ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 7 SEP

[kimzagass]

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 7 SEP



**********************************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ...

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

*********************************************************



จาก : (084) 465-91xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ ถามปัญหาอีกครั้งครับ คือว่า สับปะรดเกิดอาการแกร็น สาเหตุเกิดจากปัจจัย 6 ใช่หรือไม่ ?
ถ้าใช่ ปัจจัยใดเกี่ยวข้องบ้าง ? บังคับออกดอกเดือนเมษา-เก็บเกี่ยวเดือนกันยา ช่วงนี้แกร็นเยอะ เป็นที่ภูมิอากาศ
หรือไม่ อย่างไร ? ถ้าเกี่ยวกับสารอาหาร ควรเน้นธาตุใด ? มีข้อความต่อ......


ตอบ :
ป้จจัยทุกปัจจัยเกี่ยวเนื่องกัน ถ้าปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งมีปัญหาหรือไม่ถูกต้องก็จะดึงให้ปัจจัยอื่นพลอยมีปัญหาไปด้วย เช่น
ดินดีแต่น้ำไม่ดี พืชก็อยู่ไม่ได้, ดินดี น้ำดี แต่สารอาหารไม่ถูกต้อง พืชก็อยู่ไม่ได้

การจะบังคับให้สับปะรดออกดอก หรือเก็บเกี่ยวเดือนไหนได้นั้น ความสำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น ....
ความสมบูรณ์ต้องต้นขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานฯ และปัจจัยพื้นฐานส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับธรรมชาติ กับส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับน้ำ
มือมนุษย์



จาก : (084) 465-91xx
ข้อความ : (ต่อ) .....สารอาหาร...ที่ใช้กับสับปะรดหลังแคะจุก น้ำ 1,000 ล. ปรับน้ำก่อนใส่ไคโตซาน 1 ล.,
ธาตุรอง/ธาตุเสริม 1 กก., ฮอร์โมน 500 ซีซี., ปุ๋ย 5-10-40 = 5 กก., นมสด 3 กล่อง, เครื่องดื่ม 1 ขวด
ที่มีกลูโคส, วิตามิน บี-1, บี-2, บี-6, บี-12 ใช้ได้หรือไม่ ? สำหรับสับปะรด 10,000 ต้น ...... ขอบคุณครับ

หมายหตุ : อาการแกร็นในเนื้อสับปะรดครับ....

ตอบ :
อะไรกันนักกันหนา อยากใส่ก็ใส่ไปเถอะ ถ้าไม่กลัวเปลือง....

แค่ธาตุรอง/ธาตุเสริม กับ 5-10-40 ก็น่าจะพอแล้วมั้ง





อ้างอิง :

โรคผลแกน

สาเหตุ : เกิดจากปฏิกิริยาร่วมระหว่างเชื้อแบคทีเรีย กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ

ลักษณะอาการ : เชื้อแบคทีเรียเข้าไปในผลตั้งแต่ระยะดอกบาน และแสดงอาการเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม คือ
ผลสับปะรดที่เริ่มแก่ จะมีน้ำมากขึ้น บริเวณตาและเนื้อผลที่ถูกเชื้อเข้าทำลาย เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
และแข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่นเหมือนเนื้อสับปะรดปกติ

ช่วงเวลาระบาด : ระบาดรุนแรงในระยะ 7-10 วัน ก่อนที่ผลสับปะรดจะเก็บเกี่ยวได้

การป้องกันกำจัด :
• เพิ่มจำนวนต้นต่อไร่ให้มากขึ้น
• ให้โพแทสเซียมคลอไรด์ ตามคำแนะนำ

http://it.doa.go.th/vichakan/news.php?newsid=39


คลิก.....สับปะรด :
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1348

-------------------------------------------------------------------------------



จาก : (089) 050-14xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ ค่า พีเอช. 0-14 ตัวเลขใดแสดงค่าความเป็นกรด - เป็นกลาง - เป็นด่าง ผมอยากได้
เป็นข้อมูลในการวัดค่าน้ำ......


ตอบ :

1..2..3..4..5..6...........7...........8..9..10..11..12..13..14
------ ด่าง ---------- กลาง -------------- ด่าง ----------

-------------------------------------------------------------------------------



จาก : (084) 881-13xx
ข้อความ : หนูปลูกไผ่เลี้ยงไว้ 4 ไร่ อยากทำให้ออกนอกฤดูค่ะ ขอรบกวนถามลุงคิ (...ข้อความหาย....)


ตอบ :
หลักการและเหตุผล :
- ธรรมชาติของไผ่ทุกชนิดและทุกสายพันธุ์ จะไม่ทิ้งใบหรือผลัดใบ ถ้ามีน้ำอย่างพอเพียง สม่ำเสมอ การที่ไผ่ทิ้งใบเพราะขาดน้ำ
- ธรรมชาติของไผ่ทุกชนิดและทุกสายพันธุ์ ออกหน่อได้ตลอดปีแบบไม่มีฤดูกาล ถ้ามีน้ำ และสารอาหารอย่างพอเพียง สม่ำเสมอ

แนวทางปฏิบัติ :
- ประมาณ ต.ค.-พ.ย. ปลายฝนต่อหนาว ระดมให้น้ำทำให้เหมือนยังเป็นหน้าฝน การจะให้น้ำกี่ครั้ง/กี่วัน ให้พิจารณาจากดิน
ให้ปริมาณน้ำในดินอยู่ที่ระดับ "ชื้น-ชุ่ม" สม่ำเสมอ

