-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 25APR *สารสมุนไพร (51), เลี้ยงจิ้งหรีด
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 25APR *สารสมุนไพร (51), เลี้ยงจิ้งหรีด

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 25/04/2016 10:37 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 25APR *สารสมุนไพร (51), เลี้ยงจิ้ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตทางรายการวิทยุ 25 APR

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) และ 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...

* บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

http://kasate.site88.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1
* ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

http://www.mysuccessagro.com
* บ.มายซัคเซส อะโกร---ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
7) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)


----------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)

มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......

------------------------------------------------------------------------



สารสมุนไพร (51)
การทำ .... สมุนไพรกำจัดแมลงศัตรูพืช ! !

สมุนไพรป้องกัน-กำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
ส่วนประกอบที่สำคัญ

1. เปลือกต้นซาก 1 ส่วน
2. บอระเพ็ด 1 ส่วน
3. น้ำสะอาด
วิธีการทำ
นำเปลือกต้นซาก และบอระเพ็ดมาหั่นหรือทุบเพื่อให้ง่ายต่อการหมัก จากนั้นนำลงใส่ถัง แล้วเติมน้ำพอท่วม หมักพักไว้ 12 ชั่วโมง หรือ 1 คืน เมื่อครบกำหนดระยะการหมักสามารถดึงออกมาใช้ได้เลย โดยอัตราการนำไปใช้ประมาณ น้หมัก 2 ช้อนโต๊ะ นำไปผสมกับน้ำ 20 ลิตร อาศัยการฉีดพ่นในช่วงเช้าและเย็น ฉีดพ่นทุกๆ 15 วัน เพื่อป้องกันแมลงมากัดกินเมล็ดพันธุ์ จากนกหรือแมลงต่างๆ ที่เข้ามากวนในแปลงนา สามารถที่จะทำได้ตั้งแต่เบื้องต้นโดยวิธีการที่ใช้คือ การนำเมล็ดพันธุ์มาแช่กับน้ำบอระเพ็ดที่ทุบแช่น้ำไว้

หมายเหตุ :
เปลือกต้นซากมีฤทธิ์ทำให้แมลงถ่ายท้อง และตายไปในที่สุด

ข้อมูลจาก : คุณวรชาติ ริรา บ้านเลขที่ 21 หมู่ 7 ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี
แหล่งที่มาของข้อมูล : ศูนย์ทางด่วนข้อมูลการเกษตร *1677 เครือข่ายสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จ.ชัยนาท

http://www.kasetporpeangclub.com/ckf...cal/malang.jpg


บอระเพ็ด :

ใช้บอระเพ็ด กำจัดเพลี้ยแป้ง
สูตรการกำจัดเพลี้ยแป้งด้วยบอระเพ็ด :
ส่วนผสม

1. บอระเพ็ด
2. ยาฉุน (ใบยาสูบ)
3. น้ำยาล้างจาน (ใช้เป็นสารจับใบ)
วิธีทำสมุนไพรกำจัดเพลี้ยแป้ง :
1. นำบอระเพ็ดมาหั่นเป็นท่อน ยาวพอประมาณ จากนั้นนำไปให้แห้ง (สังเกตุดูจากความหนืดเหนียวของเถาที่ถูกตำ)

2. นำบอระเพ็ดที่ตำแหลกแล้วไปหมักกับน้ำเปล่า ใช้อัตราส่วนบอระเพ็ด 1 กก. ต่อน้ำ 20 ลิตร หมักทิ้งไว้จนได้น้ำเมือกเหนียว (ไม่จำกัดเวลา ให้สังเกตุดูว่าน้ำหมักที่ได้มีความเหนียวหนืดเมื่อไหร่ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย) เพื่อให้สารในบอระเพ็ดละลายออกมา

3. ผสมยาสูบลงไปในน้ำละลายบอระเพ็ดที่เตรียมได้ ประมาณ 1-2 กำมือ คนให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที

4. ก่อนนำน้ำหมักบอระเพ็ดที่เตรียมได้ไปใช้ ควรผสมกับน้ำยาล้างจาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจับติดตัวแมลงหรือพื้นที่ผิวของใบพืช และควรนำน้ำหมักที่ได้ไปผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางความเข้มข้นของน้ำสมุนไพร (กะความเข้มข้นพอประมาณ) ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้กับพืชหากใช้ในปริมาณที่เข้มข้นมากเกิน ไป

สารกำจัดแมลงศัตรูพืชที่สกัดได้จากสมุนไพรนั้นจะให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้สด กล่าวคือ นำมาตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำ หรือนำไปต้มกับน้ำให้ได้ความเข้มข้น และก่อนนำไปใช้กับพืชควรทำการผสมน้ำสกัดที่ได้กับน้ำเปล่าก่อนทุกครั้ง โดยใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 20 ลิตร การใช้สารนั้นจะใช้การฉีดพ่นหรือให้ไปกับระบบน้ำในตอนเย็นเท่านั้น และควรฉีดพ่นซ้ำทุกๆ 2-3 วัน เพื่อให้เกิดผลดีสุด และไม่ทำให้แมลงเกิดการดื้อยา

การใช้สารที่ความเข้มข้นสูงเลยในทันที นอกจากจะทำให้พืชใบไหม้เสียหายได้แล้ว ยังทำให้แมลงเกิดการดื้อยาได้ง่ายอีกด้วย หาก
การใช้ในครั้งแรกทำไม่ถูกหลักการ และคุมแมลงไม่อยู่
---------------------------------------------------------------------

ตะไคร้หอม :

ใช้ตะไคร้หอม ใบและต้นมีกลิ่นหอมฉุนจัด มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ในส่วนของใบ และลำต้น ใช้กำจัดและขับไล่แมลงได้
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ : เหง้า และ ต้น
สารสำคัญ : น้ำมันหอมระเหย ประกอบด้วย d-cutronellal และ geraniol ซึ่งมีคุณสมบัติในการแต่งกลิ่นน้ำหอมและขับไล่แมลง
ประโยชน์ : ด้านเกษตร ใช้ทำยา ป้องกันกำจัดแมลง และล่อแมลงวันตัวผู้
วิธีใช้ตะไคร้หอมกำจัดแมลง :
วิธีที่ 1 :
น้ำมันของต้นตะไคร้หอม ใช้ผสมกับน้ำมันอื่นๆ ฉีดพ่นไล่แมลงศัตรูพืช
วิธีที่ 2 : ใช้ใบสดที่แก่จัดผสมกับหัวข่าสด และใบสะเดาสด จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด ใช้ในอัตรา 4:4:4 กก. แช่ในน้ำ 2 ปี๊บ หมักทิ้งไว้ 1 คืน กรองเอาเฉพาะน้ำมาเป็นหัวเชื้อ เมื่อจะนำมาใช้ ให้ใช้หัวเชื้อที่หมักได้ ในอัตรา 10 ช้อนแกง ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นกำจัดแมลงในพืชผัก ข้าว และ ไม้ผลบางชนิด เช่น ส้มเขียวหวาน ได้ผลดี

วิธีที่ 3 :
นำใบแห้ง มาใช้รองพื้นยุ้งฉาง จะช่วยลดการเข้าทำลายของมอดข้าวเปลือก หรือรองไว้ในรังไก่ จะช่วยทำให้ไม่มีไรไก่มารบกวน

วิธีที่ 4 :
โดยปลูกตะไคร้หอมใต้ต้นไม้ผล หรือในแปลงผักเป็นระยะ ๆ เมื่อถึงช่วงมืดค่ำก็ใช้ ไม้ฟาดที่ต้นตะไคร้หอม เพื่อให้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยออกมา กลิ่นจะฟุ้งกระจายไป ในอากาศ ช่วยขับไล่ผีเสื้อกลางคืน ไม่ให้มาวางไข่

