-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 25 NOV
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 25 NOV
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 25 NOV

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 25/11/2011 7:30 am    ชื่อกระทู้: ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 25 NOV ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 25 NOV



**********************************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ...

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางสถานีวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

*********************************************************




จาก : (087) 894-72xx
ข้อความ : มะม่วงน้ำดอกไม้ ปลูกในบ้าน 7 ต้น โดนน้ำท่วมนานเกือบเดือน มันออกดอกมาเอง ไม่ได้เปิดตาดอก
ตอนนี้ดอกร่วง อยากปรึกษาจะแก้ไขยังไง.....ขอบคุณค่ะ สิงห์บุรี

ตอบ :
การปล่อยน้ำท่วมโคนต้นมะม่วง เป็นวิธีบังคับให้มะม่วงออกดอกอย่างหนึ่งในจำนวนหลายๆวิธี....ในสวนมะม่วงยกร่องน้ำ
หล่อเขาจะปล่อยน้ำเข้าจนเต็มร่อง ท่วมสันร่องประมาณ 1 ฝ่ามือ พอมะม่วงเริ่ม (เน้นย้ำ...เริ่ม) แทงช่อดอกออกมาให้เห็น
เขาก็เอาน้ำออก จนเหลือแค่ครึ่งร่อง แล้วลงมือบำรุงดอกอย่างจริงๆ จังๆ

แต่มะม่วงของเราที่น้ำท่วมวันนี้ มันเป็นภัยธรรมชาติ ท่วมลึกหัวเข่า - เอว - อก ท่วมนานเป็นเดือน ดอกออกมาแล้วก็ยังมี
น้ำท่วมค้างคาอยู่ แบบนี้ไม่เข้าข่ายบังคับด้วยน้ำท่วมนะ

การปล่อยให้น้ำท่วมแบบควบคุม (น้ำเข้า น้ำออก) ได้ กับท่วมแบบควบคุม(น้ำเข้า น้ำออก) ไม่ได้ มันต่างกันแทบจะคนละ
เรื่องกันเลย

ในแปลงที่ควบคุมได้ เมื่อเอาน้ำออกแล้วบำรุงดอก โอกาสที่ดอกจะพัฒนาเป็นผลได้ค่อนข้างสูง เพราะเราสามารถควบคุม
หรือจัดสรรสารอาหารสำหรับบำรุงดอกโดยเฉพาะได้....จัดสรรอย่างไรก็ว่ากันไป

มะม่วงที่ออกดอกเพราะน้ำท่วมแบบควบคุมไม่ได้ เมื่อดอกออกมาต้องเร้งบำรุงดอกด้วย "15-45-15 + ธาตุรอง/ธาตุเสริม"
ทุก 5 วัน สลับด้วย "เอ็นเอเอ." 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 5 วัน จัดรอบการให้ดีๆ....ถ้าบำรุงได้ก็อาจจะเหลือดอกเป็นลูกให้
ได้กินบ้าง สถานการณ์น้ำแบบนี้ 50/50 นะ ว่าแต่ ระดับน้ำลึกๆ จะเข้าไปฉีดพ่นทางใบยังไงล่ะ....

กับอีกวิธีหนึ่ง ไม่ต้องเสี่ยง 50/50 แต่โอกาสติดลูกสูง นั่นคือ ช่อดอกที่ออกมาท่ามกลางน้ำท่วมลึกขังค้างนานแบบนี้ ให้ตัด
ก้านดอกทิ้งไปเลย ตั้งแต่ก้านดอกยาว 1 นิ้วมือ ตัดให้ชิดโคนก้านช่อดอก ตัดแล้วบำรุงต่อด้วย "0-42-56 + กลูโคส"
สลับกับ "แคลเซียม โบรอน + กลูโคส" เพื่อสะสมตาดอก ให้ไปเรื่อยๆทุก 7 วัน หลังจากน้ำลงปกติแล้วให้เปิดตาดอกด้วย
"13-0-46 + ไธโอยูเรีย" หรือ "ฮอร์โมนไข่ไทเป" ก็ได้ คราวนี้ช่อดอกที่ออกมาก็จะไม่มีน้ำเป็นอุปสรรค จากนั้นค่อยว่าใหม่

