-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 7 AUG.. * ทำสารสมุนไพร
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 7 AUG.. * ทำสารสมุนไพร

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 07/08/2020 6:03 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 7 AUG.. * ทำสารสมุนไพร ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 7 AUG....
AM 594 เวลา 08.15-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

*****************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม ...

ผลิตรายการโดย....
กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ

ผู้สนับสนุนรายการ ....
*** ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส ธันเดอร์แคล.... ออร์เดอร์จาก ออสเตรเลีย แคนนาดา อเมริกา +Mg. Zn. เคมี, .... ออร์เดอร์จากเกาหลี ให้ +Cu เคมี อย่างละ 5% .... ยิบซั่มเพื่อการเกษตรที่ทั่วโลกยอมรับ คือ ยิบซั่มจากประเทศไทย นี่แหละ

*** ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ คุณภาพผลผลิต (ยอด-ใบ-ดอก-ผล-เมล็ด-เนื้อ-ต้น-ราก) จะดกดี สีสวยสด รสจัดจ้านได้ ด้วยธาตุรอง/ธาตุเสริม ....

*** แม็กเนเซียม. สังกะสี. สาหร่ายทะเล. แคลเซียม โบรอน. ส่วนผสมเอาไปทำเอง ....
*** กลิ่นล่อดักแมลงวันทอง, กาวเหนียวดักแมลงศัตรูพืช.... คิดง่ายๆ ถ้าแมลงศัตรูพืชไม่มาที่กับดัก เขาก็จะไปที่ต้นพืช ว่ามั้ย ..... (089) 144-1112

เช่นเคย รายการเรา
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า

ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

........................................................................................................
........................................................................................................


งานสัญจรตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม(ขาล่อง) ก่อนถึงแยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ไปที่วัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสดิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรที่ไหนอยากให้งานสัญจรไปลงที่นั่น ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

- งานสัญจร ตามปกติ ตามวงรอบ วันเสาร์นี้ เสาร์ที่ 8 ส.ค. ไปวัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี....ระเบิดเถิดเทิง ฟาจีก้า ไบโออิ หัวโต ไทเป ยูเรก้า ยาน็อค...หนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ, ไม้ผลแนวหน้า, กับดักแมลงวันทอง

- งานสัญจรรอบพิเศษ เดือนหน้า ส.ค.มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือนนี้ตรงกับวันที่ 29 งานสัญจรไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา สมช.จะสั่งซื้อหรือจะให้ทำอะไรเป็นกรณีพิเศษ เช่น หม้อปุ๋ยหน้าโซน วัดค่ากรด-ด่าง น้ำ/ดิน ส่งข่าวแจ้งล่วงหน้าหน่อยก็ดี จะได้เตรียมการ


*** ที่แน่ๆ แน่นอนนอนแน่ ซื้อปุ๋ยจากลุงคิมวงเงิน 3,000 ขึ้นไป แถมหนังสือ 1 เล่ม ไม้ผลแนวหน้า, หัวใจเกษตรไท มินิ. เลือกเอา 1 เล่ม

สังเกต .... วันนี้ สปอนเซอร์ถอนตัวไป 1 งานนี้ใครสนใจก็ติดต่อเข้ามา วิทยุ ปตอ. AM ระยะแพร่คลื่น 100% ได้ 20 จังหวัด แพร่คลื่นแบบกระโดดเป็นหย่อมๆ อีก 20 จังหวัด น่าจะดีกว่า FM ทั้งคลื่นหลัก คลื่นชุมชน ที่แพร่คลื่นไปได้แค่จังหวัดเดียวเท่านั้น ลองซี่ ว่างๆ วิ่งรถเดินทางไป ตจว. ถึง จว.ไหนก็ได้ ยิ่งไกลยิ่งดี เปิดวิทยุในรถระบบ AM คลื่น 594 ก็จะรู้ว่า ว่ารับได้หรือไม่ได้ รับได้ ได้แค่ไหน รับไม่ได้คือรับไม่ได้ แค่นี้ก็รู้ ลองดูซี่ ..... โฆษณาที่นี่ ไม่ใช่พูดอย่างเดียว แต่มีกิจกรรมเสริมโฆษณา (เน้นย้ำ....กิจกรรมเสริมโฆษณา) อีก ตอนนี้คิดคร่าวๆได้ราว 20 กิจกรรมเสริม อันนี้ต้องมาคุยกัน
วางแผนร่วมกันว่าจะเสริมยังไง....