วิธีที่ 5 :
สูตรกำจัดหนอน นำเหง้าและใบตะไคร้หอมมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วบดให้ละเอียดประมาณ 5 ขีด นำไปผสมกับน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำไปใช้ฉีดพ่นกำจัดหนอนที่รบกวนในแปลงพืช ก่อนนำไปใช้ให้ผสกับสารจับใบ เช่น สบู่ แชมพู เป็นต้น
--------------------------------------------------------------------

จาก : (092) 726-33xx
ข้อความ : อยากให้ลุงคิมเล่าเรื่องเลี้ยงจิ้งหรีดขายแล้วได้เงินได้ทอง ถ้าเป็นจิ้งหรีดอกหัก แบบที่ไร่กล้อมแกล้ม ไม่เอาครับ .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
CASE STUDY กรณีศึกษา :
1. ที่นครนายก เลี้ยงกบในบ่อคอนกรีต ต้นทุนค่าทำบ่อ (ตัวบ่อ พื้น) คอนกรีตขนาด กว้าง 2 ม. สูง 1 ม. ยาว 20 ม. จำนวน 20 บ่อ ราคาบ่อละ 25,000 รวมเป็นเงิน 500,000 กู้มาจาก ธ.ก.ส. ไม่รวมแค่แรง เลี้ยงกบได้ 3 รุ่น โดนกบดีด เลิกเลี้ยง เหลือบ่อคอนกรีตเป็นอนุ สาวรีย์

2. ที่บางกรวย นนทบุรี เลี้ยงกบในกระชังสี่เหลี่ยมผืนผ้า กระชังทำด้วยตาข่ายไนล่อน ขนาดกว้าง 1.20 ม. สูง 1.50 ม. ยาว 10 ม. ก้นกระชังปิดสนิทป้องกันกบออก หลังคาปิดสนิทป้องกันนก คลุมทับด้วยทางมะพร้าวป้องกันแดด ลอยน้ำในร่องสวน ในกระชังมี โฟมสีขาวลอยน้ำคลุมพื้นที่น้ำ 3 ใน 4 เพื่อให้กบขึ้นมาอาบแดดและกินอาหาร 1 กระชังเลี้ยงกบได้ 200-250 ตัว เลี้ยงกบได้กำไรก็เลี้ยงไป ถ้าขาดทุนจะเลิกเลี้ยงก็รื้อกระชัง เอาตาข่ายคลุมหัว โห่แบบทาร์ซานออกมาจากสวนได้ ไม่เหลืออะไรเป็นอนุสาวรีย์ให้มะเร็งกินอารมย์

จากกบมาจิ้งหรีด ก่อนทำต้องคิด คิดกว้างไกลลึกทุกมิติ อย่าโลภ อย่าหลงกระแสร :

จี้งหรีด .... เลี้ยงในวงปูน ปูพื้นคอนกรีต เสาคอนกรีต โครงเหล็ก หลังคากระเบื้อง ผนังข้างก่ออิฐถือปูน ติดพัดลมดูดอากาศ ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น ต้นทุนเท่าไหร่ ?

วันดีคืนดี เป็นจิ้งหรีดอกหัก เลิกเลี้ยง แล้วจะเอาคอนกรีตที่สร้างไว้นี้ไปทำอะไร

ที่ RKK แก้วมังกรให้ผลผลิตละครั้ง เลิกปลูก เปลี่ยนเป็นส้มเขียวหวาน บอกยกหลักคอนกรีต หน้า 4 นิ้ว ให้ฟรี คนจะเอาบอกว่า ค่ารื้อถอนแพงกว่าซื้อใหม่ ..... จ๋อยเลยเรา
โรงเรือนจิ้งหรีดแบบพอเพียง :
- สร้างโรงเลี้ยงต่อขยายจากข้างบ้าน ขนาดตามความจำเป็น
- เสาไม้ไผ่ หรือไม้ยูคา
- หลังคาหญ้าแฝก หรือจาก เพื่อลดความร้อน
- ผนังโรงเรือน ช่วงล่างปิดด้วยตาข่ายลวดแข็งแรง ป้องกันหมา ช่วงบนใช้ตาข่ายไนล่อน ประหยัดต้นทุน

