-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-เวลาปากใบพืชเปิด
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - เวลาปากใบพืชเปิด
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

เวลาปากใบพืชเปิด

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
TONGZA
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2013
ตอบ: 14

ตอบตอบ: 21/06/2014 9:00 pm    ชื่อกระทู้: เวลาปากใบพืชเปิด ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
สวัดดีครับลุงคิม และสมาชิกทุกท่าน

ปกติไม่ค่อยได้ตั้งกระทุ้ถามเลย แต่วันนี้ได้สอบถามเพื่อนข้างบ้าน
ถึงการพ่นฮอร์โมนลำไย เค้าว่าต้องพ่นตอนเช้าและเย็นเพราะปากใบ
เปิดตอนเช้ามืด และตอนเย็น

แต่ผมเคยอ่านเจอของลุงบอกว่าปากใบเปิดประมาณ 10 โมง ถึงประมาณบ่ายโมง
ตกลงเปิดเวลาไหนแน่ครับลุง

เพื่อนเค้าบอกว่าที่ไหนๆ ก็บอกตอนเช้าและตอนเย็น เกษตรที่มาอบรมก็บอก
ผมจึงสงสัยมาก จะเถียงเค้าตามที่ลุงบอกก็ไม่มีเอกสารยืนยัน

จึงมากระทู้ถามลุงนี่ละครับ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/06/2014 11:01 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

การปิดเปิดของปากใบ
การเปิดของปากใบขึ้นอยู่กับความเต่งของเซลล์คุม ในช่วงเวลากลางวันเซลล์คุมซึ่งมีคลอโรพลาสต์อยู่ภายในจะมีกระบวนการ "สังเคราะห์แสง" เกิดขึ้น ทำให้ภายในเซลล์คุมมีระดับน้ำตาลสูงขึ้น น้ำจากเซลล์ใกล้เคียงจะเกิดการออสโมซิสผ่านเข้าเซลล์คุม ทำให้เซลล์คุมอยู่ในสภาพเต่ง ปากใบจึงเปิด ทำให้เกิดช่องว่างตรงกลางซึ่งพืชสามารถคายน้ำออกมาทางปากใบ และเมื่อระดับน้ำตาลลดลงเนื่องจากไม่มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง น้ำก็จะออสโมซิสออกจากเซลล์คุม หรือระดับที่พืชสูญเสียน้ำมากจะทำให้เซลล์คุมมีลักษณัลีบลง ปากใบจึงปิด การปิดเปิดของปากใบพืชมีผลต่อการคายน้ำของพืช ปากใบจึง เปรียบเสมือนประตูควบคุมปริมาณน้ำภายในต้นพืช

https://sites.google.com/site/biology5481136646/hnwy-kar-reiyn-ru-thi2-kar-raksa-sm-dulyphaph-khxng-sing-mi-chiwit/2-2-kar-pid-peid-khxng-pak-bi
การปิดเปิดของปากใบ

--------------------------------------------------------------------------------------


ปัจจัยในการคายน้ำ///
1. แสงสว่าง หรือความเข้มของแสง มีผลต่อการคายน้ำ ถ้า แสงสว่างมากการคายน้ำจะสูง ปากใบจะเปิดกว้าง เพราะน้ำในเซลล์จะแพร่ไปที่เซลล์คุมทำให้เซลล์คุมเต่งเกิดการพองตัว ถ้าการคายน้ำเท่ากับการที่รากดูดน้ำ จะทำให้ปากใบยังเปิดอยู่ แต่ถ้าการคายน้ำมากกว่าที่รากดูดน้ำจะทำให้เซลล์คุมเหี่ยวเพราะสูญเสียน้ำมากเกินไป ปากใบเริ่มปิด และเมื่อแสงสว่างมีความเข้มข้นมากเกินไป ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์เข้าสู่ใบได้น้อย ดังนั้นพลังงานแสงสว่างที่พืชนำไปสังเคราะห์แสง จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาล น้ำตาลเป็นสารละลายที่ทำให้ปากใบของพืชเปิด

