-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - การปลูกเผือกหอม
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

การปลูกเผือกหอม

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
nw5106140
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 27/10/2009
ตอบ: 6

ตอบตอบ: 11/06/2010 12:04 pm    ชื่อกระทู้: การปลูกเผือกหอม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถามลุงคิมเรื่องการปลูกเผือกหอมคะ

อยู่จังหวัดขอนแก่นค่ะ พอดีเมื่อวานนี้มีบริษัทขายปุ๋ยมาส่งเสริมให้ปลูกเผือกหอม ในราคารับประกัน ก.ก.ละ 8 บาท ลงทุนต่อไร่ประมาณ 7,000 บาท ปลูกระยะเวลา 6 เดือน

สามารถปลูกในที่นาที่ระบายน้ำออกจากแปลงได้ เขาบอกว่าผลผลิตได้ 4 ตัน/ไร่ ปุ๋ยและวิธีการปลูกเขาจัดให้ทุกอย่าง

ในทัศนะของผู้รู้ทางด้านการเกษตรมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนคะ ที่เผือกจะให้ผลผลิตถึงไร่ละ 4 ตัน/ไร่ ตอนนี้ชาวบ้านกำลังสนใจมากแต่ไม่รู้ว่าเขาจะหลอกขายปุ๋ยหรือเปล่า

ลุงคิมกรุณาตอบด้วยนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 11/06/2010 5:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

COPY มาจาก "หน้าแรก - เมนูหลัก - ไม้ผล - เผือก" + "พืชสวนครัว - เผือก"



เผือก


ลักษณะทางธรรมชาติ

* เป็นพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวแต่ปลูกได้หลายรุ่นโดยมีหน่อขยายพันธุ์ต่อ ซึ่งการขยายพันธุ์นี้สามารถจับแยกออกไปปลูกใหม่ในแหล่งอื่นหรือปล่อยให้ต้นขยายพันธุ์เองตามธรรมชาติเหมือนกล้วย

* ปลูกได้ทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล เจริญเติบโตดีในดินดำร่วนหรือดินทรายร่วน มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ระบายน้ำดี ความชื้นพอเหมาะ ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังค้างนานได้แต่ต้นจะชะงักการเจริญเติบโตหรือโตช้า ขนาดหัวเล็ก การเกิดตะเกียงและลูกซอไม่ดี ถึงมีก็คุณภาพไม่ดี

* อายุต้นหลังปลูก 1 เดือน ช่วงนี้ควรมีใบ 10-14 ใบ เริ่มให้สารอาหารกลุ่มสร้างใบบำรุงต้น และเมื่ออายุต้นหลังปลูก 4 เดือน ช่วงนี้ไม่ควรมีใบ 8-10 ใบ ทุกใบควรหนาเขียวเข้ม ก้านใบใหญ่แข็งแรง ชูใบแผ่กางรับแสงแดดได้เต็มพื้นที่หน้าใบทุกใบ และเริ่มให้สารอาหารกลุ่มสร้างแป้งและน้ำตาล

* อายุต้นตั้งแต่เริ่มปลูกยืนต้นได้ถึงเก็บเกี่ยว 7-12 เดือนขึ้นกับสายพันธุ์ (พันธุ์หนัก/พันธุ์เบา) และการปฏิบัติบำรุง

* นอกจากบริโภคส่วนหัวแล้ว ส่วนใบและก้านใบ ก็ใช้บริโภคได้ ซึ่งส่วนใหญ่ใบและก้านส่งออกต่างประเทศ

* ส่วนหัว คือ แหล่งสะสมอาหาร ตราบใดที่ยังบำรุงด้วยสารอาหารกลุ่ม สร้างแป้ง-น้ำตาล อย่างสม่ำเสมอ ทั้งทางรากและทางใบ ตราบนั้นขนาดหัวก็จะใหญ่และมีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะได้อายุเก็บเกี่ยวแล้วก็ตาม

* เมื่อต้นโตขึ้นถึงระยะลงหัวแล้วจะมี ลูกเผือกหรือลูกซอ เป็นเผือกหัวเล็กๆเกิดที่ด้านล่างหัวแม่ ซึ่งลูกซอเหล่านี้จะเจริญเติบโตมีขนาดใหญ่และคุณภาพดีขึ้นต้องอาศัยอาหารจากต้นแม่ หลังจากนั้นจะมี ตะเกียง เป็นลูกเผือกเหมือนกันแต่งอกออกมาจากด้านข้างเหนือพื้นดินของหัวแม่อีก จำนวนลูกซอหรือตะเกียงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการบำรุง

ทั้งลูกซอและตะเกียงใช้บริโภคหรือใช้ขยายพันธุ์ได้.... โดยลูกซอให้คุณภาพในการขยายพันธุ์ดีกว่าตะเกียง

* ตะเกียงหรือลูกซอสำหรับใช้บริโภค ป้องกันการงอกได้โดยการฉีดพ่นเหล้าขาวที่หัวลูกซอนั้น และลูกซอหรือตะเกียงที่ถูกฉีดพ่นเหล้าขาวแล้วเมื่อนำไปเพาะหรือปลูกจะไม่งอก

* ระหว่างต้นกำลังเจริญเติบโตนั้น ไม่ควรปล่อยตะเกียงไว้แต่ให้หมั่นเด็ดทิ้งตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็นเพื่อไม่ให้สิ้นเปลือกน้ำเลี้ยง ส่วนลูกซออยู่ใต้หัวแม่ให้คงเก็บไว้

