-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ18MAY *สมุนไพร (60), องุ่น...
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ18MAY *สมุนไพร (60), องุ่น...

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 18/05/2016 5:09 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ18MAY *สมุนไพร (60), องุ่น... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 18 MAY

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) และ 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...

* บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

http://kasate.site88.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1
* ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

http://www.mysuccessagro.com
* บ.มายซัคเซส อะโกร---ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
7) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)


----------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)

มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......

------------------------------------------------------------------------



สมุนไพร (60)

การทำ .... สมุนไพรกำจัดแมลงศัตรูพืช ! !

ตำรับยาสมุนไพรสำหรับสัตว์ปีก :

1. สมุนไพรป้องกันหวัด/แก้ท้องเสีย/สร้างภูมิคุ้มกันโรค :
ตำรับที่ 1 : บอระเพ็ด ทุบแช่น้ำ ให้ไก่กินเป็นประจำ
ตำรับที่ 2 : ฟ้าทลายโจร/ขมิ้นชัน ทุบแช่น้ำ ให้ไก่กินเป็นประจำ
2. สมุนไพรถ่ายพยาธิไก่ : ใช้หมากอ่อน ตำให้ละเอียด แช่น้ำให้ไก่กิน
3. กำจัดไรไก่ : ใช้ ตะไคร้หอม-สะเดา-สาบเสือ-หนอนตายหยาก-ใบน้อยหน่า-ใบแมงลัก-ใบกระเพา นำไปวางรองพื้นคอกหรือรังไก่ หรือจะนำเอาสมุนไพรทั้งหมดไปหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพเพื่อนำไปราด หรือฉีดพ่นป้องกันกำจัดไรไก่
---------------------------------------------------------------------

สมุนไพรเร่งการเจริญเติบโต :

ตำรับยา : ฟ้าทลายโจร ไพล ขมิ้นชัน
วิธีใช้ : นำสมุนไพรทั้ง 3 ชนิด อย่างละเท่าๆกัน บดเป็นผงอย่างละเอียด ผสมในอาหาร 0.20%
สรรพคุณ : ใช้ทดแทนสารเร่งการเจริญเติบโตในสัตว์ปีก
------------------------------------------------------------------------

น้ำสกัดสมุนไพร :

1. ฟ้าทลายโจร บอระเพ็ด และกระเทียม อย่างละ ½ กก.
2. นำน้ำตาลทรายแดง 1 กก. เคี่ยวให้เป็นน้ำเชื่อม เทใส่สมุนไพร แล้วหมักไว้ 1 เดือน
วิธีใช้ : นำน้ำหมักสมุนไพร 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 แกลลอน ตั้งไว้ให้สัตว์กิน
-------------------------------------------------------------

น้ำหมักชีวภาพสูตรสมุนไพร :

สมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด ลูกใต้ใบ ขมิ้นชัน เปลือกมังคุด ไพล นำไปแยกกันหมัก แล้วนำน้ำสมุนไพรทุกชนิดมาผสมกันให้สัตว์กิน
สรรพคุณ :
- เพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และลดจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค
- กระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค ทำให้สัตว์แข็งแรง
- ลดกลิ่นเหม็นในมูลสัตว์
------------------------------------------------------------------------

การเลี้ยงไก่พื้นเมือง และเป็ดเทศ แบบอินทรีย์ :

- มีการเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ ตอนเย็นจะเสริมด้วยอาหาร เช่น รำข้าวอินทรีย์ ข้าวเปลือกจากข้าวอินทรีย์ มาผสมกับน้ำหมักชีวภาพ รวมไปถึงการใช้น้ำหมักชีวภาพผสมน้ำให้สัตว์กิน ช่วยให้สัตว์มีสุขภาพดี สมบูรณ์ ในส่วนของพื้นคอกจะราดด้วยน้ำหมักชีวภาพเพื่อลดกลิ่นและไล่แมลง

- จัดทำน้ำหมักสมุนไพร เพื่อใช้ขับไล่แมลง เช่น ไรไก่ โดยราดที่บริเวณคอก และบริเวณรอบๆโรงเรือน ทำให้สัตว์มีสุขภาพดี

