-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - เกษตรสัญจร 4-ผักไฮโซ VS ริมฟุตบาท ตอน มก.ใช้เคมี-มธ.ใช้อินทรีย์
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

เกษตรสัญจร 4-ผักไฮโซ VS ริมฟุตบาท ตอน มก.ใช้เคมี-มธ.ใช้อินทรีย์
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 29/11/2012 5:18 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 4-ผักไฮโซ VS ริมฟุตบาท ตอน มก.ใช้เคมี-มธ.ใช้อินทร ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน


เกษตรสัญจร 4 ว่าด้วยพืชผัก ผลไม้ Go Inter VS On Footpart


ตอนที่ 1 มะเขือเทศธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา



ขอร่ายยาวเพื่อความเข้าใจ.....

อยากให้เพื่อนๆ ได้ดูแล้วคิดว่า พืชผักและผลไม้ประเภทขึ้นห้างและส่งออก เค้าทำกันยังไง คนเราก็มี 2 มือ 2 เท้า 2 ตา 2 หู 1 มันสมองเหมือนกัน (สำหรับ 1 ปากไม่ต้องพูด เพราะเอาไว้กินหอยกินปู) ทำไมเค้าทำได้ แต่ทำไมคุณ
และผมจึงทำไม่ได้อย่างเค้า ผมคิดหาวิธีครับ เห็นแล้วมันน่าทึ่งจริง ๆ ....ลาว เวียตนาม เขมร ก้าวล้ำนำไทยไปแล้วในอาเซี่ยน นักวิชาการ นักวิชาเกิน นักวิชากอง อยู่ที่ไหน น่าคิดครับ

บังเอิญว่าเพื่อนของลูกสาว เค้าทำธุรกิจ ผักขึ้นห้าง ผักส่งออก ผมจึงได้ภาพเหล่านี้มา

ความจริงแล้ว ผักไทยๆ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชี ยี่หร่า โหระพา กระเพรา พริกขี้หนูสวนแท้ๆ ผักหวานบ้าน(ต้องสายพันธุ์ สายน้ำผึ้งนะครับ) ผักหวานป่า ไม่เอาเพราะหาได้ไม่พอ Order …เมล็ดสตอที่แกะออกจากฝักแล้ว (รับ
ซื้อเป็นฝัก มาแกะเมล็ดเอง) รวมทั้ง สะเดา ตลอดจนไปถึง ผักไฮโซ ..Green Oak, Red Oak, Cross…Ect.

แต่ขอบอกว่า ทุกอย่างต้องปลอดสารพิษอย่างเด็ดขาด เข้มงวดยิ่งกว่าเข้า GAP อีกนะครับ ถ้าเจอของใครแล้วตีกลับ รับรองว่า มึงตั๊ย-มึงตั๊ย คุณจะถูกปรับตามสัญญา หัวโตมาแล้วหลายรายครับ แต่ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ผ่านฉลุย เพราะไม่มีอะไรที่เป็นสารพิษเลยซักตัวเดียว

น้องชายของเพื่อนที่ทำผักส่งออก มันวิ่งสินค้าอยู่ 2 สะ คือ (1) สะตอ (2) สะเดา แค่เนี้ย มีเงินเป็น 10 ล้าน ....

สะเดาดอ คือ สะเดาออกก่อนฤดู กิโลละ 200–300 มาจากไหน ศรีษะเกษ ครับท่าน ใส่รถปิ๊คอัพเสริมแหนบ บรรทุกแต่ละครั้งคันละ 3 ตัน ใช้รถเที่ยวละ 3 คัน ....ผมถามมันว่า ...

.....ทำไมเอ็งไม่จ้างสิบล้อ
...มันบอกว่า .....ค่าบรรทุกแพง และช้า ไม่ทันกิน..โดนหมากัดตลอดทางอีกต่างหาก ใส่ปิ๊ค อัพ 3 คันเที่ยวละ 9–10 ตัน คืนเดียวถึง เข้าตลาดอีกครึ่งวันหมดเกลี้ยง ลูกค้ามารับไปเอง แย่งกันยังกับมอญแย่งศพ ...

ผมลองคิดราคาอย่างต่ำแค่กิโลละ 200 x 10 ตัน (10,000 กก.) เป็นเงิน 2,000,000 ต่อ 1 เที่ยว ฝันกลางแดดหรือเปล่าวะนี่ ....เคยถามว่า

... เที่ยวนึงเอ็งได้กำไรเท่าไหร่วะ....
....40 % ครับพ่อ....แจ้งเสียภาษีมีรายได้แค่เดือนละไม่เกินแสน แยกกับแฟนต่างคนต่างเสีย ไม่อย่างนั้นผมโดนภาษีอาน ก่อนเจอพระศรีอารย์ ...ดีว่ายังไม่ต้องเสีย VAT

....สินค้าเกษตรไม่ต้องเสียภาษีไม่ใช่เรอะ ...
…..ใช่ครับ แต่ภาษีเงินได้ต้องจ่าย ....ถึงผมจะแจ้งน้อยแต่ก็เสียภาษีนะครับ

....แล้ว สะตอล่ะ เอาจากไหน....
...ชุมพรครับ....

...ชุมพรมีสะตอรึ....
...มีนิดหน่อย แต่ให้เอามารวมที่นั่น บ้านแม่ยาย จ้างคนมาคัดแยก ชั่งน้ำหนักตามกิโล ส่งเข้ากรุงเทพฯ เอามาจ้างคนแกะ ฝักที่แกะแล้วมีคนมาซื้อเอาไปให้วัวกิน เค้าบอกว่า ให้น้ำนมข้นดี ...

...แล้ววัวมันไม่ตดเหม็นแย่รึวะ..
...ผมก็ไม่รู้นะ ไม่เคยตามไปดม...

...แกะแล้วเอาไปไหน...
...แพ็คใส่ถุงสุญญากาศ ถุงละ 5 กก. เข้าตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นส่งญี่ปุ่น กับ บรูไนครับ....

...คอนเทนเนอร์ใหญ่ๆ นะเรอะ ...บรูไนเป็นแขก เอาไปกิน แต่ญี่ปุ่นเอาไปทำอะไร....
...คอนเทนเนอร์ขนาดสั้นครับ ญี่ปุ่นเอาไปสกัดทำยาครับ แต่ไม่รู้ว่ายาอะไร...


ส่วนคนพี่สาวของคนขายสะตอกับสะเดา ทำผักส่งออก กับผักขึ้นห้าง .......
....พ่อ ที่สวนหลังน้ำลด พ่อปลูกอะไรมั่ง....
…..ล้มสวนทำนาไปแล้ว บนโคกพ่อเล่นของง่าย ปลูกผักหวานบ้าน พันธุ์สายน้ำผึ้งว่ะ เก็บครั้งละ 20–30 โล บนคันล้อม มีมะพร้าว แต่ปลูกยี่หร่านิดหน่อย ....

....พ่อขยายผักหวานให้เก็บได้ครั้งละ 70–100 โลซี่ หนูจะวิ่งรถเข้ามาเอาเอง …ยี่หร่าก็เหมือนกัน ปลูกแยะๆ ส่งไปแถวๆ สแกนดิเนเวีย แต่ต้องห้ามฉีดพ่นยาฆ่าแมลงนะ ....



ครับ ที่ผมนำเสนอมานี้ เป็นเพียงส่วนย่อยส่วนหนึ่ง รับรองว่ามีตัวตน ของจริงครับ ไม่ได้นำเสนอเล่นแบบปาวๆ …..

จะคุยเรื่อง มะเขือเทศธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เกริ่นเรื่องซะยาว....คุณๆ อ่านแล้วได้ความคิดอะไรบ้างผมไม่ทราบ สองคนยลตามช่อง ย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกัน

.....ทำแล้วจะไปส่งที่ไหน ...ถ้าคุณทำแล้วออกมาเป็น เกรด เอ. บอกมา จะติดต่อให้เค้าไปดู แล้วคุยกันเอง ผมเป็นคน แฟร์ๆ ไม่มีการหักหัวคิว ท้ายคิว ช่วยกันได้ช่วยกันไป


เข้าเรื่องครับ



รูปที่ 1 แปลงมะเขือเทศที่ทำขึ้นห้าง และ ส่งออกต้องทำแบบนี้ครับ ใครที่ปลูกมะเขือเทศเป็นอาชีพดูเอาไว้ สำหรับผมเพียงแค่นำเสนอสิ่งดีๆ ให้ สมช.ได้ดูกัน


เรื่องมะเขือเทศ รู้อย่างเดียวว่า ถ้าปลูกมะเขือเทศแล้วได้รับควันไฟ มะเขือเทศจะยอดหงิกหมดทั้งแปลง เพราะฉะนั้น ถ้าปลูกมะเเขือเทศอยู่ใกล้แปลงนาที่เกี่ยวข้าวแล้วเค้าเผาฟาง ก็นับเป็นความซวยของคุณ แต่ฟ้องร้องได้นะครับ

มีสวนองุ่น อยู่ใกล้แปลงนา เค้าฉีดยาฆ่าหญ้า หมาดำ องุ่นเหี่ยวใบร่วงทั้งแถบ ไปแจ้งความขึ้นศาล ต้องจ่ายค่าเสียหายมาแล้ว ฉะนั้น ระวังเรื่องนี้ให้มากๆ






รูปที่ 2 มะเขือเทศพันธุ์อะไรผมไม่ทราบ รู้อย่างเดียวตามที่ลุงคิมเคยพูด ไม่ใช่พันธุ์ที่บ้านคุณก็แล้วกัน





รูปที่ 3 นี่ก็ไม่ใช่พันธุ์ที่บ้านคุณและบ้านผมอีกนั่นแหละ มะเขือเทศพันธุ์บ้าอะไรไม่รู้(ไม่ใช่มะเขือลุงคิมแน่ๆ ) สูงท่วมหัว แผ่กิ่งก้านซะไม่มี ต้นเดียวเก็บครั้งนึงเป็นเข่ง ๆ