2. อุณหภูมิ มีผลต่อการปิด-เปิด ปากใบของพืช อุณหภูมิสูงการคายน้ำมากขึ้น ถ้าอุณหภูมิสูงมากเกินไปปากใบจะเริ่มปิดเพื่อลดการคายน้ำ ดังนั้น ปากใบเปิดได้ดีที่สุดที่ อุณหภูมิ 25-30 C และถ้าอุณหภูมิต่ำเกินไป ปากใบก็จะปิดหมด

https://th-th.facebook.com/Kasetrungrueng/posts/508508292537732
การคายน้ำของพืช

------------------------------------------------------------------------------------


- เปิดได้ทั้งกลางวัน และกลางคืนค่ะ ....
- พืชโดยทั่วไปปากใบพืชจะเปิดในเวลากลางวันเพื่อนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสงและปิดปากใบในเวลากลางคืน แต่พืชอวบน้ำ เช่น กระบองเพชร (พืช CAM) ที่เจริญในที่แห้งแล้ง ปากใบจะเปิดในเวลากลางคืน และปิดในเวลากลางวันเพื่อลดการสูญเสียน้ำ ในเวลากลางคืนพืชตระกูลนี้จะตรึงคาร์บอนไดออกไซด์แล้วเปลี่ยนเป็นกรดอินทรีย์เก็บสะสมไว้ในแวคิลโอล ในเวลากลางวันพืชจะนำคาร์บอนไดออกไซด์จากกรดอินทรีย์มาใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง....

- กลางวันจ้ะ :
- พืชจะคายน้ำและอ็อกซิเจนออกมาในตอนกลางวัน แต่ถ้ากลางคืนมันจะดึงเอาอ็อกซิเจนเข้าไป

- ตอนกลางคืนครับ เพราะ ตอนกลางวัน ปากใบพืชจะปิดเพื่อ ลดการคายน้ำหรือสูญเสีย น้ำ

http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=249205797e8c4545
ปากใบพืชเปิดตอนไหนแน่ครับ กลางวันหรือกลางคืน

----------------------------------------------------------------------------------------


ปัจจัยที่มีผลต่อการคายน้ำ :
อุณหภูมิ : ขณะที่ปากใบเปิดถ้าอุณหภูมิของอากาศสูงขึ้น อากาศจะแห้ง น้ำจะแพร่ออกจากปากใบมากขึ้น ทำให้พืชขาดน้ำมากขึ้น

ความชื้น : ถ้าความชื้นในอากาศลดลงปริมาณน้ำในใบและในอากาศแตกต่างกันมากขึ้น จึงทำให้ไอน้ำแพร่ออกจากปากใบมากขึ้น เกิดการคายน้ำเพิ่มมากขึ้น

ลม : ลมที่พัดผ่านใบไม้จะทำให้ความกดอากาศที่บริเวณผิวใบลดลง ไอน้ำบริเวณปากใบจะแพร่ออกสู่อากาศได้มากขึ้น และขณะที่ลมเคลื่อนผ่านผิวใบจะนำความชื้นไปกับอากาศด้วย ไอน้ำจากปากใบก็จะแพร่ได้มากขึ้นเช่นกัน แต่ถ้าลมพัดแรงเกินไปปากใบก็จะปิด

สภาพน้ำในดิน : การเปิดปิดของปากใบมีความสัมพันธ์กับสภาพของน้ำในดินมากกว่าสภาพของน้ำในใบพืช เมื่อดินมีน้ำน้อยลงและพืชเริ่มขาดแคลนน้ำ พืชจะสังเคราะห์กรดแอบไซซิก (abscisic acid) หรือ ABA มีผลทำให้ปากใบปิดการคายน้ำจึงลดลง

ความเข้มของแสง : ขณะที่พืชได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ปากใบจะเปิดมากเมื่อความเข้มแสงสูงขึ้น และปากใบจะเปิดน้อยลงเมื่อความเข้มของแสงลดลง เนื่องจากความเข้มของแสงเกี่ยวข้องกับอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสงซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำตาล ไอออน และสารอินทรีย์บางชนิดที่อยู่ในเซลล์คุม ดังนั้นเมื่อความเข้มข้นของแสงมากขึ้น จะเป็นผลให้การคายน้ำในใบมาก แต่ในบางกรณีถึงแม้ความเข้มของแสงมากแต่น้ำในดินน้อย พืชเริ่มขาดน้ำปากใบจะปิด