- การถ่ายพยาธิ และกำจัดแมลงที่มารบกวนสัตว์ จะใช้สมุนไพรรักษาด้วยตนเอง
-----------------------------------------------------------------------

จาก : (098) 315-4247 xx
ข้อความ : มีพันธุ์องุ่นแดงที่ปลูกเขตอากาศร้อนได้มั้ย แล้วปลูกทำค้างแนวด้านข้างได้ไหม อยากปลูก 2-3 งานครับ
ตอบ :
พันธุ์องุ่น :
พันธุ์ไวท์มะละกา :
มี 2 สายพันธุ์ คือ ชนิดผลกลม และผลยาว ลักษณะช่อใหญ่ยาว การติดผลดีผลมีสีเหลืองอมเขียวรสหวานแหลม เปลือกหนาและเหนียว ในผลหนึ่งๆมี 1-2 เมล็ด ช่วง เวลาหลังจากตัดแต่งกิ่งจนเก็บผลได้ประมาณ 4 เดือนครึ่ง ปีหนึ่งให้ผลผลิต 2 ครั้ง ผลผลิตประมาณ 10-15 กก. /ต้น /ครั้ง

พันธุ์คาร์ดินัล :
มีลักษณะช่อใหญ่ ผลดก ผลกลมค่อนข้างใหญ่ มีสีแดงหรือม่วงชมภู รสหวาน กรอบ เปลือกบาง จึงทำให้ผลแตกง่ายเมื่อผลแก่ในช่วงฝนตกชุก ในผลหนึ่งๆ มีเมล็ด1-2เมล็ด ช่วงเวลาหลังจากตัดแต่งกิ่งจนเก็บผลได้ใช้เวลา 3-3 เดือนครึ่ง ในเวลา 2 ปี สามารถให้ผล ผลิตได้ถึง 5 ครั้งผลผลิตประมาณ 10-15 ตัน/ต้น

พันธุ์ชีราส หรือ ซายร่า (Shiraz or Syrah) :
เป็นองุ่นที่เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนอย่างเมืองไทยให้ผลผลิตต่อไร่สูง (1 ตัน/ไร่ โดยประมาณ) และมีคุณภาพเมื่อนำมาผลิตเป็นไวน์จะได้ไวน์แดงที่มีน้ำหนักค่อนข้างเต็มเข้มข้น มีความหอมของลูกเบอร์รี่แดงชนิดต่างๆ สูง เป็นเอกลักษณ์ ซึงจะแตกต่างจากชีราสที่ปลูกในเขตหนาวซึ่งจะหนักไปทางเครื่องเทศและพริกไทยดำ ชีราสจัดเป็นพันธุ์องุ่นแดงทำไวน์ที่ปลูกมากที่สุดในไร่พีบี วัลเลย์ และในเมืองไทย

พันธุ์โคลอมบาด (Colombard) :
เป็นสายพันธุ์องุ่นขาวที่นำเข้าจากฝรั่งเศสซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ดีในเมืองไทย เดิมทีเป็นพันธุ์องุ่นที่ใช้หมักไวน์เพื่อนำมากลั่นเป็นเหล้าคอนยัคเพราะ เป็นองุ่นที่มีปริมาณกรดที่ค่อนข้างสูงแต่มีกลิ่นหอม เมื่อนำมาปลูกในเมืองไทยด้วยสภาพอากาศที่ร้อนทำให้องุ่นสุกจัด ปริมาณกรดจึงไม่มากเท่าที่ปลูกในเมืองหนาวทำให้เหมาะกับการนำมาทำไวน์ ไวน์ที่ผลิตจากองุ่นชนิดนี้จะมีรสชาติที่สดชื่น มีระดับกรดที่พอดีสมดุลย์และมีความหอมของผลไม้นานาชนิดเรียกได้ว่ามี เอกลักษณ์ใกล้เคียงกับไวน์ในเขตหนาว