รูปที่ 4 มาดูใกล้ๆ ครับ มันอะไรกันนักกันหนา ใช้ปุ๋ยลุงคิมสูตรไหนครับลุ๊ง




รูปที่ 5 เค้าบอกไว้ว่า Sweet Tomato จะหวานซักแค่ไหนก็ไม่ทราบ ผมยังไม่เคยชิม ...ยังไม่เคยเห็นของจริงด้วยซ้ำ ดูกันเอาไว้ เผื่อใครคิดอยากจะปลูก






รูปที่ 6 อันนี้มีชื่อว่า มะเขือเทศพันธุ์ พวงผกา คงจะเป็นพันธุ์ที่คนไทยผสมขึ้นเองละนะ เปรียบเทียบขนาดลูกกับเหรียญบาทด้วย (แต่เหรียญรุ่นไหนไม่รู้ ด๊ำ ดำ ...รุ่นพระเจ้าเหา มั๊ง)





รูปที่ 7 ชื่อเป็นญี่ปุ่น อ่านไม่เป็น แต่พี่ไทยเรียกตามลักษณะของลูกที่คล้ายลูกเชอรี่ว่า มะเขือเชอรี่ น่าจะมีปลูกในเมืองไทย แล้วที่เพื่อนๆ สมาชิกปลูกกันน่ะ เกรดไหนครับ ทำให้ได้เกรดส่งออกนะครับ แล้วมาคุยกัน





รูปที่ 8 นี่สิเจ๋ง แต่ไม่ทราบชื่อสายพันธุ์ แต่เค้าเรียกกันว่า พันธุ์ยับยู่ยี่ ตามลักษณะของลูก นี่แหละครับ พี่ไทยเราทำอะไรได้ตามใจ คือ ไทยแท้




รูปที่ 9 นี่เป็นมะเขือเทศสายพันธุ์ใหม่ ดูว่าผิวบางแต่เนื้อหนา เมล็ดน้อย ทำสลัดน่าจะดี มีเมล็ดมาขายหรือยังไม่ทราบครับ





รูปที่ 10 เป็นมะเขือเทศพันธุ์ลูกจิ๋ว ...แต่ อ่างภาษาญี่ปุ๋งม่ายออกอ้า ...
จะสังเกตว่า มะเขือเทศสายพันธุ์ใหม่ๆ มาจากการพัฒนาสายพันธุ์ของญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็ส่งเมล็ดพันธุ์ (ที่ปลูกได้ครั้งเดียว) ออกขาย

...แล้วนักวิชาการของไทย ไปอยู่ที่ไหน....คำตอบ คือ ถูก เจียไต๋ ไม่ก็ อีสต์เวสต์ซีด หรือ PAC ไทย เอาเงินฟาดหัว นอนตีพุงสบาย เสียชาติเกิดไปแล้ว นักวิชาการขายตัว... เวรกรรม ...



ส่วนเมล็ดผักของจีนที่ใส่ซองสวยๆ มาวางขายหรือเวลาขึ้นไปทางเหนือจะมีวางขาย อันนั้น เป็นเมล็ดพันธุ์เปิด แต่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ หรือแผนกบรรจุภัณฑ์ อยู่ที่อำเภอเชียงแสนฮ่ะ

เมล็ดพันธุ์พวกนั้นมาจากไหน คำตอบคือ เม็กพังของมวงทายท้างน้าง พิงซองสวยๆ ที่มวงทาย ซองหย่าย ๆ พิงสีสวยๆ มี สิกห้า ถึง ยี่สิก เม็ก ขายสิกห้าบาก มะขัวลูกนึง ขายล่ายเป็งพัง ฮ่อ ๆๆๆๆ หว่างกิมเล้ง อี อี่ๆๆๆ

ที่ผมรู้เพราะ เพื่อนสาวจีนยูนนานที่ดอยแม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย เค้าบอกมาจ้า ...




ตอนที่ 1 ก็จบแค่นี้ก่อนครับ



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 27/01/2017 11:32 am, แก้ไขทั้งหมด 17 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 29/11/2012 7:37 pm    ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร 4 ผักผลไม้ GoInter-OnFootpart ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:



เรื่องมะเขือเทศ รู้อย่างเดียวว่า ถ้าปลูกมะเขือเทศแล้วได้รับควันไฟ มะเขือเทศจะยอดหงิกหมดทั้งแปลง เพราะฉะนั้น ถ้าปลูกมะเเขือเทศอยู่ใกล้แปลงนาที่เกี่ยวข้าวแล้วเค้าเผาฟาง ก็นับเป็นความซวยของคุณ แต่ฟ้องร้องได้นะครับ

COMMENT :

ประสบการณ์ตรง 1


ตายิ้ม. (ลุงคิมเรียกตา ต้องแก่กว่าลุงคิมแน่) ทำนาไม่เผาฟาง 20 ไร่ อยู่สรรค์บุรี ชัยนาท รุ่นหน้าที่จะเริ่มอีก 2 อาทิตย์เป็นนาไม่เผาฟางรุ่นที่ 2 จากบทเรียนนาไม่เผาฟางรุ่นแรก ประจักษ์ชัดแล้วว่า ดีกว่านาเผาฟางในทุกๆด้าน กระทั่งตะโกนได้เต็มปากว่า “ก...ทำกับมือ มึงอย่างเถียง”

อั้ยปื๊ด. เด็กหนุ่มเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง ไปนาทุ่งไหนก็จะเผาฟางในนาแปลงนั้น นอกจากเป็นการช่วยเหลือเจ้าของนาแล้ว ยังช่วยให้เป็ดหากินง่ายได้อีกด้วย เรียกว่า 2 เด้ง ประมาณนั้น

มาถึงนาตายิ้ม. อั้ยปื๊ด.เผาฟางเรียร้อย....ตายิ้ม.ถึงกับหน้ามืด โมโหโกธาสุด....”อั้ยปื๊ด มึงเผาฟางกูทำไม ?”
อั้ยปื๊ด.ตีหน้างง “อ้าว ทำไมล่ะลุง ผมช่วยเผาให้ไม่ดีเหรอ ?” ตายิ้มตอบสวนทันควัน “ไม่ดีโว้ย กูจะ
เอาไว้ทำปุ๋ย กูทำนาแบบไม่เผาฟาง” อั้ยปื๊ดทำท่าเหมือนยิ้มเยอะ “โถ โถ โถ ลุงยิ้ม ไม่มีใครเขาทำกัน
หรอก ไถกลบฟางมันไถยาก ฟางมันพันผานรถไถ ผมช่วยเผาให้เนี่ย น่าจะได้บุญคุณนะ” ตายิ้มโกรธหนัก
“มึงไม่ต้องมาสอนกู กูจะเรียกร้องค่าเสียหาย มึงชดใช้มา 1 หมื่น ไม่งั้นกูแจ้งตำรวจแน่” อั้ยปื๊ดได้ยังแล้ว
หัวเราะ “อะไรกันลุง แบบนี้เรียกว่าทำลายทรัพย์สินเหรอ ไม่ใช่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันหรอเหรอ เจ้าของนา
กับคนเลี้ยงเป็ดอยู่ร่วมกันได้” ตายิ้มกัดฟันกรอดๆ “ไม่ใช่โว้ย แบบนี้มันทำลายทรัพย์สินคนอื่น มึงจะ
ชดใช้หรือไม่ชดใช้” อั้ยปื๊ดยืนยัน “ไม่ใช้ ลุงจะไปฟ้องใครก็ไป ฉันไม่ชดใช้” ตายิ้มผละออกมา ก้าวเดิม
ฉับๆ ขึ้นมอเตอร์ไซด์ เร่งเครื่องเสียงลั่น มุ่งหน้าเข้าตัวเมือง กระทั่งไปถึงโรงพัก

ตำรวจ : แจ้งความเหรอลุง ?
ตายิ้ม : ครับแจ้งความ อั้ยปื๊ด วันนี้คนเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งมันเผาฟางผมซะเกลี้ยงเลย

ตำรวจ : อ้าว เขาช่วยเผาฟางให้แบบนี้ ไม่ดีหรอกเรอะ ?
ตายิ้ม : ดีได้ยังไงคุณตำรวจ ผมทำนาแบบไถกลบฟาครับ ผมใช้ฟางบำรุงดินแล้วก็เป็นปุ๋ยได้ด้วย

ตำรวจ : (หัวเราะเบาๆ) งั้นเหรอ ผมก็เห็นเขาเผากันทุกบ้านนั่นแหละ
ตายิ้ม : นั่นมันเรื่องของเขาครับ แล้วคุณตำรวจรู้หรือเปล่าว่า นาเผาฟางได้ข้าวน่ะ ต้นทุนสูงแค่ไหน แต่ของ
ผมไถกบลฟาง ได้ข้าวมากกว่าของเขา ต้นทุนต่ำกว่า ขายแล้วได้กำไรมากกว่าเขาด้วย

ตำรวจ : (หุบยิ้ม) แล้วลุงจะให้จัดการกับอั้ยปื๊ดยังไง ?
ตายิ้ม : มันทำลายทรัพย์สินของผม มันต้องชดใช้ หรือคุณตำรวจว่า ฟางไม่ใช่ทรัพย์สินล่ะครับ ?

ตำรวจ : (นิ่ง คิด ใช่ทรัพย์สินหรือเปล่า) ก็ได้ เดี๋ยวผมให้ใครไปเรียกอั้ยปื๊ดมาสอบสวน

ประมาณ 10 นาที อั้ยปื๊ดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ตำรวจมาถึงโรงพัก

ตำรวจ : (แจ้งข้อกล่าวหาก่อน) ปื๊ด คุณเผาฟางนายยิ้ม เป็นการทำลายทรัพย์สินส่วนตัว คุณต้องชดใช้ค่า
เสียหาย มีอะไรแก้จะตัวไหม ?
อั้ยปื๊ด : โห...คุณตำรวจ ผมช่วยเขาละไม่ว่า

ตำรวจ : เฮ่ย ช่วยคือช่วย แต่นี่เจ้าของทรัพย์สินเขาบอกว่าทำลายทรัพย์สิน ว่าตามกฏหมายแล้วก็ถูกตามที่คุณยิ้มพูด
อั้ยปื๊ด : หา.....มีกฏหมายแบบนี้ด้วยเหรอ

ตำรวจ : มีซี่ สมมุติว่าคุณจะเปลี่ยนหลังคาบ้าน คุณรื้อหลังคาเก่าลงมา แล้วมีใครซักคนถือโอกาสเอาหลังคาเก่า
นั้นไป บอกว่า มันใช้การไม่ได้แล้ว
แต่คุณบอกว่ามันยังใช้การได้ แบบนี้ถือว่าทำลายทรัพย์สินไหม ?
อั้ยปื๊ด : (เสียงอ่อย) ทำลายครับ....นี่ผมต้องชดใช้ค่าเสียเหรอครับ ?