โดยทั่วไป ปากใบพืชจะเปิดในเวลากลางวัน เพื่อนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสงและปิดในเวลากลางคืน แต่พืชอวบน้ำ เช่น กระบองเพชรที่เจริญในที่แห้งแล้ง ปากใบจะเปิดในเวลากลางคืน และปิดในเวลากลางวันเพื่อลดการสูญเสียน้ำ ในเวลากลางคืนพืชตระกูลนี้จะตรึงคาร์บอนไดออกไซด์แล้วเปลี่ยนเป็นกรดอินทรีย์เก็บสะสมไว้ในแวคิลโอล ในเวลากลางวันพืชจะนำคาร์บอนไดออกไซด์จากกรดอินทรีย์มาใช้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง

พืชบางชนิดยังมีการปรับโครงสร้างให้มีประสิทธิภาพในการดูดน้ำ โดยมีรากแผ่ขยายเป็นบริเวณกว้างหรือมีรากหยั่งลึกลงไปในดิน เช่น หญ้าแฝก พืชบางชนิดลำต้นและใบอวบน้ำเพื่อสะสมน้ำ มีขนปกคลุมปากใบจำนวนมาก มีคิวทินหนาที่ผิวใบ รูปร่างของใบมีขนาดเล็กลงหรือเปลี่ยนไปเป็นหนาม บางชนิดมีโครงสร้างที่ช่วยลดการคายน้ำ เช่น ปากใบอยู่ต่ำกว่าระดับผิวใบ เช่น ปากใบของต้นยี่โถ

http://nd-biology.tripod.com/mysite/nd_biology_07.html
การคายน้ำของพืช

---------------------------------------------------------------------------------------


คลิก :
http://www.nana-bio.com/e-learning/transpiration/transpiration.html
การคายน้ำ

--------------------------------------------------------------------------------------


คลิก :
http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=35846
ปากใบ

-------------------------------------------------------------------------------------


จากกราฟ แสดงความกว้างของการเปิดปากใบ ที่วัดจากอากาศที่ไหลผ่านปากใบน่ะครับ (เป็นการทดลองพืชบกน่ะครับ แต่ก็อาศัยหลักการวิเคราะห์และอ้างอิงได้) :

- ปากใบจะเปิดในช่วงเช้าที่มีแสง (ช่วง ก) โดยจะเปิดในตอนเช้าตอบสนองต่อคลื่นแสงและปิดเมื่อคลื่นแสงไม่มี (ช่วง ข) โดยมีลักษณะการตอบสนองใหญ่ๆ 5 ระยะ
1) ช่วงเริ่มมีแสงปากใบจะเปิดอย่างช้าๆ อาจประมาณ 1-3 ชั้วโมง และเปิดเต็มที่ตอนคลื่นแสงเข้มหรือแรงขึ้น (ค)
2) ช่วงกลางวันปากใบจะเปิดคงที่ไว้ (ง) พอช่วงคลื่นแสงเริ่มลดลง (ช่วงบ่ายถึงเย็น) ปากใบจะเปิดอ้าลดลงจากเดิมเล็กน้อย
3) พอช่วงแสงหมดไม่มีคลื่นแสง จะปิดลงทันทีอย่างรวดเร็ว (ฉ)
4) กลางคืนปิดตลอดเวลา
5) แต่จะเริ่มเผยออ้าขึ้นเล็กน้อยก่อนมีแสง 2-3 ชั่วโมงในวันใหม่ (ช)

http://aqua.c1ub.net/forum/index.php?topic=235469.10;wap2
สอบถามเรื่องเวลาการใส่ปุ๋ยน้ำครับ

--------------------------------------------------------------------------------------


ปัจจัยที่ควบคุมการปิดเปิดของปากใบ :

1. แสง : แสงสีแดง และแสงสีน้ำเงินกระตุ้นให้ปากใบเปิด เพราะแสงทำให้เกิดการสังเคราะห์แสง จึงมีการใช้CO2 ภายในเซลล์ ยิ่งแสงสว่างมาก ปากใบจะยิ่งเปิดมาก

2. ระดับน้ำในใบโดยเฉพาะใน Guard cell : ถ้าหากพลังงานที่สามารถทำงานได้ของน้ำในใบเพิ่มขึ้น รูใบจะปิด เพราะน้ำจะไหลออกจาก Guard cell อิทธิพลนี้จะมากกว่าระดับของ CO2 ในใบหรือความเข้มของแสง