************************************************************
************************************************************

7 AUG
จาก : (098) 178-62xx
ข้อความ : ขอสูตรทำยาน็อคด้วยครับ...ขอบคุณครับ

จาก : (085) 186-01xx
ข้อความ : ถามจริง สูตรทำสารสมุนไพร ลุงมีกี่สูตร....
ตอบ : ....

บ่น :
คนที่ อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย อาฟริกา ทั่วโลก รังเกียจสารเคมียาฆ่าแมลงกันทั้งนั้น ถ้าวันนี้มีอะไรที่ไม่เป็นพิษมาใช้แทนสารเคมียาฆ่าแมลงได้ เชื่อว่าผู้คนประเทศเหล่านี้ยินดีต้อนรับกันทั้งนั้น

ในโลกนี้โซนภูมิศาสตร์ที่มีการเจริญเติบโตของชีวภาพมากที่สุด คือ โซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และศูนย์กลาง คือ พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย สิงค์โปร์ อินโดเนเซีย และศูนย์ของศูนย์กลางจริงๆ คือ “ไทย THAILAND” นี่แหละ....

วันนี้ หรืออนาคตอันใกล้ ถ้า พม่า ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย สิงค์โปร์ อินโดเนเซีย ประเทศใดประเทศหนึ่ง ผลิตสารสมุนไพรเพื่อการเกษตร ครอบคลุมทั้งพืชและสัตว์ ทั้งสัตว์และสัตว์ป่า ทั้งผล
ผลิตสดและผลผลิตแปรรูป ออกขาย จำหน่ายทั่วโลกได้ รูปแบบการเกษตรจะเปลี่ยน ไปทางไหน ....

ในเมื่อพืชสมุนไพรไม่อาจปลูกได้ใน อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย อาฟริกา แต่เขาจำเป็นต้องใช้ หรือต้องบริโภคผลิตภัณฑ์จากการเกษตร เขาก็ต้อง WELCOME ต่อสารสมุนไพรแน่นอน

สังคมไทย รวมไปถึงสังคมโลกนนี้ ยาสมุนไพรสำหรับคน (เน้นย้ำ...คน) มาแรงมาก ๆๆ ๆๆ ทีวี.ทุกช่อง วิทยุทั้ง เอฟเอ็ม./เอเอ็ม. ทุกสถานี โฆษณาสมุนไพรสำหรับคนรุนแรงมาก ๆๆ ทุกตัวทุกผลิตภัณฑ์ได้ผลทั้งนั้น ....

จากสมุนไพรสำหรับคน หันมามอง สมุนไพรสำหรับพืช สมุนไพรสำหรับสัตว์เลี้ยง ยังไม่มีวี่แววแจ้งเกิด ทั้งๆที่ ประเทศไทย ประเทศเกษตร ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า นักนวตกรรมเกษตร นักภูมิปัญญาประดิษฐ์ ทำไมไม่สวมวิญญาณนักการตลาด ผลิตสารสมุนไพรสำหรับพืช สำหรับสัตว์เลี้ยง ออกมาขายบ้าง


--------------------------------------------------------------------------------------


‘อียู’ จี้ตรวจพืชผัก
พบสารพิษอื้อ กระทบส่งออก 4 ปี สูญกว่าหมื่น ล. แนะรัฐวางกรอบอาหารปลอดภัย :

วรลักษณ์ ศรีใย

แฉ อียู ตีกลับผักผลไม้ไทยปนเปื้อนสารเคมี ตลบหลังตรวจจากข้อมูลและปริมาณการนำเข้าสารเคมีที่ประเทศในยุโรปส่งเข้ามาขายให้ไทย สถาบันมาตรวิทยาเผยหลังอียูตรวจพบสารพิษตกค้างในผักของไทยที่ส่งไปขายเพียบ ทำให้ 3 ปีที่ผ่านมาเสียรายได้ไปกว่าหมื่นล้าน จี้รัฐเร่งสร้างระบบตรวจสอบคุณภาพ และลดการใช้สารเคมีอย่างเร่งด่วน ก่อนเสียหายไปกว่านี้

ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์การส่งออกพืชผักของไทยไปยังตลาดต่างประเทศ ค่อนข้างประสบปัญหาอย่างมาก เนื่องจากมีการตรวจพบปริมาณการปนเปื้อนของสารเคมีในพืชผักเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะประเทศในสหภาพยุโรป หรือ อียู ส่งผลให้เกิดภาพลบกับประเทศไทยในหลายด้าน เช่น ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจากสายตาต่างชาติ รวมไปถึงมูลค่าการส่งออกที่ลดลงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ที่จะแก้ปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในพืชผัก ในทางกลับกันกลับมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลกำลังมีความพยายามที่จะขึ้นทะเบียนสารเคมีร้ายแรงอีกหลายชนิด


อียู สุ่มตรวจผักไทย ตามข้อมูลนำเข้าสารเคมี :
ดร. จรัญ ยะฝา หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิเคราะห์อนินทรีย์เคมี ฝ่ายมาตรวิทยาเคมีและชีวภาพ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาอย่างมาก ในการส่งพืชผักไปขายยังต่างประเทศ เนื่องจากพืชผักที่ส่งออกนั้น ถูกตรวจพบสารเคมีในปริมาณที่มากเกินมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) จากข้อมูลสถิติการส่งสินค้าไปสหภาพยุโรป ผักผลไม้ไทยถูกตรวจพบสารเคมีปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานที่อียูกำหนดเกือบทุกครั้ง

ทั้งนี้การที่ประเทศในสหภาพยุโรปตรวจพบสารเคมี ยาฆ่าแมลง ชนิดต่างๆ จากผักของไทยนั้น เนื่องเพราะ อียู มีฐานข้อมูลการนำเข้ายาฆ่าแมลง สารเคมีที่ประเทศไทยสั่งและนำเข้ามาใช้ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้บางชนิดหลายประเทศสั่งห้ามใช้ในประเทศของตนเองแล้ว แต่ยังมีการผลิตขายให้กับประเทศอื่นอยู่ ทั้งนี้การตรวจพืชผักของไทย อียู จะตรวจสอบจากพื้นฐานของข้อมูลการนำเข้าสารเคมีของไทย แต่ไม่ได้ตรวจตามมาตรฐานที่ยุโรปกำหนด ทำให้การตรวจแทบทุกครั้งอย่างสม่ำเสมอของ อียู จะพบการปนเปื้อนสารเคมี ซึ่งเป็นผลลบกับประเทศอื่น ในประเด็นความสามารถในการตรวจวิเคราะห์

ซึ่งสารเคมีที่มีพิษร้ายแรงที่ประเทศไทยยังนำเข้ามาใช้ และกำลังจะขึ้นทะเบียน เป็นสารเคมีที่หลายประเทศยกเลิกการใช้ไปแล้ว เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีพิษร้ายแรง 4 ชนิด ประกอบด้วย คาร์โบฟูราน เมโทมิล ไดโครโตฟอส และอีพีเอ็น

https://www.tcijthai.com/news/2012/14/scoop/1704
https://www.tcijthai.com/news/2012/14/scoop/1704
--------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------



คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม ....

จาก : (089) 720-71xx
ข้อความ : ขอสูตรทำสมุนไพรกำจัดเพลี้ยนาข้าว สูตรต้ม 3 น้ำ ทำอย่างไร ใส่ส่วนผสมอะไรบ้าง .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
- เพลี้ย ๆ ๆ เพลี้ยอะไร ..... เพลี้ยแป้ง เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยกระโดด เพลี้ยกระสอบ
* กรณีนาข้าวนาเพลี้ยกระโดดเป็นข่าวแต่เพลี้ยไฟไม่ค่อยเป็นข่าว ส่วนเพลี้ยกระสอบตัวนี้พอเป็นข่าวบ้าง
* เพลี้ย คือ แมลงปากกัดปากดูด สมุนไพรที่ “กลิ่น/รส/ฤทธิ์” ใช้ได้ทั้งนั้น

* สมการยา :
ยาถูก + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล
ยาผิด + ใช้ถูก = ไม่ได้ผล
ยาผิด + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล ยกกำลังสอง
ยาถูก + ใช้ถูก = ได้ผลยกกำลังสอง