กรณีน้ำดอกไม้ของคุณ ดอกร่วงหมดแล้วคงไม่ต้องทำอะไรหรอกนะ อย่างนี้เขาเรียกว้า "ช้าไปต๋อย...." รอให้น้ำลงมาสู่สภาพ
ปกติก่อน แล้วบำรุงใหม่ตามขั้นตอน 8 ขั้นตอนบำรุงไม้ผล แล้วรอฤดูกาลหน้าโน่นแหละถึงจะได้กินลูก

อีกทางออกหนึ่งก็คือ ตัดแต่งกิ่งแล้วเรียกใบอ่อนชุดใหม่ ได้ใบอ่อนชุดใหม่แล้ว "ราดสาร" ซิครับ ทำมะม่วงนอกฤดูไปเลย
น้ำดอกไม้เป็นมะม่วงเบา ออกดอกง่าย ติดผลง่าย งานนี้เล่นไม่ยาก



ประสบการณ์ตรง (1) :

หลักการและเหตุผล
1...... มะม่วงเป็นไม้ผลประเภทออกดอกติดผลที่โคนใบปลายกิ่ง ผลจากการบำรุงด้วยสูตรสะสมอาหารเพื่อการออกดอก
(สะสมแป้งและน้ำตาล) แล้วปรับ C/N เรโช ไม่ประสบความสำเร็จ กล่าวคือ ถ้าปรับ C/N เรโชแล้ว N ยังมากกว่า C
(อาจเป็นเพราะ N จากน้ำฝน) เมื่อเปิดตาดอก มะม่วงต้นนั้นจะออกเป็นใบอ่อนแทนออกเป็นดอก
2...... ผลจากการให้อาหารกลุ่มสร้าง C ที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งบำรุงด้วยสูตรสะสมตาดอกนั้น แม้มะม่วงต้นนั้นจะแตกใบ
อ่อนออกมา แต่สารอาหารกลุ่มนั้นบางส่วนยังคงเหลืออยู่ภายในต้น ซึ่งสารอาหารกลุ่มนี้ยังพร้อมที่จะส่งเสริมให้มะม่วง
ออกดอกชุดใหม่ได้

การปฏิบัติ :
1.... เมื่อใบอ่อนที่แตกออกมาใหม่เริ่ม "แผ่กาง" ให้เด็ดทิ้ง (เด็ดด้วยมือ) ทั้งหมด
2.... เด็ดใบอ่อนทิ้งแล้ว เริ่มบำรุงทางใบด้วยสูตรสะสมตาดอก 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน.....ช่วงนี้งดการให้น้ำ
ทางรากเด็ดขาด
3..... สะสมตาดอกครบกำหนดแล้ว ให้เปิดตาดอกด้วย "ฮอร์โมนไข่ + 13-0-46 + ไธโอยูเรีย" (ฮอร์โมนไข่สูตร
สเปน) 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

ผลรับ :
เมื่อไม่มี "ตุ่มตา" ที่ซอกใบปลายยอด เนื่องจากถูกเด็ดใบทิ้งแล้ว และพัฒนาขึ้นมาใหม่ไม่ทัน ต้นจะพัฒนาตาที่อยู่ใต้เปลือก
บริเวณโคนกิ่ง (กิ่งแก่) หรือใต้เปลือกบริเวณลำต้นขึ้นมาแล้วกลายเป็นตุ่มตาที่มีดอกออกมาได้แทน


ประสบการณ์ตรง (2) :
1.... สวนมะม่วงที่ประสบความสำเร็จจากการปฏิบัติบำรุงตามแนวนี้ ได้แก่ สวนมะม่วงน้ำดอกไม้ที่เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิง
เทรา....... สวนมะม่วงน้ำดอกไม้-เขียวเสวย-ฟ้าลั่น ที่ อ.ไชโย จ.อ่างทอง. ......ส่วนมะม่วงขาวนิยม ที่บางบอน กทม.
และ สวนมะม่วงขาวนิยม ที่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี.....ออกดอกติดผลที่โคนกิ่ง ทั้งกิ่งอ่อน กิ่งแก่ กิ่งกลางอ่อนกลางแก่ และ
กลางลำต้นได้......ดอกที่ออกมานี้เมื่อบำรุงตามขั้นตอนปกติ ก็สามารถพัฒนาเป็นผลระดับเกรด เอ. ได้เช่นกัน
2.... สวนลิ้นจี่ ที่ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ก็สามารถออกดอกติดผลตามโคนกิ่งแก่ และลำต้นได้เช่นกัน