ตำรวจ : งั้นซี เจ้าของทรัพย์สินเขาเรียกค่าเสียหาย 1 หมื่น
อั้ยปื๊ด : (เหลียวมองมาทางตายิ้ม เสียอ่อยๆ) ลุง ลดให้ผมหน่อยได้ไหม ?

ตายิ้ม : ยอมรับสารภาพแล้วใช่ไหม ?
อั้ยปื๊ด : ครับลุง ผมไหว้ละ ลดให้ผมหน่อย

ตายิ้ม : ก็ได้ กูลดให้มึงพันนึง
อั้ยปื๊ด : โธ่ลุง ขายไข่ 7 วันยังไม่ได้เลย เหลือ 5 พันเถอะครับ

ตายิ้ม : (หันมามองตำรวจ) คุณตำรวจ นา 20 ไร่ ข้าว 20 เกวียน คราวนี้มันจะหายไปไม่น้อยกว่า 5 เกวียน
เท่ากับ 5 หมื่นเชียวนะครับ
อั้ยปื๊ด : (แทรกทันที) โธ่ลุง ผมมีแค่นี้จริงครับ


ตำรวจ : (มองหน้าตายิ้ม แล้วยิ้มเปิดเผย) เถอะนะลุง เด็กมันไม่มี แล้วมันก็ไม่เจนตนาด้วย 5 พันก็ 5 พันเถอะ
เรื่องจะได้จบๆ
ตายิ้ม : ก็ได้ นี่ผมเห็นเห็นแก่ตำรวจนะครับ

นิทานเรื่องนี้จบลงได้ด้วย 5 พัน กับอั้ยปื๊ดเข็ดจนตาย แถมตำรวจเข้าใจการทำนาแบบไม่เผาฟางอีกด้วย.....





ประสบการณ์ตรง 2

อีเหวิ่ง. อยู่บางปลาม้า สุพรรณบุรี อาชีพหลักทำนาผักกะเฉด 10 ไร่ วันดีคืนดี นาข้างข้างนากะเฉดฉีดยา
ฆ่าหญ้า ละอองยาฆ่าหญ้าปลิวตามลมมาถูกกะเฉด แค่ข้ามคืนเดียวกะเฉดยอดเหี่ยวทั้งแปลง อีเหวิ่ง.โทร
หาลุงติมทันที

อีเหวิ่ง : ลุง.....เมื่อวานนี้ นาข้างๆ เขาฉีดยาฆ่าหญ้า แล้วยามันปลิวมาโดนกะเฉดฉัน กะเฉดยอดเหี่ยว
หมดเลย ทำไงดีล่ะลุง ?
ลุงคิม : แน่ใจนะว่า นาข้างๆ ฉีดยาฆ่าหญ้า

อีเหวิ่ง : แน่ใจซี่ลุง เขาฉีดตอนที่ฉันกำลังเก็บกะเฉดอยู่เลย ยังบอกมันเลยว่า เหม็น-เหม็น มันบอกว่าเหม็น
เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็หมายเหม็น
ลุงคิม : ถ้างั้นแจ้งตำรวจ แจ้งกำนันเลย ทำลายทรัพย์สิน

อีเหวิ่ง : แจ้งตำรวจ....ไม่ได้หรอกลุง ญาติกัน แล้วลุงก็สอนไม่ให้ทะเลาะกับข้างบ้านด้วย
ลุงคิม : อุ๊บ๊ะอีนี่.... เสียหายขนาดนี้ ยังจะญาติกับมันอีกเหรอวะ

อีเหวิ่ง : อย่าแจ้งความเลยลุง หนูโรมาหาลุง ก็เพราะอยากถามถึงวิธีแก้ไขเองน่ะ
ลุงคิม : เอางั้นนะ.....งั้นมึงเอากลูโคสเปล่าๆ 100 ซีซี. ผสมน้ำเปล่า 100 ลิตร ฉีดไปเลย
ฉีด 2 ครั้ง 2 วันติดต่อกัน ..... ว่าแต่มึงมีกลูโคนติดบ้านไว้บ้างไหมล่ะ ?

อีเหวิ่ง : มีค่ะ
ลุงคิม : เอามาจากไหน ?

อีเหวิ่ง : หนูซื้อมาจากกองคาราวานลุงนั่นแหละ กะว่าจะเอามาทำฮอร์โมนไข่
ลุงคิม : เออดี จัดการเลย ตอนนี้เลยนะ

อีเหวิ่ง : ขอบคุณค่ะลุง....

วันรุ่งขึ้น อีเหวิ่ง รายงานผล ฉีดเพียงครั้งเดียว ยอดกะเฉดชูพุ่งให้ตัดได้อย่างเก่าแล้ว......สาธุ






มีสวนองุ่นอยู่ใกล้แปลงนา เค้าฉีดยาฆ่าหญ้า "หมาดำ" องุ่นเหี่ยวใบร่วงทั้งแถบ ไปแจ้งความขึ้นศาล ต้องจ่ายค่า
เสียหายมาแล้ว ฉะนั้น ระวังเรื่องนี้ให้มากๆ

COMMENT :

ประสบการณ์ตรง 3

สวนองุ่นย่านดำเนินสดวก เข็ดขี้อ่อนขี้แก่กับละอองยาฆ่าหญ้า “หมาดำ” เพราะ ยอดใหม่-ใบอ่อน-ใบ่แก่-
ดอกตูม-ดอกบาน-ลูกเล็ก-ลูกกลาง จะ
ทะยอยกันร่วงจนเกลี้ยง สร้างความเสียหายให้กับหลายต่อหลายสวนมานักต่อนัก

บรรดาชาวสวนองุ่นจึงร้องขอให้ผู้นำชุมชนเรียกประชุมคนทั้งหมู่บ้าน แล้วตกลงทำ “สนธิสัญญาหมาดำ”
หากใครจะใช้ยาฆ่าหญ้าหมาดำต้องแจ้งให้ชาวสวนองุ่นทราบก่อน หากไม่แจ้งแล้วองุ่นได้รับความเสีย
หาย คนใช้ยาฆ่าหญ้าหมาดำต้องรับผิดชอบค่าเสียหายองุ่นทั้งแปลง ระหว่างที่บำรุงองุ่นตามระยะๆอยู่นั้น
ห้ามใช้ยาฆ่าหญ้าหมาดำเด็ดขาด ต้องรอให้องุ่นเก็บเกี่ยวแล้วจึงจะอณุญาตให้ใช้ได้

กาลเวลา 10 ปี ผ่านไป ไม่รู้ว่าวันนี้ กลุ่มศรัทธาลัทธิยาฆ่าหญ้าหมาดำ ฉีดสนธิสัญญาหมาดำทิ้งไปแล้ว
เหมือนฮิตเลอร์ฉีดสนธิสัญญาแวร์ซาย หรือ
เปล่า......เฮ่อออออ





.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 21/04/2013 6:17 am, แก้ไขทั้งหมด 8 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
wit
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/11/2012
ตอบ: 34

ตอบตอบ: 30/11/2012 9:32 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แบบนี้ปลูกต้นเดียวกินได้ทั้งหมู่บ้านเลยครับพี่แดง พันธุ์ไรเนี่ย พึ่งเคยเห็น Laughing Smile
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 30/11/2012 10:39 am    ชื่อกระทู้: มะเขือเทศพันธุ์อะไร ? ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม และคุณ wit

30 พย.55
ตอบคุณ Wit

อย่าพูดเป็นเล่นไปคุณ wit ผมอยากให้มองแล้วคิดว่า มะเขือเทศที่เกษตรกรบ้านเราปลูกกันก็แค่ชั่วฤดูเดียว ไม่เกิน 6 เดือน
ก็หมดลูก ต้องรื้อทิ้งแล้วซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกกันใหม่ เมล็ดพันธุ์ในปัจจุบันถูกอาบรังสี ปลูกได้ครั้งเดียว แต่ในรูปที่ 3, 4 เค้า
ทำได้ยังไง ถึงต้นใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเราทำได้อย่างเขา ปลูกครั้งเดียว ต้นมันใหญ่และแผ่กิ่งก้านสาขาขนาดนี้ ปลูกแค่ไร่ หรือ
สองไร่ ลักษณะต้นขนาดนี้ เนื้อที่ 1 ไร่ เก็บครั้งหนึ่งจะได้น่าจะได้ถึง 3 ตัน มะเขือเทศ 5 – 7 วันเก็บได้ครั้งนึง

ตอนนี้ราคาตลาดรับซื้อผมไม่แน่ใจว่า กก.ละเท่าใด เพราะว่ามันมีหลายพันธุ์หลายราคา ...ผมโทร.ไปถามเพื่อนลูกสาว
ที่เค้ารับซื้อผักส่งออกเมื่อกี๊นี้ (30 พย.55 – 10.09น.) เค้าบอกว่า มะเขือเทศลูกใหญ่ทำสลัด กก.ละ 20-25 บาท,
มะเขือเทศส้มตำ กก.ละ 15 – 20 บาท นี่เป็นราคารับซื้อ ส่วนราคาขายไม่ทราบครับ

สำหรับบ้านผมคงปลูกไม่ได้ เพราะรอบข้างเป็นที่นาระบบเผาฟาง ขืนปลูกเวลาเค้าเผาฟาง มะเขือเทศโดนควันไฟ ยอด
หงิกทั้งแปลง