3. ระดับ CO2 ในใบและในบรรยากาศ : ปากใบจะเปิดเมื่อมี CO2 ในใบพืชต่ำ ดังนั้นการสังเคราะห์แสงจึงกระตุ้นให้ปากใบเปิดได้ ถ้าให้อากาศที่ปราศจาก CO2 ผ่านใบพืชที่มีปากใบเปิดเล็กน้อยในที่มืด ปากใบจะเปิดกว้างขึ้น ถ้าปากใบปิดสนิท ระดับของCO2 ในอากาศจะไม่มีผลต่อการปิดเปิดของปากใบ

4. อุณหภูมิสูง (30-35 องศาเซลเซียส) : ทำให้ปากใบปิด ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการหายใจเพิ่มขึ้น ทำให้ CO2 ภายในใบมากขึ้น แต่ถ้าผ่านอากาศที่ปราศจาก CO2 ไปที่ใบพืชที่อุณหภูมิ 30-35 องศาเซลเซียส ปากใบจะเปิดได้

5. ลมที่พัดแรง : ทำให้รูใบปิด เนื่องจากเซลล์สูญเสียน้ำ

https://soclaimon.wordpress.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A/
ปัจจัยที่ควบคุมการปิดเปิดของปากใบ

---------------------------------------------------------------------------------------
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/06/2014 2:45 pm    ชื่อกระทู้: Re: เวลาปากใบพืชเปิด ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

TONGZA บันทึก:



ปกติไม่ค่อยได้ตั้งกระทุ้ถามเลย แต่วันนี้ได้สอบถามเพื่อนข้างบ้าน
ถึงการพ่นฮอร์โมนลำไย เค้าว่าต้องพ่นตอนเช้าและเย็นเพราะปากใบ
เปิดตอนเช้ามืด และตอนเย็น
COMMENT :
บอกแล้วไง ในธรรมชาติไม่มีตัวเลข ไม่มีสูตรสำเร็จ ใครบอกว่า ทำอะไร ทำอย่างไร ไม่ใช่เรื่องผิด สำหรับคนไม่ปิดกั้นตัวเอง เป็นคนไฝ่รู้ เมื่อรู้แล้วจะถามย้อนว่า เพราะอะไรต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ทำอย่างอื่นได้ไหม ทำแล้วได้ผลไหม-ได้ผลเพราะอะไร ทำแล้วไมได้ผล-ไม่ได้ผลเพราะอะไร เพราะทุกอย่างต้องมีเหตุมีผล .... สำคัญที่สุด คือ ตัวเราเมื่อรับรู้รับทราบแล้วเอามา "คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ" แล้วค้นหาคำตอบที่แท้จริงถึงขนาดพูดได้เต็มปากอย่างมีศักดิ์ศรีว่า "ก....ทำกับมือ ม....อย่าเถียง" นั่นแหละ


แต่ผมเคยอ่านเจอของลุงบอกว่าปากใบเปิดประมาณ 10 โมง ถึงประมาณบ่ายโมง
ตกลงเปิดเวลาไหนแน่ครับลุง
COMMENT :
- อ่านจากข้อมูลที่ LINK มาซิว่า ปากใบเปิดเมื่อไร่แน่
- ทุก LINK มาจากผู้มีความรู้ด้านเกษตรทั้งสิ้น
- ข้อมูลที่ลุงคิมในฐานะผู้นำเสนอได้มาจากการ "แปลงภาษาวิชาการเป็นการปฏิบัติ" เพราะผู้รับข้อมูลก็มีพื้นฐานด้านวิชาการน้อยเหมือนกัน