คลิก....
http://www.kasetthailand.com/Book/kasetmai38.html
มะม่วงติดผลกลางต้น

-------------------------------------------------------------------------------------------





จาก : (086) 449-76xx
ข้อความ : ในนาข้าว ถ้าจะปลูกพืชอย่างอื่นแทรก ลุงคิมมีความคิดเห็นอย่างไร ถ้าเป็นลุงคิมจะปลูกอะไร หรือทำอะไร
ขอฟังประสบการณ์ตรงของลุงนะครับ.....จากกำแพงเพชร

ตอบ :
ริมทางด่วนมอเตอร์เวย์ ช่วงรอยต่ระหว่าง กทม.-ฉะเชิงเทรา นาข้าวย่านนั้นไม่ใช่น้อย ปรับคันนาให้กว้างกว่าปกติเป็น
กว้างราวๆ 3 ม. แล้วปลูก ข่า, ตะไคร้, มะเขือ, พริก บนคันนานั้น มองเผินจากบนรถก็เดาออกว่า ด้วยเนื้อที่เท่าๆ
กันนั้น ผลผลิตบนคันนาน่าจะจำหน่ายได้มากกว่าข้าว นั่นเป็นการปลูกแบบธรรมดาๆ หากมีการวางแผนปลูกทำให้เป็น
"แจ๊คพ็อต" ก็น่าจะได้มากกว่า

ริมถนนบรมราชชนนี ประมาณพุทธมณฑลสาย 4-5 นาข้าวข้างทาง ปลูกเผือกน้ำที่ชายน้ำริมคันนา นี่ก็เป็นอีกกิจกรรม
ตัวอย่างหนึ่งที่ยืนยันความเป็นจริงของการปลูกพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียว แทรม/แซก ในนาข้าว

โดยหลักการแล้ว พืชทุกอย่าง หลายๆอย่างอยู่ร่วมกันได้ ถ้าปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวกับ ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ-สารอาหาร
ไม่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ปลูกเถอะ ดีกว่าปล่อยพื้นดินให้ว่าง รกหญ้าเปล่าๆ ไม่เอาผลผลิตไปขายก็แจกชาวบ้านกินได้ สุดท้ายจริงๆ ช่วยแก้โลกร้อน



http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=13559&sid=13e6b03385f2239cc4b855fb723d5f53#13559
ปลูกเผือกในนาข้าว หลีกเลี่ยงปัญหาราคาข้าวตกต่ำ


-------------------------------------------------------------------------------------------





จาก : (089) 229-01xx
ข้อความ : ตัดยูคาฯ แล้วรดน้ำผสมปุ๋ย เขาว่า "บ้า" ขอคำขี้แนะด้วย....ขอบคุณครับ

ตอบ :
หลายคนมักพูดว่า "ยูคาฯ ทำลายดิน....ยูคาฯ ทำให้ดินเสีย....ปลูกยูคาฯ แล้ว ปลูกอะไรอีกไม่ได้....ปลูกยูคาฯ .... ปลูกยูคาฯ ....
สารพัดส่งผลเสีย หรือทางลบต่อยูคาฯ....

ครั้นถามย้อนว่า "ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?"
บางคำตอบว่า "ไม่รู้" บางคำตอบก็ว่า "ก็ดูซี่ หญ้ายังตาย...."
แต่พอถามลึกอย่างนั้น ถามหาเหตุและผล เพราะอะไร ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น กลับไม่ได้คำตอบ

ธรรมชาติ คน V.S. ยูคาฯ
- ปลูกยูคาตามใจคน ไม่ตามใจยูคาฯ
- ไม่เอายูคาฯ เป็นศูนย์กลางทางความคิด ทางการปฏิบัติ แต่กลับเอาคนเป็นศูนย์กลางแทน
- ปลูกยูคาฯ แล้วประสบความสำเร็จ บอกว่าฝีมือ แต่ปลูกแล้วล้มเหลวกลับบอกว่าดวงไม่ดี

- ปลูกยูคาฯ แต่ไม่รู้จักยูคาฯ แล้วเที่ยวคุยเรื่องยูคาทั่วบ้าน แบบนี้เขาเรียกว่า "ขี้โม้"

ธรรมชาติของยูคาลิปตัส :
- เป็นไม้กินน้ำมาก
- ระบบรากลึกและกว้างไกล
- ดูดซับน้ำได้เร็ว
- ทนน้ำท่วมขังค้างนานได้ดี
- ทนแล้งได้ดี เพราะมีน้ำสะสมภายในลำต้นมาก
- โตเร็วถึงเร็วมาก ถ้ามีน้ำให้สม่ำเสมอ