บ้านคุณอยู่เพชรบูรณ์ ดินฟ้าอากาศเหมาะที่จะปลูกได้ ปลายฝนต้นหนาว น่าจะปลูกได้หลังเกี่ยวข้าวแล้ว ....บริเวณรอบ
ที่ดินของคุณ น่าจะมีซักจุดหนึ่งที่มีน้ำใต้ดิน เจาะบาดาลแบบชาวบ้านที่เค้าเรียกว่า ตอก เอาน้ำขึ้นมาใช่หน้าแล้งได้
เป็นแน่ ไม่ลองก็ไม่รู้ ถ้าไม่มีน้ำใต้ดิน ต้นไม่อื่น ๆ มันจะอยู่ได้ยังไง น้ำมีน้อย ต้องใช้ระบบน้ำหยด ถ้าใช้ระบบไฮโซ แพง
มาก ต้องใช้ระบบน้ำหยดแบบกะเหรี่ยง ไม่ต้องกลัวหัวน้ำหยดจะอุดตัน

สำหรับมะเขือเทศพันธุ์ในรูป ผมกำลังหาข้อมูล..ว่าเป็นพันธุ์อะไร ดูจากผู้หญิงในรูปอิสราเอล, เนเธอร์แลนด์, ฮอลแลนด์,
หรือออสเตรเลีย แต่ไม่ใช่ของญี่ปุ่นแน่ ...ให้คุณสังเกตในรูปด้านซ้ายและขวา จะเห็นมีถุงเพาะชำที่มีต้นมะเขือเทศชำเอา
ไว้อีกไม่น้อย เข้าใจว่า ไม่ปลูกเองก็ขายพันธุ์ และที่ปลูกนี่อยู่ในโรงเรือนครับ

ผมกำลังศึกษา เห็ดโคนญี่ปุ่น เพราะตลาดดีมาก ๆ กำลังอ้าแขนรับไม่อั้น.. เชื้อก้อนเห็ดจะอยู่ให้เก็บผลผลิตได้นานเป็นปี ๆ
....และถ้าหากสมมุติว่าทำได้ แล้วใช้ปุ๋ยลุงคิม เกิดว่าดอกมันโตเท่ากระบอกข้าวหลามละก็ ลุงคิมตายแน่ ๆ ...เพราะใคร
จะกล้าซื้อเห็ดโคนดอกโตเท่ากระบอกข้าวหลาม ...จริงมั๊ยครับ

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
wit
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 28/11/2012
ตอบ: 34

ตอบตอบ: 30/11/2012 11:23 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ทำมาเผยแผ่ครับพี่ จะรอข้อมูลพันธุ์มะเขือเทศต้นใหญ่นี้จากพี่นะครับ

ที่บ้านผม ที่พอจะปลูกได้คงที่สวนที่เป็นดินทรายหน่อยๆิคิดว่าไม่น่ามีปัญหา เนื้อที่ประมาณไร่กว่าๆ ตอนนี้ใช้ทำโรงเรือน
เสียบกิ่งมะกรูดอยุ่ กะปลูกต้นไม้ไว้ มีน้ำประปาเข้าถึง เรื่องน้ำคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาในหน้าแล้งครับพี่


ถ้าทำคงจะทำแบบผสมผสานปลูกพวก ข่า ตะไคร้ พริกด้วยครับ จะได้หลากหลายหน่อย กลัวแต่พวกไม่ปลูกมาเก็บไปกิน
ไม่บอกนี่ล่ะเผลอๆมีเก็บไปขายเพราะที่ก้อห่างจากบ้านพอสมควร ครับผม......ฮ่าๆ




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 30/11/2012 1:21 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน


เกษตรสัญจร 4 ว่าด้วยพืชผัก และผลไม้ ทั้ง Go Inter - On Footpart


ตอนที่ 2 หลากหลายสารพัดผักที่ (เกษตรกร) มองว่า เป็นของพื้น ๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีราคา



@ คุณ wit ที่ดิน 1 ไร่ ถ้าคุณปลูกพืชผสมผสานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง คุณได้เงินเดือนละแสนไปนานแล้ว บอกแล้วว่า ที่ดินของคุณอยู่ในโซนภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวยมาก ๆ ลองใช้แนวของ ในหลวงมาดัดแปลงดูว่าท่านทรงแนะนำให้แบ้งที่ดิน
เพื่อทำอะไร ทำอย่างไร

คุยให้ฟังต่อเลยนะครับ



(1) เป็นหนังสือที่อยากให้ซื้อหามาอ่าน หนังสือ การขยายพันธุ์พืช ราคาหน้าปก 110.- บาทครับ ก๋วยเตี๋ยวสองชามเอง ที่ร้าน ซีแอ๊ด น่าจะมี ซื้อของไม่เป็นเรื่องอย่างอื่นแพงกว่านี้ตั้งแยะ เอามาหนุนหัวนอนก็ได้ครับ ตอนอายุมากแล้วค่อยเอามาอ่าน





(2) ไม้ชื่อเป็นมงคลดีจัง ฟัก(ขึ้นมาทีไรเป็น)ทอง(ทุกที) ใช่ครับ ฟักแต่ทองอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอา ผมเคยขับรถผ่านแถว ๆ ทางจากพิษณุโลกขึ้น อุตรดิตถ์ เลยวัดโบสถ์ขึ้นไปไม่ไกล มีวางขายริมทาง





(3) นี่ก็ใช่ครับ ชื่อว่า ฟักทอง แต่เวลาหยิบขึ้นมา ต้องควักสตางค์จ่ายไปก่อน





(4) มีรูปทรงแปลก ๆ หลากหลายรูปแบบ ในห้างมีวางขายมั๊ย มีครับ ขึ้นหิ้งมีมั๊ย มีครับ บางคนซิ้อไปขึ้นหิ้งบูชา





(5) ไอเดียดีจัง แค่เอาสีมาแต่งแต้ม....จากลูกละ 10 บาทก็กลายเป็น ยี่สิบบาท อยากให้เขียนเป็นรูปอะไรสั่งได้ครับ





(6) ลองทายซิครับว่า นี่เป็นลูกอะไร แตงโมหรือฟักทอง





(7) ต้องนี่ครับ อาหารจานเด็ด สลัดฟักทอง กินแล้วจะลดความอ้วนหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ กินแล้วอิ่มครับ





(8 ) หัวไชเท้าแดง ใช้ทำอะไร – ไม่ทราบครับ อยากทราบรายละเอียด ถ้าอ่านภาษาญี่ปุ่นออก เข้าเว็ป www.mamayuko.com





(9) หัวไชเท้าแดงที่แพคมาขายที่บ้านเรา ...ใครรู้บ้างว่า เอาไปทำอะไรกินครับ





(10) มะเขืออะไรครับลุง





(11) มะเขือ “ Purple Rain “ หรือพันธุ์ สายฝนสีม่วง จะเห็นว่า พืชผักสีม่วง จะเป็นที่นิยมของตลาดต่างประเทศ นะครับ





(12) ผักวาซาบิ ปลูกในเมืองไทยครับ





(13) การงอกของต้น อาโวคาโด





(14) ดอกโคมจีน (เค้าเขียนไว้ว่า - Chinese Lantern) ไม้ประดับดูสวยดีครับ





(15) พริกประดับ (Ornamantal Pepper) ทำไมเรียก Pepper ไม่เรียก Chili …คงจะไม่เผ็ดละมั๊ง





(16) การจัดวางหน้าร้าน มองจากด้านบน ถ้ามองจากหน้าร้าน ก็คงจะสวยละน่ะ





(17) Popeye Smoothie….ป๊อปอายสมู๊ตตี้ ส่วนผสมตามในรูปนั่นแหละ ลองทำดื่มดู สำหรับ Spinach หรือผักโขมฝรั่ง ตามห้างคงมีขายนะครับ ผมไม่กล้ากิน กลัวจะแข็งแรงอย่าง ป๊อปอาย





(18 ) Red Lilly Beatle ชื่อเพราะดีจัง แต่เห็นรอยแหว่งที่ใบไม้แล้ว ถ้าจะไม่ดีแน่





(19) หัวมันเทศธรรมดา กก.ละ 35 บาท หัวหนึ่งจะซักกี่สตางค์ ทำให้มันออกราก แตกยอดออกแบบนี้ ใส่กระถางจุ๋มจิ๋ม วางขายแถวถนนสีลม กระถางละ 100.- มว๊าก สาว ๆ ชอบซื้อไปประดับโต๊ะทำงาน





(20) ทำแผ่นรองพื้นปูทางเดินแบบเก๋ย์ ๆ ดูจากรูปแล้วทำเอง ทำง่าย ๆ ครับ ...ซื้อปูนผสมสำเร็จมา ถุงนึงน่าจะทำได้ซักสามสี่อันมั๊ง





(21) อันนี้เข้าท่าดี จากบริเวณที่ดูรกรุงรัง จัดเก็บให้โล่ง แล้วจัดสวนหย่อม แทนที่จะปลูกไม้ประดับ ก็ปลูกพืชที่กินได้ลงไป พริก ตะไคร้ ข่า โหระพา กะเพรา ผักหลาย ๆ อย่าง





(22) ดูเพลิน ๆ ครับ ผ่อนรถจนดอกบาน(ตะไท)





(23) ทำซุ้มปลูกถั่ว แบบเต็นท์อินเดียนแดงครับ พอขึ้นเป็นซุ้มดี เข้าไปนั่งเล่นยังได้





(24) ปลูก(เหง้า)สับปะรดไว้ดูเล่น ทำตามที่แสดงในรูปนั่นแหละ ใครดูแล้วทำไม่ได้ก็ไปซื้อที่เค้าทำขายก็แล้วกัน ถ้าเป็นต้นเล็ก น่ารัก ๆ กระถางละ 50.-