* หลังจากเก็บเกี่ยว (ถอน) หัวต้นแม่ออกไปแล้ว ปล่อยลูกซอทิ้งไว้ที่เดิมโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายใดๆทั้งสิ้น ให้คลุมด้วยแกลบดำ (เก่าค้างปี) หนาๆ ทับด้วยเศษหญ้าหรือฟางแห้งอีกชั้น เพื่อรักษาความชื้นและไม่ต้องให้น้ำจะช่วยรักษาไว้ได้นานนับเดือนโดยลูกซอกไม่งอก เมื่อไม่ให้น้ำแล้วก็ต้องป้องกันน้ำค้างหรือน้ำฝนตกใส่ด้วยมิฉะนั้นลูกซอจะงอก

* ลูกซอที่ฝากหลุมนาน 1 เดือนขึ้นไป เมื่อนำไปเพาะนอกจากจะได้เปอร์เซ็นต์ความงอกสูงแล้ว ยังช่วยให้ได้ต้นที่สมบูรณ์แข็งแรงดีอีกด้วย ...... ถ้าจะไม่ปล่อยทิ้งลูกซอไว้ที่หลุมเดิมก็ได้แต่ต้องทำหลุมขนาดลึก 20-30 ซม. กว้าง/ยาวตามความเหมาะสม อยู่โคนต้นไม้หรือที่ร่มเย็น อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีแสงแดด และป้องกันน้ำได้ดี รองก้นหลุมด้วยแกลบดำ หนา 5-10 ซม. ปรับเรียบแกลบดำ แล้ววางเรียงลูกซอที่เก็บมาจากหลุมเดิม (ไม่ต้องล้าง) ลงไป โรยแกลบดำทับหนา 10-20 ซม. คลุมด้วยเศษหญ้าหรือฟางแห้งหนาๆอีกชั้นหนึ่ง ก็สามารถเก็บรักษาลูกซอได้นาน 8-10 เดือนเช่นกัน โดยไม่เสื่อมความงอกและเป็นการพักต้นก่อนนำไปเพาะขยายพันธุ์ต่อ ซึ่งจะส่งผลให้ได้เปอร์เซ็นต์ความงอกสูง

* เผือกมีดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเองหรือต่างดอกต่างต้นได้ เมื่อดอกพัฒนาเป็นผลจนมีเมล็ดแล้วนำเมล็ดไปขยายพันธุ์ได้แต่กลายพันธุ์และให้ผลผลิตช้า

* เคยมีผู้เปรียบเทียบไว้ว่า พื้นที่ไร่ต่อไร่ ปลูกเผือกรายได้มากว่าข้าว 7 เท่า โดยเผือก 1 รุ่น 7 เดือนกับนาข้าว 2 รุ่น 7 เดือนเท่ากัน


สายพันธุ์
เผือกหอม :
พิจิตร-016. พิจิตร-019. พิจิตร-08. เผือกหอมเชียงใหม่.

เผือกไม่หอม :
พิจิตร-06. พิจิตร-025. พิจิตร-012

พันธุ์พื้นเมือง :
เผือกเหลือง. เผือกไม้หรือเผือกไหหลำ. เผือกตาแดง. เผือกน้ำ. หัวขนาดเล็ก (500-800 กรัม) เนื้อแน่น รสชาติดี

พันธุ์เนื้อสีขาวหรือครีม :
พิจิตร-06,-07,-025,-014 (เผือกบราซิล),ศรีปาลาวี.ศรีรัศมี (เผือกอินเดีย).

พันธุ์เนื้อสีขาวอมม่วง :
เผือกหอมเชียงใหม่. พิจิตร-016,-08,-05,-020.

หมายเหตุ :
- เผือกหอมพิจิตร-016 แตกตะเกียง 10-12 ตะเกียง/ต้น ทำให้ประหยัดเวลาและแรงงานปลิดตะเกียงทิ้งเพื่อไม่ให้แย่งอาหารจากต้น (หัว) แม่ มีเปอร์เซ็นต์และน้ำตาลสูงสุดในบรรดาเผือกทุกสายพันธุ์ ส่วนเผือกหอมเชียงใหม่ 20-25 ตะเกียง/ต้น
- เผือกน้ำต้องปลูกในแปลงมีน้ำหล่อ ระดับน้ำลึกพอท่วมคอดินจะโตเร็วให้ผลผลิตดี


เตรียมดิน อินทรีย์วัตถุ และแปลงปลูก
1.ไถดินเปล่าให้ขี้ไถขนาดใหญ่ ทิ้งตากแดดจัด 15-20 แดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัดเหง้าวัชพืช
2.ใส่อินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ + มูลค้างคาว) หมักข้ามปี. ยิบซั่มธรรมชาติ. กระดูกป่น. เศษพืช. หว่านทั่วแปลงปลูกแล้วไถพรวนอินทรียวัตถุคลุกเคล้าลงดินให้ทั่วถึง
3.ไถยกร่องลูกฟูก สันร่องกว้าง 1-1.20 ม. โค้งหลังเต่า สูงจากพื้นระดับ 30-50 ซม. ร่องทางเดินระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม. ลึก 20-30 ซม.จากพื้นระดับ
4.คลุมหน้าแปลงด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหนาๆ
5.บ่มดินโดยรดด้วย น้ำ + จุลินทรีย์หน่อกล้วยหรือปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้น...มูลค้างคาวหมัก) ทุก 5-7 วัน ติดต่อกันนาน 1 เดือน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน กำจัดเชื้อโรค และย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้เป็นฮิวมิค แอซิด
6.ลงมือปลูกต้นกล้าที่เพาะไว้ล่วงหน้าแล้วโดยปลูกที่ริมสันลูกฟูกเป็น 2 แถวคู่ตรงกันหรือสลับฟันปลาก็ได้