ผลทางลบที่เกิดจากยูคาลิปตัสต่อไม้อื่น :
- เพราะยูคาต้องการน้ำมาก มีระบบดูดซับน้ำดีมาก จึงดูดน้ำในเขตทรงพุ่มหรือพื้นที่ๆรากไปถึงไปเก็บไว้ในต้นตัวเองจนหมด

- เมื่อดินในเขตรากยูคาฯ ไม่มีน้ำจึงผลให้ดินเสีย
- ดินเสีย หมายถึง ดินที่ไม่มีน้ำ ไม่มีความชื้น ไม่มีสารอาหารธรรชาติ และไม่มีจุลินทรีย์
- เมื่อในดินไม่มีปัจจัยธรรมชาติเพื่อการเจริญเติบโตของพืชนอกจากพืชที่ปลูกใหม่ไม่โตแล้ว พืชเดิมที่มีอยู่ก็ตายด้วย

แนวทางแก้ไข :
- เมื่อคิดจะปลูกยูคาฯ ต้องให้น้ำ ให้ครั้งละมากๆ จนเหมือนน้ำท่วม 2-3 เดือน/ครั้ง ต้นยูคาฯ ก็จะโตเร็ว เร็วกว่าไม่ให้น้ำหลายเท่าตัว
- ลำพังยูคาฯ สารอาหารจากปุ๋ยคอกอย่างเดียวปีละครั้ง หรือหากแถมยิบซั่มด้วย จะดีมากๆ

- ไม่ต้องสนใจกับคำพูดของคนที่ไม่รู้จักยูคาฯ จริง
- มุ่งมั่นปฏิบัติต่อยูคาฯ ตามความต้องการที่แท้จริงของยูคาฯ ทำให้ยูคาฯ โตเร็วๆ และทำให้คนที่พูดกลืนน้ำลายตัวเองให้ได้ด้วย


********** ไม่มีพืชใดในโลกนี้ไม่ต้องการน้ำ ***********

-------------------------------------------------------------------------------------------





จาก : (082) 583-14xx
ข้อความ : ลุงครับ เมื่อเช้าวาน ลุงพูดเรื่องพริกและมะเขือ อายุสั้นฤดูกาลเดียว สามารถอยู่ได้นานถึง 5 ปี 10 ปี
ผมว่า เวอร์ ไปแล้ว ...... ด้วยความนับถือ

ตอบ :
การดำเนินรายการวิทยุ ไม่ใช่การอ่านหนังสือให้คนฟังธรรมดาๆ วิทยุเป็นสื่อสารประเภท ONEWAY COMMUNICATION คนฟังอาจ
เบื่อง่ายๆ เพราะฉนั้นการสื่อสารแบบนี้ต้องถือหลัก "สด - ใหม่ - มันส์ - สนุก" แม้แต่เอาเรื่องเก่าๆมาพูด แต่พูดได้ สด-มันส์-สนุก ก็
กลายเป็นเรื่องใหม่ได้.....เริ่มวันแรกในชีวิตของการเป็นนักจัดรายการวิทยุ เพียงวันที่ 27-28-29 เม.ย.2537 รวม 3 วันเท่านั้น ที่ลุงคิม
"อ่านโผ หรือ โฉนด" จากนั้นมาไม่เคยอ่านโผ แม้ว่าโผจะอยู่ในมือ วิธีการคือ อ่านทำความเข้าใจก่อน แล้วพูดเนื้อหาแบบปากเปล่า จะอ่าน
ก็เฉพาะตัวเลข โดยเฉพาะตัวเลขสูตรปุ๋ยเท่านั้น

แม้แต่ทุกวันนี้ ทำรายการวิทยุก็ไม่มีโผ พูดปากเปล่า คิดเดี๋ยวนั้นพูดเดี๋ยวนั้น ไม่มี "เอ้อนะครับอ้า-อ้านะครับเอ้อ" สังเกตุได้ที่
เอฟเอ็ม.91 ถามปุ๊บตอบปั๊บ บางครั้งคำถามยังไม่จบ ให้คำตอบไปแล้ว แบบนี้จะเตรียมโผได้ยังไง....ทุกคำพูดจากปากเปล่า นั่นคือ
คำพูดที่ออกมาจากใจ เนื้อหาทุกอย่างมาจาก "วิชาการ+ประสบการณ์+จินตนาการ" ที่เกิดจากการสะสมมานานกว่า 10 ปี

