-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-นาข้าวสวย ๆ ครับ
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - อาชีพเกษตร......................... ทำยากมากๆ
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

อาชีพเกษตร......................... ทำยากมากๆ

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 05/10/2010 6:20 pm    ชื่อกระทู้: อาชีพเกษตร......................... ทำยากมากๆ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เบื่ออาชีพเกษตรมาก เป็นอาชีพที่ทำยากมากๆ ครับ

อาชีพเกษตรกรรมมีตัวแปรเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลของดินฟ้าอากาศ
ที่สำคัญอีกอย่างคือ คน ครับ ไม่ว่าจะเป็น คนงาน หรือ คนกลาง แต่ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยเห็นมีรัฐบาลไหนที่จะช่วยเหลือ ชาวสวนผลไม้ ชาวสวนผัก ที่ 3-5 วันผลไม้และผักก็จะเน่าเสียหมด เห็นช่วยแต่ ข้าว ยางพารา ที่สามารถเก็บไว้ได้เป็นปีโดยไม่เสียหาย สงสัยชาวสวนผลไม้ สวนผักคงจะเป็นลูกเมียน้อย เคยคิดไว้ว่า ถ้ามีเลือกตั้งอีกสักกี่ครั้ง ผมก็จะไม่ขอไปเลือกตั้งอีกตลอดไปครับ


อาชีพนี้ก็ถือว่าเป็นปากท้องของประชาชนเลยนา...แต่ก็ใช่ เป็นอาชีพที่ทำยากมากจริงๆ ผมเป็นกำลังใจให้ละกัน สู้ๆ


สู้ๆนะคะ + + ไม่มีเกษตรกร แล้วจะให้คนไทยกินขนมปังแทนข้าวหรือไงอ่ะคะ . . ขอให้กำลังใจ ... เตยจะไม่กินทิ้งกินขว้างเรยยยย


แต่คุณนกเอี้ยงรู้มั๊ย? คะ


สำหรับ ภัทรนะ อาชีพนี้ เป็นอาชีพที่น่ายกย่องมาก พ่อแม่ ภัทรก็เคยทำนามาก่อน เข้าใจคะ ว่าปัญหามันเยอะ ลองหาแนวคิดใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการเกษตร ดีมี๋ยจ๊ะ จะได้ไม่เบื่อน่ะ


ใจจริง ตัว ภัทรเองอยากกลับบ้านไปทำสวนมากเลยนะ อยากขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกกล้วย ปลูกมะม่วง และก็พืชผักสวนครัวเอาไว้กินเองอะไรแบบนี้นะจ๊ะ


อาชีพที่น่ายกย่อง....ไม่มีเกษตรกรแล้วเราจากินไร....อย่าพิ่งท้อ....สู้ต่อไปนะ..


ใช่มันยากมากๆ แต่เกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ก็เก่งเทียบได้กับนักวิทยาศาสตร์คนนึงเลยนะ
คุณพ่อบุญธรรมเปิดฟาร์มเกษตรกรรมมาตลอด เลี้ยงนั่นเลี้ยงนี่ ตอนเด็กๆจำได้เลยนะว่านักวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาขอเรียนวิธีเลี้ยงกุ้งกะพ่อเลยนะ แต่ตอนนี้พ่อแก่แล้ไม่มีคนสืบทอด ก็ไม่ได้ทำอะไรแล้วไม่ค่อยสบายด้วย
พ่อเป็นคนเก่งมากๆ แล้วก็เป็นเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง เราอะ ไม่เก่งเหมือนพ่อ ทำอะไรก็ไม่เป็น ปลูกดอกไม้ยังขึ้นๆ ตายๆ
ยังไงๆ ก็ขอให้อย่าท้อนะ ถ้าคิดว่าใจรักด้านนี้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้จ้ะ


เป็นอาชีพที่น่ายกย่องค่ะ คนไทยมีชาติอยู่ได้ก็มาจากเกษตรกรรม พวกเราควรจะต้องขอบคุณคนอย่างพวกคุณมากกว่านะคะ อย่าเพิ่งเบื่อเลยค่ะ ..... สู้ๆๆ นะคะ