หมายเหตุ :
- ดัดแปลงร่องทางเดินข้างสันลูกฟูกสำหรับปล่อยน้ำ (น้ำเปล่าหรือน้ำสารอาหาร) จากลาดสูงไปหาลาดต่ำเข้าไปหล่อในร่องได้ 1-2 เดือน/ครั้งจะดีมาก
- ติดตั้งระบบสปริงเกอร์เหนือยอด 30-50 ซม.สำหรับให้น้ำเปล่า น้ำสารอาหาร หรือสารสกัดสมุนไพรนอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของเนื้องานแล้วยังช่วยประหยัดทั้งเวลาและแรงงานอีกด้วย


เตรียมสารอาหารเสริม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้น...มูลค้างคาวหมัก)หรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
- ให้ฮอร์โมนบำรุงพืชกินหัว (มูลสัตว์ปีกสกัด) 1-2 เดือน/ครั้ง หลังจากเริ่มลงหัวแล้ว
- ให้ ฮอร์โมนน้ำดำ เดือนละ 1 ครั้งตั้งแต่เริ่มลงหัวถึงเก็บเกี่ยว

หมายเหตุ :
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง


ระยะปลูก
ระยะปกติ 50 X 75 ซม.
ระยะชิด 45 X 50 ซม.

หมายเหตุ :
- การปลูกระยะชิดมากเกินไปเมื่อต้นโตขึ้นใบจะตั้งตรงเพราะเบียดกับต้นข้างเคียง การที่ใบไม่สามารถแผ่กางรับแสงแดดได้เต็มพื้นที่หน้าใบ ทำให้การสังเคราะห์อาหารไม่ดีจึงส่งผลให้ผลผลิตไม่ดีด้วย และการปลูกห่างเกินไปนอกจากทำให้เสียเนื้อที่แล้วยังทำให้แสงแดดส่องถึงพื้นจนวัชพืชเจริญเติบโตได้อีกด้วย.......การจัดระยะปลูกที่พอดี ไม่ชิดหรือไม่ห่างจนเกินไปจะทำให้ได้ผลผลิตปริมาณมากและคุณภาพดี


ขยายพันธุ์
- เลือกลูกซอที่ผ่านการเก็บใต้หัวแม่อย่างถูกวิธีนาน 1-2 เดือน
- เตรียมกระบะหรือปรับเรียบพื้นที่เพื่อใช้แทนกระบะ ขนาดกว้างยาวตามความเหมาะสม อยู่ในร่มอากาศถ่ายเทสะดวก ระบายน้ำดีและป้องกันน้ำท่วมได้ รองพื้นด้วยแกลบดำ (เก่าค้างปี) ปรับเรียบหนา 10-20 ซม. วางลูกซอหรือตะเกียง ระยะห่าง 5-10 ซม. โรยทับด้วยแกลบดำอีกชั้นหนา 15-20 ซม. แล้วคลุมทับบนด้วยเศษหญ้าหรือฟางแห้งหนาๆ รดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ ประมาณ 20-30 วัน ลูกซอหรือตะเกียงก็จะเริ่มงอกมีใบแทงขึ้นมาเป็นต้นกล้า
- เมื่อต้นกล้าโตได้ 2-3 ใบ ให้ถอนแยกไปปลูกในแปลงจริงได้

หมายเหตุ :
แช่ลูกซอหรือตะเกียงใน “น้ำ 100 ล.+ ไคตินไคโตซาน 100 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ จุลินทรีย์หน่อกล้วย 100 ซีซี.” นาน 12-24 ชม. นำขึ้นผึ่งลมจนแห้งก่อน แล้วจึงนำไปเพาะ นอกจากทำให้ลูกซอหรือตะเกียงได้สะสมอาหารไว้ตั้งแต่ก่อนเกิดซึ่งจะส่งผลให้ต้นกล้าสมบูรณ์โตเร็วแล้ว ยังช่วยกำจัดเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนมากับลูกซอหรือตะเกียงอีกด้วย



ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อเผือก


1.ระยะต้นเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 25-5-5 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพรทุก 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 30-10-10 (1-2 กก.)ไร่ ใส่ถังสพายฉีดโคนต้น ทุก 15-20 วัน
- ให้น้ำปกติ ทุก 3-5 วัน

หมายเหตุ :
- เริ่มให้เมื่ออายุต้นได้ 1 เดือนหลังปลูก หรือมีใบแตกใหม่ 2-3 ใบ
- ไม่ควรใช้ยาฆ่าหญ้าอย่างเด็ดขาดตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว
- พรวนดินแล้วพูนโคนทุก 1 เดือน


2.ระยะลงหัว – เก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 5-10-40(400 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. (สูตรลงหัว) + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 10-15 ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ให้ฮอร์โมนน้ำดำ สูตรลงหัว 2-4 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดช่วงลงหัว ถึงก่อนเก็บเกี่ยว
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้น...มูลค้างคาวหมัก)+ 5-10-40(1-2 กก.)/ไร่/เดือน ใส่ถังสพายฉีดโคนต้น เดือนละ 1 ครั้ง
- ให้น้ำปกติ ทุก 3-5 วัน

