุนไพรหมามุ่ย พบว่า มีความพอใจคู่สมรส และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น โดยในผู้หญิงมีความ รู้สึกว่าหน้าอกมีความเต่งตึง และอวัยวะส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการรับสัมผัสทางเพศมีความกระชับมากขึ้น การมีเพศสัมพันธ์ดี ไม่เหนื่อยง่าย ขณะที่เพศชายมีความรู้สึกว่า ระหว่างปฏิบัติการไม่เหนื่อยง่าย แถมยังกระฉับกระเฉง จำนวนครั้งที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม การใช้หมามุ่ยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และผู้ใช้ต้องมีความรู้ทางด้าน สมุนไพรเพื่อความปลอดภัย

งานวิจัยครั้งนี้มีสมมติฐานการวิจัยมาจากฐานข้อมูลของกรมการปกครองที่พบว่า สถิติการหย่าร้างของคนไทยตั้งแต่ปี 2550-2552 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 100,420 คน ในปี 2550 เพิ่มเป็น 109,277 คน ในปี 2552 และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงคิดว่าน่าจะมีแนวทางในการช่วยเหลือหรือเพิ่มประสิทธิ ภาพของการใช้ชีวิต คู่ ชีวิตสมรสให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าเพศสัมพันธ์มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตคู่ของมนุษย์มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นความต้อง การพื้นฐานในความสุขทางเพศ จะต้องประกอบด้วยปัจจัยที่เหมาะสมทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งเมื่อสภาพร่างกายที่มีอายุมากขึ้น การปลุกเร้าทางเพศต้องใช้เวลานานขึ้น และการแข็งตัวของอวัยวะเพศก็อาจจะช้า


วิธีการใช้หมามุ่ย :
ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุ่งรวงทอง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ จะเป็นผู้ควบคุมการใช้หมามุ่ย คั่วสุข บดละเอียด คือ ในแต่ละวันจะใช้ผงหมามุ่ยที่บดแล้ว จำนวน 1 ช้อนชา โดยจะชงผสมกับน้ำ ดื่มช่วงเวลาเย็น


สายพันธ์ (species) หมามุ่ยในประเทศไทย :
หมามุ่ยพบได้ในประเทศเขตโซนร้อน เช่น อาฟริกา และประเทศแถบเอเชีย เช่น ไทย พม่า ลาว จีน อินเดีย เป็นต้น และเรียกชื่อต่างกันตามภูมิภาค ในหลายๆประเทศ แพทย์ได้จ่ายเป็นยาแผนทางเลือกให้ผู้ป่วยเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ประเทศไทยเพิ่งรู้ถึงสรรพคุณหมามุ่ย มีชื่อสามัญว่า MUCUNA PRURIENS แปลเป็นภาษาไทยว่า “ขนกำมะหยี่คัน” เมล็ดหมามุ่ยในประเทศไทยมีสรรพคุณต่างๆ เทียบเท่าของต่างประเทศ พิสูจน์แล้วและเห็น ผลจริง จึงแนะนำให้ใช้เพราะราคาถูกกว่า มีผลวิจัยรองรับ และขอขอบคุณผู้เคยใช้ หมามุ่ยสายพันธ์ต่างประเทศ หันกลับมาใช้หมามุ่ยสายพันธ์ไทย


เมล็ดหมามุ่ยในประเทศไทย แบ่งคุณลักษณะทางกายภาพ (รูปลักษณ์) :
1. ขนาดของเมล็ดหมามุ่ย :
1.1 หมามุ่ยสายพันธ์เมล็ดเล็ก
1.2 หมามุ่ยสายพันธ์เมล็ดใหญ่

2. สีและลวดลายของเมล็ด :
2.1 สีขาว , ขาวครีม, ขาวอมเหลือง (สีเหมือนถั่วเหลือง)
2.2 สีขาว มีลายเส้น, จุดที่เราเรียกว่าหมามุ่ยลาย
2.3 สีน้ำตาล, สีน้ำตาลเข้ม เหมือนสีเมล็ดกาแฟ
2.4 สีดำธรรมดาไม่เงา, สีดำสนิท และเงาเหมือนนิล