ถ้าคุณหาความรู้ในนี้ มีปัญหาอะไรให้เพื่อนๆช่วยแก้ไข อาชีพอุณจะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าที่สุด คนขับรถที่ทำงานผม เขายังประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกรตvนเย็นหลังเลิกงาน เขาหารายได้มากกว่าเงินเดืนประจำอีก มีที่แค่ 300 วาเอง มันอยู่ที่การบริหารจัดการครับ


อาชีพนี้จะเป็นอาชีพเดียวที่จะช่วยประเทศไทยให้พ้นวิกฤตได้ครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ สู้ ๆ เป็นกำลังใจให้


http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=6ca88f23f7d4bba6
guru.google.co.th ›


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 07/10/2010 6:05 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 05/10/2010 6:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ลุงคิมว่านะ....

อาชีพเกษตรกรรมว่าด้วยการเพาะปลูกพืช เป็นอาชีพที่ยากที่สุด เพราะต้องทำงานกับสิ่งที่พูดไม่ได้ ต้องใช้สัญชาติญาน วิจารณญาน ประสบการณ์ วิชาการ สังเกตุเท่านั้น ผลจากการสังเกตุก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนานมากกว่าจะรู้เรื่อง หรือกว่าจะรู้ก็สายเกินแก้แล้ว แถมยังมีสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม ปัจจัยเสริม ปัจจัยต้าน ที่มองไม่เห็น ไม่รู้ล่วงหน้า โถมทับเข้ามาอีก ...... ต่างกับเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ที่มันยังร้องส่งเสียง แสดงอาการบอกเราได้ สิ่งที่คนเลี้ยงให้ ถ้าไม่ชอบมันก็ไม่เอา ให้อาหารที่กินไม่ได้ มันก็ไม่กิน เวลาไม่สบายมันก็จะไม่ยอมกินอาหาร แถมแสดงอาการให้เรารู้ได้อีกด้วย

วิศวะ..... ยังง่ายกว่า เพราะทุกอย่างมีตัวเลข มีสเป็ค กำกับทุกชิ้นทุกขั้นตอน ผิดสเป็คก็ไม่ใช้ ไม่เอา หรือเปลี่ยนใหม่ได้เดี๋ยวนั้น

แพทย์.....ก็ง่ายกว่า เพราะคนไข้พูดได้ เอาเลือด เอาไขสันหลัง เอาฉี่ มาตรวจก็รู้ว่าเป็นโรคอะไร แล้วก็สั่งยาตามนั้น

กฏหมาย.... ยิ่งง่ายมาก เพราะหลักฐานพยาน ประจักษ์พยาน แล้วตัดสินโดยการตีความตามกฏหมายรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้


ใครคิดว่า "พืช" เป็นเรื่องง่ายๆ ช่วยบอกที
ลุงคิมครับผม

ปล.
คนหัวดี เรียนวิศวะ เรียนแพทย์ เรียนกฏหมาย ที่สื่อสารกันด้วยคำพูดรู้เรื่อง แต่คนหัวขี้เท่อ เรียนเกษตร ที่สื่อสารกับต้นไม้ต้องใช้แบบ "ไอ้บ้า คุยกับ ไอ้ใบ้...." ประมาณนี้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 05/10/2010 6:58 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ทางเลือกของเกษตรกร

วันนี้เอาเรื่องใกล้ๆ ตัวมาเล่าสู่กันฟังบ้าง ปัญหาราคาผลผลิตทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ของสวนในละแวกนี้ก็คือ เริ่มมีการลงมะม่วงแทนลำไยไปแล้ว ๒-๓ เจ้า และมีบางสวนปล่อยร้างเพราะสู้ค่าดูแลไม่ไหว จำได้ว่าสถานการณ์อย่างนี้เคยเกิดมาแล้วเมื่อซัก ๖-๗ ปีที่ผ่านมา เคยได้ยินมั้ยครับ ‘ปลูกส้ม ล้มลำไย’ แห่ปลูกตามกันไปโดยเฉพาะสวนลิ้นจี่สวนลำไยแถว อ.ฝาง ยิ่งไปดึงราคาส้มให้ตกลงมาอีก สุดท้ายก็มีไม่กี่รายที่รอด ถึงวันนี้ผมคิดว่าเกษตรกรเราต้องตัดสินใจแล้วล่ะครับว่า

