-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 24 ส.ค
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 24 ส.ค
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 24 ส.ค

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 24/08/2011 5:37 am    ชื่อกระทู้: ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 24 ส.ค ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 24 ส.ค


**********************************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ...

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

*********************************************************



จาก : (087)095-12xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ ผมเคยใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วยในนาข้าว รุ่น 1-2 ได้ผลผลิตดีมาก พอมารุ่น 3 ผลผลิตเริ่มลด รุ่นที่ผ่านมา เกี่ยวเมื่อเร็วๆนี้ ผลผลิตลดลงกว่าครึ่ง แสดงว่า จุลินทรีย์หน่อกล้วยที่ผมทำเองไม่ดี อยากขอคำแนะนำจากลุง วิธีปรับปรุงจุลินทรีย์หน่อกล้วยให้มันแรงๆเหมือนเดิมด้วยครับ......จากชาวนาสุพรรณบุรี


ตอบ :
หลักการและเหตุผล :
- ปุ๋ย คือ อาหารที่พืชกิน ประกอบด้วย ธาตุหลัก (N. P. K.) ธาตุรอง (Ca. Mg. S.) ธาตุเสริม (Fe. Cu. Zn. Mn. Mo. B. Si. Na.) ฮอร์โมน. วิตามิน. และอื่นๆ ...... อยู่ในกระสอบ เรียกว่า "ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยสังเคราะห์" เป็นสารอาหารพืชเรียกว่า "สารสังเคราะห์" และอยู่ในธรรมชาติ (อินทรีย์วัตถุ) เรียกว่า "ปุ๋ยอินทรีย์" เป็นสารอาหารพืชเรียกว่า "สารอินทรีย์"

- จุลินทรีย์ คือ สิ่งมีชีวิต (สัตว์เซลล์เดียว) มีหน้าที่ "ย่อยสลาย" เนื้ออินทรีย์วัตถุให้กลายเป็นปุ๋ยที่พืชสามารถกินได้ โดยจุลินทรีย์แต่ละชนิดจะดึงสารอาหารแต่ละตัวให้ออกมา เช่น

***** จุลินทรีย์ไม่ใช่ปุ๋ย - ปุ๋ยไม่ใช่จุลินทรีย์ .....
***** ถ้าจุลินทรีย์ คือ ปุ๋ย ถามว่า คือปุ๋ยตัวไหน ระหว่างธาตุหลัก ธาตรอง ธาตุเสริม.....
***** ปุ๋ย คือ สิ่งที่ต้นพืชกินเพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์ ถามว่า ต้นพืชกินปุ๋ย หรือกินจุลินทรีย์....

***** เปรียบเสมือน ข้าวสารในถัง ถ้าไม่มีคนเอามาหุงจะกินได้ไหม คนที่เอาข้าวสารมาหุงให้เป็นข้าวสวย คือ แม่ครัว ฉันใด ..... อินทรีย์วัตถุที่อยู่ในดิน ต้นพืชยังเอาไปกินไม่ได้ ต้องอาศัยจุลินทรีย์ปรุงให้เสียก่อนต้นพืชจึงจะเอาไปกินได้ ฉันนั้น

สรุป
ระหว่าง "ปุ๋ย กับ จุลินทรีย์" คือ คนละตัวคนละอย่างกัน แต่ต้องอยู่ด้วยกัน ไปด้วยกัน


รายละเอียดคำถามที่หายไป....
1. จุลินทรีย์หน่อกล้วย ทำอย่างไร ? ใช้อย่างไร ?
2. ประวัติดิน เคยสะสมสารเคมี (ยาฆ่าหญ้า - ยาฆ่าหอย - ยาฆ่าแมลง - อื่นๆ) มาก/น้อย เป็นระยะนานเพียงใด.......เคยใส่ปุ๋ยเคมี สูตรใด ปริมาณเท่าใด ติดต่อกันมานานเท่าใด......การปฏิบัติต่อดิน (เผาฟาง สารปรับปรุงบำรุงดิน สารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น จุลินทรีย์ที่ใส่เพิ่ม) อย่างไร ? ติดต่อกันมานานเท่าใด ?

แม้ข้อมูลรายละเอียดในคำถามซึ่งต้องใช้ประกอบคำตอบมีน้อยไปหน่อย ก็ขอให้วิเคราะห์/พิจารณา เอาเองว่า ระหว่างสิ่งที่เป็น "ปัจจัยเสริม หรือ ปัจจัยต้าน" ที่จะทำให้ดินดีแล้วส่งผลไปถึงผลผลิตนั้น อย่างไหน มาก/น้อย กว่ากัน


