ประวัติฮอร์โมนไข่ไต้หวัน

[man_supakarn]

ถามสมาชิกกระทู้ทุกท่านน่ะครับ

ใครพอมีประวัติฮอร์โมนไข่สูตรใต้หวันบ้างครับ รศ.ดร. ท่านหนึ่งท่านอยากอ่านครับ คือ ผมก็ขาย
"ฮอร์โมนไข่" กับ "ยูเรก้า" ของลุงคิมมาได้ 3 วันแล้วน่ะครับ.....ตอนนี้ก็เหลืออยู่อย่างละ 6
ขวด คือ ผมจะมีเรื่องเล่าให้ฟังครับ

คือ แมนก็จัดบอร์ดฮอร์โมนไข่นี่หล่ะครับ จัดไปขายไป จู่ๆ อาจารย์ในคณะนี่หล่ะครับ เดินมา
บอกผมว่า บอร์ดตัวหนังสือเล็กเกินไปรึเปล่า (fontตั้ง 2 แล้วน่ะครับ แล้วอาจารย์ท่านก็บอก
อีกว่า วางรูปไม่สวย ไม่มีลูกศรชี้ ทำให้คนอ่านแล้วงง ไม่มีลูกศรชี้ให้ดูว่า ใส่อะไรก่อนยังไง
ทำอะไรบ้าง รูปประกอบ (ผมเห็นคนซื้อ ไม่เห็นงงเลยน่ะครับ เค้าก็เดินเข้ามาถามแล้วก็ดูไปถาม
ผมไปก็เห็นเข้าใจกันทุกราย) ผมก็บอกอาจารย์ว่า ok. ครับผม ติดบอร์ดใหม่ก็แล้วกันครับ เอา
เป็นตามแบบที่อาจารย์แนะนำครับ

พอมาวันนี้ ผมก็ติดบอร์ดใหม่เสร็จหมดแล้วครับ เอาแบบอธิบาย 1ที่ มีรูป 1 ที่ มีลูกศรวิ่งให้ดู
ว่าใส่อันไหนเริ่มแรกก่อน ตอนเย็นก็กำลังจะกลับครับ งานงอกตอนนี้หล่ะครับ

มีอาจารย์ในคณะอีกท่านเดินมา ทำไมเธอติดบอร์ดแบบนี้ ประวัติความเป็นมาฮอร์โมนไข่ก็ไม่มี
รูปก็เล็กเกินไป ตัวหนังสือก็เล็ก คนเดินผ่านไปมาไม่ค่อยเห็น (font 36 ครับ บอกคนเดินผ่าน
ไปมามองไม่เห็น) ป้ายโฟมผมทำออกตัวใหญ่ (font 500) แล้ว ไม่เห็นสาธิตให้คนเดินไปมาดู
เลย (ใครมันจะไปนั่งทำให้ดูทุกชั่วโมงหล่ะครับอาจารย์)

ไปดูเต๊นท์อื่นบ้างสิเค้าติดออกจะดี โปสเตอร์ของมหาวิทยาลัยมีตรามหาลัยตัวเบอเริ่ม พิมพ์ 4
สี กระดาษ A-1 ประวัติความเป็นมาพร้อม (ของภาคปฐพีวิทยาครับ) เรื่องการวัด ph ดิน

สิ่งที่ผมอยากจะบอกอาจารย์ที่เดินมาวันนี้ คือ ถ้าตัวหนังสือมองไม่เห็น หรือจัดบูทไม่เด่น ปุ๋ยลุง
คิม ก็ขายหมดครับ มีบางคนก็รู้จักลุง คนฟังรายการลุงก็เยอะ หรือมีคนที่ไม่เคยรู้ว่าฮอร์โมนไข่
คืออะไร เค้าก็เดินเข้ามาถามน่ะครับ...... บู๊ทก็อยู่ในซอก แต่ของขายได้หมดก่อนวันเปิดงานจริง
เสียอีก.....นะจะบอกให้


ตอนนี้ขอตัวไปแก้บอร์ดก่อนน่ะครับ แก้บอร์เป็นกระดาษ A-1 ทำเป็นโปสเตอร์ครับ

[ott_club]

ทราบคร่าวๆ เพียงว่าแถวจีน ฮ่องกง ใต้หวัน เขาทำให้คนกิน ซึ่งส่วนผสมก็คล้ายกันแต่ต้องพิถีพิถัน
อนามัยหน่อย เห็นแถวๆบ้านผมก็ทำทานกัน เขาบอกกินแล้วแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ไข้

[kimzagass]

ฯลฯ.... ประวัติฮอร์โมนไข่สูตรใต้หวันบ้างครับ รศ.ดร. ท่านหนึ่งท่านอยากอ่านครับ....