คอกพลาสติกแทนวงปูน :

- ปรับพื้นดินเรียบ ปูด้วยทรายหยาบหรือลูกรัง มีระบบป้องกันน้ำเข้า
- ทำคอกเลี้ยงสี่เหลี่ยม ใช้ไม้หลักปัก 2 แถวซ้ายขวา สูงจากพื้น 50 ซม. ยาว 5-10-15 ม. ตามความต้องการ แต่ละหลักห่างกัน 80 ซม.
- ใช้พลาสติก (คุลมแปลงปลูกพืช) ล้อมเสาไม้หลัก ยึดติดเสาให้แข็งแรง ซ้ายขวาและหัวท้าย เป็นคอกสี่เหลี่ยมทางยาว
- ใช้พลาสติกตัวเดียวกัน ทำเป็นแผงขนาดกว้างยาวพอดี กั้นพื้นที่คอกยาวเป็นช่องๆ (ระหว่างเสา) ช่องละ 80 ซม. ทำน้าที่เสมือนวงปูนคอนกรีต
- ปูพื้นด้วยหญ้าแห้ง กาบมะพร้าว วางถาดเก็บไข่สดซ้อนกัน มากน้อยตามความเหมาะสม
- ใช้ตาข่ายไนล่อน ติดขอบไม้ เป็นฝาปิดด้านบน

หมายเหตุ :

บ่อน้ำพลาสติก เขมรอพยบ อรัญญประเทศ ขุดบ่อขนาด (กว้าง ยาว ลึก) ตามต้อง การ ปรับเรียบผนังบ่อ แล้ว ปูพื้น/บุข้าง/ปิดบน ด้วยพลาสติที่สหประชาชาติแจก (ซื้อในไทย) ใส่น้ำลงไปให้เต็ม .... นี่คือ ประโยชน์/ประสิทธิภาพ/ต้นทุน ของแผ่นพลาสติก
-----------------------------------------------------------------------

พันธุ์จิ้งหรีด

จิ้งหรีดที่พบในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มี 5 ชนิด
1. จิ้งหรีดดำ : ลำตัวกล้างประมาณ 0.70 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. ตามะรรมชาติมี 3 สี คือ สีดำ สีทอง สีอำพัน โดยลักษณะที่เด่นชัดคือ จะมีจุดสีเหลืองที่โคนปีก 2 จุด

2. จิ้งหรีดทองแดง :
ลำตัวกว้างประมาณ 0.60 ซม. ยาวประมาณ 3 ซม. มีลำตัวสีน้ำตาล เพศผู้มีสีเข้มกว่าเพศเมีย ส่วนหัวเหนือขอบตารวมด้านบนแต่ละด้านมีแถบสีเหลือ มองดูคล้ายหมวกแก๊ป มีความว่องไวมาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกจิ้งหรีดนี้เป็นภาษาถิ่นว่า จินาย อิเจ๊ก จิ้งหรีดม้า เป็นต้น

3. จิ้งหรีดเล็ก :
มีขนาดเล็กที่สุด สีน้ำตาล บางท้องที่เรียกว่า จิลอ จิ้งหรีดผี หรือ แอ้ด เป็นต้น ลักษณะคล้ายจิ้งหรีดพันธุ์ทอดแดง แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยขนาดประมาณหนี่งในสามของจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดง

4. จิ้งโก่ง :
เป็นจิ้งหรีดขนาดใหญ่ สีน้ำตาล ลำตัวกว้างประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 3.50 ซม. ชอบอยู่ในรูลึก โดยจะขุดดินสร้างรังอาศัยได้เอง และพฤติกรรมชอบอพยพย้ายที่อยู่เสมอ มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น จิโปม จิ้งกุ่ง เป็นต้น

