สวนออร์แกนิกของโอฬาร วัฒนวินิน

[Aorrayong]

ที่มา http://www.nitipoom.com/th/article1.asp?idOpenSky=3412&ipagenum=1

สวนออร์แกนิกของโอฬาร วัฒนวินิน


ศุกร์ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๒


ศุกร์ คืนนี้ ๑๙.๓๐ น. ห่างบ้านผมไปไม่ถึง ๒ กิโลเมตร มีชุมชนคนมุสลิมขนาดใหญ่ชื่อชุมชนคลองหลวงแพ่ง เพื่อนรักของผม สมาชิก อบต. รอฟิก ยูเต๊ะ มาชวนให้นิติภูมิไปพูดรับใช้สัปบุรุษเรื่อง “โลกมุสลิม พ.ศ. ๒๕๕๓” ที่มัสญิดนูรุ้ลอิสลาม ชุมชนคลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนกรุงเทพฯ นี่แหละ

เสาร์คืนพรุ่งนี้ เวลา ๑๘.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. สาขาวิชาการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต ม.รามคำแหง ชวนนิติภูมิพูด ‘การค้าและนโยบายการแข่งขัน’ ที่ชั้น ๒ อาคารวิทยบริการฯ ม.รามคำแหง กรุงเทพฯ

อภิ พญาปัญหาสำคัญของโลกในอนาคต จะเป็นปัญหาด้านอาหารและพลังงาน อาหารจากผลิตภัณฑ์การเกษตรก็ต้องเป็นเกษตรอินทรีย์ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถส่งไปขายในตลาดยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และตลาดสำคัญอื่นๆ ได้เลย

เพื่อน เอาผลไม้จากจันทบุรีและตราดมาฝากผมกันบ่อย หนึ่งในบรรดาเพื่อนที่ชอบเอาผลไม้มาฝากนิติภูมิก็คือ นายโอฬาร (ประพันธ์) วัฒนวินิน ผู้ที่เคยเรียนกับผมที่โรงเรียนตราษตระการคุณ จังหวัดตราด

หลัง จากทานข้าวปลาอาหารหวานคาวเสร็จเรียบร้อย โอฬารและผมก็มักจะคุยกันถึงเรื่องตลาดผลไม้ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า จะต้องส่งผลไม้ไปตลาดไต้หวัน ญี่ปุ่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ฯลฯ ต้องตลาดพวกนี้ ถึงจะมีราคาดี

พ.ศ. ๒๕๔๗ โอฬารรวบรวมสวนมังคุดเก่าในจังหวัดตราดที่ปลูกมานานถึง ๕๐ ปีแล้ว ได้จำนวน ๔๐๐ ไร่ และประกาศว่าจะผลิตมังคุดอินทรีย์เพื่อส่งออก

พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้ใบอนุญาตออร์แกนิกไทยแลนด์จากกรมวิชาการเกษตร

พ.ศ. ๒๕๕๑ สวนของโอฬารได้รับการประกาศว่า เป็นสวนมังคุดอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

สินค้า เกษตรส่งนอกจะขายได้ดีมีราคา ต้องไม่มี สารเคมี เด็ดขาด ไอ้โอฬารเพื่อนรักของผมจึงตัดกระบวนการสารเคมีออกในทุกขั้นตอนการผลิต และเริ่มปฏิบัติเคร่งครัดตามระบบควบคุมคุณภาพการผลิตทางการเกษตร ผมหมายถึงโอฬารทำสวนตามมาตรฐาน GAP หรือ Good Agricultural Practice

ตอนเริ่มไม่ใช้สารเคมีใหม่ๆ โอฬารมาตะโกนใส่หน้าผมว่า “ข้าทนไม่ไหวแล้วโว้ย เพราะเชื่อเอ็ง ลูกกะใบมังคุดในสวนของข้าเสียหายเละเทะ ราคามังคุดในสวนร่วงลงไปเหลือเท่ากับมังคุดตกเกรด” ผมเตือนเพื่อนว่า เอ็งก็อย่าท้อแท้ถึงขนาดกลับไปใช้ยาฆ่าแมลงอีกล่ะ เอ็งต้องนึกถึงคาถาที่ข้าบอกให้ท่อง “ตลาดต่างประเทศๆๆๆ”

