-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 12 OCT *เฟื่องฟ้าไม่ออกดอก,*โป๊ยเซียนใบหงิก,*ทุเรียนรากเน่า,*กระรอกกินมะม่วง,*มะนาวใบเหี่ยว,*หนอนดอกมะม่วง,*ปุ๋ยอ้อย,*แต่งดอกมะเหมี่ยว,*ดินทรายแน่น,*ปาล์มไม่ออกดอก,*ฝรั่งไม่หวาน,*เพลี้ยกล้วยไม้,*มันเทศญี่ ปุ่น,*นาข้าวเป็นถั่วงา,
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 12 OCT *เฟื่องฟ้าไม่ออกดอก,*โป๊ยเซียนใบหงิก,*ทุเรียนรากเน่า,*กระรอกกินมะม่วง,*มะนาวใบเหี่ยว,*หนอนดอกมะม่วง,*ปุ๋ยอ้อย,*แต่งดอกมะเหมี่ยว,*ดินทรายแน่น,*ปาล์มไม่ออกดอก,*ฝรั่งไม่หวาน,*เพลี้ยกล้วยไม้,*มันเทศญี่ ปุ่น,*นาข้าวเป็นถั่วงา,

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 16/10/2014 2:02 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 12 OCT *เฟื่องฟ้าไม่ออกดอก,*โป๊ยเซียนใบหง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ทางรายการวิทยุ 12 OCT

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : เฟื่องฟ้าในกระถางไม่ออกดอก แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- สาเหตุเพราะน้ำมากเกิน .... แก้ไขโดย :
- ยกก้นกระถาง (หินรอง) ให้สูงจากพื้น 1 ฝ่ามือหรือน้อยกว่า เพื่อให้น้ำในกระถางไหลออกทางก้นกระถางให้หมด
- ยกกระถางแล้วงดให้น้ำเด็ดขาด กระทั่งใบเริ่มแสดงอาการเหี่ยว 3 วันติดต่อกัน

- ใบเริ่มเหี่ยว ระดมให้น้ำ +8-24-24 (1 ช้อนโต๊ะ....ให้ปุ๋ยครั้งเดียว) ช่วงแรก หลังจากนั้นให้น้ำเปล่า วันเว้นวัน 3 ครั้ง แล้วงดน้ำต่อ เฟื่องฟ้าต้องการน้ำน้อยมาก ให้ปกติ 15-20 วัน /ครั้งก็พอ ปุ๋ยเคมีไม่ต้อง

------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : โป๊ยเซียนเพลี้ยไฟ ใบหงิก ต้นลาย แก้ไขอย่างไร...?
ตอบ :
- ใช้ “น้ำเปล่า” หรือ “น้ำ + สมุนไพรเผ็ดจัด” ฉีดตอนเที่ยง วันที่มีแดดจัด เพราะเพลี้ยไฟมาตอนเที่ยงแดดจัดท่านั้น

– โป๊ยเซียนตอบสนองต่อฮอร์โมนไข่ที่มีส่วนผสม 0-52-34 +13-0-46 ดีมากๆ ให้เดือนละครั้งก็พอ

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มดตะนอยโคนต้นไม้ แก้ไขอย่างไร...?
ตอบ :
- มด คือ สัตว์ .... สัตว์ คือ สิ่งมีชีวิต .... สิ่งมีชีวิตย่อมต้องการสภาพแวดล้อม
- ใช้น้ำซักผ้า (มีผงซักฟอก) ราดลงไปที่รัง พร้อมกับใช้ไม้แหย่รัง ให้รังพัง รังพังมดก็หนีไปเอง แบบนี้เท่ากับทำให้สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นเปลี่ยนไป อย่าว่าแต่มดเลย สัตว์อื่นๆก็เหมือนกันนั่นแหละ

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ทุเรียนรากเน่า มอดเจาะต้น แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- รากเน่า เกิดจากเชื้อไฟธอปเทอร์ร่า เชื้อตัวนี้เกิดเองตามธรรมชาติเมื่อดินเป็นกรดจัด ถ้าดินไม่เป็นกรดจะไม่เกิด .... ดินเป็นกรดเพราะคนใส่กรดลงไป เช่น ปุ๋ยเคมีมากเกินเหลือตกค้างในดิน เนื่องจากต้นเอาไปกินไม่หมด หรือเอาไปกินไม่ได้, ใช้ยาฆ่าหญ้ามาก, ใช้สารเคมียาฆ่าแมลงมาก, น้ำขังค้างนานเนื่องจากฝนตกบ่อย