5. จิ้งหรีดทองแดงลาย :
มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีปีกครี่งตัว และชนิดที่มีปีกยาวเหมือนจิ้งหรีดทั่วไป ตัวเต็มวัยสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวกว้างประมาณ 0.53 ซม. ยาวประมาณ 2.5 ซม. ตัวเต็มวัยเหมือนพันธุ์ทองดแดงแต่เล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง
http://pasusat.com
------------------------------------------------------------------------

อาหารจิ้งหรีด :

ใบสำปะหลัง อาหารไก่เล็ก อาหารปลา รำละเอียด ผักกาด กะหล่ำ หญ้าขน หญ้าลูซี่ หญ้าอ่อนทุกชนิด ผักตบชวา มะละกอ
-----------------------------------------------------------------------

วงจรชีวิตจิ้งหรีด
- ระยะไข่ :
รูปร่างยาวเรียว คล้ายเมล็ดข้าวสาร สีน้ำตาลอ่อน ความกว้างของไข่ 5.1 มม. ความยาว 2.38 มม.

- ระยะตัวอ่อน :
ลำตัวสำน้ำตาลปนเหลือง ฟักออกจากไข่ช่วงแรกยังไม่มีปีก จะเริ่มมีตุ่มปีกในเมื่อถึงกลางวัยอ่อน พอลอกคราบ 8 ครั้ง จึงเข้าสู่วัยแก่ (รวมอายุวัยอ่อนระหว่าง 42 – 55 วัน)

- ระยะตัวเต็มวัย :
มีปีก 2 คู่ เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่น มีหนาม ไว้ทำเสียง เพศเมีย มีปีกเรียบ และมีเข็มวางไข่อยู่ส่วนท้ายของลำตัว อายุวัยแก่ประมาณ 38-49 วัน
- การผสมพันธุ์ : ตัวเต็มวัยอายุ 3-4 วัน จะเริ่มผสมพันธุ์ตัวผู้จะขยับปีกคู่หน้าถูกันให้เกิดเสียงหลายจังหวะ หลายสำเนียงในการสื่อสารความหมายต่างๆ สำหรับการผสมพันธุ์จะเกิดตลอดช่วงอายุตัวเต็มวัย โดยตัวเมียจะขึ้นคร่อมบนหลังตัวผู้

- การวางไข่ :
ตัวเมียเริ่มวางไข่เมื่อผสมพันธุ์ผ่านไป 3-4 วัน แบ่งการวางไข่เป็น 5 รุ่น วางไข่ได้เฉลี่ย 1,200 - 1,700 ฟอง/จีง โดยวางไข่ไว้ใต้ดิน และฟักออกเป็นตัวเมื่อไข่อายุครบ 7 วัน ผลผลิต เลี้ยง 1 บ่อ จะให้ลูกจิ้งหรีดในวัยที่สามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 5 กก./บ่อ/รุ่น

http://www.thairath.co.th/content/edu/328101
-----------------------------------------------------------------

“สงสัยกันมาก ทำไมคนถึงหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดกันมาก ก็จิ้งหรีดมีสารอาหารโปรตีนสูง ที่สำคัญปลอดสารพิษคนเลยนิยมกิน แถมเลี้ยงง่ายไม่ต้องลงทุนมาก” ลุงชร พวงมารา บ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เล่าว่า จากแต่ก่อนมีอาชีพทำเฟอร์นิเจอร์ แต่พอวัยชรามาเยี่ยมเยือน ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าแก่มากแล้วเลยแนะให้ทำงานเบาๆ...

เลี้ยงจิ้งหรีด และปลูกผักปลอดสารพิษในกระถางส่งขายที่ศูนย์บ้านเขาดิน เศรษฐกิจพอเพียง “โครงการอบรมฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพ” ที่ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้การสนับสนุน ปรากฏว่า เลี้ยงจิ้งหรีดดีกว่า ปลูกผัก การเลี้ยงสิ่งสำคัญสุด โรงเรือน และ บ่อเลี้ยง อากาศต้องถ่ายเทและเย็น...

