ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 27 NOV

[kimzagass]

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 27 NOV



**********************************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ...

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางสถานีวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

*********************************************************





จาก : (082) 719-56xx
ข้อความ : บำรุงอย่างไรให้ต้นข้าวเตี้ยๆ ใช้ผลปุ๋ยรุ้ง กับใช้ผลปุ๋ยรุ้งสูตรไหนให้มะลิออกดอกมาก....จากสิงห์บุรี

ตอบ :
ผลปุ๋ยรุ้ง คือ สปอนเซอร์รายการวิทยุภาคเช้า แนะนำให้ใช้ "ผลปุ๋ยรุ้ง สูตรนาข้าว ระยะออกรวง" เมื่อจำนวนต้นข้าว 1 ใน 4
ของต้นข้าวทั้งแปลง เริ่มออกรวงโผล่ออกมาให้เห็น ชาวนาเรียกว่า "หางแย้" หรือยาวประมาณ 1 นิ้วมือ

หรือใช้ "ฮอร์โมนไข่ไทเป" (ซื้อ/ทำเอง-สูตรอยู่ที่หน้เว้บ) ก็ได้เหมือนกัน เมื่อต้นข้าวได้ระยะเดียวกัน

- ส่วนผสมใน "ผลปุ๋ยรุ้ง" มีอะไรบ้าง = ไม่รู้ เพราะไม่ได้เป็นคนทำ
- ส่วนผสมใน "ไทเป" มี "0-52-34 + 13-0-46 + สาหร่ายทะเล + เอ็นเอเอ." เป็นส่วนผสมหลัก ส่วนผสมพวกนี้
เป็นทั้ง สะสมตาดอก-เปิดตาดอก-บำรุงดอก ไปพร้อมๆกัน

หลังจากให้ "ไทเป" ทางใบไปแล้วต้นข้าวจะหยุดการโตทางสูง แต่จะโตทางข้างแทน ลักษณะการโตแบบนี้ทำให้ลำต้น
ของต้นข้าวแข็ง ไม่ล้มง่ายๆ แล้วออกรวงดี

เกร็ดความรู้เรื่องข้าวต้นเตี้ย :
- ข้าวต้นเตี้ย (สั้น) รวงจะยาว ได้เมล็ดมาก....ข้าวต้นสูง (ยาว) รวงจะสั้น ได้เมล็ดน้อย
- ช้าวต้นเตี้ยไม่ล้ม เพราะไม่ต้องรับน้ำหนัก
- ข้าวต้นล้ม คือ ลำต้นหัก การหักของลำต้นเป็นอุปสรรคให้น้ำเลี้ยงไปเลี้ยงรวงไม่ได้
- ข้าวต้นสูง เกี่ยวแล้วได้ฟางมาก ได้รวง (เมล็ด) น้อย
- การให้ "แคลเซียม โบรอน" เดี่ยวๆ ช่วงก่อนออกรวง (แตกกอ) 1 รอบ จะช่วยเสริมให้ลำต้นของต้นข้าวแข็งยิ่งขึ้น


**** มะลิมะลิมะลิมะลิ
- ธรรมชาติของมะลิชอบ "กระดูกป่น" แนะนำให้ทางดินด้วย "ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้นไขกระดูก จาก 5% เป็น
25%) 8-24-24 + ยิบซั่ม + ขี้ไก่แกลบ" ทุก 3 เดือน ให้น้ำสม่ำเสมอ

- มะลิออกดอกหลังแตกยอด ให้ตัดแต่งกิ่งที่บริเวณกิ่งแก่ (เปลือกสีเทา) ต่อกิ่งอ่อน (เปลือกสีเขียว) หลังตัดยอดแล้วให้
"ฮอร์โมนไข่ไทเป + ไบโออิ" จากนั้นประมาณ 60 วัน มะลิจะแตกยอดใหม่แล้วออกดอกตามมาด้วย

- มะลิแจ๊คพ็อต : ภาษิตแม่ค้าว่า "มะลิหน้าหนาว มะนาวหน้าแล้ง ผักชีหน้าฝน....ราคาดีเสมอ

ต้องการให้มะลิออกดอกเก็บได้วันไหน นับปฏิทินถอยหลัง 60 วัน แล้วลงมือปฏิบัติการ.....ทางดิน ใส่ กระดูกป่น - ยิบซั่ม -
ขี้ไก้แกลบ - ระเบิดเถิดเทิง (เน้นไขกระดูก) 8-24-24.....ทางใบ ตัดแต่งกิ่ง แล้วให้ "ไทเป" หรือ "13-0-46 + 46-0-0
สูตรใดสูตรหนึ่ง ทุก 5-7 วัน