- แนวทางแก้ไข :
* วิธีธรรมชาติ : ปรับสภาพดินให้หายจากกรดจัดเป็นกรดอ่อนๆ หรือเป็นกลาง ซึ่งเชื้อไฟธอปเทอร์ร่าจะอยู่ไม่ได้ โดยทำให้ดินโปร่างร่วนซุยด้วยการใส่อินทรีย์วัตถุ (ยิบซั่ม ปุ๋ยคอก เศษซากพืชคลุมโคนต้น), รดด้วยน้ำหมักชีวภาพที่สารอาหารพืช จุลินทรีย์ และสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น, ทำช่องทางระบายน้ำป้องกันน้ำขังค้างโคนต้น

* วิธีเชื้อปรปักษ์ : ใช้เชื้อไตรโคเดอร์ม่ากำจัดโดยตรง ทั้งนี้ก่อนจะส่งเชื้อไตรโคเดอร์ม่าลงไป ต้องปรับสภาพดินให้หายจากเป็นกรดจัดด้วยวิธี “ธรรมชาติ” ที่กล่าวข้างต้นเสียก่อน เพราะตัวเชื้อไตรโคเดอร์ม่าเองก็ไม่สามารถอยู่ในกับดินที่เป็นกรดจัดได้ (ดร.จิระเดช แจ่มสว่าง)

หมายเหตุ :
- ทุเรียนกับไฟธอปเทอร์ร่าเป็นของคู่สร้างคู่สมซึ่งกันและกัน และทุเรียนค่อนข้างอ่อนแอต่อไฟธอปเทอร์ร่าค่อนข้างมาก ดังนั้น มาตรการที่ดีที่สุด คือ “ป้องกัน” ก่อน เริ่มจากบำรุงดินไม่ให้ดินเป็นกรดจัดแล้วส่งไตรโคเดอร์ม่าลงไปเป็นครั้งคราว เพื่อป้องกันและกำจัดเชื้อไฟธอปเทอร์ร่าแบบล่วงหน้านั่นเอง

– ปุ๋ยอินทรีย์ที่ส่วนผสมเหมาะสม และกรรมวิธีในการทำถูกต้อง เมื่ออุณหภูมิในกองสูงขึ้นถึง 60 องศา ซี. จะมีเชื้อไตรโคเดอร์ม่าเกิดขึ้น สามารถนำไปใช้ได้เช่นกัน

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : กระรอกกินมะม่วง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
ใช้สมุนไพร “เผ็ดจัด ขมจัด” ฉีดพ่นที่ผลมะม่วงโดยตรงๆ เมื่อกระรอกกัดที่ผลจะสัมผัสกับรสขมเผ็ด พร้อมกันนั้นให้จัดหา ผักกาด แตงกวา ถั่วฝักยาว ที่กระรอกชอบกิน ใส่กระจาดวางไว้ที่โคนต้นมะม่วง กระรอกเห็นผักในกระจาดก็จะลงมากิน เมื่อกินผักอิ่มแล้วก็จะไม่สนใจกินมะม่วงขมเผ็ดอีก

------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะนาวแป้น ใบเหี่ยว แก้ไขอย่างไร...?
ตอบ :
- พืชทุกชนิด พูดด้วยใบบอกด้วยราก ..... แหวกดินดูราก จะพบว่า “รากเน่า”
- รากเน่าดูดสารอาหารไปเลี้ยงต้นไม่ได้ใบจึงเหี่ยว กับรากเน่ามีเชื้อโรคใบเหี่ยว อาการจึงไปปรากฏที่ใบตามที่เห็น

* สรุป :
- รากเน่าเกิดจากดินเป็นกรดจัด ดินเป็นกรดจัดเพราะคนใส่กรดลงไป (ปุ๋ยเคมีมากเกินต้นมะนาวเอาไปกินไม่หมดแล้วเหลือตกค้าง, ใช้สารเคมีลงดินโดยตรง, ใช้สารเคมีฉีดบนต้น แล้วละอองปลิวลงดิน, ไม่มีจุลินทรีย์, น้ำขังค้างโคนต้น เพราะหน้าฝน)

– แก้ไขโดย ใส่อินทรีย์วัตถุ (ยิบซั่ม ปุ๋ยคอก เศษซากพืชคลุมโคนต้น), รดด้วยน้ำหมักชีวภาพที่สารอาหารพืช จุลินทรีย์ และสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น, ทำช่องทางระบายน้ำป้องกันน้ำขังค้างโคนต้น