ลุงคิมไม่ได้ร่ำเรียนวิชาการเกษตรมาโดยตรง ....
ประวัติด้านการศึกษาลุงคิม จบ ม.6 สมัยเก่า ในหลักสูตรไม่มีวิชาการเกษตรแม้แต่น้อย เป็นมัธยมรุ่นสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมัธยมศึกษา ต่อๆ ต่อๆ มากลับเปลี่ยนไปเป็นมัธยมอย่างเดิม .... จบ ม.6 แล้วเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนักเรียนนายสิบ (เน้นย้ำ....นายสิบ ไม่ใช่นายร้อย) จบ ร.ร.นนส. แล้วออกรบเลยโดยการสอบแข่งขันกันไป จากสงครามเกาหลี ต่อด้วยสงครามลาว สงครามเวียดนาม เสร็จจากสงครามนอกประเทศรบต่อสงครามในประเทศ ศึก ผกค. ทั้งในประเทศและนอกประเทศที่ติดชายแดน ตั้งแต่ อ.เชียงของ ถึง อ.อรัญญประเทศ ศึกสุดท้ายจริงๆ คือ "ศึกร่มเกล้า" พิษณุโลก ระหว่างที่ตะรอนๆไปทั่วทุกสารทิศนั้น ไม่มีอะไรในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรเลย เพราะไม่สนใจ เอาแต่รบ รบ และรบรบรบ กระทั่งกลับมานั่งเก้าอี้ทำงานที่หน่วยปกติ วันดีคืนดี พล.ท.สำเภา ชูศรี ผบ.นปอ.สมัยนั้นก็มอบหมายภารกิจให้ทำ "รายการวิทยุ" เพราะโดยตำแหน่งที่รับผืดชอบเกี่ยวข้องกับสถานีวิทยุโดยตรงอยู่แล้ว เป็นการทำรายการวิทยุครั้งแรกในชีวิต ในคำสั่งให้ทำรายการเกี่ยวกับ "เกษตร" ใครจะเชื่อบ้่างว่าตอนนั้นแม้แต่ "ต้นมะม่วง เป็ดเทศ เห็ดฟาง ฯลฯ" ยังไม่รู้จัก เริ่มเมื่อ 27 มี.ค. 2537 จวบถึงวันนี้ 22 มิ.ย. 2557 สิริรวมระยะเวลาเท่าไหร่ ทั้งพูด (วิทยุ-บนเวที) เขียนหนังสือ มาถึงเขียนในเน็ต....ทำได้ไง

วันนี้ลุงคิมรู้เรื่องเกษตรจาก "ฟัง-คิด-ถาม-เขียน .... อ่าน-ดู-ทำ-ใช้-เปรียบเทียบ-ฟันธง" แท้ๆ งานทุกชิ้นที่ออกมาได้มาจาก "ประสบการณ์ตรง" ทั้งของตัวเอง ทั้งของคนอื่น ที่เป็นรูปธรรม .... วัตุประสงค์หลักจริงๆเพื่อ "เพิ่มพูนวิชาความรู้ให้กับตัวเอง (เน้นย้ำ....ตัวเอง)" เท่านั้น มิใช่เพื่อคนอื่นเลย ส่วนคนอื่นที่ได้รับอะไรไปถือว่าเป็น "ของแถม" .... วันนี้ทำรายการวิทยุฟรี ไม่มีค่าตัวก็ทำ, เปิดเน็ตทำ FREE NET ก็ทำ, สอนฟรีทำปุ๋ยก็สอน เพื่อเพิ่มพูนวิทยายุทธแท้ๆ

ความรู้วัดกันที่เนื้องาน .................................. มิใช่หรือ ?
คนเรียนสูงกว่า ต้องประสบความสำเร็จมากกว่า .......... จริงหรือไม่ ?

ลุงคิมไม่ได้เรียนมาทางเกษตร ไม่ได้เป็นนักวิชาการเกษตร ทุกอย่างทุกขั้นตอนได้มาจาก "ภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาตรฐานโรงงาน มีหลักวิชาการยืนยัน" เท่านั้น เพราะฉะนั้น ผลงานทุกชิ้น ทุกอย่าง จึงไม่ควรนำไปเป็น "อ้างอิง" ใดๆ

คุณมีความรู้สูงกว่าลุงคิม เพราะคุณเรียนมามากกว่า น่าจะ "รู้" อะไรๆ มากกว่าลุงคิม


เพื่อนเค้าบอกว่าที่ไหนๆ ก็บอกตอนเช้าและตอนเย็น เกษตรที่มาอบรมก็บอก
ผมจึงสงสัยมาก จะเถียงเค้าตามที่ลุงบอกก็ไม่มีเอกสารยืนยัน
COMMENT :
ทุกคำถามมีคำตอบอยู่ที่พืช....
- พืชเมืองร้อน พืชเมืองหนาว พืชทะลเทราย พืชขั้วโลก พืชต่างตระกูล ฯลฯ ไม่เหมือนกัน....
- เมื่อไม่มีเอกสารยืนยัน ก็ค้นค้าซี่....