3. สรรพคุณทางยาของเมล็ดหมามุ่ย :
3.1 เมล็ดหมามุ่ยสีขาว, ขาวครีม, ขาวอมเหลือง, หมามุ่ยลาย มีสรรพคุณทางยาน้อย
3.2 เมล็ดหมามุ่ยสีดำเงาเหมือนนิล, สีดำธรรมดา, สีน้ำตาลเข้ม จะมีสรรพคุณทางยามากกว่า

สรุปสรรพคุณทางยา ตามสีของเมล็ด :
ดีมาก = เมล็ดหมามุ่ยสีดำเงาเหมือนนิล, เมล็ดหมามุ่ยสีดำธรรมดา, สีน้ำตาลเข้มเหมือนเมล็ดกาแฟ
ดี = เมล็ดหมามุ่ยสีน้ำตาล,
ดีน้อย-น้อยมาก = เมล็ดหมามุ่ยสีขาว, ขาวครีม, ขาวอมเหลือง.

เคล็ดลับพิสูจน์ว่ามีสรรพคุณดี มาก-น้อย เพียงใด ใช้วิธีเคี้ยวดิบๆ แล้วคลายทิ้ง (ห้ามกลืน) จะทราบถึงความต่างกัน จากลิ้นสัมผัสเมล็ดหมามุ่ยที่มีสรรพคุณดีมากกว่าจะมีรสชาติที่ขมเข้มข้น จี๊ดจ๊าด กว่า

4. หมามุ่ยชนิดขนคัน-ขนไม่คัน :
4.1 หมามุ่ยชนิดขนคัน มีทั้งสายพันธ์เมล็ดเล็กและสายพันธ์เมล็ดใหญ่ ลักษณะของขนจะยาวและแข็ง ขนมีสารพิษ ถ้าเราถูกขนจะเกิดอาการคัน วิธีแก้ให้ใช้ข้าวเหนียวมาคลึงออก
4.2 ใช้ใบสดตำลึง ขยำให้ช้ำจนเกิดน้ำ แล้วทาลูบไปมาบริเวณที่ถูกขนหมามุ่ย


หมามุ่ยไม่คัน ไม่มีสรรพคุณทางยา :
หมามุ่ยชนิดขนไม่คัน เท่าที่พบมีสายพันธ์เมล็ดใหญ่ชนิดเดียว ไม่ได้ขึ้นเองตามธรรมชาติ ลักษณะของขนจะสั้นเหมือนถั่วแระญี่ปุ่น ขนไม่มีพิษ ลักษณะของใบ ใบใหญ่กว่าของหมามุ่ยชนิดขนคัน ดอกจะมีช่อที่ใหญ่และยาวกว่า สีดอกมีทั้งช่อดอกสีม่วงและช่อดอกสีขาว ช่อดอกสีม่วงเมื่อเป็นเมล็ดจะเป็นเมล็ดสีดำ ช่อดอกสีขาวเมล็ดจะเป็นเมล็ดสีขาว หมามุ่ยชนิดขนไม่คันนี้มีแทบทุกภาคของประเทศหรือแทบทุกจังหวัดก็ว่าได้

เมล็ดใหญ่กว่าเมล็ดหมามุ่ยชนิดขนคันมาก สามารถแยกแยะด้วยตาเปล่าได้ สรรพคุณของหมามุ่ยชนิดขนไม่คัน ไม่มีสรรพคุณทางยา แต่ชาวบ้านมักจะปลูกกันกินเป็นอาหาร โดยเด็ดยอดอ่อนมาจิ้มน้ำพริก หรือนำเมล็ดมาต้มกินเหมือนต้มถั่วแระ รสชาติจะออกมันๆ ยิ่งกินยิ่งมัน หมามุ่ยไม่คันนี้มีชื่อเรียกต่างกันตามภูมิภาค เรียกว่า ถั่วยักษ์, ถั่วครก, ถั่วพร้า, ถั่วอีโต้, ถั่วขอ เป็นต้น

คำเตือน : ผู้ที่คิดจะปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ แรกเริ่มของการปลูกหมามุ่ยนั้นง่ายแสนง่าย ไม่ต้องดูแลรักษา ไม่ต้องใส่ปุ๋ย แต่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะหาแรงงานไม่ได้ เพราะแรงงานไม่อยากเก็บ ถึงแม้จ่ายค่าแรงแพงๆเขาก็ไม่ทำ โดยเฉพาะเมื่อถึงขั้นตอนการแยกเมล็ดออกจากเปลือกและขน ขนจะทำให้คนงานคันสุดๆ (ยาก-ลำบากที่สุดคือขั้นตอนนี้) คนงานบางคนเกิดอาการแพ้ ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นต้องเตรียมหาแรงงานพร้อมที่จะผจญกับความคันให้ได้เสีย ก่อน