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะม่วงน้ำดอกไม้ ออกดอกมีหนอน แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- เหมือนกันทุกมะม่วง ทุกฤดูกาล
- นั่นคือ “หนอนเจาะช่อดอก” ศัตรูคู่สร้างคู่สมของดอกมะม่วง นอกจากหนอนแล้วยังมี เพลี้ยจั๊กจั่น ราดำ เป็นกองหนุนตามมาอีกด้วย

– เพลี้ยจักจั่นเป็นแมลงปากกัดปากดูด ดูดกินน้ำเลี้ยงที่ก้านดอกมะม่วง
- เพลี้ยจักจั่นถ่ายมูลออกมา เรียกว่า “มูลหวานเพลี้ยจักจั่น” ต่อมาราดำซึ่งล่องลอยอยู่ในอากาศเข้าไปเกาะกินมูลหวานนั้น แล้วขยายแพร่พันธุ์จนเต็มต้นมะม่วง

– ใช้สมุนไพร ”เผ็ดจัด (พริก) + ร้อนจัด (ขิง ข่า ขมิ้น กระชาย หอม กระเทียม ฯลฯ) + เบื่อเมา (กลอย สะเดา น้อยหน่า หนอตายหยาก หางไหล ฯลฯ) ฉีดพ่นประจำ วันเว้นวัน ฉีดพ่นตอนเย็น ติดต่อกันตั้งแต่ดอกช่อแรกแทงออกมาให้เห็น จนกระทั่งดอกช่อสุดท้ายกลายเป็นผล

- สมุนไพร เผ็ดจัดร้อนจัด ป้องกันกำจัดราดำ
- สมุนไพรเบื่อเมา ป้องกันกำจัดเพลี้ยจักจั่น และหนอน

– ฉีดพ่นตอนเย็นเพราะเกสรไม่ได้ผสมตอนเย็น แต่ผสมกันตอนกลางวัน ถ้าฉีดพ่นตอนกลางวันจะทำให้เกสรเปียก ผสมไม่ติด....ใม่ได้ผลผลิต

- ฉีดพ่นสารเคมี ทำให้แมลงธรรมชาติ (มาตอนกลางวัน) ไม่เข้าผสมเกสร .... ไม่ได้ผลผลิต

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : อ้อยใช้ปุ๋ยสูตรไหน ..... ?
ตอบ :
- ให้ “น้ำ + น้ำหมักชีวภาพ + 8-24-24” ปล่อยไปกับน้ำบนพื้นจนท่วมร่องแถวปลูก เท่ากับเป็นการให้น้ำไปในตัว

- อ้อยให้ น้ำ+ ปุ๋ย 4 รอบ .... รอบ 1 หลังปลูกหรือหลังเจียนตอไม่กิน 3 วัน.... รอบ 2 เริ่มย่างปล้อง .... รอบ 3 – 4 ต้นโตสูงท่วมหัว แบ่งให้ 2 รอบ

------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ตัดแต่งช่อดอกมะเหมี่ยว ทำอย่างไร...?
ตอบ :
- มะเหมี่ยวออกดอกติดลูกที่ท้องกิ่งแก่ ต้นที่สมบูรณ์มากๆ จะมีดอกติดลูกที่ลำต้นลงมาถึงโคนต้น
- ช่อดอก ช่วงที่ยังเป็นดอก ยังไม่ผสมเป็นลูก ให้บำรุงดอกตามปกติไปเรื่อยๆ
- ช่อผล ช่วงที่ดอกผสมติดเป็นผลแล้วให้พิจารณา ใน 1 ช่อมีหลายผลให้เด็ดผลออกเหลือ 1-2 ผล/ช่อ

– ตัดแต่งช่อผลแล้ว ในกิ่งเดียวกันมีหลายช่อผล อยู่ชิดกัน ซอยออกบ้างให้แต่ละช่ออยู่ห่างๆกัน เพื่อจะได้มีน้ำเลี้ยงไปเลี้ยงผลได้ทุกช่อ
- ไว้ผลช่อละหลายๆผล หรือไว้ผลหลายๆช่อในกิ่งเดียวกัน จะได้ผลขนาดเล็ก

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ดินปนทราย แน่นแข็ง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ดินทราย คือ ดินมีทรายมาก มีอินทรีย์วัตถุ (เศษซากพืช เศษซากสัตว์) น้อย แก้ไขด้วยการใส่อินทรีย์วัตถุ (ยิบซั่ม ปุ๋ยคอก เศษพืชแห้ง) ไถหรือพรวนลงดินให้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้ ยิ่งลึกยิ่งดี .... ต้นทุนอินทรีย์วัตถุมีน้อยให้ใส่มาก ต้นทุนมากให้ใส่น้อย