จะเลือก ‘ทำมาหากิน’ หรือ ‘ทำมาค้าขาย’

ถ้าเลือกอย่างแรก ต้องเริ่มต้นที่การพึ่งตนเอง หยุดผลิตเพื่อคนอื่น แล้วหันมาผลิตเพื่อตัวเอง เหลือจากตัวเอง จากการกินการใช้แล้ว ค่อยเอามาขาย เกษตรกรที่เลือกแนวทางทำมาหากินที่สามารถอยู่ได้ท่ามกลางกระแสการล้มละลายของเกษตรกรไทย ส่วนใหญ่มีวิถีการทำเกษตรคล้าย ๆ กัน คือ

มีการปลูกพืชอย่างหลากหลาย เพื่อสนองตอบต่อการบริโภคของตนเองเป็นหลัก ใช้สติปัญญาและประสบการณ์ที่สั่งสม เป็นองค์ความรู้ในการจัดการและพัฒนากระบวนการผลิตให้สามารถตอบสนองความต้อง การของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการทำการเกษตรแบบมีความสุข เอื้ออาทรต่อตัวเอง ต่อผู้อื่นและต่อธรรมชาติ

ว่ากันว่านี่เป็นทางออกของเกษตรกรไทยอย่างแท้จริง

ถ้าเลือกทางที่สอง ต้องทำใจให้พร้อมที่จะรับความเสี่ยง เพราะการทำการเกษตรเพื่อการค้านั้น ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกมาก ต้นทุนสูงเพราะเป็นธุรกิจผูกขาด ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง รวมถึงต้นทุนแฝงในรูปของสภาพแวดล้อมที่เสื่อมลงจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงปริมาณมาก ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพและสมดุลของระบบนิเวศสูญเสียไป จะอยู่ได้ต้องลดความเสี่ยงลงให้ได้มากที่สุด

เทคนิควิธีต่าง ๆ ในการจัดการความเสี่ยงทางการเกษตร มีการศึกษาค้นคว้า นำเสนอผ่านสื่อหลายแขนงให้เกษตรกรนำมาพิจารณาปรับใช้ ทั้งแบบแมนน่วลและดิจิตอล หรือตัวอย่างแบบตัวเป็น ๆ จับต้องได้ก็มีเยอะ ที่สำคัญเกษตรกรต้องรู้จักประมาณตนเอง ทำเท่าที่กำลังเราจะทำได้ รู้จักสิ่งที่จะทำอย่างถ่องแท้ อย่าแห่ตาม อย่าหวังฟลุ๊ค

ถ้ายังไม่รู้จักตัวเองทั้งในเรื่องศักยภาพและความต้องการ อย่าเลือกเดินทางนี้

ผมเลือก ‘ทำมาค้าขาย’ โดยอาศัยหลักการกระจายความเสี่ยง คือ พยายามให้มีความหลากหลายของพันธุ์พืช มีพืชหลักเป็นลำไยที่แบ่งทำนอกฤดูแปลงนึง ปล่อยออกธรรมชาติแปลงนึง และมีพืชรอง คือ ผักหวานป่า คิดอยู่ว่าถ้ามีพืชเสริมอีกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบ มีรายได้รายวัน รายเดือน รายปี แม้ไม่มากแต่สม่ำเสมอตลอดทั้งปี ควบคู่ไปกับการลดปัจจัยการผลิตโดยใช้วิธีเกษตรธรรมชาติ ทุกวันนี้ก็อยู่ได้ ไม่ขัดสน

สิ่งที่ผมยึดเป็นแนวทางประกอบอาชีพเกษตรกรรมในทุกวันนี้ เป็นหนึ่งในผลึกความคิดจากปราชญ์ชาวบ้าน ๔ ท่าน คือ พ่อคำเดื่อง ภาษี พ่อผาย สร้อยสระกลาง พ่อสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ และพ่อบุญเติม ชัยลา ซึ่งท่านเหล่านี้ได้นำประสบการณ์ในชีวิตของตนเอง มาถ่ายทอดให้ได้รับรู้ เข้าใจ และสามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยวิธีการที่ง่าย ๆ ท่านว่าไว้ว่า

