ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 11 ส.ค

[kimzagass]

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางวิทยุ-โทรศัพท์ 11 ส.ค


***********************************************

สร้างสรรสังคม....ส่งเสริมคนดี....พัฒนาชีวิต ให้มีคุณภาพ....

กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ทางวิทยุ พล.ปตอ. เอเอ็ม 594 เวลา 08.10–09.00 และ 20.05-20.30 ทุกวัน

เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 สายด่วน 4 ตัว ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว
ก่อนเริ่มรายการที่ โทรศัพท์มือถือส่วนตัว (081) 913-4986

***********************************************


จาก : (081)777-4863
ข้อความ : อยากทราบว่ายาฆ่าหญ้าเปลือกสับปะรด ใช้เปลือกสับปะรดและกากน้ำตาลเท่าไหร่ หมักกี่วัน แล้วใช้น้ำ 20 ลิตร ใส่ยากี่ ซีซี....ขอบคุณค่ะ จากชลบุรี

จาก : (081) 532-4858
ข้อความ : (โทรศัพท์....ถามสูตรยาฆ่าหญ้าเปลือกสับปะรด....)



ตอบ :
อยากให้มาดูเอง ดูแล้วเห็น เห็นแล้วคิด คิดแล้วกลับไปทำเอง ทุกอย่างให้อยู๋ที่คุณคิดเอง-ทำเอง-ใช้เอง

ปุ๋ย/ฮอร์โมน/จุลินทรีย์/ยาสมุนไพร ทุกอย่าง ทำง่ายแต่ใช้ยาก.....

ทุกอย่างที่ลุงคิมบอก ที่ลุงคิมเขียน ที่ลุงคิมทำ นั่นคือ ........... สูตรของลุงคิม
แต่ที่คุณทำ แม้ทำตามสูตรที่ลุงคิมบอก นั่นคือ ................... สูตรของคุณ

แนวสอนของลุงคิมเป็นการสอนแบบให้ "ก้าวหน้า" สไตล์ต้นทุนลด ผลผลิตเพิ่มทั้งคุณภาพและปริมาณ ทำยังไงให้ได้ เกรด เอ. จัมโบ้. ออกนอกฤดู. ขึ้นห้าง. ส่งออก. .... ลุงคิมสอนให้รู้จัก KNOWHOW - HOW TO & LEARNING BY DOING โดยมีหลักวิชาการ-มีงานวิจัยยืนยัน แบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาตรฐานโรงงาน

แล้วแหล่งเรียนรู้การเกษตรที่อื่นๆ สอนแบบให้ "ถอยหลัง" หรือเปล่า แค่ทำกินทำไช้ในบ้านน่ะ คิดว่าอยู่ได้จริงเหรอ ถ้าไม่มีเงินเข้าบ้านเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าลูกไปโรงเรียน ..... ถ้าส่งออกไม่ได้ เศรษฐกิจชาติจะโตเหรอ ไม่ต้องถึงขนาดส่งออกก็ได้ เอาแค่ให้ได้เกรดขึ้นห้างได้ก็พอแล้ว แต่วันนี้ผลผลิตที่ได้ เกรดฟุตบาธ ขนาดเจ้าของยังไม่กิน

ทำไมเกษตรกรจึงไม่เห็นความสำคัญของ ปุ๋ย/ฮอร์โมน/จุลินทรีย์/สารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับอาชีพเพาะปลูกโดยตรง .... เรียนให้รู้ หัดทำให้เป็น รู้แล้ว-เป็นแล้ว จะอยู่กับตัวเองไปตลอดชีวิต ถ่ายทอดให้ลูกหลานได้

ทำไมเกษตกรจึงไม่สนใจ "ต้นทุน" ถ้าลดต้นทุนลงได้ ขายได้เท่าเขา แต่จะได้กำไรมากกว่าเขา