หมายเหตุ :
- เริ่มให้เมื่ออายุต้น 4 เดือนหลังปลูกหรือเริ่มลงหัว
- กรณีปุ๋ยทางดินอาจพิจารณาใช้ 8-24-24 + 0-0-60(1:1)แทน 5-10-40 ได้ด้วยอัตราใช้เดียวกัน
- การให้ฮอร์โมนน้ำดำ สูตรลงหัว เดือนละ 1 ครั้ง จะได้แม็กเนเซียมบำรุงใบให้เขียวตลอดอายุ และสังกะสีช่วยสร้างแป้ง
- ระหว่างลงหัวควรบำรุงรักษาให้มีใบ 8-11 ใบขนาดใหญ่ ก้านใหญ่ และสูง 1.20-1.50 ม. จะได้ผลผลิตดีมาก
- ก่อนลงมือเก็บเกี่ยวให้ตรวจสอบอายุ (ประจำสายพันธุ์) และสังเกตใบล่างเริ่มเหี่ยวเหลืองในขณะที่ใบบน 2-3 ใบยังเขียวสดอยู่
- ก่อนเก็บเกี่ยวงดน้ำ 10-15 วัน




ปลูกเผือกในนาข้าว หลีกเลี่ยงปัญหาราคาข้าวตกต่ำ


แม้ว่าหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำ ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การประกันราคา การแทรกแซงราคา และการประกันภัยแล้ง เป็นต้น แต่ถึงกระนั้นเกษตรกรเองก็ต้องหมั่นหาลู่ทางแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพและมีรายได้คุ้มค่ากับการลงทุน เช่น นายสมนึก ขวัญเมือง เกษตรกรคนเก่ง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่หลีกเลี่ยงปัญหาราคาข้าวตกต่ำมาปลูกเผือกซึ่งได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า

สมนึกเล่าว่า ตนปลูกเผือกในนาข้าวมาเกือบ 20 ปี เนื่องจากเผือกเป็นพืชหัวที่ดูแลง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงศัตรูพืชมารบกวน มีความต้องการน้ำและความชื้นสูง เจริญเติบโตได้ดีในดินที่อุ้มน้ำได้มากเช่นเดียวกับข้าว ทำให้สามารถเพาะปลูกในผืนนาที่มีอยู่ได้ อีกทั้งได้ผลตอบแทนมากกว่าเมื่อเทียบกับการทำนา และที่สำคัญตลาดมีความต้องการมาก ผลิตได้เท่าไรก็ขายได้หมด

สมนึกบอกถึงวิธีการปลูกและดูแลเผือกว่า ก่อนปลูกจะไถดินตากไว้ 15-30 วัน แล้วไถย่อยดิน ยกร่องปลูกเป็นแถวๆ ห่างกันแถวละประมาณ 80 เซนติเมตร จากนั้นนำต้นกล้าทั้งที่เพาะพันธุ์เองและซื้อจากแหล่งเพาะพันธุ์มาปลูกในร่องที่เตรียมไว้ โดยเว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30 เซนติเมตร สำหรับต้นพันธุ์ที่เพาะเองนั้นจะนำหัวเผือกที่ได้จากการปลูกครั้งก่อนมาชำในถุงเพาะชำ รดน้ำวันละครั้ง ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนก็สามารถนำต้นกล้ามาปลูกในแปลงปลูกได้

หลังจากปลูกได้ 3 เดือน เผือกจะเริ่มออกหัว ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงลำต้นและเร่งการออกหัว และขุดดินรอบๆ ต้นมาสุมไว้ที่โคนต้นซึ่งต้นเผือกจะออกหัวได้จำนวนมาก และอีก 2 เดือนต่อจากนั้นใส่ปุ๋ยสูตร 13-3-21 เพื่อบำรุงหัวเผือกให้มีขนาดใหญ่ ได้น้ำหนัก ทิ้งไว้ 1 เดือน หรือสังเกตเห็นว่าใบเผือกเล็กลง ใบที่อยู่ด่านล่างมีสีเหลือง เหลือใบยอด 2-3 ใบ จึงสามารถขุดหัวมาขายได้ ซึ่งแต่ละต้นจะได้หัวเฉลี่ย 2 กิโลกรัม ทั้งนี้ก่อนขุดเผือก 15 วัน จะไม่เอาน้ำเข้าแปลงหรือรดน้ำแปลงเพราะเผือกจะดูดซึมน้ำไว้มากทำให้เก็บไว้ไม่ได้นาน

สำหรับต้นทุนการผลิตทั้งค่าปุ๋ย ต้นกล้า และอุปกรณ์อื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ไร่ละ 20,000 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเนื่องจากปัจจุบันราคาปุ๋ยยาฆ่าแมลง และอุปกรณ์ต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ปัจจุบันสมนึกปลูกเผือกบนพื้นที่ 60 ไร่ ต้องใช้เงินทุนร่วม 120,000 บาท ซึ่งเงินทุนส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จ.สระบุรี

ส่วนผลผลิตที่ได้จะมีพ่อค้ามารับซื้อกิโลกรัมละ 13-17 บาท แล้วแต่ราคาซื้อขายในตลาดในช่วงนั้นและคุณภาพของหัวเผือกที่ผลิตได้ ส่วนปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญคือโรคตากบ ซึ่งเกิดจากเชื้อรา ลักษณะที่เห็นได้ชัดคือบริเวณใบจะมีจุดเล็กๆ สีดำแดง และจะค่อยๆ ขยายลุกลามไปทั่วใบ ทำให้ใบเหี่ยวไม่สามารถปรุงอาหารได้ และแห้งตายในที่สุด วิธีการสกัดการแพร่ระบาดของโรคจะใช้ยา "โบคุ่ม" ฉีดพ่นใบที่เกิดโรค ยับยั้งการลุกลามของเชื้อโรค และตัดใบที่เกิดโรคไปเผาทำลายเพื่อ ฆ่าเชื้อรา