- ต้องการดอกใหญ่แต่หลวม................ให้ ยูเรก้า ทุก 5-7 วัน ตั้งแต่เริ่มออกดอกถึงหมดดอก
- ต้องการดอกเล็กแต่แน่น..................ให้ 0-21-74 สลับกับ แคลเซียม โบรอน ตั้งแต่เริ่มออกดอกถึงหมดดอก




ราคาดอกมะลิแช่เฉลี่ยรายเดือน ประจำปี 2554 ตลาดสี่มุมเมือง

เดือน.................เฉลี่ย.................สูงสุด.................ต่ำสุด

ม.ค. .............. 300.00 ........... 300.00 ............. 300.00
ก.พ. .............. 262.50 .......... 500.00 ............. 100.00
มี.ค. .............. 75.00 ............. 200.00 ............ 30.00

เม.ย. ............. 142.38 ........... 350.00 ............. 40.00
พ.ค. ............. 49.26 ............ 100.00 ............. 30.00
มิ.ย. .............. 77.39 ............. 130.00 ............. 40.00

ก.ค. .............. 80.69 .............. 200.00 ........... 60.00
ส.ค. ............. 155.67 ............. 350.00 ............ 60.00
ก.ย. ............. 146.55 ............. 200.00 ............ 70.00

ต.ค. ............. 197.27 ............. 300.00 ............ 100.00
พ.ย. ................ - ...................... - ...................... -
ธ.ค. ................ - ....................... - ...................... -





วัน/เดือน/ปี .............. เฉลี่ย ............... สูงสุด ............... ต่ำสุด

22/10/2554 .......... 300 ................ 300 ................ 300
21/10/2554 ........... 200 ................ 200 ................ 200

20/10/2554 ........... 220 ................ 220 ................ 220
19/10/2554 ........... 200 ................ 200 ................ 200
18/10/2554 ........... 220 ................ 220 ................ 220
17/10/2554 ........... 100 ................ 100 ................ 100
16/10/2554 ........... 250 ................ 250 ................ 250

15/10/2554 ........... 200 ................ 200 ................ 200
14/10/2554 ........... 220 ................ 220 ................ 220
13/10/2554 ........... 220 ................ 220 ................ 220
12/10/2554 ........... 250 ................ 250 ................ 250
11/10/2554 ........... 200 ................ 200 ................ 200
10/10/2554 ........... 220 ................ 220 ................ 220

09/10/2554 ........... 240 ................ 240 ................ 240
08/10/2554 ........... 220 ................ 220 ................ 220
07/10/2554 ........... 200 ................ 200 ................ 200
06/10/2554 ........... 160 ................ 160 ................ 160
05/10/2554 ........... 160 ................ 160 ................ 160

04/10/2554 ........... 160 ................ 160 ................ 160
03/10/2554 ........... 100 ................ 100 ................ 100


http://www.taladsimummuang.com/dmma/portals/PriceListItem.aspx?id=080114010

-------------------------------------------------------------------------------------------



จาก : (081) 746-23xx
ข้อความ : ได้ยินผู้พันพูดว่า ทำนาโดยไม่ต้องไถ จึงสงสัยว่า แล้วจะกลบฟางยังไง ผมมีนา 40 ไร่ คิดต้นทุนแล้ว
ขาดทุนจริงๆอย่างผู้พันว่า ตอนนี้กำลังวางแผนใหม่ จะลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นจริงๆลงให้ได้ ขอคำแนะนำด้วยครับ....
จาก สมช.รายการใหม่ แต่ทำนามานานแล้ว


ตอบ :
- แนวความคิดเบื้องต้นมาจากทฤษฎีของฟูกูโอกะฯ (ญี่ปุ่น) ที่ว่า "ไม่ไถ ไม่พรวน" จะช่วยให้เนื้อดินไม่แน่น หรือฟูดีกว่าการไถ
- จากทฤษฎีของฟูกูโอกะฯ ผสมผสานกับหลักการของ ดร.โช. (เกาหลี) ที่ว่า จุลินทรีย์ คือ ตัวช่วยปรับปรุงบำรุงดินอย่างแท้จริง
การไม่ไถทำให้จุลินทรีย์อยู่ได้ภายใต้สภาวะธรรมชาติเดิมๆของเขา ตรงกันข้ามกับการไถ ที่ทำให้จุลิทรีย์ต้องถูกแสงแดด และ
อุณหภูมิที่เปลี่ยนไปจากเดิม จนเป็นเหตุให้จุลินทรีย์ตายได้