ลุงคิมสอน-คุณเรียน เรียนกันแค่ประเดี๋ยวประด๋าว นั่งก้นยังไม่ทันร้อน เห็น/รู้ แค่วิธีทำ ทำแล้วมีปัญหา สี-กลิ่น-กาก-ฝ้า-ฟอง-หนอน-เน่า แก้ไขยังไง ไม่อยู่เรียนให้รู้ การเรียนแค่เห็นด้วยตา คิดว่าทำได้ ปรากฏว่ากลับไปแล้วทำไม่ได้ หรือทำได้แต่ใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ถูกต้อง สุดท้ายไม่ได้ผล เดี๋ยวคุณก็มา "ด่า" ลุงคิมอีก

อันที่จริงมันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรถ้าคิดจะทำ บอกแล้วไง เกษตรนี่จะยากหรือง่าย "อยู่ที่ใจ" ถึงไม่ง่ายอย่างที่คิดแต่ก็ไม่ยากอย่างที่กลัว ...... ลุงคิมท่องไปในโลกเน็ต เจอคำว่า "สับปะรดมีสารกำจัดวัชพืช" (จำไม่ได้ว่าเว้ปไหน) คำนี้เพียงคำเดียวเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดอะไรเลย ไม่บอกชื่อสาร ไม่บอกวิธีทำ ไม่บอกวิธีใช้/อัตราใช้ ข้อมูลแค่มีสารกำจัดวัชพืชคำเดียวเท่านี้เป็น GUIDE LINE ทำให้ลุงคิมเดินหน้าต่อ แม้วันนี้จะยังไม่สำเร็จ 100% แต่ก็จะไปต่อ ไปให้ได้คำตอบสุดท้าย ว่า YES หรือ NO ..... กรณีของคุณก็น่าจะทำได้ ลุงคิมมั่นใจว่าคุณทำได้ ถ้าคุณคิดจะทำ

...... คำพูดเพียงบางคำ จากคนบางคน ในบางโอกาส เราได้ยินแล้ว เอามาคิด เอามาวิเคราะห์ แล้วประยุกต์ใช้ สามารถพลิกผันสถานการณ์ชีวิตได้.....

ไม่หวง ไม่ห้าม ยินดีสนับสนุน แต่ต้องมาเอาเอง บอกตรงๆ 10 ปี "เจ็บ (ว่ะ)"
-----------------------------------------------------------------------------



จาก : (084) 874-96xx
ข้อความ : ฟังลุงคิมพูดเรื่องหนอนมะลิเมื่อเช้านี้แล้วแล้วขนลุกซู่เลย เพราะที่บ้านก็โดนเหมือนกัน แทบไม่เหลือให้เก็บเลย ยาขวดละ 2,000 ยังเอาไม่อยู่เลย ค่ำวันนี้อยากให้ลุงพูดเรื่องสมุนไพรกำจัดหนอนมะลิอีก.....จาก เกษตรกรฉะเชิงเทรา


ตอบ :
ที่จริงพูดตอนค่ำเมื่อวานนี้ ไม่ใช่เมื่อเช้านี้ ที่พูดเรื่องมะลิก็เพราะไปเจอข่าวมะลิแพงช่วงวันแม่ ที่พังงา กก.ละ 1,000 บาท กับที่อื่นๆราคาขึ้นจาก กก.ละ 150 เป็น 300-350 กันทั้งนั้น ลุงคิมเลยว่า นี่ไง มะลิแจ็คพ็อต ไม่ใช่แต่ มะลิหน้าหนาว-มะนาวหน้าแล้ง เท่านั้น ..... ลองดูซิว่า อะไรราคาแพงช่วงเดือนไหน เทศกาลอะไร อย่างกุหลาบวาเลนไทน์ กล้วยน้ำว่าเข้าพรรษา กล้วยไข่สาร์ทไทย ผักชีหน้าฝน หรือแม้แต่ช่วงเทศกาลตรุษจีน-เชงเม้ง-ไว้พระจันทร์-สารทจีน ของที่เขาเอาไปไหว้เจ้าน่ะ ราคาแพงๆทั้งนั้น ใช่ไหม ?