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการปลูกเผือกจะต้องใช้ต้นเงินลงทุนสูงกว่าการทำนาแต่ผลตอบแทนก็ได้มากกว่า ที่นาของสมนึก จึงมักจะมีต้นเผือกโบกใบไปตามแรงลมมากกว่าที่จะเห็นรวงทองของต้นข้าว สนใจศึกษาวิธีการปลูกเผือกในผืนนาติดต่อได้ที่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 3 ต.ตลาดน้อย อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี โทรศัพท์ 08-0444-3421


ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




เผือก

1.พันธุ์ -

2. การเตรียมดิน เริ่มจากการไถดินตากประมาณ 7 วัน หากดินร่วนดีก็ทำการชักร่องปลูกได้เลย แต่ถ้าดินแข็งเป็นก้อนมากควรจะไถแปรอีก 1 ครั้งก่อนชักร่องปลูก ปล่อยน้ำไปตามร่องให้น้ำชุ่มชื้นอยู่ตลอดก่อนปลูก

3. การเพาะกล้าเผือก โดยการนำหัวเผือกที่มีขนาดเล็กๆ เท่าหัวแม่มือ (ชาวบ้านเรียกลูกเผือก) มาวางเกลี่ยให้เรียบโดยหัวเผือกไม่ซ้อนกันบนดินที่ไม่มีลูกหญ้า และรักษาความชื้นได้ดี กลบทับด้วยแกลบดำ ให้มิดหัวเผือกคลุมด้วยฟางข้าว ทำการรดน้ำทุกวัน จนเผือกมีใบจริงประมาณ 2-3 ใบ พร้อมนำไปปลูกได้

4. วิธีการปลูก นำต้นพันธุ์เผือกที่ได้จากการเพาะกล้ามาปลูกในร่องที่มีการปล่อยน้ำไว้แล้วโดยปลูก 2 แถว ใน 1 ร่อง สลับฟันปลา ระยะประมาณ 30 x 30 เซนติเมตร โดยที่การดำกล้าเหมือนดำนา แต่บางที่นำหัวพันธุ์ของเผือกลงปลูกได้เลยไม่ต้องมีการเพาะกล้า หรือบางรายปลูกบนร่องผักก่อนการเก็บผัก เช่น หอมแบ่ง คื่นฉ่าย ผักชี โดยนำหัวพันธุ์เผือกปลูกในร่องผักเลยเมื่อเก็บผักแล้ว เผือกก็โตมีใบจริง 3-4 ใบพอดี

5. การให้น้ำ การให้น้ำไปตามร่องจะสะดวกมาก และเก็บความชื้นได้ดี หรือจากเผือกตั้งต้นได้ดีแล้ว หรืองอกดีแล้ว ควรรักษาน้ำให้ชื้นอยู่ตลอด ส่วนการปลูกบนร่องผักก็ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ

6. การใส่ปุ๋ย เมื่ออายุเผือกที่ปลูกด้วยกล้าประมาณ 30 วัน ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 25-7-7 ตามความสมบูรณ์ของดิน อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ และใส่ทุกเดือน อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนการปลูกด้วยหัวพันธุ์เลย ควรใส่ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 30 วัน หรืองอกมีใบจริงประมาณ 3-4 ใบ อัตราเท่ากับการปลูกด้วยกล้า

7. การแต่งหน่อ ส่วนที่เป็นหน่อ หรือลูกเผือกที่ไม่ต้องการ ต้องทำการขุดทิ้งไป หรือนำไปปลูกต่อไป โดยคอยหมั่นพรวนดินทุกๆ 1 เดือน

8. การเก็บเกี่ยว เผือกเมื่ออายุประมาณ 8 เดือน ก็ทำการเก็บเกี่ยวได้เกษตรกรจะทำการเก็บเกี่ยวโดยการถอนต้นก่อนพ้นดิน ทำการบิดๆ เพื่อให้ลูกเผือก หรือไรโชมไม่ติดขึ้นมากับหัวแม่ ตัดต้นให้เหลือประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใช้มีดขุดๆหรือ เกาหัวให้สะอาด บรรจุถุง รอการจำหน่าย

9. โรคของเผือก เช่นโรคตากบ โรคใบไหม้ โรคแอนแทรคโนส ป้องกันกำจัดด้วยการพ่นสารป้องกันโรคพืช เช่น เมนโคเชป เบนเลท คาร์เบนดาซิม หรือโรยด้วยฟูราดาน รอบๆ โคน โดยพิจราณาใช้ตามอาการของโรค

10. แมลงศัตรูเผือก ที่พบ ได้แก่ หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม ป้องกันกำจัดโดยการฉีดพ่นด้วยสารเคมี เช่น แลนเนท ไซเปอร์เมทริน


ที่มา : กรมวิชาการเกษตร


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 11/06/2010 7:41 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 11/06/2010 6:32 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เผือกสัญญา :

เรื่องการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตที่รับการส่งเสริมจากบริษัท เราจะต้องสอบถามรายละเอียดให้แน่นอนก่อน พร้อมกับทำสัญญากันให้แน่นอน เช่น

