-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร วิทยุ 22 MAR *สารสมุนไพร (31), กระท้อน
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร วิทยุ 22 MAR *สารสมุนไพร (31), กระท้อน

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/03/2016 4:22 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร วิทยุ 22 MAR *สารสมุนไพร (31), กระท้อน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 22 MAR

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) และ 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...

* บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

http://kasate.site88.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1
* ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

http://www.mysuccessagro.com
* บ.มายซัคเซส อะโกร---ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
7) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

----------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)

มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
...... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .......
...... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .......

-----------------------------------------------------------



ข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

10 ผักสวนครัว กำจัดแมลงตายเรียบ :

อย่างที่ทราบกันว่าผัก และสมุนไพรของไทยนั้นมีประโยชน์หลายพันประการ นอกจากจะเป็นยารักษาโรคแล้ว สำหรับคนจัดสวนต้องดีใจแน่นอน เพราะสมุนไพร หรือผักสวนครัวเหล่านี้ ยังช่วยกำจัดศัตรูพืชได้แบบอยู่หมัดอีกด้วย เช่น

1. กะหล่ำปลี (ใบ) : ป้องกัน/กำจัด หนอนกระทู้ และหนอนชอนใบ
2. กระเทียม (หัว) : ป้องกัน/กำจัด มด แมลงวัน และยุง
3. กระเพา (ใบ ยอดสด ยอดแห้ง) : ป้องกัน/กำจัด มด แมลงวัน และยุง
4. ขึ้นฉ่าย (ใบ ต้น) : ป้องกัน/กำจัด ด้วงงวง ด้วงปีกแข็ง บุ้ง มอดไม้ และมวนปีกแข็ง
5. ขิง (เหง้า) : ป้องกัน/กำจัด แมลงวันทอง มด แมลงวัน และยุง
6. ขมิ้น (เหง้า) : ป้องกัน/กำขัด แมลงวันทอง
7. ข่า (สด แห้ง) : ป้องกัน/กำจัด มด แมลงวัน และยุง
8. บวบเหลี่ยม (ดอก เมล็ด) : ป้องกัน/กำจัด ด้วงงวง ด้วงปีกแข็ง และบุ้ง
9. พริก (ผล ราก) : ป้องกัน/กำจัด ด้วงงวง ด้วงปีกแข็ง
10. สะเดา (เมล็ด ใบ) : ป้องกัน/กำจัด หนอน แมลง

วิธีทำ

1. สับพืชสมุนไพรให้เป็นชิ้นเล็กๆ 5 กก. ทุบหรือตำให้แตก
2. นำพืชสมุนไพร ใส่ลงในถังหมัก
3. เติมน้ำ 50 ลิตร คนเคล้าให้เข้ากัน
5. ปิดฝาไม่ต้องสนิท ทิ้งไว้ในที่ร่ม 20 วัน

วิธีใช้

- เจือจางน้ำเปล่า 1 : 500 หรือ 1 ล./น้ำ 500 ล. หรือ 40 ซีซี./น้ำ 20 ล.
- ช่วงยังไม่ระบาด ฉีดพ่นทุก 5-7 วัน (กันก่อนแก้)
- ช่วงเริ่มระบาด ฉีดพ่นวันต่อวัน 3-4 ครั้ง

หมายเหตุ :

แบบภูมิปัญญาพท้นบ้าน :
- ต้ม/แช่ ..... น้ำเดือด/น้ำอุ่น/น้ำเย็น นาน 1-2-3 วัน
- กลิ่น ........ ไล่แมลงไม่ให้เข้าหาพืช
- รส .......... แมลง/หนอน ไม่กินพืชนั้น
- ฤทธิ์ ....... แมลง/นอน กินแล้วตาย
----------------------------------------------------

จาก : (093) 829-46xx
ข้อความ : เรียนคุณตาผู้พัน บ้านหนูมีสวนกระท้อน 10 ไร่ ออกลูกปีแรก ตอนนี้ลูกขนาดกำปั้นมือ อยากให้ลูกใหญ่ ยิ่งใหญ่ยิ่งดี กับอยากให้คุณตาผู้พันเอาเรื่องของคนที่ทำสำเร็จมาเล่าให้ฟังบ้าง .... ขอบคุณค่ะ จาก กระท้อนปราจีน
ตอบ :
บำรุง ขยายขนาดผล :
ทางใบ :

- ให้ ไบโออิ + ยูเรก้า 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน .... ในรอบ 1 เดือน ให้น้ำตาลทางด่วน 1 ครั้ง
- ฉีดพ่นสารสมุนไพรบ่อยๆ
ทางราก :
- ให้ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, หญ้าแห้งคลุมโคนต้นหนาๆ ปกติให้ครั้งที่ 1 ช่วงเรียกใบอ่อน ให้ครั้งที่ 2 ช่วงเริ่มบำรุงผลเล็ก ถ้าให้แล้วก็ไม่ต้อง แต่ถ้ายังไม่ได้ให้ก็จงให้
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 (2 ล.) /ไร่ รดทั่วแปลงทุกตารางนิ้ว
- ให้ 21-7-14 (ครึ่ง กก.ต้นเล็ก, 1 กก.ต้นใหญ่) ละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณทรงพุ่ม เดือนละครั้ง
- ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น
หมายเหตุ :
- งานนี้สปริงเกอร์ หม้อปุ๋ยหน้าโซน/ถังปุ๋ยนที่ปั๊ม ช่วยได้ แรงงานคนเดียว เดี๋ยวเดียวเสร็จ
- ฉีดพ่นยาสมุนไพรบ่อยๆ เพื่อสร้างเครดิต ความน่าเชื่อถือ ปอดสารเคมี 100%
- ให้ปุ๋ย ทางใบ/ทางราก ครบสูตร-ถูกสูตร-สม่ำเสมอ นอกจากช่วยให้ต้นสมบูรณ์ ส่งผลให้ผลผลิตในต้นรุ่นนี้ดีแล้ว ยังต่อไปถึงรุ่นหน้าอีกด้วย
- อ่านเรื่องกระท้อนมากๆ ไปนั่งอ่านที่โคนต้น อ่านไปดูของจริงไป แล้วจะรู้เรื่องจริง เรียกว่า “รู้จริง” นั่นแหละ