จากเรื่องราคาดอกมะลิวันแม่ และเลี้ยวไปดูเรื่องหนอนเจาะดอกมะลิซะเลย นสพ.คมชัดลึก เขาไปเจาะข่าวสวนมะลิ ย่านนครชัยศรี นครปฐม ว่า ต้นทุนค่าสารเคมียาฆ่าแมลง หนอนเจาะดอกมะลินี่ ราคาขวดละ 300-500 เอาไม่ค่อยอยู่ ต้องราคา1,000-2,000 พออยู่บ้าง แต่พอใช่บ่อยๆ ซัก 3-4 รอบ ก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน ในข่าวบอกว่า มะลิ 1 ไร่นี่ ต้นทุนค่าสารเคมียาฆ่าแมลงตกแสน ขนาดนี้ยังบอกพออยู่ได้ ลุงคิมก็เลยเดาว่า มะลิ 1 ไร่ต้องขายได้กว่าแสนแน่ๆ ไม่งั้นจะพออยู่ได้ ได้ไงใช่ไหม นี่ถ้าหากลดต้นทุนค่ายาฆ่าหนอนลงมาจากแสน มาเหลือแค่หมื่น แต่ขายได้แสนกว่า แบบนี้กำไรเท่าไหร่เนี่ย

ในเมื่อมีตลาดแน่นอนอยู่แล้ว ทำไมเกษตรกรเราถึงไม่คิดเรื่อง "ลดต้นทุน" กันบ้าง ทำไมถึงยึดติดแต่แบบเดิมๆ

ลุงคิมฟันธงให้เลยว่า สารเคมีน่ะเอาไม่อยู่หรอก ถ้าสารเคมีเอาอยู่จริง ป่านนี้หนอนแมลงมิสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยหมดแล้วรึ เพราะทั่วประเทศ ทุกบ้าน ทุกตารางนิ้ว ฉีดกันบ้าเลือดขนาดไหน แล้วทำไมจนป่านนี้ โรคแมลงหนอนนอกจากไม่ลด แล้วยังดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นๆ ระบาดทีล่อไปเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ ไม่เห็นเหรอ

ที่จริงสารเคมีน่ะเอาอยู่ แต่มีข้อแม้ "ต้องใช้เป็น" เกษตรกรเราไม่มีความรู้เรื่องสารเคมี โดยเฉพาะชื่อสามัญ ชื่อการค้า อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก สารเคมีที่เทออกจากขวดลงถัง มันเสื่อมตั้งแต่ก่อนฉ๊ดแล้ว เรียกว่า ผสมน้ำปุ๊บ-เสื่อมปั๊บ เรื่องแบบนี้เกษตรกรเคยรู้ไหม ? เคยถามคนขายไหม ? แล้วคนขายเคยบอกไหม ?

เกษตรกรเคยรู้เรื่องวงจรชีวิตของพวกศัตรูพืชบ้างไหม ว่ามัน เกิด-กิน-แก่-เจ็บ-ตาย-ขยายพันธุ์ ยังไงบ้าง ทำไมไม่ศึกษาจุดอ่อนของมัน แล้วกำจัดตรงจุดอ่อนนั้น ที่จริง ว่างๆวันไหนซักวัน มืดแล้วซัก 1 ทุ่ม เอาไฟฉายส่องเข้าไปดูในสวนซี่ จะเห็นแสงสะท้อนจากตาแมลงเต็มไปหมด นั่นแหละแมลงแม่ผีเสื้อที่มันจะเข้ามาวางไข่ให้เกิดหนอนละ แล้วคิดต่อซิว่า

ถ้าไม่มีไข่ของแม่แมลงแล้วจะมีหนอนไหม ?
ถ้าไข่ของแมลงฝ่อซะล่ะ มันจะเกิดเป็นหนอนได้ไหม ?
ถ้าหนอนลอกคราบไม่ได้ แล้วมันจะตายไหม ?