ประวัติดิน :
- เคยทำนาแบบไม่เผาฟาง แต่ไถกลบลงดินมาแล้ว 4 รุ่น โดยเจ้าของที่ดิน
- ได้ผลผลิต 100 (+) มาทุกรุ่น
- นารุ่นสุดท้าย ขี้เทือก ลึกเหนือตาตุ่ม ต่ำกว่าครึ่งแข้งเล็กน้อย
- ทำนาข้าวแบบเคมีล้วนๆ ส่วนที่เป็นอินทรีย์มีเพียงไถกลบฟางเท่านั้น
-


แนวคิดแบบ "บ้าบ้า แต่มีหลักการ"
- ไม่ไถ แต่ย่ำเทือกเลย แล้วส่งเสริมกระบวนการจุลินทรีย์ประจำถิ่น
- อาศัยฟางเป็นแหล่งพลังงานของจุนทรีย์ และเป็นสารอาหารสำหรับต้นข้าว
- ถ้าสร้างกระบวนการจุลินทรีย์ไม่สำเร็จ จะทำให้ต้นข้าวไม่ได้รับสารอาหารจากดิน
- ถ้าต้นข้าวไม่ได้รับสารอาหารจากดินหรือได้รับไม่เพียงพอ แก้ไขด้วยการให้ทางใบ
- ได้ปุ๋ยเคมีเหลือตกค้างอยู่ในเนื้อดินจากนาข้าวแบบเคมีนำ
- ไม่มีต้นทุนค่าไถ
- ทำให้แปลงข้างๆดู (วัดใจคน)

- สร้างทฎษฎีใหม่
- ความล้มเหลว คือ ความสำเร็จ เพราะจะทำให้รู้ว่าวิธีนี้ "ใช่ หรือ ไม่ใช่"
- อบต. กำนัน. นายอำเภอ. ตำรวจ. ไม่จับ


การปฏิบัติ :
1. หลังจากรถเกี่ยวออก เกลี่ยเศษฟางที่กองซ้อนกันให้กระจายทั่วแปลง
2. ตากฟาง 7 วัน กระทั่งฟางแห้ง
3. ปล่อยน้ำเข้าลึกต่ำกว่าตาตุ่ม ทิ้งไว้ 7 วัน เพื่อล่อให้วัชพืชขึ้น
4. สำรวจแปลง วัชพืชทุกชนิดงอกขึ้นมาแล้ว
5. ปล่อยน้ำเข้า ลึกครึ่งหน้าแข้ง สาดกากน้ำตาล 2 ล./ไร่ ให้ทั่วแปลง ทิ้งไว้ 3 วัน
6. สำรวจแปลง ฟางเริ่มเปื่อย วัชพืชบางส่วนตายเพราะถูกน้ำท่วม
7. สั่ง "อีขลุบ หรือ ลูกทุบ" ลงย่ำเศษฟางและวัชพืช เพื่อทำเทือก
8. ย่ำเทือกซ้ำ 3 รอบ ห่างกันรอบละ 5 วัน

9. สำรวจแปลงพิสูจน์....
- การเน่าของฟางที่อาจทำให้เกิดข้าวเมาตอซัง......ไม่พบ
- วัชพืชทั่วแปลงตาย...................................ไม่ปรากฏให้เห็นขณะนั้น
- ขี้เทือกลึกครึ่งหน้าแข้ง................................ดีเท่าหรือดีกว่า ไถก่อนทำเทือก
- เทียบเนื้อดินกับเนื้ออินทรีย์วัตถุ 4-5 : 1 ..........โดยการละลายน้ำ
- ตรวจสอบคุณภาพดิน-น้ำ = ดี ..................... โดยการดมกลิ่น
- ตรวจสอบความเรียบหน้าดิน = เท่ากันทั่วแปลง....โดยดูระดับผิวหน้า

10. ปล่อยน้ำออกเหลือต่ำกว่าตาตุ่ม หรือเพียงติดผิวหน้าดิน
11. ทำเทือกรอบสุดท้าย ใส่น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (5 ล.) + 16-16-16 (10 กก.)/ไร่
12. วันรุ่งขึ้นลงมือดำ ด้วยรถดำนา ข้าวพิษณุโลก 1
13. บำรุงตามขั้นตอน การทำนาข้าวแบบประณีต


ต้นทุนส่วนที่ลดได้ :
1. ค่าไถ
2. ค่ายาฆ่าหญ้า
3. ค่ายาฆ่าหอย
4. ค่าพันธุ์ข้าวปลูก
5. ค่าเมล็ดพันธุ์
6. ค่าเตรียมเมล็ดพันธุ์
7. ค่าเตรียมกล้า (เตรียมแปลง บำรุงกล้า ฯลฯ)
8. ค่าแรงคนดำ
9. ค่าปุ๋ยเคมี จาก 1 กส.ลงเหลือ 10 กก./ไร่
10. ตีเทือกเอง-สูบน้ำเอง ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง

---------------------------------------------------------------------------------------------



.