ความรู้รอบตัวเรื่องกระท้อน :

* เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่อายุนับร้อยปี หากปล่อยให้โตอย่างอิสระอยู่ในสภาพ แวดล้อมที่เหมาะสม และได้รับการปฏิบัติบำรุงดีสามารถสูงได้ถึงกว่า 20 ม. ขนาดทรงพุ่มกว้าง 10-20 ม.เมื่ออายุต้นมากขึ้นหรือเป็นต้นแก่แล้วการให้ผลผลิตจะลดลงทั้งความดกและคุณภาพ แก้ไขโดยตัดแต่งกิ่งทำสาวให้เหลือขนาดทรงพุ่มสูงและกว้าง 3-4 ม. แล้วบำรุงสร้างกิ่งใหม่ก็จะกลับคืนสภาพเป็นต้นสาวที่ให้ผลดกและคุณภาพดีเหมือนเดิม

* เป็นผลไม้เขตร้อนสามารถปลูกได้ในพื้นที่ทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล ชอบดินเหนียวปนทราย ดินเหนียวร่วน หรือดินลูกรังแดงร่วน มีอินทรียวัตถุมากๆ สารอาหารสมบูรณ์ โปร่ง น้ำและอากาศผ่านสะดวก เนื้อดินลึกไม่น้อยกว่า 1.5 ม.

* ผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. - ก.ค. เป็นกระท้อนปีหรือในฤดูกาล แม้ว่าจะไม่ใช่ผลไม้ยอดนิยมระดับแนวหน้า แต่มีเสน่ห์ตรงที่ออกสู่ตลาดในช่วงที่ผลไม้ระดับแนวหน้าอย่างมะม่วง ทุเรียน เงาะ มังคุด วายหรือหมดไปจากตลาดแล้วและออกก่อนลำไย จะมีคู่แข่งก็แต่ผลไม้ประเภทออกตลอดปีเท่านั้น

* ให้ผลผลิตปีละ 1 รุ่น ปัจจุบันยังไม่มีฮอร์โมนหรือสารใดๆบังคับให้ออกนอกฤดูได้ และก็ไม่มีสายพันธุ์ทะวายอีกด้วย การบังคับจึงทำได้เพียงบำรุงให้ออกก่อนฤดูหรือหลังฤดูด้วยช่วงสั้นๆเท่านั้น

* ต้นที่ปลูกจากกิ่งตอน กิ่งทาบ ติดตา เสียบยอด มีแต่รากฝอยจะเริ่มให้ผลผลิตได้เมื่ออายุ 3-4 ปี แต่ถ้าเป็นต้นที่ได้รับการเสริมราก 1-2 รากสามารถให้ผลได้ภายใน 2-3 ปี แล้วจะให้ผลผลิตได้ต่อเนื่องนานถึง 30 ปี

เนื่องจากกระท้อนเป็นไม้ยืนต้นอายุนับ 100 ปี ถ้าต้นนั้นปลูกจากกิ่งที่มีแต่รากฝอยเมื่อต้นใหญ่มากขึ้นทรงพุ่มต้านลมมากๆอาจทำให้ต้นล้มได้ แนวทางแก้ไข คือ เสริมราก 1-2 รากด้วยต้นที่มีรากแก้ว (เพาะเมล็ด) ซึ่งนอกจากจะช่วยยึดต้นได้ดีแล้วยังช่วยเพิ่มจำนวนรากในการหาอาหารอีกด้วย

* กระท้อนสายพันธุ์เดียวกัน ปลูกในแปลงเดียวกัน และบำรุงอย่างเดียวกัน แต่คุณภาพผลผลิตแตกต่างกันเนื่องมาจากสภาพโครงสร้างภายในประจำตัว กระท้อนต้นที่หลังใบมีขนปุยคล้ายกำมะหยี่ มักให้ผลผลิตคุณภาพเหนือกว่าต้นที่หลังใบเรียบมันวาว

* ต้นพันธุ์ระยะกล้าสังเกตได้ยากมากว่าต้นไหนเป็นพันธุ์ไหน เพราะระยะกล้ากระท้อนทุกสายพันธุ์จะมีลักษณะคล้ายกันมาก การให้ได้สายพันธุ์แท้ตามต้องการต้องมาจากแหล่งเชื่อถือได้จริงๆ เท่านั้น

* ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ เกสรตัวเมียพร้อมรับการผสมทั้งจากเกสรตัวผู้ทั้งในดอกเดียวกัน และเกสรตัวผู้จากดอกอื่นในต้นเดียวกันหรือจากต่างต้น

* อายุดอกตูม-ดอกบาน (ผสมติด) 25-30 วัน และอายุผลเล็ก-ผลแก่เก็บเกี่ยว 5-6เดือน
* ออกดอกจากซอกใบปลายกิ่งของกิ่งอายุข้ามปี ออกได้ทั้งกิ่งชายพุ่มและกิ่งในทรงพุ่มแบบทยอยออกนาน 7-10 วัน
* การติดผลมีทั้งผลเดี่ยวและเป็นพวงตั้งแต่ 2-5 ผล ขนาดผลขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการบำรุง

* ปลูกกระท้อนสายพันธุ์ให้ผลดกถึงดกมาก ระยะห่างระหว่างต้น 8 x 8 ม. (1 ไร่ = 11 ต้น) เลี้ยงทรงพุ่มให้สูงอิสระ 5-6 ม. (ตัดยอดประธาน) ทรงพุ่มกว้างชนต้นข้างเคียง เว้นช่องว่าระหว่างต้นพอให้แสงแดดส่องผ่านได้ ตัดแต่งกิ่งภายในโปร่งให้แสงแดดผ่านเข้าไปได้เท่ากันดีทั่วพื้นที่ภายในทรงพุ่ม 40-50% ต้นได้รับการเสริมราก 2-3 ราก และได้รับการปฏิบัติบำรุงอย่างถูกต้องสม่ำเสมอต่อเนื่องนานหลายปีติดต่อกัน เมื่ออายุต้นโตเป็นสาวเต็มที่สามารถให้ผลผลิตมากถึง 2,000 ผล