การเลี้ยงจะเริ่มตั้งแต่เอาไข่จิ้งหรีดในขันดินที่มีถุงพลาสติกมัดครอบให้อุณหภูมิเหมาะกับการฟักไข่ มาวางในบ่อ 15 วัน ตัวอ่อนจะเริ่มออกจากไข่ ถึงจะเปิดถุงพลาสติกให้จิ้งหรีดน้อยออกมาเดินเล่น จากนั้นเตรียมอาหาร ใช้รำข้าว 50 กก. ผสมกับอาหารไก่วัยอ่อน 1 กระสอบ ราคา 400 บาท เพียงแค่นี้เลี้ยงได้ 2 เดือน...ตักใส่ถาดวางกับพื้น พร้อมถาดน้ำที่ต้องใส่ก้อนหิน ให้จิ้งหรีดปีนป่าย กันตกลงไปจมน้ำตาย วันไหนอากาศร้อน จะต้องฉีดน้ำเพิ่มความเย็นจะช่วยให้จิ้งหรีดโตไว และเก็บผัก ใบมะละกอ ฟักทอง ใบรางจืด ใบเตย ใบข่า ใบกะเพราให้กินบ้าง เพราะจิ้งหรีดชอบกัดกินใบพืชสดๆ เป็นธรรมชาติ เลี้ยงไปได้ 22-25 วัน จะเริ่มได้ยินเสียงร้อง แสดงว่าพร้อมที่จะวางไข่ จะเอาดินเลี้ยงจิ้งหรีด ราคากระสอบละ 55 บาท มาตักใส่ขันให้เต็ม จะได้ประมาณ 45 ขัน วางบนพื้นบ่อ ทิ้งไว้ 2 คืน...

เอาถุงพลาสติกมาสวมคลุมขันและมัดไว้ ส่วนหนึ่งแบ่งขายให้คนอื่นเอาไปเลี้ยง ในราคาขันละ 50 บาท...

อีกส่วนแบ่งไว้เลี้ยงต่อ ส่วนตัวพ่อแม่ที่อยู่ในบ่อ จับขายได้ กก.ละ 100 บาท และเพื่อ ให้มีรายได้ทุกวัน ลุงชรแนะนำให้แบ่งพื้นที่โรงเรือน เป็น 7 บ่อ เพื่อจะได้มีจิ้งหรีดจับขายได้ทุกวัน...

ทำได้อย่างนี้ เลี้ยงเล่นๆ แก้เหงาเดือนหนึ่งมีรายได้เฉียดหมื่นเลยทีเดียว...

สนใจจะทำบ้าง สอบถามกันที่ 08-6139-5234. เพ็ญพิชญา เตียว ขอบคุณบทความจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/edu/328101
http://www.kroobannok.com
---------------------------------------------------------------

'ตุ๊กแก-จิ้งหรีด' ขายได้รายได้ดี :

ชาวกระบี่เลี้ยง 'ตุ๊กแก-จิ้งหรีด' สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นกอบเป็นกำ ด้านเจ้าของฟาร์มระบุตุ๊กแกห้อยหัว เป็นการบริหารร่างกายเท่านั้น

นางอารีย์ เดชรักษา วัย 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 242 หมู่ 2 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ เลี้ยงตุ๊กแกไว้จำนวนมาก และได้เลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อให้ตุ๊กแกกินเป็นอาหาร เป็นเวลา 1 ปี โดยนางอารีย์ บอกว่า สาเหตุที่ตนหันมาเลี้ยงตุ๊กแก เนื่องจากบุตรสาวซึ่งทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน และแนะนำให้เลี้ยง เพราะสามารถขายได้ในราคาแพง จึงได้ออกตระเวนหาซื้อตุ๊กแกจากชาวบ้านในราคาตัวละ 300-500 บาท จนปัจจุบันมีตุ๊กแกที่เลี้ยงไว้กว่า 50 ตัว แต่ละตัวมีน้ำหนักตั้งแต่ 1-3 ขีด และได้ขนาดตามต้องการแล้ว แต่ยังไม่ถึงกำหนดส่ง

