เอื้องหมายนา...กับหอยเชอร์รี่สู่ยาฆ่าหญ้า

[ott_club]

เก็บภาพ"เอื้องหมายนา" มาให้ชมกันครับ(เพิ่งรู้ว่าในสวนตัวเองก็มี) ได้ฟังรายการลุงคิมพูดถึงว่าสามารถกำจัดหอยเชอร์รี่ได้ ไม่ทราบว่าใช้ส่วนใดมาสกัด และวิธีใช้เป็นอย่างไร กำลังจะทำการทดลองแต่หาหอยเชอร์รี่ไม่ได้(ฤดูหนาวไม่รู้ไปไหนหมด)












อ๊อดครับ

[kimzagass]

สอบถามไปที่ อสุธีร์ฯ (ด่านช้าง - สุพรรณบุรี) (081) 837-3833 หรือ (035) 595-056 เจ้าของงานวิจัย

หมายหตุ :
ทราบมาจาก ดร.สุพจน์ ชัยวิมล กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ (เว้บเพื่อนบ้าน ในเว้บเรานี่แหละ)

ลุงคิมครับผม

[ott_club]

วิธีการใช้

ใช้"ดอก"บดให้ละเอียดหมักกับน้ำเปล่า 20% ของน้ำ นำไปสาดให้ทั่วแปลงนา

ใช้"เหง้า"ทุบๆ หมักกับน้ำเปล่า 30% ของน้ำ นำไปสาดให้ทั่วแปลงนา

หรืออย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง สับๆ บดๆ ทุบๆ ใส่ถุงตาข่ายไนล่อนเขียว
แช่ไว้บริเวณทางน้ำที่สูบน้ำเข้านา

โดย"เอื้องหมายนา"จะมีสาร ที่ชื่อ"แทนนิน"ทำให้หอยตายได้ ไข่ก็จะฝ่อ

ขอขอบคุณ อ.สุธีร์ ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลทั้งหมด
อ๊อดรายงาน

[kimzagass]

TO อ๊อด.....

งานแรก :
ขอบคุณมากสำหรับข้อมูล
....."ถ้าใน "เอื้องหมายนา" มีสาร "เทนนิน" ก็สามารถกำจัดเชื้อ "รา-แบคทีเรีย" ได้น่ะซี

งานเข้า :
คุณรู้จักกับ อ.สุธีร์ฯ แล้ว เรียนถามท่านอีกครั้งว่า สารสกัดสมุนไพรอะไรมีฤทธิ์กำจัดวัชพืชได้
หรือเอามาทำยาฆ่าหญ้านั่นแหละ

ข้อมูลเบื้องต้น......ทราบว่า "ผักกาดน้ำ" มีสารออกฤทธิ์แทนยาฆ่าหญ้าได้ แต่ไม่มีรายละเอียด


ลุงคิมครับผม

[ott_club]

วิเคราะห์

ถ้า"หอยเชอรี่"กลัวสาร"แทนนิน" เพราะฉะนั้นเราก็น่าจะใช้สารสมุนไพรตัวอื่น
ที่มีสารแทนนินสูง(ส่วนมากจะมีรสฝาด) เช่น หมาก เปลือกมังคุด เปลือกเงาะฯลฯ
ได้เช่นเดียวกัน

"เอื้องหมายนา" มี"แทนนิน"สูงก็น่าจะมีรสฝาดมาก ในเมื่อมีรสฝาดมากก็ต้องนำมา
ทำสมุนไพรกำจัด"ราและแบคทีเรีย"ได้เช่นเดียวกัน

"กากชา" ที่บอกว่ากำจัดหอยเชอรี่ได้โดยอ้างชื่อสามัญ"ซาโปนิน" มันก็แค่สมุนไพร
ที่มีรสฝาด(มีสารแทนนิน)มาผ่านกรรมวิธีนิดหน่อย แล้วบรรจุถุงขายแล้วอ้างว่ากากชา

อ๊อดครับ

[kimzagass]

โดยหลักการและเหตุผล ถือว่า "แนวคิด" นี้ถูกต้อง......