- ดินแน่น คือ ผลพวงจากการมีอินทรีย์วัตถุน้อย เมื่อใส่อินทรีย์วัตถุ ให้น้ำ ให้จุลินรีย์ลงไปแล้วอาการดินแน่นจะหาย กลายเป็นดินร่วน โปร่ง น้ำ และอากาศผ่านสะดวก

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ปาล์มน้ำมัน ไม่ออกดอก แก้ไขอย่างไร.....?
ตอบ :
- สาเหตุเพราะ เดือนนี้ของปีที่แล้วขาดน้ำอย่างรุนแรง .... นิสัยของพืชตระกูลปาล์ม (ปาล์มน้ำมัน ปาล์มประดับ มะพร้าว หมาก ตาล) ตอบสนองต่อ น้ำ/ปุ๋ย ข้ามปี นั่นหมายความว่า เดือนนี้ของปีที่แล้วขาดน้ำขาดปุ๋ย ต้นจะมีอาการขาดคอ (ไม่มีดอก) หรือมีดอกแต่จะเป็นตัวผู้ ในเดือนเดียวกันของปีนี้

- แก้ไข โดยการบำรุงสม่ำเสมอ ตลอดปีทั้ง 12 เดือนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งของปีนี้ควรเน้นการบำรุงให้มากกว่าปกติ เพื่อปีหน้าต้นจะได้สมบูรณ์เหนือขึ้นไปอีก

------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ฝรั่งไส้แดงไต้หวัน เนื้อไม่หวาน แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- สาเหตุเพราะขาด “ธาตุรอง/ธาตุเสริม” อย่างรุนแรง

* บำรุง :
- ทางใบ : ให้ ธาตุรอง/ธาตุเสริม โดยเฉพาะ (มีขายตามร้านขายปุ๋ย) 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน

- ทางราก : ใส่ยิบซั่ม กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ หญ้าแห้งคลุมโคนต้นหนาๆ ให้น้ำหมักชีวภาพ + 21-7-24 เดือนละครั้ง ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : เพลี้ยสีขาวที่ใบกล้วยไม้ แก้ไขอย่างไร...?
ตอบ :
- เดา .... เน้นย้ำว่าเดา คือ เพลี้ยแป้ง
- ใช้ “น้ำ + สมุนไพรเผ็ดจัด + น้ำยาล้างจาน” ฉีดทั่วต้น เน้นที่ใบ วันเว้นวัน 2-3 รอบ

-----------------------------------------------------------


จาก : (092) 712-50xx
ข้อความ : ขอวิธีปลูกมันเทศญี่ปุ่นด้วยค่ะ .... เกษตรกรสระแก้ว
ตอบ :
- ประเทศไทย ประเทศเกษตรกรรม มีกิจกรรมเกษตรให้เลือกทำมากที่สุดในโลก แต่เกษตรกรไทยไม่รู้จะปลูกอะไร หรือทำอะไร ว่าแล้วทำตามข้างบ้าน ทำตามกระแส ทำตามแม้แต่คนที่ล้มเหลว อะไรที่ไม่เคยทำจะพูดทันทีว่าทำไม่เป็น

– ลอง “คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ” ซิว่า นี่คือ หนึ่งทางเลือกที่น่าพิจารณาว่า ใช่ไหม ? เป็นไปได้ไหม ? หรือยังมีอย่างที่เป็นทางเลือกทำนองนี้อีกไหม ? .... ว่ามั้ย การอยู่กับที่เดิม เท่ากับถอยหลัง เพราะคนอื่นเขาไปข้างหน้ากันหมด....

...นายทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ ประธานชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ได้ทดลองนำมันเทศญี่ปุ่นมาปลูกในประเทศไทย โดยทดลองปลูกที่จังหวัดพิจิตร และเริ่มกระจายไปสู่เกษตรกร ปรากฏว่า การนำมันเทศญี่ปุ่นมาปลูกในประเทศไทยสามารถทำได้ และได้ผลดีเช่นเดียวกันกับการปลูกในประเทศญี่ปุ่น มีโรครบกวนน้อย จะมีเพียงด้วงงวงมันเทศ ที่เกษตรกรต้องคอยระวังเท่านั้น ส่วนการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก เพียงการตัดยอดมันเทศที่จะนำมาทำพันธุ์ ปักลงในดินร่วนซุยที่ถูกยกร่องไว้ และมีการให้น้ำ แต่ชาวบ้านไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องน้ำ ทั้งๆที่จริง ควรมีการให้น้ำตลอดการปลูก จะทำให้มันเทศได้ผลผลิตดี