ปัญหาการเกษตรที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเกษตรพอเพียงหรือเกษตรธรรมชาตินั้น มักเป็นการมองแต่ในทางเทคนิค ไม่มีใครสนใจถึงแก่นแท้ของการทำเกษตรที่แท้จริงว่า จริง ๆ แล้วนั้นเป็นเรื่องการของเรียนรู้และการแก้ปัญหา โดยมีหลักการหรือวิชาการเป็นเพียงแค่กรอบนำ ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่การปฏิบัติ สิ่งใดที่จะทำ จงทำ อย่าคิดจะทำ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ทำสักที

คล้ายกับที่คุณบัณฑิต อึ้งรังษี พูดไว้ “ทางเดียวที่จะไปสู่คาร์เนกีฮอลล์ คือ ต้องซ้อม ซ้อม และซ้อม” เกษตรกรเองก็ต้องเลือกอย่างไตร่ตรองและรอบคอบ มุ่งมั่นในสิ่งที่เลือก และต้องยอมรับผลที่เกิดจากการเลือกของตนเองให้ได้ด้วย

http://baansuan.wordpress.com/2007/05/01/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3/
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 05/10/2010 7:21 pm    ชื่อกระทู้: “ชีวิตทวนกระแส” ของเกษตรกรรุ่นใหม่ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

“ชีวิตทวนกระแส” ของเกษตรกรรุ่นใหม่

เยาวชนในศูนย์การเรียนรู้ชาวดินเกี่ยวข้าวในแปลงปลูกข้าวของพวกเขาซึ่งกำลังออกรวง

เมื่อยังเล็ก ใครหลายคนคงแอบฝันอยากเป็นเกษตรกร แต่พอโตขึ้น หลายคนเริ่มเปลี่ยนใจ เพราะในยุคโลกาภิวัตน์ ความทันสมัย และความสะดวกสบาย ดูจะเป็นสิ่งที่ทุกคนถวิลหา ไม่ว่าใครก็อยากทำงานสบายๆ ไม่ต้องตรากตรำกว่าจะได้เงินมาแต่ละบาท อาชีพเกษตรกรรมที่เคยวาดฝันเมื่อยามเด็กจึงกลายเป็นอาชีพท้ายๆ ที่คนรุ่นใหม่จะนึกถึง ที่สำคัญ “การเลือก” ที่จะมีอาชีพเกษตรกร กลับกลายเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้แต่พ่อ แม่ ซึ่งเป็นเกษตรกร...

กระนั้น ในภาวะที่ดูเหมือนว่าคนรุ่นใหม่ล้วนแต่ทิ้งบ้านไปอยู่เมือง ยังมี “คนรุ่นใหม่” หลายคนที่เลือกเส้นทางเดินของชีวิต “ทวนกระแส” ดังตัวอย่างของ 7 เกษตรกรรุ่นใหม่ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมการจัดการความรู้ของเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น (4 ภาค) ซึ่งดำเนินการสถาบันเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข (สรส.) ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

“...ผมได้ตัดสินใจที่จะอยู่บ้านหลังเรียนจบ ม.6 และเลือกที่จะศึกษาต่อมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่เปิดโอกาสให้ผมได้อยู่บ้าน แต่มันก็เป็นเรื่องที่คนในชุมชนไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก เพราะมันอาจเป็นค่านิยมเลยก็ว่าได้ ที่เด็กทุกคนเมื่อเรียนจบ ม.6 ต้องไปเรียนต่อที่ในเมืองหรือไม่ก็ไปทำงานหาลูกหาเมียมาให้แม่ที่อยู่บ้านเลี้ยง...” ศักดา เหลาเกตุ เยาวชนรักษ์ถิ่นเกิด วัย 19 ปีจากศูนย์การเรียนรู้ชาวดิน อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ยืนยันถึงการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของเขา

ศักดาเลือกเรียนในระบบเปิดที่บ้านเกิด แทนที่จะละถิ่นเข้าเมืองเพื่อศึกษาต่อด้านการเกษตรในมหาวิทยาลัย เหมือนเพื่อนๆ เพราะมองว่าเขาสามารถทำการเกษตรได้แม้อยู่ที่บ้าน อีกทั้งยัง เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงบนผืนนา หาใช่การเรียนรู้แต่ทฤษฎีที่ไร้การปฏิบัติจริง ถึงแม้ว่าการยืนยันที่จะอยู่นอกกรอบนี้จะมีแรงเสียดทานมาก แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังสนุกกับการเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ของชุมชน บนวิถีกสิกรรมพอเพียง

อย่างไรก็ดี การยืนหยัดนอกกรอบของศักดาอาจไม่แข็งแรง หากไม่มี พ่อ “สำเนียง วงศ์พิมพ์” ผู้บุกเบิกศูนย์การเรียนรู้ชาวดิน เป็นแบบอย่าง รวมทั้งเอื้ออำนวยให้มีกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะต่างๆ ร่วมกันกับเพื่อนๆ พ่อสำเนียงในอดีตมีอาชีพนักมวย และเป็นพระเอกหมอลำ ซึ่งรักอาชีพการทำนาด้วยหลักคิดที่ปู่ฝากไว้แต่เด็กที่ว่า “ไม่ว่าคนจะทำอาชีพอะไร แม้แต่คนขับเครื่องบินก็ยังต้องกินข้าว” อาชีพเกษตรกรรมจึงเป็นอาชีพที่มั่นคง ไม่มีวันตกงาน “การทำนาและข้าว” ในมโนสำนึกของพ่อสำเนียงจึงเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยากจะหาสิ่งใดเหมือน

จิตวิญญาณด้านการเกษตรในตัวพ่อสำเนียงยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เมื่อกว่าสามปีก่อน พ่อสำเนียงยอมสวนกระแสเศรษฐกิจ เสียสละที่ดินรอบเขื่อนอุบลรัตน์ประมาณ 4 ไร่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจจัดทำศูนย์การเรียนรู้ชาวดิน เพื่อเป็นแหล่งฟูมฟักเยาวชนไม่ให้หลงใหลไปในทางที่ผิด ขณะเดียวกันก็แฝงการปลูกฝังเยาวชนให้มีแนวคิดเรื่องเกษตรพอเพียง รู้จักการพึ่งพาตนเอง ทำบ้านดิน ปลูกผักปลอดสารเคมี ขุดบ่อเลี้ยงปลา เพาะเห็ด และทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เองและจำหน่ายหารายได้ พ่อสำเนียงจะย้ำกับเยาวชนเสมอว่าคนเราต้องรู้จักตนเอง การขยันทำมาหากินจะทำให้เราไม่มีวันอดตาย ที่สำคัญจะต้องยึดมั่นในคุณธรรม เพราะธรรมจะเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่เรา

สหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา กิ่งอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งแหล่งบ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ความเข้มแข็ง อ้ายกนกศักดิ์ ดวงเรือนแก้ว นายก อบต.แม่ทา จังหวัดเชียงใหม่ คนปัจจุบัน เป็นกลจักรสำคัญที่ทำให้เยาวชนในพื้นที่ไม่ต้องละถิ่นฐาน แต่เรียนรู้และภาคภูมิใจในวิถีเกษตรกรรมยั่งยืนของชุมชน ซึ่งในอดีต อ้ายกนกศักดิ์เคยแสวงโชคในเมืองกรุง เรียกได้ว่าอาบน้ำร้อนมาแล้ว จนได้เรียนรู้ว่าไม่มีที่ไหนที่มีความสุขและความมั่นคงในชีวิตเตรียมพร้อมให้แก่ชีวิตมากเท่าบ้านเกิดและผืนแผ่นดินอันอุดมที่ถือเป็นต้นทุนก้อนใหญ่ของสังคมไทยจนทำให้เขากล้าที่จะยืนนอกแถว