(25) จะปลูกผักไฮโดร ไม่จำเป็นต้องปลูกแบบ ไฮโซ ปลูกใส่กระถางแบบ โลโซ ก็ได้ครับ อยากกินผัก ยกทั้งกระถางไปตั้งบนโต๊ะ เก็บกินสด ๆ ได้เลย





(26) ที่ดักแมลง ของลุงคิมใช้กระดาษสีเหลืองเป็นแผ่น ของอันนี้ใช้ถ้วยกาแฟที่ทิ้งแล้ว ทากาวแบบเดียวกับของลุงคิม ดักแมลงได้ 360 องศา





(27) เป็นหญ้าประดับ ปลูกเพื่อยึดหน้าดิน ที่ดีก็คือ ดอกร่วงเมล็ดจะไม่งอก ขยายพันธุ์โดยใช้ต้นแบบต้นแฝก ผมเอาพันธุ์มาจากสนามกอล์ฟใกล้บ้าน(ห่าง 10 กม.) เสียดายที่ เมื่อ ตค. ปี 54 น้องน้ำเอากินซะหมดดง


ก่อนจะจบการนำเสนอชุดนี้ มีรานการอาหารมาฝากครับ




(28 ) จานแรกเป็น สลัดข้าวโพดครับ เล่นแบบลูกทุ่งยังงี้เลยครับ ง่าย ดี





(29) ข้าวผัดสับปะรด อาหารเจ เครื่องปรุงง่าย ๆ มีหลายอย่าง ถั่าลันเตา เห็ดฟาง เมล็ดบัว ....ดูตามรูป มีอะไรก็หยิบใส่ ๆ ลงไป ปรุงรสตามใขชอบ เกษตรกรต้องอยู่ง่าย กินง่าย นอนง่ายครับ รับรองสุขภาพจะแข็งแรง ดูอย่างลุงคิมซีครับ





(30) วันนี้วันศุกร์ 30 พย.55 ขอจำศีลก่อน จนกว่าจะถึงเช้าวันเซ็ง เอ๊ย วันจันทร์ นะครับ




ก็ขอจบตอนที่ 2 แค่นี้ก่อน ยังมีต่อ (ข้อมูลมีอีกเพียบ) ครับ



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 27/01/2017 10:33 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 02/12/2012 9:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน


เกษตรสัญจร 4 ว่าด้วยพืชผักและผลไม้ ทั้ง Go Inter, และ On Footpart

ตอนที่ 3 ไม่น่าเชื่อว่า ผักบางอย่างญี่ปุ่นซื้อจากไทย แปรรูป แล้วทำเป็นผักส่งออกได้




คุยให้ฟังต่อเลยนะครับ




รูปที่ 1 กล้วยไม้ตระกูลช้าง กล้วยไม้ป่าของไทย นำเมล็ดมาเพาะ ทำเป็นกล้วยไม้ส่งออก .กล้วยไม้ตระกูลช้างจะออกดอกในช่วงเดือน ธันวา มกรา ซึ่งก็จะมี ช้างแดง-เลี้ยงดูยาก(ราคาแพง) ช้างกระ …มีหลาย Vareity ช้างประหลาด และ ช้างเผือก ดอกสีขาว ....

ใครปลูกกล้วยไม้ตระกูลช้างแล้วไม่ออกดอก เลิกปลูกกล้วยไม้ได้ เพราะกล้วยตระกูลช้าง ปล่อยทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ให้เทวดาเลี้ยง ถึงเวลาปลายปี - ต้นปี ยังไง ๆ ก็ออกดอก





รูปที่ 2 ไอเดียบรรเจิด ฟักทองที่แก่จัดเปลือกมันจะแข็ง เก็บไว้นานขายไม่ออก ก็คว้านเอาเนื้อในออกบางส่วน เอาต้นดอกไม้ลงปลูก ขายได้เป็นร้อย กว่าเปลือกจะเน่า ต้นดอกไม้โรยพอดี จะปลูกต่อก็หากระถางมาใส่ ไม่ก็เอาลงปลูกในดิน





รูปที่ 3 ข้าวโพดนึ่ง ฮอกไกโด ปลอดสารพิษ แพคละฝักเดียว ส่งขายไปทั่วโลก

คุณที่ปลูก ซูเปอร์สวีท คุณทำอะไรอยู่ครับ และขอกระซิบบอกดัง ๆ เพื่อนลูกสาวที่ทำผักส่งออกบอกว่า ญี่ปุ่นสั่งข้าวโพดซูเปอร์สวีทจากไทย ใส่ตู้คอนเทนเน่อร์ ส่งตรงไปที่ ฮอกไกโด จากนั้นก็ผ่านกรรมวิธีออกมากลายเป็นข้าวโพด ฮฺอกไกโด....

.โดโม๊ะ อาริกาโต้ โกไซมะชิตะ ไฮ้





รูปที่ 4 แตงกวาอ่อน รวมทั้งมะเขือม่วงอ่อน จาก THAILAND กก.ละเท่าไหร่ผมไม่รู้ กลายเป็นแตงกวาดอง ห่อสาหร่ายที่ญี่ปุ่น เสียบไม้ ๆ ละ 100 เยน = 40 บาท อะโห...





รูปที่ 5 เค้าเรียกว่า แตงดอง ตามข่าวไม่ได้บอกว่าแตงร้านจากที่ไหน ก็คงไปจากเมืองไทยนั่นแหละ ญี่ปุ่นเอาไปคว้านไส้ออก ดองแล้วทุบหรือ ทับทำให้แบน 1 ชิ้น 350 เยน ..3 ชิ้น 1,000 เยน = 400 บาท ฮ่วย





รูปที่ 6 มันฝรั่งธรรมดา ๆ หัวเล็กๆ ต้มแล้วคลุกกับเนย บรรจุลงแพค 2 หัว ทำ
แพคสวย ๆ แค่นี้ก็ส่งออกได้แล้ว





รูปที่ 7 แตงกวา หรือแตงร้าน ทำพิมพ์ให้ดูแปลก สวย ๆ สวมเข้าไปตั้งแต่ลูกยังเล็ก พอลูกมันโตได้ขนาด มันก็จะมีรูปไปตามพิมพ์ที่สวมเข้าไป หั่นแล้วก็ออกมาแบบนี้ ปลูกและทำในเมืองไทยนี่แหละครับ




รูปที่ 8 หั่นแล้ววางใส่หน้าอาหาร หัวใจติดดาว ไม่ประทับใจอีหนูที่พาไปด้วยหรือจ๊ะ





รูปที่ 9 ใบโอบะ หรือ ใบ ชิโซะ ใบละ 2 บาท คนไทยภาคเหนือเรียกว่า งาม้อน มันจะใดแต๊ว่า มาซื้อจากเฮาชั่งเป็นกิโลละซาวบาท (20 บาท)




รูปที่ 10


รูปที่ 11

รูปที่ 10 – 11 เรียกว่า งาม้อน เป็นพืชที่น่าสนใจนะครับ

สอบถามท่านผู้รู้ จึงได้ความว่า งาม้อนเป็นงาอีกชนิดหนึ่ง เมล็ดกลมๆ ต่างจากงาขาวและงาดำที่คนทั่วไปรู้จัก งาม้อนเป็นพืชพื้นเมืองของทางภาคเหนือ ลักษณะใบคล้ายใบยี่หร่า

ชื่อวิทยาศาสตร์ Perilla fructescens (Linn.) Britt
ชื่อสามัญ Perilla หรือ Beef Steak Plant

คนจีนเรียกว่า Chi-ssu
คนญี่ปุ่นเรียกว่า Shiso ( ชิโซะ)
คนอินเดียเรียกว่า Bhanjira
คนเกาหลีเรียกว่า Khaennip namul
ชื่ออื่นๆในบ้านเรา งาขี้ม้อน งาหอม งามน งาเจียง และ
ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า นอ (มันมี นอ อยู่ที่ตรงไหนวะ)

จะว่าไปแล้ว ผมเคยกิน ข้าวเหนียวดำนึ่งคลุกงาชนิดนี้และกินกับน้ำตาลอ้อย มาแล้วเมื่อคราวไปเที่ยว แม่ฮ่องสอน เป็นอาหารของชาวไทใหญ่ ที่เรียกว่า "ข้าวปุก" และงาแบบที่ทำเป็นแผ่นๆก็เคยกินมาแล้ว เพียงแต่ไม่เคยเห็นต้นของมันมาก่อน


คุณค่าทางอาหารของงาม้อน
Ekoma - เอะโกมะหรือว่าที่ในภาษาไทยเรียกว่า “เม็ดงาหม่อน” “งาขี้ม่อน” หรือ “งาขี้ม้อน” เป็นอาหารที่ตอนนี้กำลังได้รับความสนใจในญี่ปุ่นมากๆ ครับ ก็เพราะว่ามีคุณค่าทางอาหารสูงมากๆ โดยเฉพาะกรดไขมันจำเป็นอย่าง
Alpha-linolenic acid (ซึ่งเป็นกรดไขมันกลุ่มเดียวกับโอเมก้า 3) ที่มีมากถึงเกือบ 60% เชียวนะครับ

Alpha-linolenic acid แตกต่างกับ linolenic acid ที่มีมากในน้ำมันพืชที่ถ้าเราได้รับมากเกินไปแล้ว อาจจะเป็นสาเหตุของโรคต่าง อย่างเช่น ภูมิแพ้ต่างๆ โรคอ้วน โรคหัวใจ แต่ Alpha-linolenic acid มีผลดี ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด การไหลเวียนเลือด และป้องกันโรคจากการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ นอกจากนั้นยังสามารถช่วยละลายไขมันที่อยู่ในร่างกายได้ด้วย ก็เลยได้รับความสนใจจากคนที่อยากลดน้ำหนักด้วย

ในเอะโกมะหรืองาหม่อนนี้ยังมี ธาตุเหล็ก แคลเซียม ไฟเบอร์ และวิตามินต่างๆ มากมาย

เป็นอาหารที่ดีมากๆ สำหรับคนที่ใส่ใจใจสุขภาพค่ะ! เวลากินก็จะได้รสสัมผัสคล้ายๆ กับงาหรือว่า Poppy Seed (เมล็ดฝิ่น) เวลาเอาไปคั่วหรือผัดเร็วๆ เวลากินอร่อยอย่าบอกใครเลยครับ