* แต่ละช่วงของการพัฒนาทั้งต้นและผลต้องการน้ำค่อนข้ามากและสม่ำเสมอ แต่ช่วง ปรับ ซี/เอ็น เรโช ถึง ก่อนเปิดตาดอก ต้องการน้ำน้อย ดังนั้น การเตรียมพื้นที่ปลูกจะต้องสามารถควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้นให้
ได้อย่างแท้จริง

* ธรรมชาติกระท้อนมักออกดอกแล้วติดผลเล็กครั้งละจำนวนมาก จากนั้นจะสลัดผลเล็กทิ้งเองจนเหลือไม่มาก แก้ไขโดยบำรุงต้นให้สมบูรณ์จริงๆ ด้วยวิธีให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องนานหลายๆปี กับทั้งให้ฮอร์โมนบำรุงดอก. บำรุงผลเล็ก. อย่างถูกต้องตรงตามจังหวะ และเมื่อผลโตขึ้นการซอยผลออกบ้างเท่าที่จำเป็น

* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์ ซึ่งเกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) แล้วผสมกัน เมื่อพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว

* ขั้นตอนการปรับ ซี/เอ็น เรโช.โดยการงดน้ำนั้น แม้จะได้เตรียมความสมบูรณ์ของต้นไว้พร้อมก่อนแล้ว ถ้ามาตรการควบคุมปริมาณน้ำ (งดน้ำ) จนทำให้ใบแก่โคนกิ่งสลดจนแห้งแล้วร่วงไม่ได้ก็จะทำให้เปิดตาดอกไม่ออก หรือเปิดตาดอกแล้วออกมาเป็นใบอ่อนแทนได้

* การห่อผลมีความจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากช่วยป้องกันแมลงวันทองแล้วยังช่วยทำให้ผิวสวย ผิวเป็นกำมะหยี่ดี และเนื้อในดีอีกด้วย

- เริ่มห่อผลเมื่อผลอายุ 50-55 วัน หรือขนาดมะนาว หรือผลเริ่มเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นเหลืองอ่อน และเก็บเกี่ยวได้หลังจากห่อผล 1 เดือน หรือเมื่ออายุผลได้ 5-6 เดือนหลังออกดอก

- สังเกตลักษณะผลแก่ได้จากเส้นบนผิวผลจากขั้วผลถึงก้นผล ถ้าเส้นยังนูนเด่นชัดแสดงว่ายังแก่ไม่จัด ถ้าเส้นหายไปหรือเรียบเนียนกับผิวผลแสดงว่าผลแก่จัดแล้ว หรือสังเกตที่สีเปลือกผลเปลี่ยนเป็นสีน้ำหมาก

- ห่อผลด้วยความประณีต มือเบาๆ ถ้าทำแรงมือหนักจนขั้วได้รับความกระทบ กระเทือน ผลจะไม่ร่วงเดี๋ยวนั้นแต่จะร่วงหลังจากห่อผลแล้ว 7-10 วัน

- ควรเลือกใช้ถุงห่อขนาดใหญ่ๆ เพื่อให้อากาศภายในถุงถ่ายเทสะดวก โดยเฉพาะผลกระท้อนที่ติดเป็นพวงจะต้องใช้ถุงห่อขนาดใหญ่พิเศษ

- ผลที่ไม่ได้ห่อ คุณภาพผลนอกจากเนื้อจะแข็งกระด้าง ปุยน้อยแล้ว ผิวเปลือกก็ไม่เป็นกำมะหยี่อีกด้วย ผลแบบนี้เหมาะสำหรับทำกระท้อนดอง

* เป็นผลไม้ที่ไม่ต้องบ่มหลังเก็บเกี่ยว คุณภาพของผลแก่จัด (ผลสุก) ขณะอยู่บนต้นเป็นเช่นไรเมื่อเก็บลงมาแล้วก็คงเป็นเช่นนั้น ผลที่ครบอายุเก็บเกี่ยวแล้วหากปล่อยทิ้งคาต้นนานหลายวันเกินไปคุณภาพจะด้อยลง ดังนั้นจึงให้เก็บเกี่ยวกระท้อน ณ วันที่ครบอายุผลพอดีรับประทาน

* กระท้อนก็เหมือนกับผลไม้อื่นอีกหลายชนิด หลังจากเก็บลงมาจากต้นแล้วปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้ลืมต้น สัก 2-3 วันจะทำให้มีรสชาติหวานขึ้น เก็บในอุณหภูมิปกติอยู่ได้นาน 5-7วัน หรือเก็บในอุณหภูมิ 15-17 องศาอยู่ได้นาน 20 วัน

* ความดกและคุณภาพของผลด้านขนาด รูปทรง สีผิว ความนุ่มหนาของเนื้อและปุย ความเล็กของเมล็ด กลิ่นและความหวาน ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ที่ได้รับจากการบำรุงมาก กว่าคุณลักษณะของสายพันธุ์

* สายพันธุ์ผลใหญ่แม้จะได้รับการปฏิบัติบำรุงไม่เต็มที่ ผลที่ออกมากก็ยังใหญ่หรืออาจย่อมลงมาเล็กน้อยแต่จะไม่ดก ส่วนสายพันธุ์ผลเล็กแม้จะได้รับการปฏิบัติบำรุงดีเพียงใด ผลที่ออกมาก็ยังเป็นผลขนาดเล็ก หรืออาจใหญ่กว่าปกติเล็กน้อยแต่การติดผลจะดกขึ้น

* ผลไม้ทั่วไปช่วงผลแก่จัดใกล้เก็บเกี่ยวต้องงดน้ำเพื่อให้เนื้อแห้งกรอบ กรณีของกระท้อนไม่ต้องงดน้ำแต่กลับต้องให้น้ำสม่ำเสมอ เพื่อให้เนื้อฉ่ำนิ่มจนใช้ช้อนตักรับประทานได้ ถ้างดให้น้ำช่วงผลแก่จัดใกล้เก็บเกี่ยวเนื้อแข็งไม่เหมาะสำหรับรับประทานผลสด แต่ดีสำหรับทำกระท้อนแปรรูป

