เปลี่ยนทัศนคติพ่อแม่...ได้จริงหรือ?

[Aorrayong]

ที่มา http://www.novabizz.com/NovaAce/Attitude.htm

ทัศนคติ (Attitude)

ทัศนคติ เป็นแนวความคิดที่มีความสำคัญมากแนวหนึ่งทาง จิตวิทยาสังคม และ การสื่อสาร และมีการใช้ คำนี้กันอย่างแพร่หลาย สำหรับการนิยามคำว่า ทัศนคติ นั้น ได้มีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายไว้ดังนี้

โรเจอร์ (Roger , 1978 : 208 – 209 อ้างถึงใน สุรพงษ์ โสธนะเสถียร , 2533 : 122) ได้กล่าวถึง ทัศนคติ ว่า เป็นดัชนีชี้ว่า บุคคลนั้น คิดและรู้สึกอย่างไร กับคนรอบข้าง วัตถุหรือสิ่งแวดล้อมตลอดจนสถานการณ์ต่าง ๆ โดย ทัศนคติ นั้นมีรากฐานมาจาก ความเชื่อที่อาจส่งผลถึง พฤติกรรม ในอนาคตได้ ทัศนคติ จึงเป็นเพียง ความพร้อม ที่จะตอบสนองต่อสิ่งเร้า และเป็น มิติของ การประเมิน เพื่อแสดงว่า ชอบหรือไม่ชอบ ต่อประเด็นหนึ่ง ๆ ซึ่งถือเป็น การสื่อสารภายในบุคคล (Interpersonal Communication) ที่เป็นผลกระทบมาจาก การรับสาร อันจะมีผลต่อ พฤติกรรม ต่อไป

โรเสนเบิร์ก และฮอฟแลนด์ (Rosenberg and Hovland , 1960 : 1) ได้ให้ความหมายของ ทัศนคติ ไว้ว่า ทัศนคติ โดยปกติสามารถ นิยาม ว่า เป็นการจูงใจต่อแนวโน้มใน การตอบสนองอย่างเฉพาะเจาะจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เคลเลอร์ (Howard H. Kendler , 1963 : 572) กล่าวว่า ทัศนคติ หมายถึง สภาวะความพร้อม ของบุคคล ที่จะ แสดงพฤติกรรม ออกมา ในทางสนับสนุน หรือ ต่อต้านบุคคล สถาบัน สถานการณ์ หรือ แนวความคิด

คาร์เตอร์ วี. กูด (Carter V. Good , 1959 : 4 ให้คำจำกัดไว้ว่า ทัศนคติ คือ ความพร้อม ที่จะ แสดงออก ในลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ที่เป็น การสนับสนุน หรือ ต่อต้านสถานการณ์ บางอย่าง บุคคล หรือสิ่งใด ๆ

นิวคอมบ์ (Newcomb , 1854 : 128) ให้คำจำกัดความไว้ว่า ทัศนคติ ซึ่งมีอยู่ในเฉพาะคนนั้น ขึ้นกับ สิ่งแวดล้อม อาจ แสดงออก ในพฤติกรรม ซึ่งเป็นไปได้ใน 2 ลักษณะ คือ ลักษณะชอบหรือพึงพอใจ ซึ่งทำให้ผู้อื่นเกิด ความรักใคร่ อยากใกล้ชิดสิ่งนั้น ๆ หรืออีก ลักษณะหนึ่ง แสดงออก ในรูปความไม่พอใจ เกลียดชัง ไม่อยากใกล้สิ่งนั้น

นอร์แมน แอล มุน (Norman L. Munn , 1971 : 71) กล่าวว่า ทัศนคติ คือ ความรู้สึก และ ความคิดเห็น ที่บุคคล มีต่อสิ่งของ บุคคล สถานการณ์ สถาบัน และข้อเสนอใด ๆ ในทางที่จะยอมรับ หรือปฏิเสธ ซึ่งมีผลทำให้ บุคคลพร้อม ที่จะ แสดงปฏิกิริยา ตอบสนอง ด้วย พฤติกรรม อย่างเดียวกันตลอด

จี เมอร์ฟี , แอล เมอร์ฟี และ ที นิวคอมบ์ (G. Murphy , L. Murphy and T. Newcomb , 1973 : 887) ให้ความหมายของคำว่า ทัศนคติ หมายถึง ความชอบ หรือไม่ชอบ พึงใจ หรือไม่พึงใจที่บุคคลแสดงออกมาต่อสิ่งต่าง ๆ