.... ได้ผลผลิต 4 ตัน/ไร่ เป็นผลผลิตแบบ "คละเกรด" หรือ "เฉพาะเกรด"
.... ต้นทุน 7,000 บาท/ไร่ เป็นต้นทุนค่าอะไรบ้าง (ปุ๋ย-สารเคมี-อื่นๆ)
.... มีสัญญาผูกมัดว่าต้องสั่งซื้อ ปุ๋ย-ฮอร์โมน-สารเคมี จากบริษัทเท่านั้นหรือไม่ ?
.... การจ่ายเงินแบบตีราคาผลผลิตแล้วหักค่าปุ๋ย-ฮอร์โมน-สารเคมี ใช่หรือไม่ ?
.... ถ้าเป็นปุ๋ย-ฮอร์โมน-สารเคมีของบริษัท ตรวจสอบซิว่า เป็นปุ๋ยประเภททางใบหรือทางราก ? ปุ๋ยสูตรอะไร ? ฮอร์โมนอะไร ? สารเคมีอะไร ?



ประสบการณ์ตรง :
.... เผือกที่มีราคาดี ต้องไซด์หัวละ 2 กก.ขึ้นไป
.... เผือก 1 ไร่ ไซด์หัวละ 2 กก.ขึ้น มีรายได้เท่ากับนาข้าว 7 ไร่
.... เผือกส่งออกต้องเกรด นน.2 กก./หัว ขึ้นไปเท่านั้น
.... เผือกต้องพรวนดินบ่อยๆ
.... เผือกต้องหมั่นตัดแต่งตะเกียง
.... เผือกไม่ถูกกับยาฆ่าหญ้าอย่างมากๆ
.... เผือกบนดินที่เป็นกรด จะเกิดโรคตากบตาเสือ (แอนแทร็คโนส)
.... เผือกหัวไซด์ขนาด 2 กก.ขึ้น ก้านใบจะขนาดใหญ่ยาว สามารถขาย (ส่งออก) ได้
.... เผือกต้นโตสูง 1.50 ม.ขึ้นไป จะได้หัวขนาดใหญ่ 2 กก.ขึ้น เสมอ
.... เผือกปลูกห่างได้จำนวนหัวน้อยแต่ขนาดใหญ่ ได้ราคาต่อหัวสูง ก้านขายได้
.... เผือกปลูกชิดได้จำนวนหัวมากแต่ขนาดหัวเล็ก ราคาต่อหัวต่ำ ก้านขายไม่ได้

.... งานประกวดเผือกแห่งชาติ จัด ณ อำเภอหนึ่งของ จ. สระบุรี โดยการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัทขายปุ๋ยขายสารเคมี เผือกชนะเลิศน้ำหนัก 1.2 กก. .......(ขายขี้หน้า)



ก่อนตกลงทำสัญญากับบริษัท ให้พิจารณาเงื่อนไขดีๆ อ่านข้อมูลทางวิชาการและประสบการณ์ตรงเรื่องเผือกให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสีนยก่อนก่อน.....เผือกไซด์ใหญ่ๆ ราคาดี ที่ไหนๆ ก็รับซื้อ เพราะฉนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ออก ขอให้ เกรด เอ. จัมโบ้. เถอะ.....รวยได้


ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Dekkokkam
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/06/2010
ตอบ: 5

ตอบตอบ: 28/06/2010 10:37 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Laughing ลุงคิมครับ ไอ้ที่ประกวดเผือกหอมที่สระบุรีน่ะ ประกวดที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ครับ งานจะจัดพร้อมกับงานผักหวานป่า และไอ้ที่ว่าขายขี้หน้า ถ้าไม่รู้จริงก็รบกวน อย่าสบถคำนี้ออกมา ครับ ผลชนะเลิศเค้ามีหลักเกณฑ์หลายประการไม่ใช่ว่าใหญ่หนักและจะต้องเป็นผู้ชนะทุกครั้งไปครับ


จากคนปลูกเผือก อ.บ้านหมอ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 29/06/2010 12:05 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปลูกขาย
คำพูด:
.... เผือกที่มีราคาดี ต้องไซด์หัวละ 2 กก.ขึ้นไป

ปลูกประกวด
คำพูด:
ผลชนะเลิศเค้ามีหลักเกณฑ์หลายประการไม่ใช่ว่าใหญ่หนักและจะต้องเป็นผู้ชนะทุกครั้งไปครับ


ผมเลือกปลูกขายดีกว่าครับได้เงิน ปลูกประกวดได้แต่โล่ห์
จะมีความสุขใดเทียบเท่าเวลาล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วเจอเงิน (ไม่ใช่ 40 บาทนะครับ เงินเป็นปึกๆ) มันสะใจจริงโว้...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
Aorrayong
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009
ตอบ: 869

ตอบตอบ: 29/06/2010 1:35 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Dekkokkam บันทึก:
Laughing ผลชนะเลิศเค้ามีหลักเกณฑ์หลายประการไม่ใช่ว่าใหญ่หนักและจะต้องเป็นผู้ชนะทุกครั้งไปครับ