พันธุ์มุสแคทบลู (Muscat Blue) :
เป็นพันธุ์องุ่นแดงที่ทนทานต่อโรค และแมลงได้ดีเยี่ยมเหมาะที่สำหรับปลูกในเมืองไทย และไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มาก เมื่อนำมาทำไวน์จะได้ไวน์แดงน้ำหนักค่อนข้างเบา และมีกลิ่นหอมของกลีบกุหลาบที่เด่นชัดเป็นเอกลักษณ์
---------------------------------------------

องุ่นไม่มีเมล็ด-องุ่นดำ เขียว แดง Seedless grape :

องุ่นเป็นไม้ผลชนิดเถาเลื้อยที่มีอายุยาวนานหลายปี สามารถปลูกได้ในสภาพภูมิอากาศหลายแบบ แต่องุ่นที่ปลูกในภาพที่มีอากาศหนาวเย็น จะมีคุณภาพสูงกว่า องุ่นเป็นไม้ผลวงศ์ Vitacea สกุล Vitis มีหลายชนิด แต่พันธุ์ที่ปลูกอยู่ในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นชนิด Vitis vinifera มีถิ่นกำเนิดในเอเซียที่มีอากาศอบอุ่น อุณหภูมิ 10-20 องศา ซ.

ในเขตอากาศกึ่งร้อนถึงร้อน สำหรับประเทศไทยเชื่อว่านำเข้ามาปลูกในสมัยรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งปี พ.ศ.2493 หลวงสมานวนกิจ ได้นำองุ่นจากแคลิฟอร์เนีย มาปลูกที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และกรมวิชาการเกษตร

ต่อมาในปี 2506 ศ.ปวิณ ปุณณศรีและคณะ ได้นำองุ่นยุโรปหลายสายพันธุ์ มาทดลองปลูกประสบความสำเร็จ และขยายผลไปสู่เกษตรกร ในเขตภาคกลางปลูกเป็นการค้าจนกระทั่งปัจจุบัน สำหรับในมูลนิธิโครงการหลวง ได้เริ่มวิจัยและส่งเสริมให้เกษตรกร ปลูกองุ่นมาเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง ที่สามารถเป็นอาชีพให้กับเกษตรกรได้ ประกอบกับสภาพภูมิอากาศ มีความหนาวเย็นเป็นข้อดี ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดีกว่าปกติ และยังสามารถผลิตองุ่นบางพันธุ์ ที่ต้องการสภาพอากาศหนาวเย็นได้

พันธุ์องุ่น พันธุ์ที่นิยมปลูกมี 3 พันธุ์ ได้แก่
พันธุ์ Beauty Perlette (สีเหลือง)
พันธุ์ Ruby Seedless (สีแดง) และ
พันธุ์ Loose Perlette (สีเหลือง)

โครงการหลวงได้ศึกษารวบรวมพันธุ์องุ่นไว้หลากหลายพันธุ์และทำการวิจัยโดยมุ่งเน้นพันธุ์รับประทานสดที่มีคุณภาพดี ปัจจุบันมีพันธุ์ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก 2 พันธุ์คือ

1. พันธุ์บิวตี้ ซีดเลส (Beauty Seedless) :
เป็นองุ่นชนิดไม่มีเมล็ด ผลกลมมีสีดำ ขนาดผลเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร เปลือกผลหนา รสชาติหวานอร่อย อายุตั้งแต่ ตัดแต่งกิ่งจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 5-6 เดือน
[
2. พันธุ์รูบี้ ซีดเลส (Ruby Seedless) :
เป็นองุ่นไม่มีเมล็ดเช่นกัน แต่ผลมีขนาดใหญ่ ลักษณะยาวรี สีแดง ช่อผลมีขนาดใหญ่ เปลือกหนากว่าพันธุ์ Beauty Seedless รสชาติหวาน กรอบ อร่อย อายุตั้งแต่ตัดแต่งกิ่งจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 6-7 เดือน

http://www.hrdi.or.th
---------------------------------------------------------------------