เดโช สวนานนท์ (2512 : 2 กล่าวถึง ทัศนคติ ว่าเป็นบุคลิกภาพที่สร้างขึ้นได้ เปลี่ยนแปลงได้และเป็น แรงจูงใจ ที่กำหนด พฤติกรรม ของบุคคล ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ

ศักดิ์ สุนทรเสณี (2531 : 2) กล่าวถึง ทัศนคติ ที่เชื่อมโยงไปถึง พฤติกรรมของบุคคล ว่า ทัศนคติ หมายถึง
1. ความสลับซับซ้อนของความรู้สึก หรือการมีอคติของบุคคล ในการที่จะ สร้างความพร้อม ที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามประสบการณ์ของบุคคลนั้น ที่ได้รับมา
2. ความโน้มเอียง ที่จะมีปฏิกิริยาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทางที่ดีหรือ ต่อต้าน สิ่งแวดล้อม ที่จะมาถึงทางหนึ่งทางใด
3. ในด้าน พฤติกรรม หมายถึง การเตรียมตัว หรือความพร้อมที่จะตอบสนอง

จากคำจำกัดความต่าง ๆเหล่านี้ จะเห็นได้ว่ามีประเด็นร่วมที่สำคัญดังนี้คือ
1. ความรู้สึกภายใน
2. ความพร้อม หรือ แนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมในทางใดทางหนึ่ง

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ทัศนคติ เป็นความสัมพันธ์ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความรู้สึก และความเชื่อ หรือการรู้ของบุคคล กับแนวโน้มที่จะมี พฤติกรรมโต้ตอบ ในทางใดทางหนึ่งต่อเป้าหมายของ ทัศนคติ นั้น

โดยสรุป ทัศนคติ ในงานที่นี้เป็นเรื่องของจิตใจ ท่าที ความรู้สึกนึกคิด และความโน้มเอียงของบุคคล ที่มีต่อข้อมูลข่าวสาร และการเปิดรับ รายการกรองสถานการณ์ ที่ได้รับมา ซึ่งเป็นไปได้ทั้งเชิงบวก และเชิงลบ ทัศนคติ มีผลให้มีการแสดง พฤติกรรม ออกมา จะเห็นได้ว่า ทัศนคติ ประกอบด้วย ความคิดที่มีผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกนั้น ออกมาโดยทางพฤติกรรม
องค์ประกอบของ ทัศนคติ

ฯลฯ

[Aorrayong]

จากการไปฝึกอบรมที่ไร่กล้อมแกล้มตั้งแต่ครั้งแรก จนถึงวันนี้
เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน

....3 เดือน ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย แต่อุปสรรคที่ดูจะหนักหนา
สาหัสสำหรับตัวเอง คือ การปรับเปลี่ยนทัศนคติของพ่อกับแม่ให้
เอีนเอียงหรือโน้มเอียง มายอมรับแนวทางของลุงคิม (ลุงคิมบอกว่า
ไม่ใช่แนวทางของลุงคิม แต่เป็นแนวทางของธรรมชาติ)

บอกได้เลยว่า...บ้านแทบแตก

หลังจากผ่านการเผชิญหน้าและต่อล้อต่อเถียงกันนับครั้งไม่ถ้วน จะเตือน
ตัวเองตลอดว่า วิธีที่ดีที่สุดเพื่อลดความขัดแย้ง คือ เงียบ...แล้วตั้งหน้า
ตั้งตา ทำให้พ่อกับแม่เห็นความแตกต่างให้ได้

เมื่อสองวันที่แล้ว บรรยากาศ ดูเหมือนจะเป็นใจ
" พ่อว่า...ใบอ่อนทุเรียน มันแก่เร็วกว่าปกติมั้ย? "
" เออ....แก่เร็วดี , ต้นสมบูรณ์ดี "

" พ่อว่า...มันจะบ้าใบมั้ย? "
" มันจะบ้าทำไม...ไม่หรอก "
..........................................