ฯลฯ.... มีอาจารย์ในคณะอีกท่าน ประวัติความเป็นมาฮอร์โมนไข่ก็ไม่มี.....

*************************************************************

คำแนะ ไม่ใช่คำตอบ :

ข้อมูลที่เป็น PAPER น่ะ "ไม่มี" แต่ข้อมูลที่เป็น "เรื่องราวผ่านสื่อ" โดยเฉพาะภาพยนต์
สารคดีทาง ทีวี. เช่น ดิสคัพเวอรี่. เอ็กซ์ไซด์เตอร์. เอ๊กซ์พอเลอร์. ฯลฯ พอเอามาเล่าสู่กัน
ฟังได้

เคยมีผู้กล่าวว่า หากใครมี "บ้านแบบอเมริกัน. เมียแบบญี่ปุ่น. และอาหารแบบจีน." ชีวิตนี้จะ
สมบูรณ์แบบที่สุด.... ประเด็นอยู่ที่ "อาหารแบบจีน" ประเทศจีนถือว่าเป็นดินแดนมีอาหารมาก
ชนิดและมากประเภทที่สุดในโลก ถึงขนาดบอกว่า "ไอ้อยู่บนฟ้า กินไม่ได้อย่างเดียว คือ เครื่อง
บิน.....ไอ้ที่อยู่ในน้ำ กินไม่ได้อย่างเดียว คื่อ เรือ.....ไอ้ที่อยู่บนดิน กินไม่ได้อย่างเดียว คือ รถ
ถัง" เคยรู้ไหม "ทารก" จีนยังเอามาปรุงอาหารกินได้....เคยได้ยินอาหาร "ตำรับฮ่องเต้" ไหม
ทุกอย่างล้วนทำกันมานานนับได้หลายพันปี จนกระทั่งกลายเป็นวัฒนธรรมประเพณี....ตัวอย่าง
เช่น ลำไย ว่ากันตั้งแต่ ใบ-ต้น-ราก-ยอด-ดอก-ผลอ่อน-ผลแก่-ผลสด-ผลแห้ง ทุกส่วน
สามารถนำมาปรุงแล้วให้คนกินได้ แค่ผลลำไยแก่อย่างเดียว เนื้อ-เมล็ด-เปลือก ประเพณีจีนยัง
แยกแต่ละอย่างนำมาปรุงให้คนกินได้

ไข๋. นม. +กับอีกหลายๆอย่างที่คนกินแล้วมีพลัง คนจีนเอามาผสมปรุงแต่ง (สด-ต้ม-หมัก-
เผา-ย่าง-นึ่ง-ฯลฯ) แล้วกินได้ มีข้อแม้อย่างหนึ่ง คือ "ไม่มีเชื้อโรค" นั่นคือ "ความสะอาด"
นั่นเอง

สิ่งที่ปรุงสำหรับคนกิน เมื่อคนกินไม่หมดก็ให้สัตว์กิน หรือไม่ก็ให้ต้นไม้กิน ทั้งสัตว์และต้นไม้
ต่างก็เจริญเติบโตได้ไม่ต่างจากที่คนกิน..... ไม่น่าเชื่อที่กรณีแบบนี้ อียิปต์รู้จักมานานก่อนจีน