รูปที่ 12 เห็ดอะไรไม่ทราบจ้า ...ถ้าใช้ปุ๋ยตาคิม(ไบโออิ + ยูเรก้า)นะครับ ดอกจะใหญ่เท่ากระด้ง





รูปที่ 13 แนะนำหนังสือดี หาซื้อมาอ่านนะครับ ร้าน ซีแอด, ร้านนายอินทร์, ไม่ก็ อรุณอมรินทร์ ...ผมบอกให้ลูกสาวหาเค้าซื้อให้แล้ว





รูปที่ 14 แครอทหัวกลม ...ทำไมประเทศอื่น ๆ เค้าพัฒนาสายพันธุ์จากของเดิม ๆ ที่มีอยู่ให้มันแปลก ใหม่ ออกมาเรื่อย ๆ แล้วของเรา มันหยุดอยู่กับที่

ลุงคิมเคยพูดนะว่า คนดีอยู่ไม่ได้ คนเก่งกว่านายก็อยู่ไม่ได้ และคนที่ได้มาเป็น รมต.กระทรวงเกษตร เค้ารู้จักต้นไม้ดีซักแค่ไหน แค่เห็นป่าต้นสักผลัดใบหน้าแล้งใบร่วง ก็ยังพูดออกมาได้ว่า ที่นี้แล้งมากนะ เสียดายต้นไม้ใบร่วง ยืนต้นตายหมดเลย

555 กลางดง พงป่าเขาลำเนาไพรไกลสังคม

นักวิชาการไทยเก่งมั๊ย เก่งครับ แต่เป็นประเภท ชอบขายตัว เพราะอุดมการณ์กินไม่ได้






รูปที่ 15 นี่ก็อีก หัวไชเท้าแดง ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ...มันยังไงล่ะครับ คือว่า มันมีคุณค่าทางอาหารและเป็นยาไปด้วย

ผมยังสงสัยอยู่ว่า ที่เพื่อนลูกสาวส่ง สตอ ที่แกะเปลือกแล้วไปญี่ปุ่น เค้าบอกว่าเอาไปทำยา มันยาอะไร น่าจะเอาไปสกัดเป็นฮอร์โมนบางอย่างใช้กับการพัฒนาพันธุ์พืชหรือเปล่า ...ได้แต่คิด





รูปที่ 16 เมื่อเอาม้ากับลามาผสมกันลูกออกมาเป็น ฬ่่อ(อ่านว่า ล่อ) นี่เค้าเอา ไชเท้าผสมกับบีทรูท ออกมาเป็นอะไร ไม่ทราบชื่อ เท้ารูท มั๊งครับ ผมไม่แน่ใจว่า ปลูกที่แปลงทดลองที่ ดอยอ่างขาง หรือเปล่านะ





รูปที่ 17 ฟักทอง บัตเตอร์นัท อันนี้ปลูกเมืองไทยครับ ยังไม่เคยลิ้มลองเหมือนกัน





รูปที่ 18 ฟักทองอีกสายพันธุ์หนึ่งครับ





รูปที่ 19 เค้าบอกว่า เป็นฟักทองหนักที่สุดในโลก หนักประมาณ 1 ตัน





รูปที่ 20 ปลูกผักมันต้องให้ได้ Size ขนาดนี้นะครับ





รูปที่ 21 หอมหัวเดียวหนัก 8 กิโลกรัม





รูปที่ 22 น้อยหน่าแดงจากฟิลิปปินส์ครับ





รูปที่ 23 ผักปลอดสารพิษแน่ ๆ ใบโดนเจาะพรุนเลย





รูปที่ 24 สวนสตรอเบอรี่ ไฮโดรโปนิกซ์ เลยแม่จันไป ขาขึ้นอยู่ขวามือก่อนถึงแม่สาย เชียงรายครับ





รูปที่ 25 บวบหอม ลูกอ่อนกินได้ ลูกแก่ เมื่อแห้ง แกะเอาเปลือกออก เอาซังมาล้างจานได้

ไอ้ซังบวบนี่นะครับ พี่ไทยแกเอาไปฟอกซะขาวจั๊วะ แล้วแพคใสถุงใส ผมเคยเห็นตามห้างมีวางขาย อันหนึ่งก็หลายสตางค์เหมือนกัน ไม่ได้กินเงินผมร๊อก ที่สวน บวบหอมเยอะแยะ





รูปที่ 26 ถ้าหน้าบ้านของใครหันหน้าไปทิศตะวันตก ตอนบ่ายใช้ผ้าใบบังก็ร้อน ลอง Get Idea อันนี้ไปใช้ซีครับ จะลดความร้อนลงได้กว่า 50 % ปลูกไม้เลื้อยกินได้เช่น ขจร ....สวยดีด้วย





รูปที่ 27 ซุ้มปลูกถั่ว ดูสวยดี แต่สู้แบบของลุงคิมที่ไร่กล้อมแกล้มไม่ได้ เก็บเชือกฟางเก่า ๆ มาทำยังได้เลย ผูกบน ผูกล่าง พอถั่วมันเสื้อย มันก็จะกลายเป็นม่านต้นถั่ว แต่อย่าเอาถั่วพันธุ์ที่แจ๊คปลูกเอามาปลูกล่ะ คืนเดียวสูงเทียมเมฆ





รูปที่ 28 ซุ้มฟักทอง ที่ไหนไม่ทราบครับ ถ้าอยากรู้ ลองทำที่บ้านคุณซีครับ 30 วันก็ได้เห็นดอกแล้ว ดอกเหลืองอร่ามสดใส สวยอย่าบอกใคร





รูปที่ 29 ทุเรียนฟิลิปปินส์ครับ ...ลุงครับ เอาเมล็ดมันมาปลูกทำต้นตอจะได้มั๊ยครับ ...





รูปที่ 30 คืนนี้ คืนวันอาทิตย์ พรุ่งนี้เช้าวันจันทร์ ภาพนี้คงอธิบายได้เป็นอย่างดีนะครับ น่าเห็นใจ มนุษย์เงินเดือน




ยังมีต่อ (อีกแยะ) ครับ




.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 28/01/2017 12:23 am, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nunui
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 09/12/2012
ตอบ: 1

ตอบตอบ: 09/12/2012 8:23 pm    ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร 4 ผักผลไม้ GoInter-OnFootpart ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บ้านของนุ้ยก็ปลูกมะเขือเทศอยู่่ค่ะ พ่อก็อยากศึกษาเรื่องขายในห้าง เรื่องส่งออก แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครได้บ้างค่ะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 09/12/2012 9:55 pm    ชื่อกระทู้: มะเขือเทศ หนูนุ้ย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับ ลุงคิม และ คุณหนูนุ้ย



ขอถามคุณหนูนุ้ยก่อนครับว่า คุณพ่อปลูกมะเขือเทศอยู่ที่ไหน ปลูกสายพันธุ์อะไรบ้าง ปลูกมากน้อยแค่ไหน ใช้สารเคมี
ยาฆ่าแมลงหรือไม่ เพราะผักขึ้นห้างและส่งออกจะเน้นเรื่องสารเคมีและยาฆ่าแมลง วิธีการใกล้เคียงกับการ GAP พืช
รู้จักการ GAP พืชมั๊ยครับ ย่อมาจากคำว่า Good Agricultural Practice


มะเขือเทศพันธุ์ยอดนิยมเมืองไทยที่ปลูกกันก็จะมีที่แม่ค้าเรียกว่า พันธุ์ทำสลัด พันธุ์ต้มทำซุป กับพันธุ์ทำส้มตำ


การทำผักขึ้นห้างหรือส่งออก คุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคต้องมาก่อน จากนั้น ปริมาณสินค้าที่สามารถจัด
หาหรือจัดส่งให้ได้ ถ้ามีสินค้าตรงตามคุณภาพและมีปริมาณที่แน่นอน ผมติดต่อกับเพื่อนของลูกสาวให้ได้ เพื่อน
ของลูกสาวขายผักมาตั้งแต่ยังไม่เกิด เรื่องจริงครับ เพราะพ่อและแม่ขายผักอยู่ปากคลองตลาด เวลานี้ตัวเค้าเอง
บ้านอยู่สาธุประดิษฐ์ แต่ไปวิ่งผัก เข้า-ออก จัดส่งผักอยู่ตลาดสี่มุมเมือง ...เค้าให้ผมหา เห็ดโคนญี่ปุ่นอยู่ ผมก็ไม่
ทราบว่ามี สมช.ท่านใดปลูกอยู่บ้าง





.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
teeen2005
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 19/11/2012
ตอบ: 163

ตอบตอบ: 10/12/2012 1:16 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับ คุณDangSalaya และเพื่อน สมช



จากที่คุณแดงแนะนำหนังสือ การเกษตรญี่ปุ่นจะอยู่รอดหรือไม่ น่าจะเป็นหนังสือเก่านานแล้ว พิมพ์ปี 2537





โหลดฟรีจากที่นี่ครับ
โค้ด:
http://www.openbase.in.th/files/tbpj013.pdf




หนังสือเก่ามากมายมีหลายหมวดมากๆ ให้อ่าน โหลดฟรีที่นี่ครับ
โค้ด:
http://www.openbase.in.th/textbookproject





ขอให้มีความสุขในการอ่านหนังสือ และลงมือทำ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 16/12/2012 8:41 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 4 ตอนที่ 4 ปลูกข้าวใครว่ายาก ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน


เกษตรสัญจร ภาค 4..ว่าด้วยพืชผักผลไม้ เกรดขึ้นห้าง, ส่งออก และเกรดฟุตบาท


ตอนที่ 4 ปลูกข้าวใครว่ายาก




ก่อนเข้าเรื่อง....