ในขณะนี้มีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย โดยจะคัดมันเทศญี่ปุ่น เกรด เอ. ส่งห้างในกรุงเทพ และร้านอาหารใหญ่ โดยหลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นประสบปัญหาซือนามิ และมีรังสีแพร่กระจาย ก็ทำให้ ร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทย เริ่มที่จะหันมาสั่งซื้อมันเทศญี่ปุ่น ที่ปลูกในประเทศไทยไปปรุงอาหารให้คนญี่ปุ่นรับประทานแล้ว และในอนาคตคาดว่า ความต้องการ ก็จะมากขึ้นมากกว่านี้ เพราะอาหารหลายชนิด จะไม่สามารถนำเข้ามาจากญี่ปุ่นได้ และอาจจะเป็นไปได้ว่า หากสถาน การณ์รุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ ญี่ปุ่นเองก็อาจจะสั่งมันเทศ ที่เป็นสายพันธ์ญี่ปุ่น เข้าไปจำหน่ายในประเทศเขาเองก็เป็นไปได้ เกษตรกรควรให้ความสนใจ เพราะมันเทศญี่ปุ่น เป็นพืชล้มลุก ใช้เวลาเพียง 4 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยขายในประเทศสามารถขายได้ถึง กก ละ 50 บาท โดย 1 ไร่ สามารถทำรายได้นับแสนบาทเลยทีเดียว

ส่วนลักษณะกายภาพของมันเทศญี่ปุ่นนั้น หัวจะมีลักษณะเรียวยาวคล้ายหัวใช้เท้า เนื้อมันละเอียดเนียน มีรสหวาน ไม่มีเสี้ยน จะมี 2 สี ที่คนชอบรับประทาน คือ สีเหลือง ผิวนอกสีชมพูเข้ม จะมีรสหวานมาก และสีม่วง ที่หารับประทานยาก

มันหวานญี่ปุ่น ปลูกได้ในประเทศไทย :
ในแปลงทดลองของแผนกฟาร์ม ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จ.พิจิตร ได้ทำการทดลองปลูกมันเทศสายพันธุ์ต่างประเทศมานานประมาณ 4 ปี เริ่มจากการนำมันเทศเนื้อสีส้มจากประเทศออสเตรเลียมาทดลองปลูกในบ้านเรา ได้ผลผลิตและคุณภาพดี และได้ผลิตส่งขายยังซูเปอร์มาร์เกต ของห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพมหานคร ได้ผลตอบรับจากผู้บริโภคด้วยดีเสมอมาและได้มีการขยายพื้นที่ปลูกออกไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งได้มีการนำผลผลิตไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกมากมาย อาทิ น้ำมันเทศเนื้อสีส้มพร้อมดื่ม, ผลิตเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ

นอกจากมันเทศเนื้อสีส้มแล้ว ทางชมรมฯ ยังได้นำมันเทศเนื้อสีม่วงจากประเทศญี่ปุ่นมาทดลองปลูกได้ผลผลิตและ คุณภาพดีไม่แพ้กัน แต่มันเทศเนื้อสีม่วงมีจุดอ่อนตรงที่เมื่อปลูกต่อ เนื่องหลายรุ่น สีม่วงของเนื้อมันเทศอาจจะมีความแปรปรวน ไม่ได้ผลผลิตเนื้อสีม่วงเข้มเช่นเดิม ในขณะนี้ได้มีการนำมันเทศเนื้อสีเหลืองจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีคุณสมบัติของเนื้อเหนียวแน่น และมีจุดเด่นตรงที่มีรสชาติหวานกว่ามันเทศเนื้อสีอื่นๆ หลายคนเรียกว่า “มันหวานญี่ปุ่น” (Japanese Sweet Potato) ซึ่งมันเทศเนื้อสีเหลืองสายพันธุ์นี้เป็นมันเทศที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น มีการสั่งนำเข้ามาขายในบ้านเราในซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้าใหญ่หลายแห่ง ในราคาขายถึงผู้บริโภคเฉลี่ยกิโลกรัมละ 90-100 บาท จัดเป็นมันเทศที่มีราคาแพงที่สุดในขณะนี้ ในขณะเดียวกันจัดเป็นมันเทศที่มีรสชาติอร่อยที่สุดเช่นกัน

ทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรได้เริ่มนำหัวมันเหลืองญี่ปุ่นหรืออาจจะเรียก “มันเหลืองญี่ปุ่น” มาทดลองปลูกโดยจัดแปลงการปลูกที่มีการดูแลรักษาเหมือนกับการปลูกมันเทศ เนื้อสีส้มทุกประการ แต่ในการจัดแปลงปลูกจะแบ่งล็อกเป็นแปลงละ 1 งาน เพื่อการจัดการแปลงและดูแลรักษาได้ง่าย ปลูกไปได้นานประมาณ 120 วัน เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หัวมันเทศที่ มีลักษณะเหมือนกับมันเทศที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ลักษณะของหัวมันเทศจะเรียวยาวคล้ายกับผักกาดหัว (หัวไชเท้า) ผิวเปลือกมีสีม่วงอมแดง ได้มีการทดลองปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตมาแล้ว 2 ครั้ง จนมีความมั่นใจว่าปลูกและให้ผลผลิตและมีคุณภาพดีไม่แพ้ที่ปลูกในญี่ปุ่น จึงได้ทำการขยายพื้นที่ปลูก เพื่อผลิตส่งขายให้กับเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ทำให้คนไทยจะได้บริโภค Japanese Sweet Potato ที่ปลูกในประเทศไทยแต่มีราคาถึงผู้บริโภคคนไทยถูกลง

เกษตรกรจะปลูกมันหวานญี่ปุ่นให้ประสบความสำเร็จนั้น ปัจจัยอันดับแรกที่ไม่ควรมองข้าม คือ เรื่องของสภาพของโครงสร้างดินที่จะปลูก ถึงแม้ว่ามันเทศจะเจริญเติบโตได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ดินร่วนปนทรายมีความเหมาะสมมากที่สุด

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร โทร. 0-5661-3021. ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ


@@ การขยายพันธุ์มันเทศ :
- วิธีชำยอด .... ใช้ยอดของลำต้นแก่หลังจากขุดหัวแล้ว สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรค ให้ผลผลิตดี ตัดยอดยาว 30-50 ซม. แช่ น้ำ+ปูนกินหมาก 1 ชั่วโมง เพื่อกำจัดเชื้อโรค แล้วจึงนำไปปลูกแบบปักเอียง 45 องศา ในแปลงที่เตรียมไว้

- วิธีชำหัว .... นำหัวสดใหม่ สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่มีโรค เพาะในกระบะ ทรายหยาบ + ขุยมะพร้าวสับละเอียด (1:3) วางหัวมันตามแนวนอนพอมิดหัว คลุมด้วยหญ้าแห้ง พรมน้ำให้เปียก ทิ้งไว้ 7-10 วัน จะมีหน่องอกขึ้นมาที่ตาของหัวมัน ใช้มีดผ่าแบ่งหัวมันออกเป็นซีกๆ แต่ละซีกให้มีหน่อติดอยู่ 2-3 หน่อ ใช้ปูนกินหมากทาแผลตัดเพื่อป้องกันเชื้อรา แล้วนำลงปลูกในแปลงจริง

- วิธีชำเถา .... เลือกเถาที่สมบูรณ์ แข็งแรง ให้ผลผลิตดี ไม่มีโรค ตัดเถาเป็นท่อนๆ แต่ละท่อนมี 3 ข้อ ข้อล่างสุดกับข้อกลางเด็ดใบทิ้ง แต่ข้อบนสุดให้มีใบติด 1 ใบ นำไปปักให้ข้อล่างสุดกับข้อกลางลงในกระบะเพราะชำที่มีวัสดุเพาะ ทรายหยาบ + ขุยมะพร้าวสับละเอียด (1:3) เพาะชำจนออกรากดี และแตกหน่อใหม่แล้ว จึงย้ายไปปลูกในไร่

– เพราะเมล็ด .... ไม่นิยมเพราะจะต้องใช้เวลานาน แต่จะทำก็เพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเท่านั้น

หมายเหตุ :
ที่มาของชื่อโครงการพระราชดำริ “ชั่งหัวมัน” ก็คือ หัวมันเทศที่พสกนิกรนำไปถวาย พระองค์ทรงรับไว้แล้ว ทรงวางไว้บนตาชั่ง วางไว้นานนับเดือน มันเทศหัวนั้นยังงอกรากได้ ทั้งๆที่วางอยู่บนจานตาชั่ง นี่สะท้อนให้เห็นว่า หัวมันเทศงอกได้ทุกสภาพแวดล้อม

ฉะนี้แล้ว มันเทศไทย มันเทศญี่ปุ่น จีน มันเทศประเทศไหนๆก็ปลูกได้ ขยายพันธุ์ได้ทั้งนั้น