ณ ปัจจุบันมีการปลูกหมามุ่ยกันจำนวนนับร้อยๆไร่ แต่หาแรงงานไม่ได้ แรงงานมีเฉพาะครอบครัวของตัวเองเพียงไม่กี่คน ทำให้เก็บผลผลิตไม่ทัน ลงทุนไปสูญเปล่า ต้นหมามุ่ยกลาย เป็นวัชพืช ลามไปในที่ดินของเพื่อนบ้านข้างเคียงเกิดปัญหากระทบกระทั่งกัน จึงเตือนมายังผู้คิดจะปลูกให้หาแรงงานที่ไม่แพ้ขน, กล้าเก็บ และคุ้นเคยกับหมามุ่ยเท่านั้น จึงจะประสบความ สำเร็จ.

สมเจตน์ จิตธรรมพงศ์ ผู้เขียน
http://mhamui.com/species.html

--------------------------------------------------------------


จาก : (082) 027-18 xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ช่วยด้วยครับ เดือนนี้ ธ.ค. สิ้นเดือนแล้ว มะยงชิดยังไม่ออกดอกเลย ปีที่แล้วกลางเดือน ธ.ค. ออกดอกทุกต้นแล้ว ทำยังไงดีครับ ....
ตอบ :
- ถูกต้อง เดือนนี้ ธ.ค. สิ้นเดือนแล้ว แต่สภาพอากาศโดยเฉพาะอุณหภูมิปีนี้สำหรับมะยงชิดถือว่ายังพอมีโอกาสอยู่บ้าง ถ้าจะให้เดาใจรุขเทวดาน่าจะต่อได้ถึงกลาง ม.ค. เพราะฉะนั้น ให้ลุยเปิดตาดอกต่อไปอีก

.... ทางใบ : “น้ำ 100 ล. + ไทเป 200 ซีซี. 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน .... ระหว่างนี้หาโอกาสให้น้ำตาลทางด่วน 1 รอบ

.... ทางราก : ใส่ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ (ถ้าใส่ไว้ก่อนแล้วตั้งแต่ช่วงเรียกใบอ่อน ไม่ต้องใส่ แต่ถ้าไม่ได้ใส่ไว้ก่อนก็ให้ใส่) หญ้าแห้งคลุมโคนต้นหนาๆ, ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 รดทั่วแปลงทุกตารางนิ้ว, ให้ 8-24-24 (1/2 กก.) /ต้น ละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณทรงพุ่ม ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น

- นิสัย มะปราง-มะยง จะออกดอกแบบทยอยออก 3 รุ่น ห่างกันรุ่นละ 10-15 วัน หลังจากดอกรุ่นแรกออกมาแล้ว ให้เปิดตาดอกซ้ำอีก 1-2 รอบ
ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ด้วยสูตรเดิม หรือจนกระทั่งดอกชุดแรกบานแล้วจึงยุติการเปิดตาดอกซ้ำ


ธรรมชาติการออกดอกของมะยงชิด :
เมื่อต้นมีความสมบูรณ์ครบทุกมิติ แม้จะเปิดตาดอกเพียงครั้งเดียว แต่เขาสามารถออกดอกได้ถึง 3 ชุด ใน 1 รุ่น ของปีการผลิต เมื่อดอกรุ่นแรกออกมาแล้ว ราว 15-20 วัน ดอกรุ่น 2 จะออกมา และหลังจากรุ่น 2 ออกมาแล้ว 15-20 วัน ดอกรุ่น 3 ก็จะออกตามมาอีก เมื่อดอกรุ่น 1 ออกมาแล้วให้บำรุงด้วย "สูตรบำรุงดอก" ตามปกติ ระหว่างบำรุงดอกรุ่น 1 อยู่นี้จะมีดอกรุ่น 2 และรุ่น 3 ตามออกมา ซึ่งดอกทั้งสองรุ่นหลังนี้เขาออกมาเองตามธรรมชาติจากความสมบูรณ์พร้อมของต้นโดยไม่ต้องเปิดตาดอก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ สูตรปุ๋ยบำรุงดอกไม่ส่งผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อการออกดอกรุ่นหลังนั่นเอง นอกจากปุ๋ยสูตรบำรุงดอกรุ่น 1 จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการออกดอกของดอกรุ่นหลังๆแล้ว ยังช่วยบำรุงดอกรุ่นหลังที่ออกตามมาได้อีกด้วย