หลังจากเลี้ยงตุ๊กแกโดยเลี้ยงไว้ในกรงก็ให้อาหารเป็นตัวด้วง แต่ตัวด้วงนั้นราคาแพงมากกิโลกรัมละ 300 บาท ก็มีผู้แนะนำว่าให้เลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อให้ตุ๊กแกกิน จึงได้ไปซื้อพ่อแม่พันธุ์มาจากแถบภาคอีสาน เอามาเลี้ยงเมื่อประมาณ 8 เดือนก่อน จิ้งหรีดที่เลี้ยงไว้ก็ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว มีจำนวนมากเกินกว่าที่ตุ๊กแกจะกินหมด จากนั้นเมื่อมีคนทราบข่าวว่าเลี้ยงจิ้งหรีดก็มีผู้มาขอซื้อในราคากิโลกรัมละ 300 บาท จึงได้ขายไปและมีการสั่งเข้ามาจำนวนมาก จนจิ้งหรีดไม่เพียงพอตามความต้องการในปัจจุบัน สร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี ตกเดือนละกว่า 5,000 บาท การเลี้ยงตุ๊กแกและจิ้งหรีดถือเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้พอสมควร ซึ่งหลังจากเลี้ยงมาระยะหนึ่งก็เริ่มที่จะผูกพันคิดว่าอาจจะเลี้ยงไว้ดูเล่น แต่ก็คงจะขายไปบ้างบางตัวเมื่อได้ขนาดที่พอดีและราคาดี

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าตุ๊กแกห้อยหัวยกมือไหว้นั้น จากการที่ได้สัมผัสกับตุ๊กแกมา 1 ปี ก็พบเห็นตุ๊กแกห้อยหัวบ่อยครั้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนสาเหตุที่ตุ๊กแกห้อยหัว เพราะเป็นการบริหารร่างกายของตุ๊กแก สาเหตุอีกอย่างหนึ่งคือ ตุ๊กแกมีแผลที่เท้าหน้า ก็จะห้อยหัวเพื่อให้แผลหาย เช่น ตุ๊กแกตัวหนึ่งของตนเป็นแผลที่เท้าหลังก็จะเกาะห้อยเท้าหลังเหมือนยกมือไหว้ แต่ไหว้ด้วยเท้าหลังเท่านั้น

http://www.komchadluek.net
--------------------------------------------------------------------

แมลงสด กำไรดีที่ตลาดคลองเตย :

คุณสาครเล่าให้ฟังว่า เป็นคนจังหวัดศีรษะเกษ เธอเป็นน้องสาวของคุณอุ่นเรือน บุญด้วง แมค้าแมลงรายใหญ่ในตลาดคลองเตย ซึ่งเธอมาขายแมลงสดรับช่วงต่อจากพี่สาวที่นี่ได้ประมาณ 5-6 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เธอเคยขายผักขายปลา แต่ระยะหลังขายไม่ค่อยดี ผนวกกับช่วงนั้นแมลงกำลังขายดี และลงทุนไม่มากก็เลยมาลองขายดู

เธอเล่าด้วยว่า ช่วงเที่ยงคืนพี่เขยกับพี่สาวจะเป็นคนไปรับซื้อแมลงมาส่งให้และขายไปจนถึงตี 3 พอถึงตี 4 เธอก็มารับช่วงต่อ เมื่อก่อนแมลงถูกกว่านี้มากเฉลี่ยประมาณ 80-100 บาท แต่ปัจจุบันแมลงเริ่มติดตลาดแล้วทำให้ราคาขยับสูงขึ้นมาก เนื่องจากหายากขึ้น และแมลงในธรราชาติมีจำนวนลดลง แหล่งรับซื้อหลักๆของเธออยู่ที่ตลาดโรงเกลือ