@@ ปลูกมันเทศ :
* เตรียมดิน เตรียมแปลง :
- ไถดะไถแปร ตากแดดจัด 20-30 แดดจัด เพื่อกำจัดเชื้อโรคและวัชพืช .... ใส่ยิบซั่มเฟอร์มิกซ์, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, รดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (2 ล.) /ไร่ หญ้าแห้งคุลมสันแปลงหนาๆ ทิ้งไว้ 20-30 วัน เพื่อบ่มดินให้เวลาจุลินทรีย์ปรับสภาพดินและสร้างสารอาหารรอไว้ก่อน

* ทางใบ : .... ให้ ไบโออิ 5-10-40 ทุก 7-10 วัน 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 รอย

- ทางราก : .... ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 5-10-40 (1 ล.) +8-24-24 ( 2 กก.) /ไร่ ฉีดลงดินบริเวณโคนต้น เดือนละครั้ง

หมายเหตุ :
- ไม่ควรใช้ ฟูราดาน, ยาฆ่าหญ้าทุกชนิด. อย่างเด็ดขาด เพราะพืชกินหัวจะดูดซึมรับสารเคมีพวกนี้ไปไว้ในหัวตัวเอง นอกจากทำให้คุณภาพไม่ดีแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อคนกิน เป็นอันตรายต่อดินรุ่นหน้ารุ่นต่อๆไป แถมเสียเครดิต เสียชื่อเสียง เสียลูกค้า อีกด้วย

- เป็นอีกพืชทางเลือกหนึ่งสำหรับแล้งหน้าที่จะไม่มีน้ำทำนาปรัง อายุแค่ 4 เดือนหรือ 120 วัน ก็อายุพอๆกับข้าวนั่นแหละ

– ปลูก แซม/แทรก ในแปลงไม้ผลยืนต้น แล้วบำรุงไปพร้อมกับไม้ผลได้

-------------------------------------------------------------


จาก : (083) 879-1903xx
ข้อความ : นา 2 ไร่ ท้ายนาทำสระเก็บน้ำ กว้าง 1 งาน ลึก 2 เมตร รอให้ดินในนาแห้งพอหมาดๆ จะไถดะเพื่อปลูกถั่วเขียว 1 ไร่ ปลูกงา 1 ไร่ แต่งาไม่เคยปลูก หลังฤดูฝนจะอาศัยน้ำในสระให้ไปตามร่อง อาจารย์คิดว่า น้ำ 1 สระจะพอถึงเก็บเกี่ยวหรือเปล่าครับ และให้พูดเรื่องโรคและแมลงที่รบกวนงา ค่ำนี้ด้วย ขอบคุณครับ .... จ.ชัยนาท
ตอบ :
- “สระเก็บน้ำ กว้าง 1 งาน ลึก 2 เมตร”.... สระน้ำขนาดนี้ ถึงจะเก็บน้ำได้ไม่นานเท่าที่ควรจะนาน คงพอสำหรับพืชไร่อย่างถั่ว งา 1 รุ่นสบายๆ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส มีสระน้ำต้องมีน้ำจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ห้วย หนอง คลอง บึง บาดาล ฯลฯ สำหรับเติมในสระ เมื่อน้ำในสระลดลง ทั้งนี้ การสูญเสียของน้ำในสระ จะระเหยไปในอากาศวันละ 1 ซม. ถ้ามีน้ำลึก 3 ม. เท่ากับ 300 ซม. แค่ระเหยวันละ 1 ซม. ก็หมดแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ได้ใช้เลย .... นั่นหมายความว่า แม้จะมีสระน้ำ ใหญ่/กว้าง/ลึก ซักแค่ไหน ถ้าไม่มีน้ำจากแหล่งอื่นเติมเพิ่มก็ไม่พอใช้อยู่ดี

ที่ไร่กล้อมแกล้ม สระน้ำกว้าง 15 ม. ยาว 20 ม. ลึก 2-3 ม. สำหรับใช้งานในเนื้อที่ 20 ไร่ เคยบันทึกสถิติการใช้น้ำ หน้าแล้งใช้น้ำครั้งละลึก 1 คืบมือ หรือประมาณ 20 ซม. แบบนี้ใช้น้ำไม่กี่ครั้งก็หมดแล้ว แต่ไม่หมดเพราะมีน้ำต้นทุนจากไต้บาดาลคอยเติมนั่นเอง