* หัวใจเกษตร ปุ๋ย ยา เทคโน โอกาส
- ต้ม 3 น้ำ คือ ต้ม 3 ครั้ง 3 รอบ ช่วยให้สารออกฤทธิ์หรือตัวยาแรงขึ้น 3 เท่า ข้อมูลนี้ได้มาจากซินแส แพทย์แผนไทย

- จากสูตรต้ม 3 น้ำ แถมสูตรอื่นอีก 4-5 สูตร .... เดี๋ยวจะร่ายยาวให้ฟัง
- กับที่น่าพิจารณาอย่างมาก คือ ปุ๋ยยา-ยาปุ๋ย .... เดี๋ยวจะร่ายยาวให้ฟัง

สูตรการทำ-หลักการใช้ สารสมุนไพร :

แบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน - มาตรฐานโรงงาน - มีหลักวิชาการรองรับ

1. หมักน้ำเปล่า :
วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ :

เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ตรงกับศัตรูพืช สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบด ละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังพลาสติก เติมน้ำเปล่า 10-20 ล. คนให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 24-48 ชม. ระหว่างนี้ให้คน 2-3 รอบ ครบกำหนด 24-48 ชม. ก็จะได้สารสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

หมักต่อไป 7-10 วัน หรือเมื่อเห็นว่าพืชสมุนไพรเปื่อยยุ่ย นอนก้นถังดี ให้กรองเอากากออก เก็บน้ำใสไว้ใช้งานจะดีมาก กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง ใช้รองก้นหลุมปลูกหรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วน ผสมหลักจะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภท ใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง เท่านั้น
หมายเหตุ :
- ที่นี่ไม่ใส่กากน้ำตาล น้ำตาลทราย และจุลินทรีย์

2. สูตรหมักเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ :
วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ :

เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ตรงกับชนิดศัตรูพืช สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังพลาสติก เติมเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง) 10% ของน้ำ. เติมน้ำส้ม สายชู 10% ของเหล้าหรือแอลกอฮอร์ อัตราเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์กับน้ำส้มสายชูให้ได้พอท่วมสมุนไพร ถ้าไม่ท่วมให้เติมน้ำเปล่าเพิ่มจนกระทั่งพอท่วม คนเคล้าให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 24-48 ชม. ระหว่างนี้ให้คน 2-3 รอบ เพื่อให้แอลกอฮอร์กับน้ำส้มสายชูจะสกัดเอาสารออกฤทธิ์ในสมุนไพรออกมา ครบกำหนด 24-48 ชม. แล้วให้เติมน้ำเปล่า 10-20 ล. ได้สารสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

หมักต่อไป 15-20 วัน หรือเมื่อเห็นว่าพืชสมุนไพรเปื่อยยุ่ย นอนก้นถังดี ให้กรองเอากากออก เก็บน้ำใสไว้ใช้งานจะดีมาก กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูกหรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ :
- ที่นี่ไม่ใส่กากน้ำตาล ตาลทราย และจุลินทรีย์

3. สูตรแช่น้ำร้อน :
วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ :

เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ตรงกับชนิดของศัตรูพืช สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบด ละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังพลาสติกที่มีน้ำต้มเดือดแล้ว 10-20 ล. คนให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 24-48 ชม. ระหว่างนี้ให้คน 2-3 รอบ ครบกำหนด 24-48 ชม. ก็จะได้สารสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

หมักต่อไป 15-20 วัน หรือเมื่อเห็นว่าพืชสมุนไพรเปื่อยยุ่ย นอนก้นถังดี ให้กรองเอากากออก เก็บน้ำใสไว้ใช้งานจะดีมาก กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูกหรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วน ผสมหลักจะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภทใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง เท่านั้น

4. สูตรต้มพอร้อน :
วัสดุส่วนผสม :

เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ตรงกับชนิดของศัตรูพืช สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบด ละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังโลหะ (ปี๊บ) ที่มีน้ำ 10-20 ล. คนให้เข้ากันดี ยกขึ้นตั้งไฟ ต้มพอเดือด เสร็จแล้วยกลงปล่อยให้เย็น ทิ้งไว้ 24 ชม.ได้ “สมุนไพรน้ำ 1”