* ออกดอกติดผลจากกิ่งอายุข้ามปี การตัดแต่งกิ่งหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตควรตัดเฉพาะกิ่งที่มีผลผลิตแล้วบำรุงสร้างยอดขึ้นมาใหม่สำหรับใช้เป็นกิ่งให้ออกดอกติดผลในปีต่อไป ส่วนกิ่งที่ปีนี้ยังไม่ออกดอกติดผลไม่ต้องตัดแต่ให้บำรุงต่อไปเลย เมื่อได้รับการบำรุงต่อก็จะออกดอกติดผลได้ในฤดูกาลถัดไป

* เนื่องจากผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก เมื่อลมพัดจะทำให้ผลแกว่งไปมาแล้วไปกระทบกับกิ่งข้างๆ ทำให้ผลเสียหาย แก้ไขด้วยการปลูกไม้บังลม

* ขนาดลำต้นใหญ่ความสูงมากๆ ทรงพุ่มกว้าง ให้ทำค้างไม้แบบถาวรเป็นคอกสี่เหลี่ยมล้อมรอบต้น จัดให้มีไม้พาดเป็นทางเดินภายในทรงพุ่มสูง 1-2-3 ชั้นตามความเหมาะสมจะช่วยให้การเข้าปฏิบัติงานในทรงพุ่ม เช่น การตัดแต่งกิ่ง ห่อผล ทำได้สะดวกยิ่งขึ้น

* หลังจากต้นเป็นสาวพร้อมให้ผลผลิตแล้วให้บำรุงแบบทำให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องทั้งปีและหลายๆปีติดต่อกัน โดยฝังซากสัตว์ (หอยเชอรี่ หัว/พุงปลา ซี่โครงไก่) ที่ชายพุ่ม 4-5 หลุม/ต้น (ทรงพุ่ม 5 ม.) ปีละครั้ง และปีรุ่งขึ้นให้ฝังระหว่างหลุมของปีที่แล้ว

* ติดตั้งระบบสปริงเกอร์ในใจกลางทรงพุ่มและเหนือทรงพุ่ม เป็นการเพิ่มทั้งประสิทธิ ภาพและประสิทธิผลของงานฉีดพ่นทางใบได้ดีกว่าเครื่องมือฉีดพ่นทุกประเภท

* ค่อนข้างอ่อนแอต่อปุ๋ยน้ำชีวภาพที่มีกากน้ำตาลเป็นส่วนผสมทุกชนิด ทั้งๆที่ใช้ในอัตราเข้มข้นเท่ากับไม้ผลอื่นๆ ดังนั้น ถ้าจะใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพฉีดพ่นทางใบจะต้องใช้ในอัตราน้อยกว่าไม้ผลอื่นๆ 1 เท่าตัวเสมอ

* การปลูกกล้วยลงในแปลงปลูกก่อนเพื่อเตรียมให้เป็นไม้พี่เลี้ยง เมื่อกล้วยยืนต้นได้แล้วจึงลงต้นกล้ากระท้อนพร้อมกับทำบังร่มเงาช่วยอีกชั้นหนึ่งจะช่วยให้ต้นกล้ายืนต้นได้เร็ว สมบูรณ์แข็งแรง

* การพูนโคนต้นด้วยอินทรีย์วัตถุปีละ 1-2 ครั้งจะช่วยให้ต้นแตกรากใหม่ดี และต้นที่ได้รับการเสริมราก 1-2รากนอกจากจะช่วยให้ต้นมีรากหาอาหารมากขึ้นแล้วยังช่วยให้ต้นอายุยืนนานขึ้นอีกด้วย

* อายุต้น 3-4 ปีขึ้นไป หรือได้ความสูง 3-5 ม. แล้ว ให้ตัดยอดประธาน (ผ่ากบาล) เพื่อควบคุมขนาดความสูง จากนั้นจึงตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดความกว้างทรงพุ่มต่อไป

* การตัดแต่งกิ่งให้เหลือกิ่งกระจายรอบทรงพุ่มเสมอกันจนแสงแดดส่องทั่วภายในทรงพุ่มจะช่วยให้กิ่งภายในทรงพุ่มออกดอกติดผลแล้วพัฒนาผลจนมีคุณภาพดีได้

* ใบกระท้อนแก่ตากแห้งบดละเอียด ใช้ผสมพริกป่นเพื่อลดความเผ็ดของพริกลง และเพิ่มสีพริกให้จัดขึ้นได้ ทำให้การปลูกกระท้อนเพื่อขายใบกลายเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่งที่น่าพิจารณา
---------------------------------------------------

"กระท้อนห่อรสชาติดี" สร้างรายได้ให้เกษตรกรสุราษฎร์ฯ กว่า 4 ล้านต่อปี :

สุราษฎร์ธานี นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องของเงาะโรงเรียนนาสาร ไข่เค็มไชยา หอยนางรมตัวใหญ่แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งก็คือ "กระท้อนห่อรสชาติดีแห่ง ต.คลองน้อย" ซึ่งมีด้วยกันหลายสายพันธุ์ เช่น อีร่า ปุยฝ้าย ทับทิม กำมะหยี่ ปลูกอยู่ในพื้นที่ ต.คลองน้อย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และตอนนี้กำลังเป็นช่วงที่กระท้อนห่อออกจำหน่ายเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้จากการที่เกษตรกรเจ้าของสวนนำกระท้อนห่อออกมาวางขายตามเส้นทางจากสนามบินสุราษฎร์ธานีเข้าสู่ตัวเมือง

นายชาญวิทย์ มีวงศ์ อายุ 48 ปี เกษตรกรผู้ปลูกกระท้อน เปิดเผยว่า ชาวชุมชนคลองน้อย ปลูกกระท้อนกันมานานหลาย 10 ปี ก่อนหน้านี้ราคากระท้อนค่อนข้างตกต่ำ เนื่องจากการขายส่งต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ได้ กก.ละ 10-20 บาทเท่านั้น ทำให้ชาวชุมชนคลองน้อยที่ปลูกกระท้อน โค่นตัดต้นกระท้อนปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันทดแทน แต่ปัจจุบันนี้สามารถขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ทั้งคนใน จ.สุราษฎร์ธานี และนักท่องเที่ยวที่ผ่านเส้นทางดังกล่าว ซึ่งสามารถขายได้ราคากิโลกรัมละ 30 บาทเป็นต้นไป ส่วนขนาดจัมโบ้ขายได้ราคา 120 บาท/กก.