ข้า ขอให้เอ็งยึดมั่น ถือมั่น กับแนวทางธรรมชาติ มุ่งกับ ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ ต่อไป แมลงมันเยอะนัก เอ็งก็ลองชุมนุมสุมหัวกับลูกน้องหันมาหาวิธีจับแมลง ต้นไม้ใบหญ้าก็อย่าไปใช้ยาฆ่าหญ้า ปล่อยให้มันโตไปเลย หญ้าทั้งหลายจะได้เก็บความชื้นของผิวดินไว้ได้ เมื่อใดที่หญ้าออกดอกแก่ และจวนใกล้จะกลายเป็นเมล็ด เอ็งถึงค่อยไปดายหญ้าออก เพื่อไม่ให้วัชพืชพวกนี้กระจายขยายพันธุ์ลามไป

ได้ผลครับ สวนมังคุด ๔๐๐ ไร่ของโอฬารลดค่าใช้จ่ายในการจ้างคนงานใส่ปุ๋ยและฉีดยาฆ่าแมลงไปมากกว่า ๕๐% คนงานในสวนที่เหลือก็มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ไม่มีการส่งคนงานที่โดนสารเคมีไปโรงพยาบาลบ่อยเหมือนเมื่อก่อน

เดี๋ยว นี้สวนของโอฬารมีเสียงนกร้องเจี๊ยวจ๊าว นกตีทองร้องต๊ง ต๊ง นกปรอดที่สอดตัวอยู่ตามพุ่มมังคุด ก็มีบินให้เห็นตั้งแต่เช้าจดเย็น นกปรอดมันร้องกรอด กรอด อ้าว นั่นนกโพระดกหูเขียว เจี้ยวจ้าวส่งเสียงตุ๊ก อรุ๊ก ตุ๊ก อรุ๊ก ตลอดเวลา ตกดึก อากาศมืดแล้ว ยังไม่แคล้วอุตส่าห์มีเสียงนกฮูก ปูว วู้ ปูว วู้ ฟังดูน่ากลัวชะมัด

สระ ในสวน เดี๋ยวนี้มีมวนบนผิวน้ำเยอะ นั่นมวลกรรเชียงจิ๋ว มวลจิงโจ้ แม้แต่แมงดาสวนและนาก็มีปรากฏให้เห็น ใครจะนึกว่าในสวนมังคุดจะเต็มไปด้วยผีเสื้อ มีทั้งผีเสื้อม้าลาย ผีเสื้อสยามขอบดำ แม้แต่ผีเสื้อเหลืองหนามประดับเพชรก็มี

แฮ่ๆ แต่ที่น่ากลัวก็คืองูครับ เมื่อไม่มียาฆ่าแมลง ความหลากหลายของสัตว์เลื้อยคลานก็ตามมา อ้า งูกะปะ งูเห่า งูจงอาง งูเงี้ยวเขี้ยวขออะไรนี่มีครบครัน

ตลอด เวลาหลายปีที่ผ่านมา โอฬารเอาปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำจากขี้ค้างคาวมาให้ผมใส่ผลหมากรากไม้ในสวนที่ ลาดกระบัง ทุกทีที่มา ผมมักจะกระตุ้นให้โอฬารมีความฝันว่า ต่อไปในอนาคต สวน เอ แอนด์ พี ออร์ชาร์ดของเอ็งจะต้องได้ใบรับรองมาตรฐานจากทั่วโลก ถ้าวันนั้นมาถึง เอ็งไม่ต้องอาบน้ำ เพราะพ่อค้าที่จะส่งผลไม้ไปขายในตลาดยุโรปและอเมริกาจะเลียเอ็งจนตัวมันแพ ล็บอยู่ทุกเวลานาที

วัน เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปเพียง ๕ ปี วันนี้ โอฬารประสบพบความสำเร็จแล้วครับ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๒ สวน เอ แอนด์ พี ออร์ชาร์ด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสวนออร์แกนิกจากองค์กรของสหภาพยุโรป นิติภูมิขอโม้หน่อยว่า สวนของเพื่อนผมได้รับการรับรองออร์แกนิก ถามหาเลขที่หรือครับ IT BAC 009629 แม้แต่องค์กรของสหรัฐฯ ก็ต้องให้ใบรับรองมาตรฐานสวนออร์แกนิกแก่โอฬารด้วยเหมือนกัน

มังคุด ลูกเล็ก เปลือกไม่สวย โอฬารก็แกะแงะเอาเนื้อมาทำน้ำมังคุดส่งงนอก และเพราะความไม่ได้ใช้สารเคมี เปลือกมังคุดจากสวนของโอฬารจึงมีราคายังกะทองคำ พวกฝรั่งมังค่ามากว้านซื้อไปสกัดเอาสารแซนโทนไปทำยาและเครื่องสำอาง

ทำยังไงถึงจะกระจาย "ความคิด + การปฏิบัติ" นี้ไปทั่วประเทศได้?