สระน้ำที่อาศัยน้ำฝนอย่างเดียว จะมีน้ำเฉพาะหน้าฝนที่ฝนตกใส่ หรือน้ำฝนไหลเข้าไปเท่านั้น หมดหน้าฝนน้ำก็หมดด้วย

- “ปลูกถั่ว 1 ไร่ แต่งาไม่เคยปลูก” .... ไม่มีใครเคย หรือเป็น หรือรู้ มาจากท้องพ่อท้องแม่หรอก เกิดมาแล้วต้องหัดเอาทั้งนั้น หาข้อมูลที่เป็นวิชาการ กับข้อมูลที่เป็นประสบการณ์ตรงของคนข้างบ้าน ศึกษาส่วนที่เป็นปัญหาก่อน ค่อยศึกษาความสำเร็จทีหลัง รู้ถึงปัญหาแล้ว วางแผนป้องกัน ล่วงหน้า เมื่อลงทำแล้วจะไม่เกิดปัญหาเพราะป้องกันไว้ก่อนแล้ว แต่หากไม่ป้องกันปัญหาล่วงหน้า ทำๆไปมีแต่ปัญหา ปัญหา สุดท้ายก็ล้มเหลว ....

เอาน่า “ความล้มเหลว คือ ความสำเร็จ” ครั้งแรกรุ่นแรก ลงน้อยๆก่อน เอามาเป็นแปลงครู รู้แล้วเป็นแล้ว รุ่นหน้ารอบหน้า .... ลุย !

- “อาศัยน้ำในสระให้ไปตามร่อง” .... อืมมม แบบนี้แสดงว่า ไม่ได้ปลูกบนคันนา แต่ปลูกในแปลงนา ทำเป็นร่องลูกฟูก ปลูกบนสันร่อง ช่องระหว่างร่องสำหรับให้น้ำ ก็พอได้

- “คิดว่า น้ำ 1 สระจะพอถึงเก็บเกี่ยวหรือเปล่า” .... ยี่ห้อพืชไร่กินน้ำน้อยอยู่แล้ว ลำพังถั่วกับงา ให้น้ำแต่ 2-3 รอบ ตั้งแต่หลังปลูกยืนต้นได้ แบ่งช่วงให้จนถึงเก็บเกี่ยวได้

- “ให้พูดเรื่องโรคแมลงที่รบกวนงา” .... ศัตรูงาที่สำคัญ แมลง ได้แก่ หนอนห่อใบงา และหนอนผีเสื้อหัวกะโหลก ใช้สารสมุนไพร “ขมจัด+เบื่อเมา” .... โรคที่พบบ่อย คือ โรครากโคนเน่า โรคนี้เกิดจากดินเป็นกรด ดินไม่เป็นกรดก็จะไม่เกิด

@@ ปลูกงา :
* เตรียมดิน เตรียมแปลง :
- ไถดะไถแปร ตากแดดจัด 20-30 แดดจัด เพื่อกำจัดเชื้อโรคและวัชพืช....ใส่ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ, รดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (2 ล.) /ไร่ หญ้าแห้งคุลมสันแปลงหนาๆ ทิ้งไว้ 20-30 วัน เพื่อบ่มดินให้เวลาจุลินทรีย์ปรับสภาพดินและสร้างสารอาหารรอไว้ก่อน

* ทางใบ : .... ให้ ไบโออิ 5-10-40 ทุก 7-10 วัน 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 รอย
- ทางราก : .... ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 5-10-40 (1 ล.) +8-24-24 ( 2 กก.) /ไร่ ฉีดลงดินบริเวณโคนต้น เดือนละครั้ง พอหน้าดินชื้น

หมายเหตุ :
- ไม่ควรใช้ ฟูราดาน, ยาฆ่าหญ้าทุกชนิด. อย่างเด็ดขาด เพราะจะดูดซึมรับสารเคมีพวกนี้ไปไว้ในหัวตัวเอง นอกจากทำให้คุณภาพไม่ดีแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อคนกิน เป็นอันตรายต่อดินรุ่นหน้ารุ่นต่อๆไป แถมเสียเครดิต เสียชื่อเสียง เสียลูกค้า อีกด้วย

- แล้งหน้านี้ นาปรังไม่มีน้ำแน่ แนะนำให้ปลูกพืช อายุสั้น ฤดูกาลเดียว ใช้น้ำน้อย เช่น ถั่วเขียว-เหลือง-แดง-ดำ, งาดำ-ขาว-แดง, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ .... รวมกลุ่มทำ 10-20 บ้าน ๆละ 5-10 ไร่ .... ติดต่อกับร้านรับซื้อพืชไร่ในพื้นที่

-------------------------------------------------------------




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©