กระท้อนหนึ่งต้น 1 ต้น ให้ผลผลิต 300-500 กก. บางต้นสามารถทำรายได้เป็นหมื่นบาทต่อฤดูกาล อย่างของตนเองมีพื้นที่ปลูกกระท้อนจำนวน 50 ต้น สามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 4,000,00 บาทต่อปี ซึ่งกระท้อน 1 ต้น สามารถให้ผลมากกว่า 40 ปี จนต้นที่มีอายุมากเก็บเกี่ยวได้ยาก แต่สามารถให้ผลผลิตได้มากและรสชาติดีกว่ากระท้อนที่ปลูกใหม่

http://www.thairath.co.th/content/516056
---------------------------------------

เทคโนโลยีการเกษตร

สาวบางแค

“กระท้อนยักษ์ 3 ลูก 2 โล” บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ หัวหิน :
“เมื่อหลายปีก่อน เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหัวหิน ภาครัฐได้นำกิ่งพันธุ์กระท้อนมาแจกจ่ายให้เกษตรกรปลูก มี 2 สายพันธุ์ คือ กระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย และพันธุ์อีล่า ปรากฏว่าชาวบ้านไม่กล้าปลูกเพราะกลัวว่าเป็นกระท้อนกะตอย ลูกเล็กๆ ปรากฏว่า มีผมคนเดียวที่กล้านำกิ่งพันธุ์กระท้อนของรัฐบาลไปปลูก ปรากฏว่าได้ผลผลิตลูกใหญ่ รสชาติอร่อย ผมมารู้ตอนหลังว่า กิ่งพันธุ์ที่หน่วยงานภาครัฐนำมาแจกจ่ายนั้น เป็นกระท้อนคุณภาพดีจากบ้านลาด” ลุงน้อย กล่าว

นอกจากเหตุผลที่ว่าได้รับแจกกิ่งพันธุ์ฟรีแล้ว เหตุผลสำคัญประการต่อมาที่ทำให้ลุงน้อยตัดสินใจปลูกไม้ผลชนิดนี้ก็คือ กระท้อนปลูกดูแลง่าย ลงทุนครั้งเดียวสามารถเก็บผลผลิตออกขายได้ตลอด ที่สำคัญ เมื่อต้นกระท้อนมีอายุมาก ยิ่งให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว นอกจากนี้ ลุงน้อยคิดถึงอนาคตข้างหน้า หากวันใดมีอายุมากขึ้นจนทำงานไม่ไหว ก็สามารถจ้างคนงานห่อกระท้อนออกขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบาย

ลุงน้อย บอกว่า ต้นกระท้อนปลูกดูแลง่าย หลังหมดฤดูการเก็บเกี่ยว แค่ใส่ปุ๋ยหมักประมาณ 30-40 กิโลกรัม/ต้น ตัดแต่งกิ่ง ฉีดยาบำรุงดอก พร้อมตัดแต่งลูก กระท้อนจะมีปัญหาแมลงวันทองเข้าทำลาย ดังนั้น ลุงน้อยจึงนำไม้ไผ่ลำโตๆ ทำเป็นนั่งร้านสำหรับปีนขึ้นไปห่อผลกระท้อน แต่ละต้นจะใช้เวลาห่อผลประมาณ 2-3 วัน หลังห่อผลเสร็จจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงเก็บผลออกขายได้ ผลกระท้อนจะมีเนื้อฟู รสชาติหวานสนิท เป็นที่ต้องการของตลาด

หากใครอยากกินกระท้อนที่มีรสชาติหวานอร่อย เคล็ดลับการเลือกกระท้อนแบบง่ายๆ ก็คือ ให้เลือกผลกระท้อนที่มีลักษณะกลมแป้น สีผิวเปลือกมีสีเหลืองอมน้ำตาล มีน้ำยางไหลให้เห็นเล็กน้อย เนื้อบริเวณก้นผลนูนเต็ม ไม่มีรอยบุ๋มตรงกลาง ลองหยิบผลกระท้อนที่มีลักษณะตามคำแนะนำข้างต้น รับรองว่า ท่านผู้อ่านจะได้กระท้อนรสอร่อยกลับไปกินที่บ้านอย่างแน่นอน

ลุงน้อยขายส่งกระท้อนหน้าสวนในราคากิโลกรัมละ 50 บาท ในแต่ละปี สามารถสร้างรายได้เข้ากระเป๋ากว่าแสนบาท จุดเด่นที่ทำให้กระท้อนของสวนแห่งนี้ขายดีติดตลาดก็คือ ขนาดผลใหญ่ เฉลี่ยประมาณ 3 ลูก 2 กิโลกรัม หากตกใส่หัวใคร ก็อาจมีอาการคอเคล็ดได้เลย เสน่ห์อีกอย่างของกระท้อนยักษ์ในสวนแห่งนี้ก็คือ เนื้อขาวฟู ปริมาณเนื้อมาก เนื้อแน่น และมีรสหวานสนิท ถูกอกถูกใจผู้บริโภคทั่วไป

ปุ๋ยหมักสูตรขี้แพะผสมขี้เป็ด…ช่วยเพิ่มผลผลิต

ที่นี่เลี้ยงแพะมากถึง 200 ตัว วัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการขี้แพะมาทำปุ๋ยคอกโดยไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินไปซื้อปุ๋ยคอกจากภายนอก ทุกวันนี้ ลุงน้อยใช้ขี้แพะทดแทนปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 ลุงน้อย เล่าว่า เพื่อนคนไทยรายหนึ่งที่เคยทำงานเกษตรอยู่ที่ออสเตรเลียได้แนะนำให้ลุงน้อยไปหาซื้อขี้เป็ดจากพื้นที่ภาคใต้ มาใช้เป็นปุ๋ยคอกบำรุงเร่งการออกตาดอกของไม้ผล แทนการใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 18-24-24 ปรากฏว่าได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ

“ผมก็ใช้ปุ๋ยหมักสูตรขี้เป็ดผสมขี้แพะต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 แล้ว สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้สูงขึ้น จากเดิมที่เคยเก็บทุเรียนออกขายได้ 2-4 ตัน/ไร่ ก็ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8-10 ตัน/ไร่ แถมไม้ผลทุกชนิดมีรสชาติที่อร่อยขึ้นผิดหูผิดตาจนลูกค้าออกปากทัก” ลุงน้อย กล่าว

ในอดีตสวนไม้ผลของลุงน้อย ใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว เสียค่าใช้จ่ายสูงมากและทำให้ดินเสียอีกต่างหาก สังเกตได้จากสภาพดินแข็ง เมื่อรดน้ำลงดิน น้ำก็ไม่เดิน หลังจากลุงน้อยเปลี่ยนกลยุทธ์มาใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก สามารถฟื้นฟูสภาพดินให้ดีขึ้น เวลารดน้ำต้นไม้ น้ำซึมลงดินได้หมด และช่วยประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยได้หลายแสนบาท ต่อปี

“เมื่อก่อนผมต้องซื้อปุ๋ยเคมี ไม่ต่ำกว่าปีละ 10 ตัน สำหรับใช้ในพื้นที่สวนไม้ผล 30-40 ไร่ หลังใส่ปุ๋ยเคมีไปได้ 20 วัน ปุ๋ยก็จะละลายลงดินหมด หลังจากเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยคอก ต้นไม้มีโอกาสได้รับธาตุอาหารตลอดทั้งปี ช่วยให้ไม้ผลเจริญเติบโตได้เต็มที่ ผลผลิตก็มากขึ้น” ลุงน้อย เล่า

ยาฆ่าหญ้า สารเคมีประเภทดูดซึมต่างๆ ที่เคยใช้ในสวนผลไม้ ทุกวันนี้ ลุงน้อยเลิกใช้ทั้งหมดเพราะกลัวว่า จะเกิดปัญหาสารเคมีตกค้างบนเศษไม้ใบหญ้า ที่เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ ทำให้สัตว์ป่วยหรือตายได้ จึงงดการใช้สารเคมีทุกชนิดในสวนแห่งนี้

สูตรปุ๋ยหมักคุณภาพสูงของลุงน้อยนั้น หากใครสนใจก็สามารถทำตามได้ไม่ยาก เริ่มจากเตรียมวัตถุดิบ 4 ชนิด คือ ขี้แพะ เศษไม้ใบหญ้า กากใยมะพร้าว ขี้เป็ดบรรจุใส่ถุงปุ๋ย อย่างละ 20 ลูก และสาร พด. 1 ของกรมพัฒนาที่ดิน เมื่อเตรียมวัตถุดิบได้ครบถ้วนก็เริ่มขั้นตอนการทำปุ๋ยหมักกันได้เลย โดยเทขี้แพะรองพื้นก่อน และนำเศษไม้ใบหญ้าที่หาได้ในท้องถิ่นมาเทกองรวมกันเป็นชั้นที่สอง ต่อมานำกากใยมะพร้าว เทกองเป็นชั้นที่สาม หลังจากนั้น นำขี้เป็ดเททับด้านบนเป็นอันเสร็จพิธี สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ หลังจากเทกองวัตถุดิบแต่ละชั้นแล้ว จะต้องราดสาร พด. 1 ตามทุกครั้ง เพื่อให้สาร พด. 1 ช่วยเร่งการย่อยสลายวัตถุดิบ ใช้เวลาหมักปุ๋ยประมาณ 6 เดือน ก็สามารถนำปุ๋ยหมักไปใช้งานได้ตามที่ต้องการ

ลุงน้อยจะนำปุ๋ยหมักสูตรนี้ไปใช้ฟื้นฟูไม้ผลหลังการเก็บเกี่ยวทุกครั้ง เพื่อช่วยฟื้นฟูยอด ดอก ใบ หากช่วงไหนต้องการทำดอก จะเน้นใส่ปุ๋ยขี้เป็ดเป็นพิเศษ เพื่อช่วยสร้างตาดอก สำหรับต้นทุเรียน จะใส่ปุ๋ยหมักตามสัดส่วนของต้น โดยต้นทุเรียนใหญ่ จะใช้ปุ๋ยหมักประมาณ 40 กิโลกรัม/ต้น ส่วนต้นเล็กใส่แค่ 20 กิโลกรัม ก็เพียงพอแล้ว ส่วนต้นกระท้อนใส่แค่ 30 กิโลกรัม/ต้น ในยุคเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ ปุ๋ยเคมีมีราคาแพงมากขึ้น หากใครอยากลดต้นทุน ก็สามารถนำสูตรปุ๋ยหมักของลุงน้อยไปทำได้เองที่บ้าน รับรองช่วยประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยก้อนโตได้เช่นเดียวกับลุงน้อยอย่างแน่นอน

https://soclaimon.wordpress.com
-----------------------------------------

“กระท้อน” ไม้ผลทำเงิน ปลูกง่าย ไม่มีโรค แถมขายได้ราคาดี….

สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งชี้ให้เห็นว่า “กระท้อน” ก็เป็นไม้ผลเงินล้านได้ เฉกเช่นไม้ผลเศรษฐกิจชนิดอื่น ๆ ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะทำคุณภาพได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้นกระท้อน ไม้ผลทำเงิน

ตลอดเดือนกรกฎาคมของทุกปีถือเป็นสวรรค์ของคนที่ชอบรับประทานกระท้อน เพราะกระท้อนให้ผลผลิตเพียงปีละครั้ง และจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากในเดือนนี้ โดยแหล่งปลูกกระท้อนที่สำคัญในอดีตคือจังหวัดนนทบุรี มีสายพันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นการค้า 6 สายพันธุ์ ได้แก่
– พันธุ์ทับทิม
– ปุยฝ้าย
– นิ่มนวล
– ปุยไหม
– เทพศิริ
– อีล่า

ทั้ง 6 สายพันธุ์ดังที่กล่าวมานี้ พันธุ์ปุยฝ้ายและพันธุ์นิ่มนวลเป็นพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกมากที่สุด เพราะมีผลขนาดใหญ่และจำหน่ายได้ราคา