ทำไมเกษตรกรจึงคิดแค่ "กำจัดหนอน-กำจัดหนอน" อยู่แค่นี้ นั่นมันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทำไมไม่คิดแก้ปัญหาที่ต้นตอ แบบตัดลมต้นไฟบ้าง



รู้เขา รู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง....กลยุทธตัดลมต้นไฟ :
- กลิ่นไล่....แมลงแม่ผีเสื้อเข้าหาพืชเป้าหมายตอนกลางคืน (หัวค่ำ) โดยการตามกลิ่นพืช ถ้าฉีดพ่นสารสมุนไพรประเภทกลิ่นฉุนจัดๆ (ตะไคร้ สาบเสือ น้อยหน่า) เคลือบไว้ที่ใบพืชเป้าหมาย (มะลิ) เมื่อแมลงแม่ผีเสื้อได้กลิ่นพวกนี้ซึ่งไม่ใช่กลิ่นมะลิก็จะหนีไปที่อื่น

- แสงล่อ ....ใช้แสงไฟสีม่วงติดบนแผ่นกาวหนียว ติดตั้งไว้ในแปลงมะลิ ตกค่ำแมลงแม่ผีเสื้อเห็นแสงไฟก็จะบินเข้าไปเล่นไฟ พอเข้าไปถึงแสงไฟก็จะติดกาวเหนียว ไปไหนต่อไม่ได้

- ฉีดพ่นสารสมุนไพร (ฝักคูน แมงลักคา) ทำให้ไข่แมลงแม่ผีเสื้อฝ่อ เมื่อไข่ฝ่อจะฟักออกมาเป็นตัวหนอนไม่ได้

- ฉีดพ่นสารสกัดสะเดา ทำให้หนอนไม่ลอกคราบ ไม่กินอาหาร (ทำลายพืช) ไม่ช้าไม่นานหนอนก็ตายคาคาบ หรือไม่ก็อดอาหารตาย

- ฉีดพ่นสารสมุนไพรประเภท "ยาน็อคหนอน" (กลอย เมล็ดน้อยหน่า เมล็ดมันแกว เปลือกต้นซาก) หมักร่วมกับ หนอนตายหยาก หางไหล กากชา

- ฉีดพ่นจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ (ยาเชื้อ....บีที. เอ็นพีวี.) โดยการฉีดพ่นน้ำเปล่าไปก่อนแล้วจึงฉีดยาเชื้อตามทีหลัง จึงจะได้ผลดี

- ฉีดพ่นช่วงหัวค่ำหลังพระอาทิตย์สิ้นแสง เพราะ .... 1) แมลงแม่ผีเสื้อมาตอนที่มืดแล้ว ..... 2) หนอนออกหากินตอนมืดแล้ว .... 3) สารสมุนไพรไม่ถูกรังสี ยูวี. ทำให้อยู่ทน

- ติดตั้งสปริงเกอร์ + หม้อปุ๋ยหน้าโซน ฉีดพ่นบ่อยๆ เช้ารอบ-ค่ำรอบ-ค่ำรอบ-เช้ารอบ ด้วยแรงงานเพียงคนเดียว กับเวลาเพียง 5 นาที/ไร่


เนื้อที่ 1 ไร่ เปรียบเทียบ สปริงเกอร์ v.s. ลากสายยาง :
- สปริงเกอร์ ต้นทุน 5,000 (ไม่รวมปั๊ม ไม่รวมค่าแรง), ใช้งานได้ 10 (+) ปี, แรงงาน 1 คน, ใช้เวลา 5 นาที.....เท่ากับค่าไฟฟ้า 5 นาที ต่อการทำงาน 1 ครั้ง

- ลากสายยาง 100 ม. ๆละ 10 บาท = 1,000, ใช้งานถนอมๆ 6 เดือน, แรงงาน 1 คน, ใช้เวลา 60 นาที....เท่ากับค่าไฟฟ้า 60 นาที ต่อการทำงาน 1 ครั้ง

เป็นไปได้ไหม....สปริงเกอร์ + หม้อปุ๋ยหน้าโซน + สมุนไพรทำเอง + ค่าไฟฟ้า 5 นาที ต่อการทำงาน 10 รอบ เท่ากับ/น้อยกว่า ลากสายยาง + สารเคมี + ค่าไฟฟ้า 1 ชม. ต่อการทำงาน 1 รอบ

-----------------------------------------------------------------------------