ลุงคิมเป็นนักปลุกระดมมวลชนเก่า รุ่น สมัคร สุนทรเวช, วีระ มุสกพงษ์, ทมยันตี, ประสิทธิ์ ชัยทองพันธ์, พ.ต.อุทาน สนิทวงศ์
ต่อสู้ทางการเมืองกับฝ่ายซ้ายนิยมคอมมูนิสต์ เหมา เจ๋อ ตุง ยุค 14 ต.ค.16 - 16 ต.ค.19 ระดับสนธิ ลิ้มทองกุล น่ะ รุ่นน้อง....

พอมาจัดรายการวิทยุ ความที่รู้ว่า เกษตรกรเรามักยึดติดแต่แบบเดิม ล้มเหลวซ้ำซาก ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ไม่ยอมรับแนวคิดใหม่ จึงดำเนิน
รายการวิทยุแบบ "ปลุกให้ตื่น" บอกกล่าวให้เห็นถึงความผิดพลาดเดิมๆ

บ่อยครั้งต้องใช้วิธีสร้างสถานการณ์ สร้างเรื่องขึ้นมา บนพื้นฐานที่ส่วนหนึ่งคือ ความจริง เพื่อ "สร้างแรงบันดาลใจ" ให้แก่คนฟัง

การที่จะทำให้คำพูดมีน้ำหนัก มีความน่าเชื่อถือสูง จำเป็นต้องสวมวิญญานนักพูด ด้วยหลักการ "บ้าบ้า/แรงบันดาลใจ/จินตานาการ/
ประสบการณ์/วิชาการ" ที่สะสมมา แม้แต่พูดว่า กู-ทำ-กับ-มือ ก็ต้องทำ

จะไป FIGHT WORD เอาจริงเอาจังอะไรกับคำพูด 5 ปี 10 ปี นั่นเป็นเพียงลีลาพื้นๆของการพูดเท่านั้น ถ้าจะ "จับผิด" กันจริงๆ
เอาที่คุณเคยทำมากับมือ ลุงคิมว่า มันก็ได้แค่ 6 เดือน 1 ปี ต้นตาย รื้อทิ้งแล้ว แต่ถ้าคุณคิดเป็น ทำใหม่ซี่ ทำให้ได้แค่อายุต้น 1 ปี 2 ปี
ก็คุ้มเกินคุ้ม

ในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและไม่มีสูตรสำเร็จ หลักการก็คือ ต้นพริก-ต้นมะเขือ โทรมตายเพราะ "ราก" อันดับแรก ถ้า (เน้นย้ำ....ถ้า)
ต้นพริก ต้นมะเขือ อายุต้นได้ 3 เดือน คุณเสริมราก 1-2 รากให้กับมัน เมื่อรากชุดแรกหมดอายุแล้ว รากเสริมทำหน้าที่ต่อ ก็จะทำให้
พริก-มะเขือ ต้นนั้น ยืนต้นให้ผลผลิตต่อได้ นี่เป็นหลักวิชาการนะ ไม่ใช่หลักปฏิบัติ เพราะปฏิบัติจริงไม่คุ้ม....คิดใหม่ทำใหม่ จากเคย
ปลูกพริก ปลูกมะเขือ แบบเคมีนำ อินทรีย์เสริม ตามความพอใจของคน มาเป็น อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของ
พริก-มะเขือ ลุงคิมว่า มันน่าจะอยู่สร้างผลผลิตให้ได้นานขึ้น

ประสบการณ์ตรง ลุงคิม เคยเห็นมาแล้ว แปลงพริกย่านไทรน้อย นนทบุรี ทำแบบอินทรีย์นำ เคมีเสริม ติดสปริงเกอร์ ให้ ปุ๋ย +
ยาสมุนไพร ทุก 3 วัน อายุต้นปีกว่า ต้นสูงท่วมหัว (2 ม.) ทรงพุ่มเบียดกันแน่นตึ๊บ เจ้าของกำลังจะโค่นทิ้ง เพราะต้นสูงมาก
เก็บเกี่ยวลำบาก ลุงคิมแนะนำให้ตัดแต่งกิ่งทำสาว ลดความสูงมาอยู่ที่ 50 ซม. ความกว้างทรงพุ่ม 30 ซม. แล้วบำรุงเรียกยอด
ใหม่ ได้ยอดใหม่แล้วเลือกไว้กับตัดทิ้งตามความเหมาะสม เพียง 2 เดือนหลังได้ยอดใหม่ พริกแปลงนั้นออกดอกติดผลให้เก็บ
เกี่ยวได้อีก เก็บต่อมาได้อีกร่วมปี สิริรวมอายุต้นพริกแปลงนั้นเกือบ 3 ปี.....อย่างนี้ "เวอร์" ไหม ?