[25/12/2552]

[kimzagass]

หลักการและเหตุผล :
มังคุด ไม่ใช่ มะเขือ-พริก......มังคุดมีโครงสร้างทางสรีระวิทยาใหญ่กว่ามะเขือ-พริก ดังนั้น มังคุดย่อมต้องใช้สารอาหารในปริมาณที่มากกว่า เพื่อใช้พัฒนาผลผลิตถึงระดับ เกรด เอ. ขนาดจัมโบ้. ได้ กับทั้งสร้างความสมบูรณ์ของต้น เพื่อให้ต้นไปสร้างผลผลิตอีกต่อหนึ่ง

ปัญหาคาใจ :
1..... คำว่า "สารเคมี" หมายถึง "ยาฆ่าแมลง หรือ สารเคมีกำจัดโรคและแมลง" โดยเฉพาะเท่านั้น ใช่หรือไม่ ?
2..... กรณี "สารสกัดจากสมุนไพร" ซึ่งก็คือ "เคมีธรรมชาติ" ชนิดหนึ่ง ใช้ได้หรือไม่
3.... ใน "ปุ๋ยอินทรีย์ และ ปุ๋ยชีวภาพ" มี "สารอินทรีย์" อะไร ที่สามารถทำให้ผลผลิตมังคุดมีคุณภาพถึงเกรดส่งออกได้
4..... ระหว่าง "ปุ๋ยเคมี กับ สารเคมีฆ่าแมลง" แม้จะใช้อย่างระมัดระวังอย่างไรก็ส่งผลเสียต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อมต่างกัน

ป.ล.
คุณนิติภูมิฯ ผู้เขียนคอลั่มน์ เป็นเพียง "นักคิด" ที่มีวิสัยทัศน์ เท่านั้น แต่คุณนิติภูมิฯ ไม่ใช่ "นักปฎิบัติ" ที่อยู่กับปัญหาจริงๆ ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงมีอะไรๆที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าโลกแห่งความคิดมาก

คุณนิติภูมิฯ ทิ้งท้ายไว้ว่า "ทำอย่าไรถึงจะกระจาย ความคิด + การปฏิบัติ นี้ไปทั่วประเทศได้" เป็นสิ่งชี้ชัดว่า ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของคุณนิติภูมิฯ แต่เป็นหน้าที่โดยอ้อมของ "สื่อ" หรือ "ประชาชน" คนหนึ่ง ที่พบเห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขแล้วก็มาบอกกล่าวกันเท่านั้น

ส่วนลุงคิม จะคิดหรือมองปัญหาอย่างคุณนิติภูมิฯ ไม่ได้ ทุกอย่างต้อง "ล้วงลึก" เอาข้อมูลที่แท้จริงออกมาให้ได้ แล้วพัฒนาไปสู่จุดที่เรียกว่า ก....ทำมากับมือ. นั่นแหละ


อยากฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้าง
ลุงคิมครับผม

[puk]

ถ้าจะทำให้เรื่องนี้ได้ผลทั่วประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยเป็นเมืองที่ปลอดสารพิษและสารเคมีใน พืช ผัก ผลไม้ ที่กิน ต้องทำการล้างสมองของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกส่งเสริมการเกษตรก่อน เพราะเห็นทีไรก็แนะนำแต่สารเคมีมาเป็นอันดับแรก ที่แนะนำเป็นอันดับแรกก็เพราะมีผลประโยชน์ที่ได้รับแอบแฝงอยู่ด้วย เมื่อไรที่ล้างสมองของคนพวกนี้ได้เกษตรตาดำ ๆ ของประเทศนี้ส่วนใหญ่ก็อาจะเป็นแบบที่คุณนิติภูมิฯ ตั้งคำถามไว้ได้


puk

[ott_club]