เคยได้ยินไหมคนพูดมั้ย ? :
- เชื่อลุงคิมหมามีเขาเต่ามีหนวด ....
- เดี๋ยวนี้ลุงคิมเป้อใหญ่แล้ว ....
- ปล่องตาคิมบ้าไปคนเดียวเถอะ ....
- เกษตรแบบลุงคิมเป็นเกษตรในฝัน ....
- คนไม่ได้เรียนเกษตรแล้วส่งเสริมเกษตรสำเร็จ ผมจะเผาตำราทิ้ง ไม่งั้นผมจะเรียนมาทำไมตั้งปริญญาโท ....


**** ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้กลั่นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ หวังเพียงเพื่อให้ "กำลังใจ" แก่คุณอย่างแท้จริง




กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
TONGZA
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2013
ตอบ: 14

ตอบตอบ: 24/06/2014 9:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

ขอบคุณคุณลุงเป็นอย่างสูงครับ ที่ช่วยตอบ

จะว่าไปไลน์ธรรมชาติจะว่าง่ายก็คงง่าย จะว่ายากก็คงยาก
คงต้องใช้ เวลา + การสังเกตุ จดจำ รึเปล่าครับลุง

คงต้องศึกษากันต่อไป ลองผิดลองถูกกันต่อไป



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 24/06/2014 9:19 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

แน่นอน ต้องเรียนรู้ต่อไป ....

มหาลัยเกษตรที่ดีที่สุด คือ แปลงเกษตร ของเขาของเรา ในอดีต ถึงปัจจุบัน ต่ออนาคต
ครูเกษตรที่ดีที่สุด คือ คนในกระจก

อ่าน LINE ธรรมชาติให้ออก แล้ว "วิเคราะห์" หาต้นตอสาเหตุ จากนั้น ปรับ/แก้ เดี๋ยวก็เก่งเอง

ความล้มเหลว คือ ความสำเร็จ .... ทำใหม่ย่อมไม่ทำอย่างเก่า แล้วจะพบแนวทาง
ลองผิดลองถูกนั่นแหละ คือ ตำราเล่มดีที่สุด


CHEER นะ....



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 24/06/2014 9:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ก็น่าจะมีใครซัก คนสองคน เข้ามาช่วยสร้างแรงใจบ้างเนาะ....

ลุงคิมคนเดียว แก่ก็แก่ จะมีเรี่ยวแรงอะไรนักหนาเชียว....



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
TONGZA
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2013
ตอบ: 14

ตอบตอบ: 21/07/2014 9:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
สวัสดีครับลุงคิม กราบขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับทุกคอมเมนท์ของลุง

ผมได้ลองลงมาทำนาดู ถึงได้รู้ว่าชีวิตชาวนาลำบากมาก อุปสรรคเกิดได้ตลอด
ทั้งแล้ง น้ำท่วม ราคาปุ๋ยแพง ศัตรูพืชสารพัด ถ้าราคาข้าวต่ำกว่าที่เป็นอยู่แย่แน่

ผมมีเรื่องขอความรู้จากลุงคิม คือ ข้าวของผมหยอดแห้งได้อาทิตกว่าๆ เพิ่งงอกได้ 3-4 วัน
แล้วฝนตกหนัก โชคดีที่นาเป็นที่ดอนระบายน้ำได้ไว แต่ฝนช่วงนี้มาถี่ท่วมอีก

ไม่รู้จะท่วมรอบ 3 รึเปล่า ข้าวสะบักสะบอมน่าดู ดีที่ไม่ตายตอนนี้ข้าวอีก 7 วันจะครบเดือน ต้องบำรุงอย่างใรดีให้โตใวๆ หน้าดินโดนน้ำซัด บำรุงอย่างใรดีครับเป็นทุกปีเลย


ขอบคุณครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 21/07/2014 9:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

TONGZA บันทึก:
.


..... หน้าดินโดนน้ำซัด .....





"หน้าดินโดนน้ำซัด" คืออะไร ? อาการเป็นยังไง ? หน้าตามันเป็นยังไง ?

เหมือน "หน้าดินโดนน้ำชะล้าง" เพราะน้ำไหลแรง พัดพาอะไรต่อมิอะไรที่ผิวดินไปหมด ประมาณนี้มั้ย ?

ภาษาพื้นบ้านไหน (วะ...)



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©