ไงๆ สอบถาม อ.สุธีร์ฯ อีกรอบ แล้วจะได้ข้อมูลที่เป็นงานวิชาการใหม่เพิ่มขึ้นอีก ที่สำคัญเป็นการเผยแพร่ผลงานของ "คนทำงาน" ด้วย


คบบัณฑิต บัณฑิตพา ไปหาผล....ไง
ลุงคิมครับผม

[ott_club]

[kimzagass]

ขอบคุณมาก....

......คำตอบนี้เปรียบเสมือแสงสว่างปากถ้ำที่จะนำไปสู่โลกกว้างอย่างไม่มีข้อจำกัด

......ขอบคุณในน้ำใจ อ.สุธีฯ ที่ยังรำลึกความหลังครั้งร่วมงานกับลุงคิม เรียนตามตรงว่า "จำไม่ได้ - จำไม่ได้" จริงๆว่า ที่ไหน-เมื่อไร-อย่างไร เพราะกว่า 10 ปีที่ผ่าน ได้พานพบและได้สัมผัสกับคนหัวใจเดียวกัน ทำงานด้วยกัน มากมาย รวมพื้นที่ได้กว่า
ครึ่งประเทศ ทุกอย่างและทุกครั้งถือเป็นเรื่องปกติ......ถ้าจะกรุณาทบทวนความหลังครั้งกระนั้นให้ลุงคิมได้ระลึกถึงสักนิดว่า
เราเคยสัมผัสกันที่ไหน คงดีไม่น้อย

......ก็มีข้อมูลอยู่เหมือนกันว่า "ผักกาดน้ำ" ในเขตภาคกลางก็มี วันนี้หรือหลายวันมาแล้วที่เกิดอาการขัดข้องทางเทคนิค ขนาด
บอกเอาต้นสดๆมาให้ดูเพียง 1 ต้น ยินดีจ่าย 100 บาท ก็ยังไม่สำเร็จ

......จำได้ไหม ใช้ "น้ำหมักชีวภาพ (สูตรเหม็นแปดบ้าน) เข้มข้นมากๆ" แล้วใบพืชไหม้..... จากคุณสมบัติเฉพาะตัวของน้ำหมักฯ
ตรงนี้ ถ้าเรา +เกลือ ลงไปก่อน แล้วใช้ในอัตราเข้มข้นก็คงทำให้ใบพืชไหม้ได้เหมือนกัน.....หรือใช้ "น้ำส้มควันไม้ใหม่ + เกลือ
+ น้ำตาล + ยูเรีย จี." ใช้ในอัตราเข้มข้นสูงสักหน่อย นี่ก็ทำให้ใบพืชไหม้ได้เช่นกัน หลังจากใบพืชแสดงอาการใบไหม้ (ได้ผล) แน่นอนแล้ว ให้ฉีดพ่นทับด้วย "จุลินทรีย์หน่อกล้วย" เพื่อสลายฤทธิ์สารที่ทำให้ใบพืชไหม้......ทั้งนี้ "ยาฆ่าหญ้า" ทุกยี่ห้อ ทำได้
เพียงใบพืชไหม้เท่านั้น ไม่นานเกินรอก็จะแตกยอดใหม่เจริญเติบโตดีกว่าเก่า แสดงว่ายาฆ่าหญ้ามิได้ฆ่าหญ้า.....หญ้าไม่ตาย
แต่ ดินตาย-จุลินทรีย์ตาย ใช่หรือไม่

......กรณี "หญ้าคา" แพ้ทาง "มันเทศ" นั้น ลุงคิมก็มีข้อมูลว่าแพ้ทาง "งา" ด้วย โดยใช้เทคนิคเดียวกันนั่นแหละ


ลุงคิมครับผม

[Aorrayong]