เกษตรเคมีกับเกษตรอินทรีย์ ผมว่าน่าจะมีมาตฐานในการแบ่งแยกนะ เพราะทุกวันนี้ใช้ปนกันมั่วไปหมด "ของฉันอินทรีย์ ของข้าก็อินทรีย์" เห็นมีแต่คนประชาสัมพันธ์ตัวเองแบบนี้ อยากให้แบ่งแยกเป็นระหว่างเกษตรเคมี กับเกษตรธรรมชาติโดยใช้พืชเป็นตัวตัดสิน คือสิ่งใหนที่ให้กับพืชแล้วทำร้ายดิน ทำร้ายพืช ทำลายสภาพแวดล้อม เราเรียกว่า เกษตรเคมี เช่น ยาฆ่าหญ้า สารฆ่าแมลงศัตรูพืช และปุ๋ยเคมีที่ใส่กันจนเหลือตกค้าง ฯลฯ ส่วนสิ่งไหนที่ให้กับพืชแล้วพืชมีการนำไปใช้ และทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีตามมา ไม่ทำร้ายธรรมชาติ ไม่เกิดโทษกับมนุษย์ "เราถึงเรียกว่าเกษตรธรรมชาติ"

จะบังคับไม่ให้ใช้ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมน และสารเคมีที่ได้มาจากการสังเคราะห์มันไม่ถูกนะ เพราะพืชยังต้องการ N P K ต้องการธาตุรอง ธาตุเสริม และฮอร์โมนตัวนั้นตัวนี้ที่มนุษย์มีการพัฒนาสังเคราะห์ขึ้น เพื่อสะดวกต่อการใช้ ง่ายต่อการเก็บรักษา

ถ้าอย่างนั้นทำเกษตรอินทรีย์คุณจะใส่ปุ๋ยคอกทำไม ทำน้ำหมักใช้ทำไม ก็ปุ๋ยคอกเรียกปุ๋ยหรือเปล่า นำมาแยกย่อยจนเหลือหน่วยสุดท้ายได้อะไร ก็ได้ N P K และธาตุรอง ธาตุเสริม อยู่วันยังค่ำ ทำน้ำหมักได้อะไร ก็ได้ฮอร์โมนไปบำรุงพืชเหมือนกัน ไปๆ มาๆ เกษตรอินทรีย์แท้ๆเลยก็คงเป็นประเถทเกษตรเทวดาเลี้ยง ไม่ได้ทำอะไรเลย ปล่อยให้ผลผลิตออกมาเองแล้วเก็บขาย

ฉนั้นทำเกษตรอย่ามาต่อต้านแบ่งแยกกันดีกว่า เขาก็บอกกันปาวๆ ว่าอินทรีย์ดียังงัย เคมีดียังงัย ถ้าเราเอาแต่ข้อดีของทั้งสองอย่างมาผสมกันล่ะ จะดีกว่าไหม ทำเกษตรโดยใช้พืชเป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่คนเป็นคนตัดสิน(พูดไปพูดมาก็วกเข้าเรื่องเดิมอีก)

ทำเกษตรที่ถูกต้องที่สุดยังงัยก็หนี้ไม่พ้น "อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสม" อยู่ดี

หรือใครจะมีความคิดเห็นเป็นอย่างอื่น แสดงออกมาได้เลยครับ

ott_club

[Pitipol]

พี่อ็อดครับ ผมว่าถ้าเราพูดถึงตัวมาตรฐานที่สวนนั้นๆ ใช้ จะชัดเจนมากกว่าพูดว่า ใช้อินทรีย์ ไม่ใช้เคมี

เพราะมาตรฐานแต่ละอันที่ก็มีข้อกำหนดของการจัดการสวนที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ใช้เคมีได้ ไม่ได้ ใช้ได้เท่าไหร่ อย่างไร
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[kimzagass]

อย่างนี้ต้องใช้หรือถือ "มาตรฐานตัวเอง" เป็นหลักจะได้หรือไม่ .....

ปลูกพืชตามใจพืช ไม่ใช่ตามใจคน.....
ปลูกพืชต้องพูดภาษาพืชได้.....
ปลูกพืชต้องรู้นิสัยพืช.....


รู้จักตัว NW แต่ไม่รู้ใจ NW
ลุงคิมครับผม