อย่าคิดหรือมองเพียงแค่ "ใครที่ทำได้เหนือกว่า" ตัวเอง เป็นการ "เวอร์" แต่ให้คิดอยู่เสมอว่า "เราต้องทำได้ เราต้องทำได้...."
ทุกเรื่องต้อง "ฝันให้ไกล ไปให้ถึง" มันจึงจะก้าวหน้า....ถึงยุคที่ต้อง "สร้างมิติใหม่ สร้างสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้และ
เป็นจริงๆ.." เอาให้ได้ซักระดับหนึ่งยังดี


แล้วที่โฆษณากันบ้าเลือด....
- ยาฆ่าหญ้า หญ้าตายสนิท............................................ เวอร์มั้ย
- ยาฆ่าหนอน หนอนน็อคสนิท......................................... เวอร์มั้ย
- ใส่ปุ๋ยเคมีมาก ได้ผลผลิตมาก....................................... เวอร์มั้ย





**** อย่างนี้ล่ะ "เว่อร์" ไหม ?

ทำนา 1 ไร่ รายได้ 1 แสน 1 แสน รายได้ 1 ไร่ ทำนา ทำนา 1 ไร่ รายได้ 1 แสน

ความเหลื่อมล้ำ…ของ สังคมประชาชนชนบทกับคนเมืองในสัดส่วนของรายได้ นับวันยิ่งแตกต่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับคนเมือง
ซึ่งอยู่ในภาคอุตสาหกรรม กำลังจะถูก รัฐบาลเอาใจ…ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท

แต่…สังคมการเกษตรหรือ ชาวชนบทกว่า 6.1 ล้านครัวเรือนที่อยู่ไกล ปืนเที่ยง ยังอยู่ในสภาพ ยากจนมีหนี้สิน ล้นพ้นตัว กลับราง
เลือนไม่ได้ถูกยกหรือ นำปัญหามาแก้ไขให้ปลื้ม…

คุณสมยศ ภิราญคำ รองเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (รก.เลขาธิการฯ) ได้พูดถึงแนวทาง การสะสาง
และส่งเสริม ในฐานะองค์กรที่เป็นศูนย์กลางแก้ไขปัญหาหนี้สิน ของเกษตรกรว่า…

…สำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ได้เน้นนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ เพื่อ
ให้เกษตรกรสลายปัญหาหนี้สินและสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยส่งเสริมให้สมาชิก (เกษตรกร) ทำการเกษตรแบบผสมผสาน
(Integrate Farming) หรือให้มีอย่างน้อย 2 ถึง 3 กิจกรรมให้เกื้อกูลกัน…อาทิ

…เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลา ปลูกพืชร่วมพืชแซมในนาข้าว แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า หรือนำผลพลอยได้จากการ
เกษตรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพิ่มโอกาสทางการตลาด…อันจะทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น

และที่ เด่นสุดๆ…โดยเอา กิจกรรมเครือข่ายหอการค้าไทย มาเป็นต้นแบบในการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพ คือเน้น ใช้ทรัพยากรที่มี
อยู่ในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมปรับต้นทุนการผลิตให้ลดลง โดยเฉพาะเกี่ยวกับปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืช อันเป็นเกษตร
กรรมแบบพึ่งพาตนเองและการผลิตแบบผสมผสาน สร้างรายได้ที่มั่นคงด้วยการ…ทำนา 1 ไร่ รายได้ 1 แสน

กิจกรรมในนาพื้นที่ 1 ไร่ ซึ่งสร้างอาชีพและรายได้ให้เกิดเป็นรูปธรรม 1 แสนบาท…มิใช่มีเพียงแค่เพื่อผลิตข้าวเปลือกเท่านั้น
ต้องมีกิจกรรมอื่นๆ