การทำค้างองุ่น ที่นิยมกันมี 3 แบบ :
1. การทำค้างแบบร้านสูง หรือร้านเตี้ย :
โดยใช้ไม้ระแนงตีเป็นร้านจะให้สูงหรือเตี้ยก็แล้วแต่ความต้องการหรือจะใช้ลวดตาข่ายห่างๆ ขึงก็ได้ เมื่อองุ่นออกผลพวงองุ่นจะห้อยลงมาใต้ร้าน แต่มีข้อเสียก็คือ ยากแก่การตัดแต่ง และการป้องกันโรค

2. การทำค้างแบบรั้ว :
วิธีการคือ ใช้เสาไม้หรือเสาซีเมนต์ หรือเสาเหล็กปักเป็นแถวยาว เสาต้นแรกและต้นสุดท้ายต้องแข็งแรง เพื่อเป็นตัวยึดเหนี่ยวลวดในเวลาขึงจะได้มั่นคง ส่วนเสาตรงกลางจะเล็กบางก็ได้ความสูงของเสาเมื่อปักลงไปในดินแล้วให้เหลือความสูงไว้เท่ากับความสูงของคน หรือสูงกว่าเล็กน้อยการปักเสาห่างกันประมาณ 12-15 ฟุต การขึงลวดจะขึงกี่เส้นก็ได้ แต่ลวดเส้นล่างต้องสูงกว่าพื้นดินไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร ลวดที่ใช้ขึงจะใช้ลวด เบอร์ 9 หรือเบอร์ 10 หรือเบอร์ 11 ก็ได้แต่มือองุ่นมักชอบเกาะลวดเส้นเล็กมากกว่าลวดเส้นใหญ่ หากไม่ใช้ลวดขึงจะใช้ ไม้ระแนงแทนลวดก็ได้ แต่จะสิ้นเปลืองมากว่าการใช้ลวด ข้อดี ของการทำค้างแบบรั้ว คือ สะดวกต่อการตัดแต่ง การบำรุงรักษา การป้องกันโรคและศัตรูพืช

3. การทำค้างแบบค้างเตี้ยเป็นรูปตัวที หรือรูปไม้กางเขน :
โดยใช้เสาไม้หรือเสาซีเมนต์ปักเป็นแถวให้สูงจากพื้นดิน 5-6 ฟุต ตอนบนของหัวเสาใช้ไม้ตีเป็นรูปไม้กางเขนยาว 1.00-1.20 ม. สามารถขึ้นลวดได้ 3-4 แถว เพื่อให้เถาองุ่นจับเกาะค้าง แบบนี้ใบองุ่นสามารถรับ แสงแดดได้เต็มที่ ง่ายต่อการตัดแต่งและการป้องกันโรควัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ทำค้างองุ่น ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุดังกล่าวเสมอไป จะใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ ไม้รวกก็ได้ตามความเหมาะสม ทั้งในด้านความสะดวกและการประหยัด

https://m23251.wordpress.com
------------------------------------------------------------------------

กรณีศึกษาเรื่ององุ่น :

* องุ่นที่ออสเตรเลีย (ไปเห็นกับตา จับกับมือ กินกับปาก กับต้นองุ่นฝรั่งเศส ในรายการสารคดีทาง ทีวี.) สวนยกร่องแห้ง ลูกฟูก อายุต้นนับ 100 ปี ถูกตัดแต่งกิ่งทุกปีจนลำต้นโตขนาด ลำตัวคนยังให้ผลผลิตปกติ คุณภาพดีด้วย .... องุ่นไทย ย่านสมุทรสงคราม สมุทรสาคร สามพราน นครปฐม สวนยกร่องน้ำหล่อ อายุต้น 10 ปีตาย .... วันนี้กำลังรอดูองุ่น ปากช่อง มวกเล็ก น่าน กับที่อื่นๆ สวนยกร่องแห้ง ลูกฟูก อายุต้นกว่า 10 ปีแล้ว

* ความต่างบนความเหมือนของ “ธรรมชาติสายพันธุ์องุ่น” ระหว่าง สายพันธุ์กินผลสด กับ สายพันธุ์ทำไวน์