สำหรับแมลงที่คุณสาครรับมาขายเป็นประจำได้แก่ จิ้งหรีด จิ้งโกร่ง แมลงดานา และอื่นๆ แรกขาย เธอบกว่ามีเงินลงทุนน้อย โดยมีเงินลงทุนเพียยงแค่ 5,000-10,000 ซึ่งจะซื้อแมลงได้แค่ 50-60 กิโลกรัมเท่านั้น ต่อมาจึงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพราะซื้อน้อยจะไม่คุ้มทุน

พูดถึงรายรับเราจะเอารายได้ช่วงหน้าแล้งมาถัวเฉลี่ยกับรายได้หน้าฝน เพราะหน้าแล้งจะขายได้เยอะและขายดีกว่า ปกติหน้าแล้งกลางวันจะขายได้ วันละ 30,000-40,000 บาท กลางคืน 30,000-50,000 บาท ส่วนหน้าฝนขายได้วันละ 10,000-15,000 บาท ในขณะต้นทุนครั้งละ 50,000-60,000 บาท แมลงสดที่เหลือในแต่ละวัน ก็จะนำไปเช่าเก็บในห้องเย็น ตกกิโลละ 2-3 บาท ต่อเดือน แต่เมื่อหักลบกันแล้วแต่ละเดือนก็พอยู่ได้ค่ะ

http://www.กระเป๋าเดินทางล้อลาก.com
---------------------------------------------------

แมลงที่คนกินเป็นอาหารได้ :

จิ้งหรีดบ้าน จิ้งหรีดนา จิโปม (จิ้งหรีดหางสั้น) แมงสะดิ้ง (จิ้งหรีดตัวเล็ก) แมงกระชอน แมงมัน แมงกินนูน แมงกุดจี่ แมงอีนูน ตั๊กแตนปาทังก้า (เป็นเมนูที่มีคนนิยมรับประทานมากที่สุดกว่าแมลงชนิดอื่นๆ) ตั๊กแตนอีโม่ ด้วงปีกแข็ง(กว่าง) ด้วงดิ่ง(แมลงตับเต่า) ด้วงงวงมะพร้าว จักจั่น แมงดานา(หญิงร้ายชายชั่ว) แมงดาหม้อ แมงตับเต่า แมงเหนี่ยง แมงป่อง ตัวอ่อนแมลงปอ หนอนนก หนอนไหม (หม่อน) หนอนไม้ไผ่ (รถด่วน) มันแม่เป้ง (นางพญามด)
------------------------------------------------------------

มีรายงานว่า สหภาพยุโรปกำลังพิจารณาสนับสนุนการใช้แมลงเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเมนูอาหารที่รับประทานประจำวัน เช่น เบอร์เกอร์ หรือฟาสต์ฟู๊ด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสาร อาหารที่ประโยชน์มากขึ้น และจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนหันมารับประทานแมลงกันมากขึ้นในฐานะที่เป็นอาหารที่มีโปรตีนและไขมันชั้นดีที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

จากแนวโน้มในการใช้ประโยชน์จากแมลงในหลากหลายรูปแบบ การเพาะเลี้ยงแมลงที่รับประทานได้ เป็นประเด็นที่ควรเร่งการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะในแมลงที่มีศักยภาพ รวมทั้งแมลงที่นำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ ซึ่งจะต้องเร่งรัดการพัฒนาเพื่อสามารถขยายผลในเชิงพาณิชย์

นอกจากนั้น ในระดับนานาชาติ FAO มีความเห็นว่า ควรมีการแก้ไขข้อบังคับ และ การพัฒนาข้อมูลทางเทคนิคเพื่อใช้ประโยชน์จากแมลงในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน

-----------------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©