จากคนปลูกเผือก อ.บ้านหมอ


ดีเลย ถ้างั้นท่านผู้รู้ช่วยบอกพวกเราเป็นวิทยาทานได้หรือเปล่า ในฐานะเกษตรกรผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกเผือก ไอ้ที่ว่าเค้ามีหลักเกณฑ์หลายประการในการตัดสินน่ะ มีรายละเอียดอะไรบ้าง แบ่งเป็นข้อๆได้ยิ่งดี แล้วเกษตรกรผู้ปลูกเผือกที่อำเภอที่คุณอยู่มีจำนวนมากน้อยขนาดไหนที่ผลผลิตเผือกที่ได้ มีคุณสมบัติเข้าหลักเกณฑ์ของการชนะเลิศการประกวด แล้วเผือกที่ประกวดแล้วได้รางวัลชนะเลิศขายได้ราคาสูงกว่าเผือกที่ไม่ได้รางวัลมากน้อยขนาดไหน?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Dekkokkam
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/06/2010
ตอบ: 5

ตอบตอบ: 29/06/2010 3:18 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สำหรับคำถามเรื่องหลักเกณฑ์การประกวดให้ระบุเป็นข้อๆ นั้น คงไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ขนาดนั้น เพราะทางผมเองไม่เคยส่งเข้าประกวด เพราะงานประกวดนี้จะเป็นงานประเพณีของอำเภอ การประกวดมันไม่ได้เป็นความสมัครใจของเกษตรกร แต่เป็นหน้าที่ของแต่ละ อบต. หาผลผลิตและเกษตรกรแต่ละตำบลเข้าประกวด จึงอาจจะไม่ได้ผลผลิตที่ดีนัก และการประกวดเป็นการให้ความสำคุญกับทุกตำบลรางวัลจึงหมุนเวียนมากที่สุด สำหรับปริมาณการปลูก สำหรับตำบลผมปลูกเกือบทั้งตำบล รวมทั้งตำบลใกล้เคียงด้วยครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
somchai
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009
ตอบ: 1290

ตอบตอบ: 29/06/2010 8:45 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

"ผมเลือกปลูกขายดีกว่าครับได้เงิน ปลูกประกวดได้แต่โล่ห์
จะมีความสุขใดเทียบเท่าเวลาล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วเจอเงิน (ไม่ใช่ 40 บาทนะครับ เงินเป็นปึกๆ) มันสะใจจริงโว้..."

ขายที่ตลาดเยาวราช สิอ๊อด ผมเคยเดินเข้าไปบ่อย เห็น หัว ขนาด BIGๆ ราคาแพงมากๆ

มีด้วยเหรอการประกวดผลไม้ หรือ ผลผลิตการเกษตรอะไร ที่ขนาดใหญ่ๆไม่ชนะเลิศ เสมอไป แสดงว่า มีการ ล๊อคสเปค หรือป่าว
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 29/06/2010 9:14 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คำพูด:
ถ้าไม่รู้จริงก็รบกวน อย่าสบถคำนี้ออกมา

สรุปแล้วประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร คนพูดขยายความหน่อยครับ ว่า

-ใครรู้ไม่จริง เพราะอะไรถึงรู้ไม่จริง
-ใครรู้จริง รู้ว่าอย่างไร

หรือมีอะไรที่บอกในที่นี้ไม่ได้ ช่วยหลังไมค์มาก็ได้ครับ ผมสงสัยมาก

อ๊อดครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
Dekkokkam
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/06/2010
ตอบ: 5

ตอบตอบ: 30/06/2010 7:10 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คำว่าไม่รู้จริงผมหมายถึง คำที่ลุงคิมบอกว่าขายขี้หน้า เพราะว่าคนที่ชนะเลิศน้ำหนักมากกว่า 1.2 กก. และการประกวดไม่ได้ดูแค่ขนาดหัวยังต้องดูที่รูปทรงของหัวและความสายงามความอวบของกาบใบที่ติดกับหัว รวมถึงความสำเร็จของเกษตกรที่ประกวด เพราะฉนั้นคำที่ว่าขายขี้หน้าจึงไม่ควรครับมันเสียความรู้สึกครับ เพราะถ้าทราบหลักเกณฑ์จะไม่พูดคำนี้ครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
somchai
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009
ตอบ: 1290

ตอบตอบ: 30/06/2010 7:33 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณคิดว่าการที่ใครๆ ต่อใครๆ เวลานำอะไรเข้าประกวดนี่ เขาไม่ได้คัดแต่สิ่งที่ดีๆ ไปเหรอครับ

ผลไม้ทุกชนิดที่มีการประกวด ทุกๆ แห่งที่ส่งประกวดนะ เขาต้องมีมาตรฐานการรับอยู่แล้ว

อย่างที่งานเกษตรแห่งชาติ ซึ่งจัดประกวดผลไม้หลายชนิด ผมดูแทบไม่ออกว่า กรรมการจะตัดสินเช่นไร เพราะ รูปร่าง ลักษณะผล ทุกๆ ผู้ส่งประกวด ถูกต้องตามคุณสมบัติทุกประการ

เผือกก็เช่นกัน รูปร่างทรงหัว คงไม่แตกต่างกันมากหรอกครับ หัวใหญ่ กาบใบตรงโคนใบ ก็น่าจะใหญ่ตามไปด้วย ส่วนมากที่ประกวดก็จะตัดเอาจำเพาะส่วนหัวกับกาบใบติดมาด้วย ส่วนใบทั้งหมดคงไม่เอามาด้วยแน่นอน(ผมเข้าใจแบบนี้นะ)

ส่วนที่ว่าความสำเร็จของเกษตรกรด้วยเป็นที่สิ่งที่นำมาตัดสินไม่น่าเกี่ยวข้อง ถ้าผมปลูกในครั้งแรกแล้วส่งประกวด เผือกของผมเข้าตามลักษณะทุกประการ (สมมุติว่าหัวใหญ่มาก ๆๆ) แต่ผมยังไม่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนเลยกับการปลูกเผือก แบบนี้โอกาศที่จะชนะในการประกวด ก็ไม่มีสิครับ สมาชิกว่าจริงไหม