อรรถาธิบาย :
คุณบอกกว่า "....ผมเคยใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วยในนาข้าว รุ่น 1-2 ได้ผลผลิตดีมาก...." นั้น เป็นเพราะปุ๋ยเคมีที่คุณเคยใส่จำนวนมากในแต่ละรุ่น แล้วต้นข้าวเอาไปใช้ไม่หมดจึงเหลือตกค้างอยู่ในดิน จุลินทรีย์หน่อกล้วย (+ จุลินทรีย์ประจำถิ่น) เป็นตัวดึงปุ๋ยเหล่านี้ให้ออกมา ..... รุ่นแรกๆของการทำนาข้าว แม้จะใส่ปุ๋ยเคมีมากเกินความจำเป็นต้องใช้จริงของต้นข้าว แต่ผลเสียที่เกิดจากปุ๋ยเคมีตกค้างต่อโครงสร้างดินยังไม่รุนแรงนัก จึงยังได้ผลผลิตดีอยู่

กับคุณบอกอีกว่า "......พอมารุ่น 3 ผลผลิตเริ่มลด....." นี่คือสัญญานบอกเหตุว่า สมดุลระหว่าง "ปุ๋ยเคมี กับ จุลินทรีย์" ผิดไป เดาว่า ปุ๋ยเคมีมากจนกระทั่งจุลินทรีย์อยู่ไม่ได้ กับทั้งปุ๋ยเคมีทำปฏิกิริยากับดิน เปลี่ยนรูปทางเคมีจนเป็นพิษต่อต้นข้าว .... ปุ๋ยเคมีที่ตกค้างอยู่ในดินเป็นเวลานานๆจะเกิดการเปลี่ยนรูปท่างเคมี โดยไนโตรเจน เปลี่ยนรูปเป็นไนเตรท-ไนไตรท์, ฟอสฟอรัส เปลี่ยนจากรูปที่ละลายน้ำได้เป็นไม่ละลายน้ำ, โปแตสเซียม เปลี่ยนรูป (อิออน) ที่พืชสามารถนำไปใช้ได้เป็นเอาไปใช้ไม่ได้ ที่ว่ามานี้เฉพาะธาตุหลักเท่านั้น ยังไม่ได้กล่าวถึงธาตุรอง ธาตุเสริม และอื่นๆ ในดินที่เกี่ยวเนื่องกับต้นข้าว....น่าจะมองออกแล้วใช่ไหมว่า การใส่ปุ๋ยเคมีมากเกินไป จนต้นข้าวเอาไปใช้ไม่หมดแล้วเหลือตกค้างอยู่ในดิน ส่งผลเสียต่อต้นข้าวมากกว่าผลดี

(..... หมายเหตุ (1) นักวิจัยดินจากเยอรมัน สำรวจสภาพดินเพื่อการปลูกพืชในประเทศไทย เก็บข้อมูลตั้งแต่ จ.พิจิตร. เลาะเลียบลำน้ำล่องมาจนถึง จ.ปทุมธานี แล้วสรุปว่า ดินเพาะปลูกพืชในประเทศไทยสามารถเอาไปใช้แทนปุ๋ยให้แก่ต้นไม่ในเยอรมันได้เลย เพราะมีปริมาณธาตุอาหารพืชตกค้างอยู่จำนวนมาก ..... หมายเหตุ (2) รศ.ดร.สุมิตรา ภูวโรดม (สจล) จากงานวิจัยพบว่า ดินในแปลงผลไม้เขตภาคตะวันออกมีฟอสฟอรัสตกค้างสะสมจำนวนมาก เพียงให้ Zn. กับ B. เท่านั้นก็สามารถออกดอกได้ โดยไม่ต้องอาศัยปุ๋ยสูตรเปิดตาดอกโดยเฉพาะด้วย....)

อีกคำถาม "..... วิธีปรับปรุงจุลินทรีย์หน่อกล้วยให้มันแรงๆเหมือนเดิม..." คำแนะนำก็คือ ในหน่อกล้วยมีจุลินทรีย์แอ็คติโนมัยซิส หน่อที่สมบูรณ์มาก มีมาก หน่อที่สมบูรณ์น้อยก็มีน้อย ไม่เพียงเท่านี้ เทคนิคการสร้างขยายเชื้อก็มีส่วน....จุลินทรีย์เริ่มต้น (STARTER) ดี จำนวนมาก แต่เทคนิคการขยายเชื้อไม่ดี ไม่ถูกต้อง นอกจากจะไม่เกิดจุลินทรีย์ตัวใหม่แล้ว จุลินทรีย์ตัวเดิมที่เคยมียังตายอีกด้วย ในทางกลับกัน จุลินทรีย์เริ่มต้นไม่ดี จำนวนไม่มาก แต่เทคนิคการขยายเชื้อดีและถูกต้อง จากจุลินทรีย์เริ่มต้นเพียงตัวเดียว สามารถขยายเชื้อเพิ่มจำนวนมากมายมหาศาลได้....ทำไมจึงมุ่งแต่จุลินทรีย์จากแหล่งภายนอก ทำไมไม่ให้ความสนใจจุลินทรีย์ประจำถิ่น ที่มีอยู่ในดินเดิม เพียงส่งสารอาหาร (แหล่งพลังงาน) ไปให้เขา พร้อมกับปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมเท่านั้น จุลินทรีย์ประจำถิ่นก็จะแพร่ขยายพันธุ์จนเต็มพื้นที่ได้ วิธีนี้ นอกจากจะง่ายต่อการปฏิบัติแล้ว ยังประหยัด (เงิน-เวลา-แรงงาน) และได้ประสิทธิภาพเหนือกว่าการนำจุลินทรีย์ต่างถิ่นอีกด้วย