เอาสมุนไพรในน้ำ 1 ที่เย็นแล้วออก ใส่สมุนไพรตัวเดิม/ใหม่ ลงไปแทน แล้วต้มพอเดือด เสร็จแล้วยกลงปล่อยให้เย็น ทิ้งไว้ 24 ชม.ได้ “สมุนไพรน้ำ 2”

เอาสมุนไพรในน้ำ 2 ที่เย็นแล้วออก ใส่สมุนไพรตัวเดิม/ใหม่ ลงไปแทน แล้วต้มพอเดือด เสร็จแล้วยกลงปล่อยให้เย็น ทิ้งไว้ 24 ชม.ได้ “สมุนไพรน้ำ 3” .... ได้น้ำสารสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

กากสมุนไพรที่เอาออกทิ้ง นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูก หรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

5. สูตรต้มเคี่ยว :
วัสดุส่วนผสมและวิธีทำ :

เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ตรงกับชนิดของศัตรูพืช สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังโลหะ (ปี๊บ) ที่มีน้ำ 10-20 ล. ยกขึ้นตั้งไฟ

ต้มครั้งที่ 1 : ให้เดือดจัด เสร็จแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรชนิดเดิมตัวใหม่ ปริมาณเท่าเดิมลงไปแทน เตรียมต้มรอบ 2

ต้มครั้งที่ 2 : เดือดจัดแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรชนิดเดิมตัวใหม่ ปริมาณเท่าเดิมลงไป เตรียมต้มรอบ 3
ต้มครั้งที่ 3 : เดือดจัดแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุน ไพรตัวเดิม ปริมาณเท่าเดิมลงไปแทน แล้วต้มจนเดือดจัดเป็นครั้งสุดท้าย เสร็จแล้วยกลง ปล่อยให้เย็น แล้วให้กรองเอากากออกก็จะได้หัวเชื้อน้ำต้มสมุนไพรเข้มข้นพร้อมใช้งาน

กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูก หรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วนผสมหลัก จะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภท ใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้งเท่านั้น

สูตรต้มเคี่ยวทำได้ 2 แบบ :
แบบที่ 1 :
ต้มเคี่ยวครบ 3 รอบแล้วกรองเอากากออก ได้น้ำใสเท่าไรก็ได้เท่านั้น ใช้งานได้เลย ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์มีเท่าไรก็มีเท่านั้น

แบบที่ 2 : ต้มเคี่ยวครบ 3 รอบ กรองเอากากออกจนได้น้ำใสแล้ว ให้ต้มเคี่ยวต่อ โดยไม่ต้องเติมพืชสมุนไพรอีก ต้มเคี่ยวจนกระทั่งน้ำระเหยไปไอหายไป เหลือ 1 ใน 4 ของครั้งแรก เสร็จแล้วปล่อยทิ้งให้เย็น ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์จะแรงขึ้น
หมายเหตุ :
ซินแส แพทย์แผนโบราณ จัดยาสมุนไพรห่อผ้าขาวบางให้ 1 ห่อมัดเรียบร้อย หม้อดินเผา 1 หม้อ แล้วบอกว่า ใส่น้ำพอท่วม ต้มพอเดือด ดื่มครั้งละ 1 จอก (รสชาดยาสมุนไพรขมพอดีๆ ...รสขม คือ ฤทธิ์ยา) หรือบางครั้งใส่น้ำพอท่วม ต้มเคี่ยวนานๆ จนเหลือน้ำ 1 จอก แล้วดื่ม (รสชาดยาสมุนไพรจะขมจัดมากๆ ๆๆ ....รสขมนั้นคือ ฤทธิ์ยา)

6. สูตรกลั่น :
ถังกลั่น :

- เป็นถังโลหะทรงสูง
- ใส่น้ำเปล่าก้นถัง ปริมาณตามความเหมาะเมื่อเทียบกับปริมาณของพืชสมุนไพรที่จะกลั่น ไม่ควรเกิน 1 ใน 4 ของความสูงถัง

- มีตะแกงติดในถัง ณ ระดับความสูง 3 ใน 4 จากก้นถังของความสูงถัง
- มีฝาปิดสนิทป้องกันไอระเหยออกได้
- ที่ฝาปิดมีท่อให้ไอระเหยผ่านไปสูงระบบควบเย็นได้สะดวก
- ท่อนี้จะผ่านระบบควบเย็น ส่วนปลายดัดแปลงให้แทงเข้าไปในถังกลั่น เพื่อให้ไอระเหยที่ถูกควบเย็นจนกลายเป็นน้ำแล้วกลับเข้าไปกลั่นซ้ำในถังอีกครั้ง