ขอ @ คุณ ตีน2005 ก่อน

ขอบคุณที่แนะนำ หนังสือต่าง ๆ ให้ Load คุณชอบเปิด Link ผมก็มีให้คุณเหมือน กัลล์ ลอง Load ไปอ่านดู แล้วลงมือทำ

ขอแนะนำ สุดยอดคัมภีร์การปลูกข้าว !!! เนื้อหามีรูปประกอบ + คำอธิบายสั้น ๆ อ่านเข้าใจง่าย

หนังสือ "A farmer's primer on growing rice" ... IRRI (ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปลูกข้าว - IRRI ) - ดาวน์โหลดได้ฟรี ได้ตามลิงค์นี้ครับ

http://books.irri.org/9712200299_content.pdf

http://books.google.co.th/books?id=tDexNoyZ7AAC&printsec=frontcover&source=gbs_ge_summary_r&cad=0#v=onepage&q&f=false

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.247997571913843.61560.143471139033154&type=3&l=57a39ddeba

พิมพ์ก่อนปี พ.ศ. 2524 เพราะมีการนำตำราของ IRRI ,แปลและพิมพ์เล่มภาษาไทยครับ นานหลายปีแล้ว คงต้องหาตามร้านหนังสือว่ายังมีหลงเหลือบ้างหรือเปล่า

ชื่อหนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปลูกข้าว (พิมพ์ครั้งที่ 4)
ISBN 9740849431
แปลโดย อภิชาติ เถาว์โถ ฯ : เบนิโต เอส เวอการา
พิมพ์ที่ ไทยวัฒนาพานิช
พิมพ์ปี 2524
221 หน้า น้ำหนัก 300 กรัม
ราคาเดิม 150 บาท พิเศษ 135 บาท (คุณมงคลบอกมาว่า ไม่มีขายแล้ว)

หนังสือชุดนี้เก่ากว่าของคุณ ตีน 2005 อีกนะ น่าจะก่อนคุณเกิดซะด้วยซ้ำ แต่ ลุงคิม หรือนักวิชาการก็ยังนำมาใช้อ้างอิง ลอง LOAD ไปอ่านดู เผื่อจะทำข้าวหอมมะลิ105ในฝันได้ 100 ถังต่อไร่ แล้วอย่าลืมเอารูปของจริงที่คุณทำมาลงเว็ปให้สมาชิกได้ดู ได้ศึกษากันบ้าง ว่าคุณทำได้ยังไง แต่ต้องหอมตั้งแต่ตอนหุงจนกระทั่งถึงตอนตักมากินนะครับ ไม่ใช่ แบบหอมปทุม 1 หรือหอมสุพรรณ 1
ตอนหุงหอม แต่ตอนตักมากิน ไม่หอม แถมกระด้างดังศิลาประหลาดใจนะครับ ...

หรือทำนาครั้งใหม่ เกี่ยวแล้วสีเป็นข้าวสาร หรือข้าวกล้องก็ได้ เอามาฝากให้ลุงคิมพิสูจน์กลิ่นหอมซักหน่อยปะไร ...คุณว่ามั๊ย

ส่วนของผม ข้าวกล้อง กข15 จากเชียงราย ข้าวหอมนิลจาก กุดชุม จากปาย จากกะเหรี่ยงบนยอดดอย ผ่านการพิสูจน์จาก คิมซากัสส์มาแล้ว ชัวร์ครับ



มาเข้าเรื่อง ผักเกรดขึ้นห้าง ส่งออก เกรดฟุตบาทต่อดีกว่าครับ ตอนนี้นำเสนอ -ปลูกข้าวใครว่ายาก

ผมบอกแล้วว่า ใครอยากทำผักขึ้นห้าง ผักส่งออก หรือผักเกรดฟุตบาท อยากรู้เรื่องว่าเค้าทำกันยังไง ติดต่อมา เพื่อนของลูกสาวเค้าทำผักประเภทขึ้นห้างและส่งออกอยู่ครับ จะได้คุยติดต่อกันโดยตรง แล้วตอนนี้ เค้าต้องการ เห็ดโคนญี่ปุ่น ...

ถ้าหากว่าแค่ 10 -20 โลไม่ต้องคุยนะครับ ต้อง 50 – 100 โลขึ้นถึงจะคุ้มค่าน้ำมันรถและค่าเสียเวลา ....ผมก็ลืมถามระยะทางไกล จากกรุงเทพฯ เอาไกลสุดระยะทางกี่กิโลเมตร ได้ข้อมูลแล้วจะมาบอกอีกครั้ง





1. ปลูกข้าวไว้กินเอง ใครว่ายาก





2. ปลูกในกะละมังก็ยังได้





3. ปลูกในขวดน้ำ 5 ลิตรก็ได้เหมือนกัน





4. ปลูกในถังก็ได้อีกนั่นแหละ





5. ปลูกในบ่อซีเมนต์ ได้ผลผลิต 1.8 กก. แต่ไม่ได้บอกว่าใช้ข้าวปลูกกี่เมล็ด





6. ปลูกในบ่อซีเมนต์





7. ปลูกบนดาดฟ้าก็ยังได้





8. ปลูกข้าวไรซ์เบอรี่ในกระถาง


ลองปลูกกันดูครับ รับรองว่าต้องได้กินข้าวแน่ ๆ จะมากหรือน้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ตอนที่ข้าวออกรวงระยะตากเกสร มันเป็นภาพที่สวยงามจริง ๆ สมกับที่ข้าว เป็นพืชชนิดเดียวในโลกที่มีเทพนารีประจำ ไม่ใช่ของไทยประเทศเดียวนะครับ กรีก อียิปต์ แม้กระะทั่งเผ่ามายา มีหมดแหละครับ



ยังมีผักแปลก ๆ ที่น่าสนใจ อีกยาวครับ ...ช่วยกันปลูกส่งญี่ปุ่น แล้วญี่ปุ่นก็แพ็คติดตราภาษาญี่ปุ่นส่งกลับมาขึ้นห้างขายในเมืองไทย



ขอบคุณครับลุง


.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 28/01/2017 1:05 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 22/12/2012 12:13 am    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 4 ผักไฮโซ VS ผักริมฟุตบาท ตอน ไอเดียบรรเจิด ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน


เกษตรสัญจร 4 ผักไฮโซ VS ผักริมฟุตบาท ตอน ไอเดียบรรเจิด


ตอนที่ 5 ความคิดสร้างสรรค์แบบแปลก ๆ



เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา คุยให้ฟังต่อเลยนะครับ





รูปที่ 1 ซุ้มบวบหอม



รูปที่ 2 ซุ้มมะระจีน



รูปที่ 3 มะระพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์ เจไดท์ ครับ

รูปที่ 1 – 3 เป็นภาพบางส่วนจาก กรมวิชาการเกษตรจัดงาน "งานวิจัยใช้ได้จริง" เมื่อไม่นานมานี้(นานแค่ไหนไม่ได้บอกเอาไว้)






รูปที่ 4 มะระพันธุ์ เจไดท์ 1807






5- น้ำเต้า






6- คุณรู้จักสายพันธุ์น้ำเต้ามากน้อยแค่ไหน





7- กำแพงต้นไม้





8- อาหารโปรดของพวก ฮอบบิท





9- คอนเซพท์ของลุงคิม





10- ไอดียเจ๋งมาก





11- ชุดปลูกผักไฮโดรฯ ขายในญี่ปุ่น





รูปที่ 12 ปลูกผักในกล่องโฟม

ทำได้ง่ายๆโดยเอาฝากล่องมาเจารูตามจำนวนพืชที่ต้องการปลูก เจาะรูสำหรับเทน้ำด้วยนะ ส่วนด้านในกล่องเอาฟองน้ำมาใส่ ก้นกระถางเอาเศษผ้ามาตัดให้เป็นเส้นเพื่อให้พืชดูดน้ำจากเศษผ้าขึ้นไปหาราก ระบบแบบที่เห็นในภาพเป็นแบบไร้ดินจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยไฮโดรโพนิกส์รดให้แก่ต้นพืชแต่ใครจะนำไปใช้กับน้ำหมักก็คงได้ต้องลองดู


อีกวิธีหนึ่ง

หากะละมังกลมทึบแสงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากประมาณ 30 - 60 cm ความลึกไม่น้อยกว่า 10 cm สามารถใช้เป็นเครื่องปลูกได้ดี

อุปกรณ์อื่นๆ ใช้เช่นเดียวกับชุดปลูกขนาดเล็กจากถังอเนกประสงค์ เครื่องพ่นอากาศใช้ขนาดประมาณ 1.5 - 2.5 วัตต์ หรือพ่นอากาศได้ประมาณ 1.5 - 2.5 ลิตร/นาที

เจาะรูแผ่นโฟมตรงกลางหรือขอบ 1 รู เพื่อสอดท่อลมลงไป และเพื่อไว้ตรวจสอบระดับสารละลาย เจาะรูสำหรับปลูกผักให้แต่ละรูห่างกัน 10 - 25 cm แล้วแต่ชนิดของผักที่ต้องการปลูก ปลูกโดยดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้

1) เพาะกล้าให้มีอายุ 7 - 14 วัน แล้วแต่ชนิดของผัก หรือเมื่อกล้าเริ่มแตกใบแท้

2) เติมสารละลายพร้อมปลูกลงในกะละมังให้ถึงแผ่นโฟมพอดี หากใช้น้ำประปาเตรียมสารละลาย ควรเปิดน้ำประปาใส่ภาชนะ ทิ้งให้แก๊สคลอรีนระเหยให้หมดก่อนนำมาใช้

3) ย้ายต้นกล้าลงปลูกบนแผ่นโฟม ระวังอย่าให้รากพืชขาดและต้นกล้าบอบช้ำมากเกินไป และวางแผ่นโฟมลงในกะละมัง ให้รากพืชจุ่มถึงสารละลาย

4) สอดหัวทรายลงในกะละมังและเปิดเครื่องพ่นอากาศให้ทำงาน ควรวางเครื่องพ่นอากาศให้สูงกว่าระดับสารละลาย เพื่อป้องกันสารละลายไหลเข้าเครื่องในกรณีกระแสไฟฟ้าขัดข้อง หรือติดตั้งวาล์วป้องกัน