“หากเราปลูกพืชแล้วใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง สารกำจัดวัชพืช เพื่อให้พืชผลของเราไม่ถูกรบกวน ก็เท่ากับว่าเรากำลังทำตัวฝืนธรรมชาติ เป็นศัตรูกับธรรมชาติทั้งหมด แล้วไปเป็นมิตรกับพืชผลของเราเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้มีปัญหาตามมาไม่รู้จักจบ แต่หากกลับกัน เมื่อเราเป็นมิตรกับธรรมชาติแล้ว ธรรมชาติทั้งหมดก็จะเป็นมิตรกับเราด้วย”
อ้ายกนกศักดิ์ว่าอย่างนั้น

นอกจากนี้ เพิก “ยุทธศักดิ์ ยืนน้อย” นักเกษตรกรรมรุ่นที่ 3 ของตำบลแม่ทา ถือเป็นอีกกำลังสำคัญของสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่ แต่ก่อน เพิกเคยหวังว่าวุฒิความรู้ ปวส.ด้านการจัดการจะทำให้เขามีอาชีพสุขสบาย ทำงานโก้ๆ ในสำนักงาน ไปไหนก็มีคนนับหน้าถือตา แต่เมื่อไม่สามารถหางานมาสร้างคุณค่าและรายได้เลี้ยงปากท้องได้ เพิกจึงต้อง หันหลังกลับมาทำงานเกษตรของครอบครัว และได้รู้จักกับวิถีเกษตรกรรมยั่งยืนที่ทำให้เขาปลดเปลื้องหนี้สินของครอบครัว ทั้งยังมีความมั่นคงในชีวิต – อาชีพมากขึ้น

เพิกกล่าวว่าเมื่อเขาคิดต่างไปจากอดีตที่วัดคุณค่าของการงานที่ “ตัวเงิน” มาเป็นการวัดคุณค่าที่ “การอยู่อย่างพอเพียง” พึ่งพาตนเองได้ ก็ทำให้งานเกษตรกรรมอันหนักหน่วงที่เปรียบเป็นยาขม กลับกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ที่มีความสุขมากขึ้น หากวันนั้นเขาไม่กล้าคิดทวนกระแส เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเขามีวันนี้ได้

ขณะที่อีกหนึ่งหนุ่มเลือดนักเกษตร วัต “อนุพงษ์ วิเศษ” เยาวชนรักบ้านเกิดจากเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นอีกเยาวชนที่มีใจรักด้านการเกษตรไม่แพ้กัน นอกจากจะยึดอาชีพเกษตรกรตามครอบครัวแล้ว วัตยังขันอาสาทำหน้าที่เป็นนักจัดรายการให้ความรู้ด้านการเกษตรแก่ชาวบ้านในชุมชน

สมพร ทองเพิ่ม เป็นเยาวชนอีกคนหนึ่งที่ยึดมั่นในอาชีพเกษตรกร สมพรเลือกที่จะเดินทวนกระแสลาออกจากการเป็นครูสอนการอาชีพของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากรู้ดีว่าความสุขของเขาหาใช่จะพบได้ในสวนคอนกรีต หากแต่เป็นเรือกสวนไร่นาของครอบครัว เขามักจะบอกกับใครๆ ว่า วันเวลาในสวนช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก ผิดกับเวลาที่นั่งอยู่ในสำนักงานที่แต่ละนาทีช่างเนิ่นช้า

สมพรตัดสินใจลาออกจากอาชีพที่มีรายได้ประจำมาเป็นเกษตรกรผู้ปลูกและพ่อค้าขายกล้วยหอมอย่างเต็มตัว ทั้งยังหาญกล้าตัดวงจร ไม่พึ่งพิงพ่อค้าคนกลาง ต่างจากเกษตรกรรุ่นพ่อแม่ที่ไม่ทันเหลี่ยมมุมและแรงกดขี่ของนายทุนที่ทำให้เกษตรกรเสียเปรียบ บนเส้นทางปลูกกล้วยหอมของสมพร เขาได้ ประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติที่เห็นแบบอย่างมาจากครอบครัว เข้ากับวิชาความรู้ที่ได้จากมหาวิทยาลัย โดยให้ความสำคัญกับการตลาดมาก สมพรมีสโลแกนว่า “ปลูกได้จะต้องขายให้เป็น” นอกจากจะเป็นนักปฏิบัติตัวยงแล้ว สมพรยังเป็นนักจัดการความรู้ชนิดหาตัวจับยากคนหนึ่งเมื่อเทียบกับเพื่อนวัยเดียวกัน