สายพันธุ์กินผลสด :
ผลในพวง ก้านผลแต่ละผล ทุกผล ยาวออกมาจากก้านประธานโดยตรง ผลในพวงเดียวกันจึงเบียดกัน นอกจากทำให้รูปทรงผลเสียแล้ว ยังได้ผลขนาดเล็ก ผลต่อพวงน้อยลง และสิ้นเปลืงแรงงานอีกด้วย แนวทางแก้ไข คือ “ซอยผล” ให้เหลือผลในพวงน้อยลง ด้วยการใช้กรรไกเล็กๆ แทงแทรกเข้าไประหว่างผล แล้วตัดผลออก ผลที่ตัดออกนี้นำไป ทำองุ่นดองขายได้

.... ชาวสวนองุ่น สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สามพราน ต้องเลิกราสวนอุง่นเพราะ “แรงงาน” ว่ากันตั้งแต่ พรุนกิ่ง ซอยผล

.... ปัจจุบัน ชาวสวนองุ่นสายพันธุ์แบบนี้ ทำองุ่นขึ้นมาแล้วขายให้กับโรงงาน เหล้า (ไม่อยากเอ่ยชื่อยี่ห้อ กลัวเมา) รายได้ดีกว่าขายเป็นองุ่นกินสด ไม่ต้องบำรุงให้ผลใหญ่ แต่ผลจะเล็กเองตามธรรมชรติ เมื่อขนาดผลเล็ก เมล็ดก็จะใหญ่ โรงงานทำเหล้าชอบองุ่นลูกเล็กเมล็ดใหญ่ งานนี้ ประหยัดปุ๋ย ประหยัดแรงงาน

....ไวน์ทั่วโลก ใช้องุ่นสายพันธุ์นี้
.... ชื่อเหล้า “ไวน์” ต้องทำจากองุ่นเท่านั้น ทำจากผลไม้อื่นแล้วมีแอลกอฮอร์เป็นเหล้า ไม่เรียก “ไวน์” แต่จะเรียกเหล้าอะไรก็ว่าไป

.... ไวน์ทำจากองุ่น หมักในถังไม้โอ๊ค อยู่ในถ้ำ ควบคุมอุณหภูมินาน 3-4 ปี ไม่ต้องกลั่น เอามากินได้เลย
.... เหล้าที่ทำจากองุ่น ที่สามพราน ไม่ใช่ไวน์แต่ป็นเหล้า เพราะมีการกลั่น (เอาองุ่นไปหมักตามกรรมวิธี เหมือนหมักข้าวเหนียว ได้แอลกอฮอร์แล้วเอาไปกลั่น)

สายพันธุ์ทำไวน์ :
ผลในพวง ก้านผลแต่ละผล ทุกผล มีก้านเฉพาะผล ยาวออกมาจากก้านประธานโดยตรง ผลในพวงเดียวกันจึงไม่เบียดกัน นอกจากทำให้รูปทรงที่ดีแล้ว ยังได้ ผลขนาดใหญ่ จำนวนผลต่อพวงมาก และไม่สิ้นเปลืองแรงงานอีกด้วย

.... สวนองุ่นรุ่นใหม่ ปากช่อง มวกเหล็ก น่าน และที่อื่นๆ เลือกปลูกสายพันธุ์ประเภทนี้แล้วทั้งนั้น
.... องุ่นกินผลสดต่างประเทศ ใช้สายพันธุ์นี้ทั้งนั้น

* ม.แม่โจ้ โครงการปลูกองุ่นในเข่งพลาสติกสาน ขนาดปากกว้าง 50 ซม. ปัจจุบันไปถึงไหน ไม่ทราบ ไม่มีรายงานผล

* หลังปลูกช่วงแรกๆ ที่กล้าเริ่มเจริญเติบโตให้มีหลักสำหรับนำต้นขึ้นค้าง ระหว่างที่ต้นไต่หลักขึ้นไปนั้นช่วงแรกองุ่นไม่มีมือเกาะก็ให้ใช้เชือกรัดเถา (ลำต้น) หลวมๆ แนบกับหลักเพื่อไม่ให้ต้นคดงอจนกว่ายอดจะขึ้นถึงค้าง และเมื่อโตขึ้นจะมีมือเกาะซึ่งก็ยังต้องใช้เชือกรัดเถา (ลำต้น) เพื่อไม่ให้ลำต้นคด