" แม่ว่า...ทุเรียนงามดีมั้ย? "
ไม่มีคำพูดออกมาจากปากแม่....แต่แม่พยักหน้า 3 ครั้ง

เหลืออย่างเดียว...รอให้ถึงฤดูกาล...อีก 2 เดือนก็จะเริ่มออกดอก

จะรอคำพูดของพ่อคำเดิม เหมือนที่พ่อยอมรับเรื่องเปิดสวนเป็นแหล่ง
ท่องเที่ยวเชิงเกษตรว่า " เรามาถูกทางแล้ว "

[Pitipol]

ขอเป็นกำลังใจให้พี่อ้อด้วยครับผม

ขอให้ทำได้สำเร็จ

เป็นศูนย์เรียนรู้เรียนเกษตรใหม่จ.ระยองเลย

พอถึงวันนั้น คุณพ่อคุณแม่ของพี่อ้อก็คงจะยินดีมากๆ เลย
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[Aorrayong]

ขอบคุณ...น้องโอ

" ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น "

" ทุกวิกฤติ จะมีโอกาสเสมอ

[pongphat]

เป็นด้วยครับ กำลังใจนะ ถ้าแนวทางนี้เป็นแนวทางธรรมชาติน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องเพราะธรรมชาติยอมเข้าใจธรรมชาติ ความเป็นธรรมชาติใครๆก็ชอบแต่คนอีกหลายๆคนยังทำร้ายทำลายธรรมชาติ ต้องทำให้คนเหล่านั้นเห็นเหมือนกะที่เราเห็น คงจะเป็นหน้าที่ของศิษย์กล้อมแกล้มแล้วล่ะ.....อิอิอิ

[loongtui]

ทัศนคติ ของท่านอาวุโส โดยเฉพาะพ่อ แม่ หรือคนใกล้ตัว คงต้องใว้วิธีที่ทำให้ท่านเหล่านั้นได้ประจักษ์เอง คงต้องรอเวลาครับ

[Pitipol]

แล้วพี่อ้อดูแลทุเรียนยังไงเหรอครับถึงได้งามขนาดนั้น?
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[Aorrayong]

ทำตามคำปรามาสของลุงคิม " คุณกล้าขยันหรือเปล่า? "

หลังจากกลับจากไร่กล้อมแกล้ม และกลุ่มระยองเริ่มผลิตปุ๋ยและฮอร์โมน พี่อ้อก็ทำตามคำแนะนำของลุงคิมอย่างเคร่งครัด เริ่มด้วยการให้ปุ๋ยน้ำระเบิดเทิดเถิง(ดิบ) สูตรเจริญเติบโตทางดิน 1 รอบ ทางใบให้ฮอร์โมนน้ำดำ 1 รอบ เพื่อสร้างความสมบูรณ์และเตรียมความพร้อมของต้น สลับกับแคลเซียมโบรอน ดูการตอบสนองของต้นทุเรียนแล้ว ต้นทุเรียนตอบสนองได้ดีและเร็วมาก ใบหนา เป็นมันวาว สีเขียวเข้ม หูใบอวบอ้วน พี่อ้อเตรียมที่จะให้ปุ๋ยน้ำทางดินรอบสอง แต่ลุงคิมสั่งเบรค เพราะกลัวว่าต้นทุเรียนจะได้อาหารมากไป (บ้าใบ) จะไม่ยอมออกดอก ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมา พี่อ้อเริ่มสะสมตาดอก โดยใช้ปุ๋ยทางใบสูตร 0-42-56 ผสมกับสารอาหารที่พืชต้องการ คิดไว้ว่าจะสะสมให้ได้สัก 2-3 รอบ ก่อนที่ฝนจะแล้ง พร้อมกับให้ปุ๋ยน้ำระเบิดเทิดเถิง (ดิบ) ทางดินสูตรสะสมตาดอกด้วย และตอนนี้พี่อ้อเตรียม ฮอร์โมนไข่ทั้งสูตรไต้หวันและสูตรสเปน รวมทั้งสูตรพิเศษ เอาไว้สำหรับเปิดตาดอก

ทุกอย่างที่ทำ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เริ่มต้นจากการไปเรียนรู้ที่ไร่กล้อมแกล้ม แล้วกลับเอามา
ต่อยอด

นี่คือแผนการ การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต และการเพิ่มคุณภาพของผลผลิต เกรดเอ
จัมโบ้ โกอินเตอร์

[Pitipol]

พี่อ้อช่างมีทัศนคติแง่บวกดีจัง ผมเชื่อว่า คนหลายๆ คนพอเจอคำปรามาสของลุงคิมเข้าไป มีแต่ส่ายหัวแล้วก็อคติกับลุงคิมไปเลย แต่กับพี่อ้อ พี่ได้เอาคำปรามาสนั้นมาสร้างแรงผลักดันภายในให้กับตนเองได้
นับถือๆๆ ข้าน้อยขอคาราวะ 1 จอก......