ส่วนผสมและวิธีทำ :
เลือกพืชสมุนไพรประเภทสกัดด้วยวิธีกลั่นโดยเฉพาะ มีสารออกฤทธิ์ตรงกับชนิดศัตรูพืช สดหรือแห้ง สับเล็กหรือบดละเอียด การกลั่นทำได้ 2 แบบ

แบบที่ 1 : กลั่นแบบต้มเหล้าป่า (ชาวบ้านแอบทำ /เหล้าเถื่อน) หรือเหล้าขาว (รัฐบาลทำ) การกลั่นแบบนี้ต้องอาศัยความร้อนสูง น้ำที่ต้มเพื่อเอาไอระเหยต้องเดือดจัด 100 องศา ซ. ทำให้ได้ "น้ำ + สารออกฤทธิ์" ซึ่งจะมีน้ำ 70% สารออกฤทธิ์ 30% ถ้าน้ำที่ต้มเพื่อเอาไอระเหยร้อน 60-70 องศา ซ. จะทำได้เปอร์เซ็นต์ของสารออกฤทธิ์สูงขึ้น อัตราส่วน น้ำ 30% สารออกฤทธิ์ 70% แต่เนื่องจากความร้อนเพียงเท่านี้ไอน้ำจะไม่พุ่งออกมาสู่ระบบควบเย็นได้ แก้ไขโดยการใช้ตัวดูดไอระเหย (แว็คกั้ม).... สารออกฤทธิ์ที่ได้ใช้งานได้เลย หากต้องการเก็บนานให้เติมแอลกอฮอร์ 10% ของน้ำกลั่นสารออกฤทธิ์

แบบที่ 2 : กลั่นซ้ำ เป็นการกลั่นแบบให้ความร้อนสูงเดือดจัด ไอระเหยที่ถูกควบเย็นแล้วผ่านท่อที่ดัดแปลงเป็นการเฉพาะไหลกลับเข้าไปในหม้อกลั่นอย่างเดิมรวมกับน้ำก้นถังกลั่นอีกครั้ง แล้วถูกต้มกลายเป็นไอระเหยสูงขึ้นสู่ระบบควบเย็นซ้ำโดยอัตโนมัติ น้ำจะถูกกลั่นเป็นไอน้ำ ถูกควบเย็นเป็นน้ำไหลกลับเข้าถังกลั่น หมุนเวียนซ้ำอย่างนี้จนเป็นที่พอใจ น้ำก้นถังกลั่น คือ น้ำกลั่นสารออกฤทธิ์ มีน้ำกับสารออกฤทธิ์ 1 : 1 ใช้งานได้เลย

แบบที่ 3 : กลั่นด้วยเครื่องกลั่นเฉพาะแบบ "แยกน้ำ-แยกน้ำมัน" น้ำมันที่ได้เป็นสารออกฤทธิ์ 100% ไม่มีน้ำปน สารออกฤทธิ์ที่ได้ใช้งานได้เลย และสามารถเก็บนานได้โดยไม่ต้องเติมแอลกอฮอร์
หมายเหตุ :
- กลิ่นตะไคร้/กลิ่นมะกรูด สังเคราะห์ ที่คนนิยมทำ “อะโรม่า” นั้น นำมาใช้แทนกลิ่นที่กลั่นเอง เพราะกลิ่นสังเคราะห์แรงมากเมื่อเทียบกับกลิ่นที่กลั่นเอง กลิ่นสังเคราะห์ไม่เป็นอันตรายต่อตน เพราะใช้ในงานอะโรม่าอยู่แล้ว

- สรรพคุณ/ประสิทธิภาพ จากสูตรนี้ คือ กลิ่น/รส/ฤทธิ์ จากสมุนไพร และ สารอาหารจากปุ๋ยไบโออิ. เสริมสร้างภูมิต้านทานความแข็งแรงในพืช สู้/ต่อต้าน ศัตรูพืชได้


หนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5900#top

----------------------------------------------------------------------------------------




.



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©