* ระหว่างที่ต้นโตสูงเกาะหลักขึ้นไปเรื่อยๆนั้นจะมียอดใหม่แตกออกจากข้อตามลำต้นตลอดเวลาก็ให้หมั่นเด็ดยอดใหม่เหล่านี้ทิ้ง เพื่อให้ต้นส่งน้ำเลี้ยงไปยังยอดอย่างเดียว

* เมื่อยอดขึ้นถึงค้างแล้วให้ตัดยอดประธาน จากนั้นองุ่นจะแตกยอดใหม่ 2-3 ยอดจากตาใต้รอยตัดเป็นกิ่งชุดแรกหรือกิ่งประธาน เมื่อกิ่งประธานนี้ยาวขึ้นให้จัดระเบียบให้ชี้ไปทางทิศที่กำหนดไม่ให้ทับซ้อนกับกิ่งข้างเคียงด้วยการผูกกับค้าง

* ระหว่างที่กิ่งประธานยาวไปเรื่อยๆ บนค้างก็ยังมีกิ่งแขนงแตกออกมาอีกตามข้อแทบทุกข้อก็ให้เลี้ยงกิ่งแขนงนี้ร่วมไปด้วย จนกระทั่งกิ่งประธานยาว 80 ซม. - 1 ม. ให้ตัดยอดของกิ่งประธานพร้อมกับตัดกิ่งแขนงทิ้งกิ่งเว้นกิ่ง โดยตัดชิดผิวกิ่งประธานเพื่อทำให้พื้นที่บนค้างโปร่ง

หลังจากตัดยอดกิ่งประธานและตัดกิ่งแขนงบางส่วนทิ้งไปแล้ว ให้พิจารณาจำนวนกิ่งแขนงว่ามีมากจนเต็มพื้นที่ค้างแล้วหรือยัง ถ้ามีเต็มแล้วพอเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงได้ แต่ถ้ายังมีพื้นที่บนค้างว่างก็ให้ตัดยอดของกิ่งแขนงอีกเมื่อกิ่งแขนงนั้นยาว 80 ซม. - 1 ม. กิ่งแขนงกิ่งใดถูกตัดยอดกิ่งแขนงกิ่งนั้นจะแตกยอดใหม่ออกมาจากตาตามข้อทุกข้อก็จะทำให้ได้จำนวนกิ่งเพิ่มขึ้น

ถ้าไม่ตัดยอดนอกจากทำให้การแตกยอดใหม่ช้าแล้ว ยอดจะไม่มีความสมบูรณ์ ไม่อวบอ้วน และให้ผลผลิตไม่ดี

หลังจากได้จำนวนกิ่งจนเต็มพื้นที่ค้างแล้วก็ให้เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงเพื่อเอาผลผลิตต่อไปได้
-----------------------------------------------------------------------

การบังคับองุ่นนอกฤดู :

1. หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเสร็จแล้ว เกษตรกรควรปล่อยให้ต้นองุ่นโทรมประมาณ 15-30 วัน แล้วจึงใส่ปุ๋ย โดยในตอนแรกใส่ปุ๋ยคอก พร้อมทั้งปุ๋ยน้ำทางใบสูตรที่มีตัวกลางสูง เช่น สูตร 11-22-11 ฉีดพ่น 1 ครั้ง พร้อมทั้งเตรียมลอกเลนขึ้นจากท้องร่อง และตบแต่งคันร่องเพื่อรอการตัดแต่งกิ่ง

2. การตัดแต่งกิ่งองุ่นจะตัดเอากิ่งแขนงหรือกิ่งสาขาให้สั้นลง และให้มีตาองุ่นบนกิ่งแก่ และตัดกิ่งที่แพร่กระจายทับกันออก โดยให้เหลือตาองุ่นไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นพันธุ์ไวท์มะละกาให้มีตาเหลือไว้ประมาณ 5-7 ตาต่อกิ่ง แต่ถ้าเป็นพันธุ์คาร์ดินัล ให้เหลือแค่ 3-5 ตาต่อกิ่งเท่านั้น