[ott_club]

[quote="pitipol"]

[Pitipol]

น่าจะใช้นะครับ เหมือนที่ลุงคิมสอนบนกระดานเรื่อง 8 ขั้นตอนไม้ผล

แต่อัตราส่วนจะใส่เท่าไหร่ดีหละครับพี่อ้อ

คราวหน้าไปบ้านพี่อ้อ อย่าลืมเอาผ้าสามสีไปด้วยนะครับ แล้วช่วยกันผูก.....อิอิ
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[Aorrayong]

ใช่แล้ว....ระเบิดเทิเถิงดิบ+8-24-24 อัตราส่วนที่ใส่เท่ากับสูตรเจริญเติบโตนั่นแหละ

เอาผ้าสามสีมาผูก....ผูกอะไรน้องโอ?

ผูกต้นทุเรียนหรือผูกพี่อ้อ

[Pitipol]

ผูกต้นแขนพี่อ้อเหมือนนักมวยครับ

ไม่พอใจใคร ชกเลย!

"สุภาภรณ์ ศิษย์ลุงคิม"



หมายเหตุ:ผ้าผูกแขนนักมวยเรียกว่า ประเจียด ไม่ได้เป็นผ้าสามสีครับ ที่บอกผมแค่จินตนาเท่านั้นเอง
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[Aorrayong]

[Pitipol]

[kimzagass]

คนเมาคุยกัน.....ลุงแก่แล้ว....ลุงไม่รู้เรื่อง (ว่ะ...)

[Pitipol]

ไม่มีอะไรครับ ผมเคยโทรไปคุยกับพี่อ้อตอนวิ่งจ็อกกิ้ง วิ่งๆ ไปเจอวัวหลุดวิ่งเข้าหาซะงั้น ดีนะที่รอดมาได้

นับวันรอลุงคิมมาระยองแล้วนะครับ
_________________
เกษตรกรฝึกหัด
โอ ระยองครับผม

[kimzagass]

ตั้งใจจะ "ล้อหมุน" จากไร่กล้อมแกล้มตอน ตี.3 กะไปให้ถีง
สวน PAIBOON.COM ก่อน 8 โมงเช้าทันเวลา ONAIR ถ้า
ไม่ทันเวลาจริงๆ ก็ต้องแวะข้างทาง (ประจำ....)

ลุงคิมครับผม

[ott_club]

[quote="pitipol"]ไม่มีอะไรครับ ผมเคยโทรไปคุยกับพี่อ้อตอนวิ่งจ็อกกิ้ง วิ่งๆ ไปเจอวัวหลุดวิ่งเข้าหาซะงั้น ดีนะที่รอดมาได้

รอดมาได้เพราะอะไร
ก. วัวไล่ไม่ทัน
ข. พี่อ้อวิ่งเร็ว
ค. วัวเห็นคนสวยเลยใจอ่อน
ง. ถูกทุกข้อ

อ๊อด ระยองครับ

[kimzagass]

ขี้เพี้ยวัวในลำไส้อ่อน มีจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายหญ้า
ให้เป็น "อะมิโนโปรคีน" ได้อย่างดีเยี่ยม.....คิดดูดีๆ
ในหญ้าไม่มีโปรตีน หรือไม่ก็มีน้อยมาก ในเมื่อวัวกิน
หญ้าซึ่งมีโปรตีนน้อยมาก แล้ววัวสร้างเนื้อจนกระทั่ง
ตัวโตใหญ่ได้ยังไง

คำตอบ :
1.... วัวกลัวโดนขะโมยขี้เพี้ย เอาไปขยายเชื้อจุลินทรีย์
2.... วัวกลัว "ระเบิด" เถิดเทิง
3.... วัวกลัวถูกรีดน้ำเชื้อเอา "เอสโตรเจน"

[Aorrayong]

ผิดทุกข้อ......วัวมันกลัวรองเท้าผ้าใบ

[kimzagass]

รองเท้าผ้าใบ กับวัว เกี่ยวกันยังไง

[Aorrayong]