ที่มา http://www.samunprix.com/herbals/index.php/295-antycox.html
ผักกาดน้ำ


ผักกาดน้ำ มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องถิ่นได้แก่ ทางเชียงใหม่เรียกว่า หญ้าเอ็นยืด หญ้าเอ็นอืด, หมอน้อย,
จีนจะเรียกว่า เซียเต้เฉ้า, เชียจ่อยเช่า, ตะปุกชี้, ฮำผั่วเช่า หรือยั้วเช่า มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า คอมมอน เพลนเทน Common
Plantain มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า เพลนทาโก เอเชียติกา (Plantago asiatica L.) หรือ เพลนทาโก เมเจอร์ (Plantago major
Linn )

ผักกาดน้ำ เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน จัดเป็นพืชล้มลุกอายุยืนหลายปี มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ดังนี้

* ต้น : ต้นผักกาดน้ำมีความสูงประมาณ 30 – 50 ซม. ลำต้นอยู่ใต้ดิน ลำต้นสั้นมีใบติดเวียนรอบต้นใกล้ดิน จึงทำให้มอง
ดูเหมือนกับใบงอกขึ้นมาจากดิน

* ใบ : ขอบใบผักกาดน้ำค่อน ข้างเรียบ ใบเป็นรูปไข่กว้างขนาด 5-10×2-5 ซม.หรือรูปกลม โคนใบเรียวแหลม ปลาย
ป้านแหลมหนา คล้ายใบผักคะน้า ก้านใบยาวเท่ากับแผ่นใบ มีเส้นใบวิ่งตามยาว 5 เส้น สีเขียวไม่เข้ม

* ดอก: ผักกาดน้ำออก ดอกเป็นช่อ ชูขึ้นมาจากกลางก่อ ช่อดอกเป็นแท่งยาว 10-20 ซม. ดอก มีขนาดเล็ก มีสีขาวอมเหลือง
ไม่มีก้าน ออกเป็นช่อเล็กยาวติดตามก้านที่พุ่งจากดิน

* ผล : ผลของผักกาดน้ำมี ลักษณะรูปไข่ เมื่อแก่จะแตกตามขวาง ภายในผลจะมีเมล็ดมาก เมล็ด มีขนาดเล็ก มีสีน้ำตาลเข้ม
ถึงสีดำ เมล็ดมีขนาดยาว 1-1.5 มม.พบเป็นวัชพืชทั่วไปตามทุ่งหญ้า

ในปัจจุบันมีการค้นคว้าวิจัยต่างๆ เพื่อค้นหาสารหรือยาที่ช่วยต้านการอักเสบ ซึ่งสารที่ว่านี้ต้องมีคุณสมบัติลดการทำงานของ
เอ็นไซม์ที่มีชื่อว่า Cyclo-oxygenase ( COX )

แต่เอนไซต์ COX ซื่งมีอยู่สองตัว ได้แก่ COX-1 และ COX-2 ซึ่งมีหน้าที่ ต่างกัน คือ

* COX-1เป็นเอนไซม์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในการทำงานของเซลต่างๆ
* ส่วนCOX-2 เป็นเอนไซม์ที่จะทำงานเมื่อมีการอักเสบบริเวณต่างๆของร่างกาย

ดังนั้น ยาต้านการอักเสบที่ดีตามทฤษฎีแล้ว จึงควรเป็นยาออกฤทธิ์ที่เอนไซม์ COX-2 เพียงตัวเดียว ซึ่งเรียกการออกฤทธิ์ของ
ยาแบบเจาะจงมากนี้ว่า Selective Cox-2 inhibitor

สมุนไพรผักกาดน้ำ(Plantago major Linn.) เป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสกัดแยกกรดเออโซลิก (Ursolic acid)
ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบ และให้ผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ cyclooxygenase COX-2 isoenzyme เมื่อทดลองใน
หลอดทดลอง มีค่า IC50 130mM ในขณะที่ IC50 สำหรับ COX-1 isoenzyme เท่ากับ 210 mM ค่าคงทนเฉพาะเจาะจง
(selectivity) ต่อ COX-2 เท่ากับ 0.6 ใกล้เคียงกับ NS-398 ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ ความเฉพาะเจาะจงต่อการยับยั้ง COX-2
isoenzyme จะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาในการบ่ม (incubate) นานขึ้น ในขณะที่ผลการยับยั้ง COX-1 isoenzyme ไม่ขึ้นกับเวลาในการ
บ่มยาต้านการอักเสบที่มีฤทธิ์ไม่เฉพาะเจาะจงมีผลข้าง เคียงที่สำคัญคือ ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร สารที่มีความเฉพาะ
เจาะจงต่อการยับยั้ง COX-2 isoenzyme จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงดังกล่าวต่ำกว่า