โดยหากเป็น พันธุ์นิ่มนวลเมืองนนท์แท้ ๆ จะจำหน่ายได้ตั้งแต่กิโลกรัมละ 120 บาทขึ้นไป ปัจจุบันเกษตรกรที่ทำสวนกระท้อน ทั้งประเทศไทยมีไม่ถึง 100 ราย เนื่องจากกระท้อนไม่ใช่ผลไม้ในกระแสของการบริโภค จึงทำให้เกษตรกรหลายคนไม่สนใจปลูกเพราะเห็นว่าขายไม่ได้ราคา แต่จริง ๆ แล้ว กระท้อนไม่ใช้ผลไม้กะโหลกกะลาไร้ราคาอย่างที่คิด ยิ่งหากได้เติมคุณภาพลงไป ก็ยิ่งเป็นผลไม้เงินล้านที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตลาดมีความต้องการสูงและคู่แข่งยังน้อย

คุณสมชาย บุญก่อเกื้อ เกษตรกรคนเก่ง ลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เจ้าของสวนกระท้อน “อุบลสมบูรณ์” เผยถึงที่มาของการปลูกกระท้อนบนเนื้อที่กว่า 23 ไร่ ในจังหวัดระยอง ให้ฟังว่า เกษตรกรในจังหวัดระยองส่วนใหญ่ทำสวนผลไม้เศรษฐกิจหลัก ๆ 3 ชนิด คือ เงาะ มังคุด และทุเรียน พอถึงฤดูกาลผลไม้ของทุกปี ราคาผลผลิตของผลไม้ทั้งสามชนิดก็จะมีปัญหาทุกปี เพิ่งมาสองสามปีหลังนี้ ที่เริ่มทำมังคุดส่งนอกจึงได้ราคาขึ้นมา

“ด้วยความผันผวนของราคาผลไม้นี่เอง ผมก็เลยมองว่า เราควรจะปลูกอะไรที่สวนกระแสจากชาวบ้านคนอื่น ๆ พอดีว่าที่หมูบ้านเรามีกระท้อนอยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งคุณลุงพูนแกไปซื้อลูกมาจากจังหวัดนนทบุรีมารับประทาน พอทานเสร็จท่านเห็นว่ากระท้อนลูกนั้นรสชาติอร่อย จึงนำเมล็ดกระท้อนลูกนั้นไปปลูก ผ่านไปประมาณ 5 ปี กระท้อนต้นนั้นเติบโต ติดดอกออกผล ซึ่งผมได้กินแล้วก็เห็นว่า กระท้อนจากต้นนี้มีคุณลักษณะพิเศษคือ เนื้อนุ่ม หวาน เนื้อหุ้มเมล็ดเป็นปุย หวาน มีเนื้อมาก เมล็ดเล็ก เมื่อได้ชิมแล้วรู้สึกถูกใจจึงขอกิ่งพันธุ์มาปลูก และตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่เพื่อให้เป็นเกียรติแก่ลุงพูนว่า กระท้อนพันธุ์ทองพูน”

คุณสมชาย ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนแรกผมปลูกเพียง 40 ต้น ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกระท้อนมากสักเท่าไหร่ เพราะถือเป็นไม้ผลชนิดใหม่ของชาวสวนละแวกนี้ เมื่อกระท้อนอายุได้ 3 ปี ก็เริ่มออกผลผลิต ด้วยความที่ยังขาดประสบการณ์จึงไปจ้างคนมาห่อกระท้อน ผลปรากฏว่าเราได้กระท้อนที่จำหน่ายได้เพียง 40 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเสียหายทั้งหมด เพราะลูกจ้างไม่ได้ใส่ใจคุณภาพให้เรา สักแต่ว่าทำงานเพื่อให้ได้ค่าแรงเท่านั้น ในตอนหลังจึงตัดปัญหาดังกล่าวนี้ออกด้วยการใช้แรงงานคนในครอบครัวและลงมือทำเองทั้งหมด เพราะเราสามารถควบคุมคุณภาพได้

ข่าวเกษตร ปลูกกระท้อน ไม้ผลทำเงิน

ผลผลิตในช่วงนั้นเราเอาไปขายในอำเภอแกลง ได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 10 บาท จากนั้นก็มานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรนะจึงจะให้ผลผลิตของเราได้ราคา พอดีตอนนั้นมีเพื่อนทำงานอยู่ที่ TOT แจ้งวัฒนะ เพื่อนก็แนะนำให้เอาผลผลิตใส่รถกระบะไปขายที่นั่น เราก็เลยนำไปขายได้กิโลกรัมละ 60-70 บาท

(ตอนนั้นราคากระท้อนเมืองนนท์กิโลกรัมละ 120 บาท) หลังจากนั้นเป็นต้นมาผลผลิตกระท้อนของที่สวนก็จะส่งไปขายที่นั้นทั้งหมด

“ปัจจุบันเราแทบไม่ต้องเอาผลผลิตไปขายแล้ว เพราะเมื่อถึงฤดูกระท้อน คนที่เขาเคยรับประทานกระท้อนของเราก็จะออร์เดอร์กันมาเลย เมื่อเราเริ่มมองเห็นแนวทางการตลาด ก็เลยมาปลูกเพิ่ม จนกระทั่งปัจจุบันที่สวนมีกระท้อนที่ให้ผลผลิตแล้วทั้งหมด 178 ต้น และกำลังปลูกเพิ่มอีก 45 ต้นครับ”

เทคนิคการปลูกกระท้อนของ คุณสมชาย

อย่างแรกเลยให้คำแนะนำว่า ธรรมชาติของกระท้อนเป็นไม้ผลที่ปลูกง่าย โตเร็ว และไม่ต้องมีตารางฉีดยาให้ปุ๋ยเช่นไม้ผลชนิดอื่น หากเกษตรกรที่สนใจปลูกกระท้อนเพื่อการค้า ควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

– สายพันธุ์ที่ปลูกจะต้องเลือกสายพันธุ์ที่รับประทานอร่อยและตลาดมีความต้องการ ระยะห่างระหว่างแปลงปลูกควรอยู่ระหว่าง 8 x 8 เมตร ซึ่งระยะดังกล่าวนี้กระท้อนจะไม่แย่งกันเจริญเติบโต จึงไม่ต้องตัดแต่งกิ่งบ่อย สามารถปล่อยให้เขาโตตามธรรมชาติได้เลย เนื่องจากกระท้อนเป็นไม้โตเร็ว การบำรุงรักษาจะไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ สามารถปล่อยให้โตตามธรรมชาติได้เลย