จาก ไข่+นม+กับอีกหลายๆอย่าง ที่คนกินไม่หมดก็เอาไปให้สัตว์กินหรือไม่ก็ให้ต้นไม้กินนั้น
เมื่อต้นไม้ได้กินแล้วเจริญเติบโตดี สิ่งนี้จีนเรียกอะไรเราไม่รู้แล้วก็ไม่ติดใจสงสัยด้วย แต่เมื่อเรา
เอามาให้ต้นไม้กินเหมือนที่คนจีนทำบ้าง เห็นว่าดีจึงเรียกมันว่า "ฮอร์โมน" แม้จะไม่ใช่ฮอร์โมน
(ตามหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่) แต่เพราะมันทำมาจากไข่ เลยเหมาจ่ายเรียกว่า "ฮอร์โมนไข่"
เพื่อให้ฟังแล้วดู "ขลัง" เท่านั้น..... จากฮอร์โมนไข่ที่ต้นไม้ตอบสนองดีนั้น เราก็ใส่เพิ่ม 0-
52-34 + สาหร่ายทะเล + อะมิโนโปรตีน + แคลเซียม โบรอน + ฯลฯ ลงไป ในเมื่อตัวที่ใส่
เติมเพิ่มทีหลังนี้ ทุกตัวคือ "สารอาหารเปิดตาดอก" สามารถทำให้ต้นไม้ออกดอกได้ทั้งนั้น
ข้อนี้ยืนยันได้ตามหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เพราะ แม้แต่ใช้ตัวมันเอง ตัวเดียวเดี่ยวๆ ตัวไหนก็
ได้ ทำให้ต้นไม้ออกดอกได้อยู่แล้ว ครั้นเมื่อเอาทั้ง 2-3-4 ตัวมารวมกัน ซึ่งมันรวมกันได้อยู่แล้ว
จะไม่ดีจนเหนือชั้นขึ้นไปอีกหรือ กับเมื่อเอาเจ้า 2-3-4 ตัวดังกล่าวมาใส่รวมกับ ไข่+นม+กับ
อีกหลายๆอย่าง ซึ่งมันก็รวมกันได้อย่างที่เห็นๆ สร้างมันขึ้นมาบนพื้นฐาน "อินทรีย์นำ-เคมีเสริม-
ตามความเหมาะสม" แล้วให้ต้นไม้กิน.....มันผิดตรงไหน

สารอาหารสำหรับ คน/สัตว์/พืช คือ ตัวเดียวกัน แต่ต่างกันที่ "รูปทางเคมี" เท่านั้น ถ้าเข้าใจ
และยอมรับในหลักการนี้ เราก็สามารถทำสารอาหาร (ปุ๋ย) ให้พืชเป็นการเฉพาะได้.....จริงไหม

ว่างๆ ลองคั้นกะทิสดๆ เพียวๆ ไม่ต้องเติมน้ำหรือสิ่งอื่นใดๆ ทั้งสิ้น คั้นด้วยมือ คั้นเอาแต่น้ำกะทิที่
อยู่ในเนื้อมะพร้าวขูดออกมา ระวังเรื่องความสะอาดมากๆ เสร็จใส่โหลแก้ว (ฆ่าเชื้อ) ปิดฝาพอ
หลวมๆ เก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่ต้องคน ไม่ต้องเขย่า ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ทิ้งไว้นาน ข้าม
เดือน-ข้ามปี ทิ้งไว้จนกระทั่งหยักไย่ ผงฝุ่นจับเขรอะ สังเกตุน้ำกะทิในโหลจะแยกชั้น เริ่มจาก
2 ชั้น บนกับล่าง แล้วเป็น 3 ชั้น บน-กลาง-ล่าง แล้วเป็น 2 ชั้น บนกับล่าง อีกครั้ง.....ระหว่าง
นี้ลองเปิดฝาดมกลิ่น ก็จะสัมผัสได้เหมือนกลิ่นน้ำมันมะพร้าวเดี๊ยะ หวานหอมชื่นใจ.... คน
จีนบอกว่าเป็น "ฮอร์โมนเพศ" ชั้นดี....ไม่เชื่อไปถามฮ่องเต้

เรื่องนี้ไม่มีหลักฐาน PAPER ไม่มีหลักฐานงานวิจัย เพราะมันเป็น WISDOM ที่สืบต่อกันมา
นานนับพันๆ ปี.... หน้าที่เรา (คนรุ่นใหม่) วันนี้เอาไอ้เจ้า "ฮอร์โมนไข่" เข้า LAB แล้ววิเคราะห์
ออกมาให้ได้ว่า สิ่งที่เราทำเองและสิ่งที่ใส่เติมเพิ่มเข้าไปนั้น มันคืออะไร ? จำนวนเท่าไหร่ ?
ทำให้ต้นไม้ออกดอกได้อย่างไร ?