เสริมด้วย อาทิ นำข้าวเปลือกที่ได้มาแปรรูปเป็นข้าวสาร ซึ่งจะมีรำ ปลายข้าว และแกลบเป็นผลพลอยได้ ฟางข้าวนำไป
จำหน่ายให้กลุ่มผู้เลี้ยงโค-กระบือ หรือใช้เพาะเห็ด เพิ่มช่องทางทำเงิน

แถม…บนคันนายังนำพื้นที่มาปลูกพริก ตะไคร้ ต้นหอม บัวบก เตยหอม ฯลฯ หรือ ปลูกพืชน้ำในนาข้าว ได้อีกด้วย อาทิ ผักแว่น
เทา (สาหร่ายชนิดหนึ่ง) ผักแขยง ฯลฯ และ เลี้ยงปลาดุกหรือกบ ได้อย่างน้อย 5,000 ตัว หรือเสริมด้วย เลี้ยงเป็ดไข่
ได้อีกราวๆ 100 ตัว เป็นอาหารในครัวเรือนเหลือกินก็ขายได้…ล้วนแล้วแต่เป็นเงินทั้งนั้น

กับ…แนวทางปฏิบัติจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้หลัก (จากการทำนา) เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50% และยังมีรายได้เสริมจากการ
เพาะปลูกพืช ทั้งระหว่างฤดู ก่อนและหลังนา หรือจากอาชีพเสริมอื่นๆ เพิ่มขึ้นกว่า 10%…อีกทั้งยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายใน
ครัวเรือนลงจากเดิมอีกราวๆ 10%

ตอนนี้มีกลุ่มเกษตรกรในหลายจังหวัดสนใจเข้าร่วมโครงการและลงมือปฏิบัติจริงกันแล้ว และก็มีต้นแบบรายหนึ่งประสบความ
สำเร็จลงทุนเพียง 22,110 บาท ทำรายได้ 237,858 บาทต่อไร่ ถือว่าสูงสุดของประเทศ

ในขณะที่…หลายคนยังสงสัย อาจตั้งคำถามในใจว่า “ทำนา 1 ไร่ ทำรายได้ 1 แสน…จริงหรือ…”

…อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ จนกว่าจะทดลองพิสูจน์ด้วยตนเอง…ฤดูเพาะปลูกนี้ ลงมือได้เลย (ไม่ต้องรอนโยบายของรัฐ) ครับ…!!!

ไทยรัฐออนไลน์
•โดย ดอกสะแบง
•13 กรกฎาคม 2554, 05:01 น.

http://soclaimon.wordpress.com/2011/08/27/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2-1-%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88-%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-1-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99/

-------------------------------------------------------------------------------------------




จาก : (087) 066-37xx
ข้อความ : ลุงคิม พริกกะเหรี่ยง อายุไม่น้อยกว่า 2 ปี.....จาก คนบ้าดำเนิน

ตอบ :



http://77.nationchannel.com/video/126999/



http://www.oknation.net/blog/print.php?id=532366


---------------------------------------------------------------------------------------------




จาก : (084) 441-28xx
ข้อความ : พระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนให้เชื่อ แต่สอนให้พิสูจน์ความจริง ด้วยตัวเอง....

ตอบ :
ลุงคิมก็สอน สอนมานาน สอนมาตั้งแต่เริ่มงานสอนครั้งแรก....

- อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ทันทีทันใด โดยไม่มีหลักการและเหตุผล
- อย่าไม่เชื่ออะไร ชนิดหัวชนฝา เป็นไปไม่ได้ ก.ไม่เชื่อเด็ดขาด
- อย่าเชื่อข้างบ้าน
- อย่าเชื่อร้านยขายปุ๋ยขายยา
- อย่าเชื่อแม้กระทั่ง "ตาคิม"
- แต่ ให้เชื่อ "คนในกระจก"

- ทำตามคนที่ประสบความสำเร็จ จะประสบความสำเร็จยิ่งกว่า
- ทำตามคนที่ประสบความล้มเหลว จะประสบความล้มเหลวยิ่งกว่า

ทั้งหมดนี้ คือ หลักการเดียวกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

---------------------------------------------------------------------------------------------




จาก : (084) 918-60xx
ข้อความ : ลุง คนที่ทำผิด เค้าเรียนอยู่ราชบุรีด้วยครับ.....

ตอบ :

---------------------------------------------------------------------------------------------
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©