แถม....เทคนิคการขยายเชื้อจุลินทรีย์ประจำถิ่น :

วิธีที่ 1 .... (สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่)
- เกลี่ยฟาง ตากแดดจัด 5-10 แดด
- ปล่อยน้ำเข้าให้ท่วมสูงกว่าฟาง 5-10 ซม.
- ใส่ "น้ำ 50 ล.+ กากน้ำตาล 1-2 ล.+ เหง้ากล้วยสดบดละเอียด 1-2 เหง้า" คนเคล้าให้เข้ากันดี แล้วสาดให้ทั่วแปลง
- ใช้ลูกทุบ (อีขลุบ) ย่ำ เพื่อกระจาย "น้ำเหง้ากล้วย" ให้ทั่วแปลง
- ทิ้งไว้ 10-15 วัน ลงมือไถ หรือย่ำเทือก

หมายเหตุ : เป็นการหมักในดิน (หมักจุลินทรีย์ 3 วิธี คือ หมักในกอง, หมักในถัง และหมักในดิน)




วิธีที่ 2 .... (สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่)
- เกลี่ยฟาง ตากแดดจัด 5-10 แดด
- ปล่อยน้ำเข้าให้ท่วมสูงกว่าฟาง 5-10 ซม.
- ใส่ "น้ำ 50 ล.+ กากน้ำตาล 2-3 ล. คนเคล้าให้เข้ากันดี แล้วสาดให้ทั่วแปลง
- ใช้ลูกทุบ (อีขลุบ) ย่ำ เพื่อกระจาย "กากน้ำตาล" ให้ทั่วแปลง
- ทิ้งไว้ 10-15 วัน ลงมือไถ หรือย่ำเทือก

หมายเหตุ : เป็นการบำรุงโดยตรงต่อจุลินทรีย์ประจำถิ่นที่มีอยู่ในดินแล้ว



วิธีที่ 3 .... (สำหรับเนื้อที่ 1 ไร่)
- เกลี่ยฟาง ตากแดดจัด 5-10 แดด
- ปล่อยน้ำเข้าให้ท่วมสูงกว่าฟาง 5-10 ซม.
- ใส่ "น้ำ 50 ล.+ น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง 3-5 ล. คนเคล้าให้เข้ากันดี แล้วสาดให้ทั่วแปลง
- ใช้ลูกทุบ (อีขลุบ) ย่ำ เพื่อกระจาย "น้ำหมักฯ" ให้ทั่วแปลง
- ทิ้งไว้ 10-15 วัน ลงมือไถ หรือย่ำเทือก

หมายเหตุ : นอกจากเป็นการบำรุงโดยตรงต่อจุลินทรีย์ประจำถิ่นที่มีอยู่ในดินแล้ว ยังได้จุลินทรีย์กลุ่มอื่นๆ และสารอาหารในน้ำหมัก (ทั้งอินทรีย์ และเคมี) อีกด้วย

----------------------------------------------------------------------------



จาก : (080)339-23xx
ข้อความ : ลุงคิม พูดพืชหัวมีดอกเป็นตัวอย่าง.....จบ ป.6


ตอบ :
พืชหัวมีดอก - พืชหัวมีดอก - พืชหัวมีดอก ............... มันคืออะไร (วะ)

เท่าที่เห็นก็มี มันแกว มีดอก-ดอกเป็นฝัก-ฝักมีเมล็ด เอาไปปลูกต่อได้ ตอนออกดอกนั่นแหละเริ่มมีหัวละ....มันเทศ ก็มีดอก แต่เขาไม่เอาผล เอาเมล็ดไปปลูกหรอกนะ เขาเอายอดไปปลูกต่อ....ไชเท้า ถ้าจะเอาเมล็ดไปปลูกต่อ ก็ต้องบำรุงเลี้ยงให้ออกดอก จากดอกไปผล จากผลไปเมล็ด ก็เท่านั้น

กรณีไม้กระถางประเภท มีหัว-มีดอก อะไรก็ได้ .... ก่อนปลูกเอากระดูกไก่สดๆ ซักชิ้นสองชิ้น หัวปลาสดๆ แค่หัวเดียวก็พอ รองก้นกระถาง เอาเถอะพอโตขึ้นมาถึง
ระยะออกดอกได้ เขาจะออกดอกไม่เลิกเลยเชียวแหละ

----------------------------------------------------------------------------
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©