ลุงคิมยังมีประวัติ (โลก) เกี่ยวกับสารอาหาร มนุษย์/สัตว์/พืช จากธรรมชาติ อีกมากมาย
รับรองเขียนลงกระทู้นี้ 3 วัน 4 คืน ไม่จบ......... ยกตัวอย่าง (ออร์เดิร์ฟ) ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิด
เถิดเทิงเกษตรกรอเมริการู้จักแล้วก็ทำใช้มานานกว่า 50 ปีแล้ว และวันนี้เขาได้พัฒนาไปจนไกล
ลิบ ถึงขนาดเลิกใช้ชื่อ "น้ำหมักชีวภาพ" ไปแล้วด้วยซ้ำ


O.K. นะ
ลุงคิมคนเดิมครับผม

[ott_club]

[kimzagass]

ให้คนชื่อปุ๊ก. เปลี่ยนชื่อเป็น "ปุ๊กโกะ" แล้วแต่งกิมิโน.ซี่ เดี๋ยวก็รู้...

ไม่น่าเชื่อที่ผู้หญิงชนชาติเชื้อสายจีน เมื่อจัดความสวยมากตามลำดับ สาวเวียดนาม. สาวจีนใน
ไทย. สาวเกาหลี. สาวจีนในจีน. สาวญี่ปุ่น..... สรุป ญี่ปุ่น.หน้าตาขี้เหร่ที่สุด

ภาษาญี่ปุ่น "คิเรเนะ" (ไทยพูด : ขี้เหร่เน้) แปลว่า "สวย" แล้วก็ "ทักซัง ขี้เหร่เน้" แปล
ว่า "สวยมาก"..... สงสัยใช้ภาษาลดปมด้อย

สาวญี่ปุ่นรู้ตัวว่ามีความสวยน้อย จึงต้องปรับตัวให้เป็นเมียที่ดีที่สุดในโลกแทน.....ขนาดสามีจะ
อาบน้ำ เมียต้องช่วยอาบให้ทุกครั้งเลยเชียวแหละ อาบน้ำแต่ละครั้งแม่ฟอกสบู่ 5-6 รอบ จนตัวงี้
ซีดแล้วซีดอีก...... STOP

ประสบการณ์เมื่อครั้งเป็นหนุ่ม ลุงคิมว่า "เวียดนาม" อันดับ 1 นะ


บอกแล้วไง.....วันนี้ถอดเขี้ยวถอดเล็บแล้ว เหลือแต่งา (ว่ะ)
ลุงคิมครับผม

[man_supakarn]

จริงหรือครับลุง เมียเวียดนามดีเนี่ยครับ

งั้นผมจบแล้วไปอยู่เวียดนาม ไปปลูกข้าวขายส่งกลับมาไทยดีกว่าครับ ^_^

_____________________
แล้วแฟนพี่อ๊อด ชื่อ "ปุ๊กโกะ" เหรอครับ

แมน



ตอบ :
GOOD IDEA BUT NO I.Q. (ว่ะ)

ลุงคิมคนเดิมครับผม

[Pitipol]

[kimzagass]

มะพร้าวยิ่งแก่ยิ่งมัน.....ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด......

คนหรือมนุษย์ก็เช่นกัน.....ยิ่งนานวัน ยิ่งประสบการณ์มาก ยิ่งพัฒนาการมาก

วันเวลาที่ผ่าน สิ่งที่เคยดี วันนี้ต่อยอดเป็นเยี่ยมไปแล้ว


คุยกับสาวเวียดนาม.... ไม่รู้เรื่องแต่รู้เรื้อง
คุยกับสาวไทย.......... รู้เรื่องแต่ไม่รู้เรื่อง


วิน (ว่ะ)
ลุงคิมครับผม