ทางเดินอาหารของวัว

วัวเป็นสัตว์ ที่มี 4 กระเพาะได้แก่
1. รูเมน (Rumen) หรือ ผ้าขี้ริ้ว
2. เรติคิวลัม (Reticulum) หรือ รังผึ้ง
3.โอมาซัม (Omasum) หรือ สามสิบกลีบ
4. แอบโอมาซัม (Abomasum) หรือ กระเพาะจริง

ทั้ง 4 กระเพาะ ส่วนที่เป็นกระเพาะจริงมีเพียงส่วนเดียวเท่านั้นคือ แอบโอมาซัม ส่วนที่เหลืออีก 3 ส่วนไม่ใช่กระเพาะแต่เป็นหลอดอาหารที่ขยายขนาดขึ้นเพื่อรองรับอาหารและ 3 ส่วนนี้ก็ไม่มีการสร้างเอนไซม์


หญ้าที่วัวกินเข้าไปนั้นจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะส่วนเรติคิวลัม จากนั้นจะมีการหดตัวของกระเพาะส่วนเรติคิวลัม เพื่อส่งอาหารผ่านเข้าสู่กระเพาะส่วนรูเมน ซึ่งเป็นกระเพาะที่มีขนาดใหญ่กว่ากระเพาะอื่นๆ เมื่อวัวกินอาหารจนเต็มที่แล้วก็จะสำรอกอาหารที่เก็บอยู่ในกระเพาะส่วนรูเมนออกมาเคี้ยวใหม่เป็นครั้งเพื่อบดอาหารให้ละเอียดขึ้น เรียกว่า เคี้ยวเอื้อง แล้วกลืนกลับเข้าไปใหม่ อาหารจะถูกหมักอย่ในกระเพาะ รูเมนเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยมีแบคทีเรียและโพรโทซัว ช่วยย่อยสลายเซลลูโลสให้เป็นกรดไขมันอย่างง่าย กรดไขมันนี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อใช้เป็นแหล่งให้พลังงานและจุลินทรีย์เหล่านี้ยังช่วยสังเคราะห์กรดไขมันจากคาร์โบไฮเดรต และสังเคราะห์กรดอะมิโน จาก ยูเรีย แอมโมเนียจากการหมักนอกจากนี้จุลินทรีย์ยังสามารถสร้างวิตามินบี12ได้ด้วยจากนั้นอาหารและจุลินทรีย์ที่อยู่ในกระเพาะรูเมนจะถูกบีบส่งกลับไปยังกระเพาะส่วนเรติคิวลัม และส่งต่อไปยังกระเพาะโอมาซัม เพื่อบดอาหารผสมรวมกัน และบีบคั้นน้ำออกเพื่อให้อาหารแห้งและเป็นก้อน จากนั้นส่งเข้ากระเพาะอาหารแอบโอมาซัมหรือกระเพาะจริง เพื่อทำการย่อยตามปกติ โดยมีเอนไซม์ช่วยในการย่อย

เมื่ออาหารย่อยในกระเพาะอาหารแล้วจะถูกขับออกมาสู่ลำไส้เล็กตอนต้นและมีอวัยวะอื่นๆ อีกที่ช่วยในการย่อยอาหาร ได้แก่ ตับอ่อน สร้างเอนไซม์มาย่อยอาหารพวกโปรตีน ไขมัน และแป้ง ตับสร้างน้ำดีเพื่อช่วยในการย่อยในลำไส้เล็กโดยทำให้ไขมันแตกตัว เมื่ออาหารย่อยเสร็จเรียบร้อยแล้วจะดูดซึมเข้าระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อนำไปใช้ในส่วนต่างๆของร่างกาย

[Aorrayong]

[kimzagass]

โบราณไทยว่า.....วัวไม่ชอลสีแดง....ข้อนี้น่าจะจริง เพราะ
มาทาดอร์ที่สเปญ ใช้ผ้าแดงล่อวัวกระทิง

โบราณว่าอีกเหมือนกัน......ควายไม่ชอบสีเหลือง....ข้อนี้ให้
ไปถามหลวงพ่อที่วัด หลวงพ่อบอกว่า ควายชอบไล่พระ



แต่ดคีนี้ เห็นทีต้องส่งไปฝึกสู้วัวกระทิงที่สเปญซะแล้ว กลับ
มาจะได้มาสู้กับวัวระยองได้ไงล่ะ.........ซินญอ