สรุป :
ให้บำรุงดอกรุ่น 1 ด้วย "สูตรบำรุงดอก" ต่อไปแม้จะมีดอกรุ่น 2 และ 3 ออกตามมา....บำรุงจนกระทั่งดอกรุ่นสุดท้ายพัฒนาเป็นผล หรือกลีบดอกเริ่มร่วง


บำรุงดอก :
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรช่วงค่ำ ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (½ กก.) /ต้น ทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้น้ำพอหน้าดินชื้น

หมายเหตุ :
- ช่วงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็น (ก้านดอกยาว 1-2 ซม.) หรือระยะดอกตูมเห็นชัดแน่ว่าเป็นช่อดอก บำรุงด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ.รอบที่ 1.... เมื่อดอกบานเป็นสีดอกหมากให้บำรุงรอบที่ 2 โดย เอ็นเอเอ. จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับผสม การให้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. ต้องใช้ด้วยระมัดระวัง เพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อดอกและถ้าให้อ่อนเกินไปก็จะไม่ได้ผล

- ให้ เอ็นเอเอ. 20 ซีซี. + น้ำ 20 ล. (พีเอช 6.0) ช่วงที่ดอกบาน (สีดอกหมาก) ได้ 1 ใน 4 ของดอกทั้งช่อ โดยการฉีดพ่นเป็นพื้นที่ 1 ใน 4 ของพื้นที่ทรงพุ่มทั้งต้น

- เทคนิคการฉีดพ่น ไม่ควรฉีดพ่นใส่ตรงๆที่ช่อดอก แต่ให้ฉีดพุ่งขึ้นเหนือยอดแล้วให้ละอองน้ำตกลงมาที่ช่อดอกเอง หรือฉีดพ่นด้านเหนือลม ฉีดแบบโฉบผ่านแล้วปล่อยให้ลมพัดละอองน้ำเข้าสู่ทรงพุ่มเอง กรณีนี้จะช่วยลดแรงกระแทกของเม็ดน้ำตอเกสรได้ดี .... ข้อสังเกตุ สรีระของพืชส่วนที่รับสารอาหารทางใบ คือ ใบ ซึ่งมีคลอโรฟีลด์เมื่อใบได้รับสารอาหารแล้วก็จะส่งไปยังดอกเองตามธรรมชาติ ในขณะที่ดอกไม่มีคลอโรฟีลด์ จึงไม่สามารถรับสารอาหารได้

- เปิดตาดอกด้วยไธโอยูเรีย. อาจทำให้ใบแก่ไหม้แล้วร่วงได้ ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
- ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆ ให้แคลเซียม โบรอน. 1 รอบ จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี

- ฉีดพ่นสารอาหารทางใบเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้

- ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงจนถึงช่วงดอกบาน

- ช่วงออกดอกถ้าต้นได้รับน้ำมากเกินไป ดอกจะร่วงหรือต้นทิ้งดอ จึงควรให้น้ำพอหน้าดินชื้นเท่านั้น การที่จะรู้ว่าหน้าดินชื้นมากหรือน้อย พิสูจน์ ได้โดยการเปิดอินทรีย์วัตถุคลุมโคนต้นดูก็จะรู้ได้ .... กรณีที่ใส่ 8-24-24 แล้วรดน้ำตามเพื่อละลายปุ๋ยนั้น กว่าปุ๋ยจะละลายตามต้อง การได้ปริมาณน้ำก็อาจจะมาเกเกินไปก็ได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ละลาย 8-24-24 ในน้ำให้เรียบร้อยเสีย ก่อน จากนั้นจึงนำน้ำละลายปุ๋ยแล้วไปรดที่โคนต้น วิธีนี้จะสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้

------------------------------------------------------------




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©