3. เมื่อตัดแต่งกิ่งเสร็จเกษตรกรควรให้ปุ๋ยน้ำที่มีธาตุอาหารหลัก คือ เอ็น พี เค ให้สูตรตัวหน้าสูง เพื่อช่วยเร่งตาองุ่นให้ออกเร็วขึ้น เช่น ใช้สูตร 20-10-10 หรือสูตรอื่นที่ใกล้เคียงกันในอัตรา 70 กก. /ไร่ หรือขนาดร่อง 5 ตร.ว. /ปุ๋ย 10 กก. โดยหว่านให้ทั่วทั้งร่อง การใส่ปุ๋ย ควรเลือกเวลาตอนบ่ายหรือตอนเช้าในขณะที่แสงแดดไม่แรงมากนัก หลังจากหว่านปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำเพื่อให้ปุ๋ยละลายและรากขององุ่นจะดูดซึมเพื่อไปเลี้ยงลำต้นได้เร็วขึ้น

4. ในระยะ 2-3 วันแรกหลังตัดแต่งกิ่งสำเร็จ ให้เกษตรกรฉีดปุ๋ยน้ำทางใบสูตร คือ กลางสูง เช่นสูตร 11-22-11 และอาหารเสริมทางใบ เพื่อเร่งให้องุ่นแทงช่อดอกออกมาพร้อมกับใบ โดยทำการฉีด 5-7 วันต่อครั้ง การฉีดพ่นปุ๋ยทางใบให้กับองุ่นนั้นจะมีประสิทธิภาพดีกว่าการให้ทางดิน และเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายเกษตรกรอาจจะผสมยาฆ่าแมลงและยาป้องกันกำจัดโรคราลงได้ด้วยก็ได้

5. หลังจากที่ได้ตัดแต่งกิ่งประมาณ 15-20 วัน ตาขององุ่นก็จะแตกใบใหม่ออกมาให้เห็น ถ้าเป็นฤดูร้อนและในฤดูฝนตาจะแตกเร็วกว่าประมาณ 15 วัน แต่ถ้าเป็นฤดูหนาว ตาจะแตกใบอ่อนช้าออกไปอีกประมาณ 20 วันขึ้นไป และโดยธรรมชาติขององุ่นเมื่อตาแตกใบอ่อนออกมาแล้ว ช่อดอกจะแทงออกมาด้วย ในขณะที่ดอกองุ่นกำลังบานหรือติด เกษตรกรอาจเด็ดตาดอกที่ไม่มีดอกทิ้งก็ได้ เพื่อไม่ให้องุ่นมีใบมากในช่วงนี้

6. หลังจากที่องุ่นแทงช่อดอกออกประมาณ 16-17 วัน เกษตรกรอาจจะเพิ่มคุณภาพขององุ่น โดยใช้ฮอร์โมน จิบเบอเรลลิน, เอ็นเอเอ. หรืออาหารเสริมทางใบ เพื่อยืดช่อดอกองุ่นให้ยาวใหญ่ขึ้น แต่การใช้ฮอร์โมนยืดช่อดอก เกษตรกรจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และต้องรู้จักวิธีการใช้ เพราะหากใช้ผิดพลาดแล้วจะเกิดผลเสียหายต่อดอกและผลองุ่น เช่น ดอกยาวเกินไป ดอกร่วง หรือทำให้องุ่นไม่ติดผลได้

7. เมื่อองุ่นติดผล การปฏิบัติดูแลรักษาตามปกติ และโดยเฉพาะการฉีดยาป้องกันกำจัดโรค แมลง จะต้องกระทำสม่ำเสมอ อาทิตย์ละครั้ง หรืออาจจะฉีดพร้อมกับการให้อาหารเสริมทางใบด้วยก็ได้ จนกระทั่งผลองุ่นโตเต็มที่ เพื่อรอการเก็บเกี่ยวผลต่อไป

http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7e29f25fb14396d1

------------------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©