– เมื่อถึงอายุการให้ผลผลิต ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม กระท้อนจะเริ่มทิ้งใบ และช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะเริ่มผลิใบอ่อนและเริ่มให้ดอก จากนั้นก็จะเริ่มให้ผล ทันทีที่กระท้อนเริ่มติดผล เราจะต้องทำการฉีดยาสมุนไพรเพื่อป้องกันแมลงมาดูดกินน้ำเลี้ยงผลอ่อน
หากเกษตรกรต้องการผลผลิตที่มีคุณภาพ เราจะต้องทำการห่อผล ซึ่งเทคนิคการห่อผลของสวนนั้นใช้วิธีการสร้างนั่งร้านเช่นเดียวกับงานก่อสร้างไว้รอบ ๆ ทรงต้น เพื่อที่จะห่อผลได้ทุกลูก (นั่งร้านทำจากไม้ไผ่รวก และมีอายุการใช้งาน 2 ปี) โดยใน 1 ต้น ควรจะไว้ลูกเพียง 250-300 ลูก ในอัตราจำนวนดังกล่าวนี้จะทำให้กระท้อนเติบโตเสมอกันทุกลูก โดยจะมีน้ำหนักมาตรฐานอยู่ที่ 4-5 ขีดต่อลูก ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดมีความต้องการ และมีราคาค่อนข้างน่าสนใจ แต่หากไว้จำนวนลูกดกกว่านี้ ก็จะได้ขนาดลูกที่เล็กลง และส่งผลให้ขายได้ราคาถูกลงด้วย แต่ถ้าไว้ลูกน้อยเกินไป กระท้อนก็จะมีขนาดผลที่ใหญ่เกินความต้องการของตลาดเช่นกัน

วิธีห่อกระท้อนของ คุณสมชาย

“การห่อผลควรจะเริ่มห่อตั้งแต่กระท้อนมีขนาดเท่าลูกหมาก โดยจะเลือกห่อเฉพาะผลที่มีผิวเนียนเกลี้ยง ส่วนผิวที่มีตำหนิหรือไม่ต้องการควรปลิดผลนั้นทิ้ง เพื่อป้องการลูกที่ไม่เหมาะสมแย่งอาหารและดึงดูดแมลงวันทองเข้าสวน (ลูกกระท้อนที่ปลิดทิ้งสามารถนำมาหมักเป็นฮอร์โมนลูกกระท้อนเพื่อเพิ่มความหวานได้) ทั้งนี้การห่อผลแต่ละรอบควรจะทำตำหนิโดยการป้ายสีที่ถุงกำกับไว้ เช่น ห่อรอบแรกใช้สีส้ม และห่อรอบสองใช้สีเขียว เป็นต้น (ตัวอย่างสมมติ) การป้ายสีกำกับในลักษณะดังกล่าว จะช่วยให้สะดวกตอนเวลาเก็บเกี่ยว เพราะสามารถเลือกเก็บตามรุ่น ตามสีที่ป้ายไว้ โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดดูทีละถุง”

สำหรับราคาจำหน่ายของกระท้อนที่สวนอุบลสมบูรณ์นั้น แบ่งเป็น 3 เกรด ได้แก่
– เกรดจัมโบ้ ขนาดผลตั้งแต่ครึ่งกิโลกรัมขึ้นไป จำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท
– เกรดกลาง ขนาดผลตั้งแต่ 4-5 ขีด จำหน่ายกิโลกรัมละ 60 บาท
– เกรดมินิ ต่ำกว่า 4 ขีดลงมา จำหน่ายกิโลกรัมละ 40 บาท

“เกษตรกรหลายคนมักสงสัยว่า กระท้อนจัมโบ้ได้ราคาดีสุด ทำไมทางสวนจึงไม่เน้นผลิตเฉพาะกระท้อนที่มีขนาดจัมโบ้ ในประเด็นนี้ต้องเรียนให้ทราบว่า ถึงแม้ขนาดจัมโบ้จะขายได้ราคาดี แต่มักจะขายยาก เนื่องจากตลาดไม่นิยมรับประทานกระท้อนที่มีลูกใหญ่มาก ส่วนใหญ่กระท้อนลูกใหญ่จะเป็นของฝากมากกว่าจะซื้อไปรับประทานเอง ดังนั้นในการผลิตกระท้อนเราจึงต้องผลิตตามความต้องการของตลาด คือ 2 ลูกต่อกิโลกรัมกำลังดีครับปลูก

กระท้อน ไม้ผลทำเงิน

สำหรับการ ปลูกกระท้อน 178 ต้น บนเนื้อที่กว่า 23 ไร่ของคุณสมชาย จะมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 200,000-300,000 บาท / ปี (ต้นทุนสูงสุดอยู่ที่ค่าไม้ไผ่รวกในการทำนั่งร้านเพื่อห่อผลและเก็บผลผลิต ส่วนค่าปุ๋ยและยานั้นต่ำมาก)

จำนวนพื้นที่ปลูกดังกล่าวได้น้ำหนักผลผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 13 ตัน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อปี ซึ่งชี้ให้เห็นว่า “กระท้อน” ก็เป็นไม้ผลเงินล้านได้ เฉกเช่นไม้ผลเศรษฐกิจชนิดอื่น ๆ ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะทำคุณภาพได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น

สำหรับเกษตรกรที่สนใจเรียนรู้การปลูกกระท้อนเพื่อการค้าเงินล้าน หรือสนใจกิ่งพันธุ์กระท้อนหวาน รับประทานอร่อย “พันธุ์ทองพูน” รวมถึงผลผลิตกระท้อน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณสมชาย บุญก่อเกื้อ เลขที่ 171 หมู่ 3 ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง โทร. 08-1377-9536

– ขอบคุณข้อมูลจาก : เกษตรกรก้าวหน้า –

http://news.mthai.com/hot-news/economy-news/agriculture/452969.html

------------- ----------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©