[kimzagass]

เห็นภาพแล้วยืนยันได้เลยว่า "เคยเห็น" แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน มั่นใจแต่ว่าในเขตภาคกลางนี่แหละ เพราะช่วงที่ไปภาคอื่นไม่เคย
ลงไปเดินในแปลงเกษตร หากเป็นแปลงเกษตรภาคกลางเคยลงไปเดินในแปลงหลายแปลง จึงขอยืนยันว่า พืชสมุนไพรตัวนี้มี
ในเขตภาคกลางแน่นอน เมื่อนำข้อมูลจากคนอื่นว่ามีในเขตภาคนั้นภาคนี้ จึงพอจะสรุปได้ว่า "มีทั่วทุกภาค" ของประเทศ

ข้อมูลเบื้องต้นจากผู้ที่ผ่านหลักสูตรอบรมของ "องค์การเภสัชกรรม" ระบุว่า.....ในสมุนไพร "ผักกาดน้ำ" ในสารออกฤทธิ์เป็นพิษต่อพืช หรือใช้แทน "ยาฆ่าหญ้า" ได้


เบื้องต้นรู้แค่นี้.....ที่เหลือต้องทดลอง....

ส่วนผสมและวิธีทำ :
เก็บต้นผักกาดน้ำทั้งต้น (ใบ-ราก) สภาพ สด. แก่จัด. สมบูรณ์. ในฤดูกาล นำมาสับเล็ก หมักใน "น้ำส้มสายชู 1 ล.+ แอลกอฮอร์
10 ล." พอท่วม ทิ้งไว้ 24 ชม. ในร่ม อุณหภูมิห้อง......ครบกำหนด 24 ชม.แล้ว เติมน้ำเปล่า 10 เท่าของน้ำส้มสายชู + แอลกอฮอร์คนเคล้าให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 48-72 ชม. ..... ได้ "หัวเชื้อเข้มข้น" พร้อมใช้งาน

วิธีใช้และอัตราใช้ :
น้ำ 20 ล. + หัวเชื้อเข้มข้น 100 ซีซี. ฉีดพ่นที่ต้นวัชพืชให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบ ช่วงสายแดดจัด

หมายเหตุ :
1..... เสริมประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์โดยเติม "เกลือ" ในน้ำก่อนผสมหัวเชื้อเข้มข้น
2..... ฉีดพ่นช่วงแดดจัด เพื่ออาศัยความร้อนจากแสงแดดจะได้แน่นอนกว่าแดดอ่อน
3..... นอกจากการหมักใน "น้ำส้มสายชู+แอลกอฮอร์+น้ำ" แล้ว การ "ต้ม" ซึ่งจะเป็นแบบต้มพอเดือดหรือต้มเคี้ยวก็สามารถ
สกัดสารออกฤทธิ์ให้ออกมาได้เช่นกัน
4..... การใช้ขณะหัวเชื้อเข้มข้นร้อนๆ โดยผสมกับ "น้ำต้มเดือด" ความร้อนของน้ำจะช่วยให้ใบวัชพืชได้รับความเสียหายมากกว่าจากน้ำเย็น


ลองดูนะ เพื่อไปสู่.....นี่แหละ ก....ทำกับมือ
ลุงคิมครับผม

ป.ล.
ข้อมูลนี้ "ไม่มี" หลักวิชาการ หรืองานวิจัยรองรับ/ยืนยัน เพราะฉนั้นพวกเราต้อง ทดสอบ/ทดลอง กันเอง แล้วอย่าลืมแจ้งข่าวคืบหน้าด้วยนะ