- ให้น้ำทางดินแล้ว ควรให้น้ำในอากาศ (ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ) ด้วย โดยต่อหัวสปริงเกอร์ (บอกว่าติดสปริงเกอร์ คาดว่า
หัวสปริงเกอร์อยู่ที่พื้นดิน) ให้สูงเหนือยอดไผ่ พ่นน้ำให้น้ำถูกใบแล้วตกลงดิน .... การปลูกพืชพุ่มเตี้ยคลุมดิน หรือปลูกกล้วย
เอารากแถม เครือ + ใบ + ปลี + หน่อ ให้เต็มพื้นที่ พืชพวกนี้นอกจากจะคายน้ำออกมาให้เกิดเป็นความชื้นในอากาศแล้ว
ยังช่วยป้องกันแดดเผาหน้าดินทำให้ดินแห้งได้อีกด้วย

- ทำหม้อปุ๋ยแล้วปล่อยปุ๋ยไปกับน้ำในระบบสปริงเกอร์ นอกจากประหยัด เวลา-แรงงาน-ต้นทุน แล้ว ยังได้ประสิทธิภาพ
ประสิทธิผลของเนื้องานมากกว่าทำด้วยแรงงานคนอีกด้วย


เทคนิคบำรุง :
- กำจัดวัชพืชโคนต้นบริเว๊ณทรงพุ่มออกให้หมด
- ใส่ ยิบซั่ม + ขี้ไก่แกลบ + ใบของเขาเอง (ไผไม่ชอบแกลบดำ)
- แล้วคุลมหน้าดินด้วยเศษใบไผ่ หญ้าแห้ง หรือฟาง หนาๆ เต็มพื้นที่ทรงพ่ม คลุมหนาๆ ยิ่งหนามากยิ่งดี
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (สูตรที่หน้าเว้บ) 8-24-24 (250 กรัม/ต้น/เดือน....ทรงพุ่ม 3 ม.)
- ให้น้ำเปล่า ทุก 2-3-5 วัน ตามระดับความชื้นหน้าดิน
- หน่อออกมาแล้วให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 5-10-40 ทุก 20 วัน จะได้หน่อขนาดใหญ่ น้ำหนักดี เนื้อแน่น

ถ้าทุกอย่างลงตัว ราวเดือน ก.พ.-มี.ค.-เม.ย. ไผ่ก็จะแทงหนย่อออกมาให้ยล





อ้างอิง :

ไผ่หวาน หรือไผ่เลี้ยงหวาน



การปลูก
ไผ่หวานปลูกได้กับดินทุกชนิด แต่ถ้าเป็นดินร่วนปนทรายจะเหมาะที่สุด ไม่มีน้ำ่ขัง ไม่แฉะ แต่ต้องมีน้ำรดตลอดปี
จึงจะมีผลผลิตนอกฤดูกาล จะได้ราคาดี การปลูกแบบยกร่องจะช่วยในการระบายน้ำได้ดีกว่าปลูกในพื้นราบ ระยะปลูก
ประมาณ 2x3 เมตรดังนั้ 1 ไร่จะปลูกได้ประมาณ 250-260 กอ

การดูแลรักษา
ไผ่หวานเป็นพืชที่ดูแลง่าย ในช่วงแรก ต้องคอยกำจัดวัชพืช หลังจาก 1 ปี จะไม่มีวัชพืชขึ้น เนื่องจากใบของไผ่จะ
บังแสงแดดไม่ให้ส่องถึงพื้น อีกทั้งใบไผ่จะช่วยคลุมดินดีนักแล ในเดือนที่ 5-6 ควรมีลำต้นไว้ไม่เกิน 5 ลำ
หมายถึงจะขายหน่อนะครับ ถ้าจะขายลำก็อีกเรื่องหนึ่ง ดินดี ปุ๋ยดี ประมาณ 6 เดือน ก็เก็บผลผลิตได้

การเก็บผลผลิต
เลือกเก็บหน่อที่สมบูรณ์ ใหญ่ จะได้น้ำหนักและราคา โดยเฉลี่ยประมาณ 20 กิโลกรัมต่อวันต่อไร่

การให้น้ำ
ถ้าเป็นฤดูฝน ก็สบาย ๆ ไม่ต้องเดือดร้อน เพราะเทวดาช่วยอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นฤดูแล้ง ควรให้น้ำวันเว้นวัน โดยใช้
สปริงเกอร์รดให้ทั่วบริเวณ ย้ำว่าทั่วบริเวณ ไม่ใช่เฉพาะโคนต้นนะครับ ทั้งนี้เพราะรากของไผ่จะเจริญเติบโตทั่วบริเวณ

http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://1.bp.blogspot.com/_ylrTwtGhK54/SjC0pRat7FI/AAAAAAAAAAM/f16VMSo1Ip0/s320/kopai_2.jpg&imgrefurl=http://chadlad75.blogspot.com/&h=300&w=225&sz=23&tbnid=LuRQ0iyCgeDSVM:&tbnh=91&tbnw=68&prev=/search%3Fq%3D%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259C%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599%26tbm%3Disch%26tbo%3Du&zoom=1&q=%E0%B9%84%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99&docid=UaB5q3kYz4GfkM&hl=th&sa=X&ei=3ghoTsqwM8zQrQe5jd2ICw&ved=0CCwQ9QEwAw&dur=844

---------------------------------------------------------------------------