ลองดูภาพการประกวด 2 ชนิดนี้นะครับ การตัดสินจะยากขนาดไหน





กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 30/06/2010 8:08 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผล
คำพูด:
ประสบการณ์ตรง :
.... เผือกที่มีราคาดี ต้องไซด์หัวละ 2 กก.ขึ้นไป
.... เผือก 1 ไร่ ไซด์หัวละ 2 กก.ขึ้น มีรายได้เท่ากับนาข้าว 7 ไร่
.... เผือกส่งออกต้องเกรด นน.2 กก./หัว ขึ้นไปเท่านั้น
.... เผือกต้องพรวนดินบ่อยๆ
.... เผือกต้องหมั่นตัดแต่งตะเกียง
.... เผือกไม่ถูกกับยาฆ่าหญ้าอย่างมากๆ
.... เผือกบนดินที่เป็นกรด จะเกิดโรคตากบตาเสือ (แอนแทร็คโนส)
.... เผือกหัวไซด์ขนาด 2 กก.ขึ้น ก้านใบจะขนาดใหญ่ยาว สามารถขาย (ส่งออก) ได้
.... เผือกต้นโตสูง 1.50 ม.ขึ้นไป จะได้หัวขนาดใหญ่ 2 กก.ขึ้น เสมอ
.... เผือกปลูกห่างได้จำนวนหัวน้อยแต่ขนาดใหญ่ ได้ราคาต่อหัวสูง ก้านขายได้
.... เผือกปลูกชิดได้จำนวนหัวมากแต่ขนาดหัวเล็ก ราคาต่อหัวต่ำ ก้านขายไม่ได้

.... งานประกวดเผือกแห่งชาติ จัด ณ อำเภอหนึ่งของ จ. สระบุรี โดยการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัทขายปุ๋ยขายสารเคมี เผือกชนะเลิศน้ำหนัก 1.2 กก. .......(ขายขี้หน้า)

คำพูด:
ผลชนะเลิศเค้ามีหลักเกณฑ์หลายประการไม่ใช่ว่าใหญ่หนักและจะต้องเป็นผู้ชนะทุกครั้งไปครับ


มองต่างมุม มุมต่างมอง

จากเผือกธรรมดา อย่าให้กลายเป็นเผือกร้อนนะครับ

อ๊อดครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
Dekkokkam
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/06/2010
ตอบ: 5

ตอบตอบ: 30/06/2010 9:27 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มองต่างมุมตามพี่อ็อดบอกแล้วกันครับ..
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
somchai
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009
ตอบ: 1290

ตอบตอบ: 30/06/2010 6:44 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Dekkokkam บันทึก:
Laughing ลุงคิมครับ ไอ้ที่ประกวดเผือกหอมที่สระบุรีน่ะ ประกวดที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ครับ งานจะจัดพร้อมกับงานผักหวานป่า และไอ้ที่ว่าขายขี้หน้า ถ้าไม่รู้จริงก็รบกวน อย่าสบถคำนี้ออกมา ครับ ผลชนะเลิศเค้ามีหลักเกณฑ์หลายประการไม่ใช่ว่าใหญ่หนักและจะต้องเป็นผู้ชนะทุกครั้งไปครับ

จากคนปลูกเผือก อ.บ้านหมอ



คำพูด บางคำ มันแรงไปครับ ไม่สมควรใช้ " สบถ " อีกอย่าง ลุงเค้าอธิบายวิธีการ จนแจ่มแจ้ง มีคำไหนที่ลุงไปว่าขนาดนั้นเพียงแค่ในวงเล็บเท่านั้นเอง ถึงได้ใช้คำๆนี้ออกมา

มองคนละมุมยิ่งไปใหญ่เลย มีข้อไหนที่ต้องมองคนละมุม คนละเรื่องเลยครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Aorrayong
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009
ตอบ: 869

ตอบตอบ: 30/06/2010 7:23 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถ้่าคุณDekkokkam ติดตามอ่านข้อมูลจากเว็บไซต์นี้ตลอด คุณน่าจะรู้หรือสังเกตุเห็นว่าพวกเราคุยกันอย่างไร สไตล์การตอบคำถามของลุงเป็นอย่างไร จะว่าไปแล้วพวกเราโดนลุงปรามาสมากกว่านี้อีก แต่พวกเราไม่เคยโกรธ เพราะคิดว่าลุงเป็นครูบาอาจารย์ เหมือนญาติผู้ใหญ่

ถ้าคุณว่าลุงรู้ไม่จริง คุณควรจะเป็นคนที่รู้จริงที่สุด..... เปิดโอกาสให้คุณแก้ตัวแล้ว แต่คุณทำไม่ได้ เพราะคุณก็รู้ไม่จริง เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าคุณจะรักษาสถานะของสมาชิกที่น่าพูดคุยด้วย รวมทั้งตักตวงวิชาความรู้จากลุง คุณควรกล่าว"คำขอโทษ"

ถ้ารู้จักคิดหรือวิเคราะห์ถึงเหตุและผล...อะไร...อะไร ก็จะดีกว่านี้...ว่ามั้ย?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Dekkokkam
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/06/2010
ตอบ: 5

ตอบตอบ: 30/06/2010 10:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอโทษครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©