ไม่แตกต่างกันนักกับสมพร ทองเพิ่ม นัก “วิษณุ ศิริเสน” ทายาทฟาร์มเพาะพันธุ์ปลานิลและปลาดุกรายใหญ่ในอำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็เป็นอีกนักปฏิบัติและมีจิตวิญญาณการเกษตรเต็มตัว ด้วยต้นทุนเดิมที่มีอยู่ทำให้วิษณุเติบโตในเส้นทางเกษตรกรรมได้รวดเร็วจนใครๆ แอบฉงนสงสัย ทว่าความจริงเบื้องหลังหน้าฉากอันสวยงาม วิษณุต้องอาศัยความรัก ความทุ่มเท และความพากเพียรพยายามอย่างมากกว่าจะเดินตามรอยเท้าของพ่อวินัย ศิริเสน ได้อย่างไม่อายใคร

ความบากบั่นของวิษณุไม่ได้เป็นเพียงคำพูดจายกย่องชมเชย ที่ผ่านมา วิษณุคว้ารางวัลด้านการเกษตรมาแล้วหลายรางวัล ขณะที่เรียนอยู่ชั้น ปวช.ที่วิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช เขาได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภาค 3 ปีซ้อนจากการแข่งขันทักษะการผสมเทียมปลา ยิ่งกว่านั้นยังเคยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการแข่งขันทักษะวิชาการขององค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อกท.) อีกด้วย

จากเรื่องราวของ 7 เกษตรกรรุ่นใหม่ในข้างต้น จะเห็นได้ว่า การที่คนรุ่นใหม่จะหันกลับคืนสู่วิถีเกษตรในชุมชนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นได้เพียงเพราะ “แรงขับดันด้านใน” ของแต่ละคนเท่านั้น แต่สิ่งที่จะทำให้พวกเขาสามารถหลุดออกจากวิถีเก่าๆ ได้ คงต้องอาศัยปัจจัยภายนอกมาเกื้อหนุนอีกแรง ทั้งที่เป็นฐานของครอบครัว ชุมชน รวมทั้งผู้สนับสนุนทั้งหลายที่คอยกระตุ้น เติมพลัง ทั้งทุน ความรู้ และกระบวนการเรียนรู้

สำหรับเกษตรกรเลือดใหม่ทั้ง 7 ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ ในงานเวทีระพีเสวนา การเรียนรู้เพื่อความเป็นไท ครั้งที่ 2 ภูมิปัญญาวิถีชีวิตไทยไท “จากวันนั้นถึงวันนี้ ฤาสิ้นไร้ผู้สืบสาน” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ เพื่อแสดงเจตนารมณ์รับไม้ต่อด้านภูมิปัญญาการเกษตรของไทยจากครูภูมิปัญญารุ่นพ่อแม่ ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับอาชีพเกษตรกรให้เป็นอาชีพที่มีศักดิ์ศรี และทำให้เกษตรกรเป็นผู้ที่อยู่ได้อย่างมีความสุข


http://www.biothai.net/news/3220
www.biothai.net/news/3220
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 28/10/2010 10:38 am    ชื่อกระทู้: Re: อาชีพเกษตร......................... ทำยากมากๆ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

kimzagass บันทึก:
เบื่ออาชีพเกษตรมาก เป็นอาชีพที่ทำยากมากๆ ครับ

อาชีพเกษตรกรรมมีตัวแปรเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลของดินฟ้าอากาศ
ที่สำคัญอีกอย่างคือ คน ครับ ไม่ว่าจะเป็น คนงาน หรือ คนกลาง แต่ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยเห็นมีรัฐบาลไหนที่จะช่วยเหลือ ชาวสวนผลไม้ ชาวสวนผัก ที่ 3-5 วันผลไม้และผักก็จะเน่าเสียหมด เห็นช่วยแต่ ข้าว ยางพารา ที่สามารถเก็บไว้ได้เป็นปีโดยไม่เสียหาย สงสัยชาวสวนผลไม้ สวนผักคงจะเป็นลูกเมียน้อย เคยคิดไว้ว่า ถ้ามีเลือกตั้งอีกสักกี่ครั้ง ผมก็จะไม่ขอไปเลือกตั้งอีกตลอดไปครับ


อาชีพนี้ก็ถือว่าเป็นปากท้องของประชาชนเลยนา...แต่ก็ใช่ เป็นอาชีพที่ทำยากมากจริงๆ ผมเป็นกำลังใจให้ละกัน สู้ๆ


สู้ๆนะคะ + + ไม่มีเกษตรกร แล้วจะให้คนไทยกินขนมปังแทนข้าวหรือไงอ่ะคะ . . ขอให้กำลังใจ ... เตยจะไม่กินทิ้งกินขว้างเรยยยย


แต่คุณนกเอี้ยงรู้มั๊ย? คะ


สำหรับ ภัทรนะ อาชีพนี้ เป็นอาชีพที่น่ายกย่องมาก พ่อแม่ ภัทรก็เคยทำนามาก่อน เข้าใจคะ ว่าปัญหามันเยอะ ลองหาแนวคิดใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการเกษตร ดีมี๋ยจ๊ะ จะได้ไม่เบื่อน่ะ


ใจจริง ตัว ภัทรเองอยากกลับบ้านไปทำสวนมากเลยนะ อยากขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกกล้วย ปลูกมะม่วง และก็พืชผักสวนครัวเอาไว้กินเองอะไรแบบนี้นะจ๊ะ


อาชีพที่น่ายกย่อง....ไม่มีเกษตรกรแล้วเราจากินไร....อย่าพิ่งท้อ....สู้ต่อไปนะ..


ใช่มันยากมากๆ แต่เกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ก็เก่งเทียบได้กับนักวิทยาศาสตร์คนนึงเลยนะ
คุณพ่อบุญธรรมเปิดฟาร์มเกษตรกรรมมาตลอด เลี้ยงนั่นเลี้ยงนี่ ตอนเด็กๆจำได้เลยนะว่านักวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาขอเรียนวิธีเลี้ยงกุ้งกะพ่อเลยนะ แต่ตอนนี้พ่อแก่แล้ไม่มีคนสืบทอด ก็ไม่ได้ทำอะไรแล้วไม่ค่อยสบายด้วย
พ่อเป็นคนเก่งมากๆ แล้วก็เป็นเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง เราอะ ไม่เก่งเหมือนพ่อ ทำอะไรก็ไม่เป็น ปลูกดอกไม้ยังขึ้นๆ ตายๆ
ยังไงๆ ก็ขอให้อย่าท้อนะ ถ้าคิดว่าใจรักด้านนี้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้จ้ะ


เป็นอาชีพที่น่ายกย่องค่ะ คนไทยมีชาติอยู่ได้ก็มาจากเกษตรกรรม พวกเราควรจะต้องขอบคุณคนอย่างพวกคุณมากกว่านะคะ อย่าเพิ่งเบื่อเลยค่ะ ..... สู้ๆๆ นะคะ


ถ้าคุณหาความรู้ในนี้ มีปัญหาอะไรให้เพื่อนๆช่วยแก้ไข อาชีพอุณจะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าที่สุด คนขับรถที่ทำงานผม เขายังประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกรตvนเย็นหลังเลิกงาน เขาหารายได้มากกว่าเงินเดืนประจำอีก มีที่แค่ 300 วาเอง มันอยู่ที่การบริหารจัดการครับ


อาชีพนี้จะเป็นอาชีพเดียวที่จะช่วยประเทศไทยให้พ้นวิกฤตได้ครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ สู้ ๆ เป็นกำลังใจให้


http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=6ca88f23f7d4bba6
guru.google.co.th ›

ทบทวนกันนะครับ
หมึกครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©