5) นำกะละมังไปวางในที่ร่มรำไร หรือพรางแสงด้วยซาเรน 3 - 5 วัน จากนั้นจึงนำไปวางในที่ซึ่งพืชสามารถรับแสงได้เต็มที่

6) ปล่อยให้ระดับสารละลายลดลง 2 - 5 cm เมื่อพืชโตขึ้น หากระดับสารละลายลดลงมากกว่านี้ ให้เติมสารละลายพร้อมปลูกเพิ่มลงไป

7) ผักโดยทั่วไปสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 30 - 45 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของผักนั้นๆ ผักบุ้งสามารถเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่านี้





13- ปลูกผักแบบขั้นบันได





14 ปลูกมันเทศไว้ดูเล่น





15 วิธีการปลูกมันเทศ




16 หม้อข้าวหม้อแกงลิง ปลูกเอาไว้ดักแมลง





17 ไฮโดร บนหลังคา





18 แปลงผักหน้าบ้าน ใคร ๆ ก็ทำได้ ยกเว้นคุณ





19- ฝันที่เป็นจริง และฝันที่ไม่เป็นจริง





20- โหรพาหลากหลายสายพันธุ์





21- พริกบุตโจโลเกีย เผ็ดที่สุดในโลก





22- มีหวังออกลูกในถ้วย





23 ปลูกทิวลิปในหลอดแก้ว





24- ปลูกไว้กินเอง...ปลูกไว้แจก เหลือ เอาไปขาย





25- เมล็ดพันธุ์เมล็ดละ 5 บาท....ปลูกได้ครั้งเดียว





26- ผักสวนใครวะเนี่ย ...ดินต้องมาก่อน ดินต้องมาก่อน และดินต้องมาก่อน





27 เมืองไทย ปลูกได้แล้วนะครับ





28 แมลงอะไรครับลุง





29 ถ้าคุณเป็นคนชอบอ่าน เล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่น่าอ่านครับ





ยังมีต่อครับ
.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 28/01/2017 2:19 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 23/12/2012 5:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.




รูปที่ 29 ทุเรียนฟิลิปปินส์ครับ ...ลุงครับ เอาเมล็ดมันมาปลูกทำต้นตอจะได้มั๊ยครับ ...

-----------------------------------------------------------------------------




ทุเรียนเนื้อสีแดง มาเลเซีย อินโดเนเซีย บอร์เนียว ก็มีนะ คนที่นั่นชอบกินทุเรียน
พันธุ์นี้ เพราะเขาไม่มีก้านหยาว หมอนทอง หลงลับแล หลินลับแล แม้แต่นกหยิบ
ก็ไม่มีกิน

ทุเรียนไทยเพาะเมล็ดแล้วกลายพันธุ์ ไม่รู้เหมือนกันว่า ทุเรียนประเทศอื่นจะกลาย
พันธุ์ไหม ?

เมล็ดทุเรียนไทยไม่มีระยะพักต้น แกะจากเนื้อปุ๊บต้องลงเพาะปั๊บ ขืนเก็บไว้นานจะ
เสื่อมความงอก ไม่รู้เหมือนกันว่า เมล็ดทุเรียนประเทศอื่นเป็นแบบนี้ไหม ?

พยายามหาข้อมูลตามเน็ต หาเท่าไหร่ๆ ๆๆ ๆๆ ก็ไม่เจอ....


อยากรู้ เอาเมล็ดมาซี่ จะเพาะให้ดู เพาะแล้วงอกคืองอก ไม่งอกคือเน่า
หรือจะเอาต้นมาก็ได้ แล้วเอายอดเขามาใส่ยอดเรา เอ้....แบบนี้น่าจะชัวร์กว่าน


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 13/01/2013 11:25 pm    ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร ภาค 4 พืชผักผลไม้ขึ้นห้าง,ส่งออก และเกรดฟุตบาท ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีปีใหม่(อีกครั้ง)ครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 4 ว่าด้วยพืชผัก ผลไม้ เกรดขึ้นห้าง, ส่งออก และ เกรดฟุตบาท

ตอนที่ 6 ผักส่งออกจากปากช่อง – เมื่อ 4 มกราคม 2556



ขอฝากรูปนี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ลุงคิม และเพื่อนสมาชิกที่ปลูกผัก ทั้งขึ้นห้าง ส่งออก และแบกะดินริมฟุตบาท

รูปนี้ เข้าใจทำ เข้าใจจัด โทนสี จริง ๆ ส้ม แดง เหลือง เขียว ถึงม่วง .....อย่าคิดว่าผักเกรดแบกะดินริมฟุตบาทจะส่งออกไม่ได้
ส่งได้ครับ เพียงแต่ว่าคุณไม่เปลี่ยนวิธีทำจากผักแบกะดินให้กลายเป็นผักส่งออกเอง

ก่อนปีใหม่ เน๊ตมันรวน ใช้งานไม่ได้ พอช่างมาแก้ไขให้เรียบร้อย(กล่องรับสัญญาณโดนฟ้าผ่า ถอดออกมาข้างในดำปี๋ ช่างเลย
เปลี่ยนกล่องให้ใหม่ บอกช่างช่วย Tune ให้รับสัญญาณได้ซัก 10 Mb ช่างบอก OK ได้เลยน้า ....ก็เลยตอบแทนน้ำใจ ให้
ไปกลมนึง ช่างยิ้มแป้นเลย)

พอเน๊ตดี คอมฯ มันรวนใช้งานไม่ได้ขึ้นมาอีก (ความจริงมันก็เก่า งั่ก เกือบจะ 10 ปีแล้วมั๊ง) ข้อมูลทั้งหลายแหล่อยู่ในเครื่อง ยัง
ไม่ได้ส่งซ่อม... ผมเก็บข้อมูลบางส่วนไว้ใน Thumb Drive โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับรายการลุงคิม ก็บังเอิญว่า ลูกเค้าเปลี่ยน
เครื่องคอมใหม่ ผมก็เลยขอเอามาใช้ ...เอา Thumb Drive มาเสียบเข้า ก็พอ กล้อมแกล้ม ๆ ทำได้เท่าที่ทำ........

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา คุยให้ฟังต่อเลยนะครับ

ผมนำเสนอเรื่องผักขึ้นห้าง ส่งออก ริมฟุตบาท มาหลายตอนเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เพื่อนสมาชิกเกิดแรงจูงใจ เกิดแรงบันดาลใจ
ที่คิดจะทำ และก็มีหลายท่านติดต่อมาทาง PM ขอให้ผมติดต่อกับเพื่อนลูกสาวที่เค้าทำผักขึ้นห้างและผักส่งออก ผมก็ให้ข้อมูล
ว่า ไปติดต่อคุยกันเอง ...จะมีใครไปถึงดวงดาว หรือมีใครยังเดินดินอยู่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน



รูป 1 คนเสื้อเหลืองผมยาว เพื่อนลูกสาว คนยืนมือไพล่หลังสามีเค้า สองคนนี่คือคนที่ทำผักขึ้นห้าง ส่งออก ที่เห็นหน้านี่ลูกชาย
...ไปรับซื้อผักที่ปากช่อง เมื่อวันที่ 4 มค.56 ที่ผ่านมานี่เอง





รูปที่ 2 ความสมบูรณ์ของผักขึ้นห้าง – ส่งออก ปลอดสารพิษนะครับ




รูป 3


รูป 4

รูปที่ 3 - 4 ผักหลากหลายสายพันธุ์




รูป 5


รูป 6

รูปที่ 5 - 6 การแพ็คใส่ถุงเพื่อขนส่งไปคัดแยกอีกครั้งก่อนส่งออก





รูปที่ 7 เมล็ดพันธุ์ผักบรรจุในซองสูญญากาศ ของ บริษัท เฟรนชิป ซีด จำกัด
หน้าซองเขียนว่า มะเขือเทศท้อ BIG MAMA





รูปที่ 8 นี่เป็นดอกของมะเขือเทศท้อ Big Mama ครับ





รูปที่ 9 แตง ซูกีนี





รูปที่ 10 ปลูกหัวไชเท้าต้องให้ได้แบบนี้





รูปที่ 11 การบรรจุมะเขือยาวสีม่วงเพื่อการส่งออก...คุณเชื่อหรือเปล่าว่า มะเขือพันธุ์นี้ปลูกที่เมืองไทย ส่งไปญี่ปุ่น แล้วญี่ปุ่นก็
ส่งออกกลับมาขายไทยและไปทั่วโลก น่าคิดมั๊ยครับ





รูปที่ 12 นี่เป็นมะเขือม่วงกลมแบบมะเขือเปราะ





รูปที่ 13 บวบงูที่เหมือนงู ตามข้อมูลบอกว่า เป็นบวบที่วิจัยแล้วว่า มีสารอาหารมากกว่าบวบธรรมดา





รูปที่ 14 ไม่แน่ใจว่า ทดสอบความงอก หรือว่าจงใจทำให้งอกทั้งฝัก





รูปที่ 15 เน้นที่ฝักข้าวโพด อันนี้ข้อมูลบอกว่า เป็นต้นตระกูลของข้าวโพด รบกวนลุงคิมกรุณาหา
ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ






รูปที่ 16 ลูกอะไรครับลุง หรือจะเป็น "มักกะลีผล" ตอนยังเล็กอยู่





รูปที่ 17 ลูกกีวี่ครับ





รูปที่ 18 น่าจะเป็น "เพลี้ยอ่อน" นะครับ....ขอทราบวิธีป้องกัน และการกำจัดด้วย





รูปที่ 19 ตัวนี้คือ "มวนเพชฌฆาต" ถ้าเจออย่าทำลายนะครับ เป็นตัวช่วยทำลายศัตรูพืชได้อย่างยอดเยี่ยม





รูปที่ 20 หาซื้อได้ที่ปากคลองตลาดครับ





รูปที่ 21 เครื่องปลูกข้าวแบบนาดำครับ





รูปที่ 22 บ้านไหน เมืองไหน เค้าก็ปลูกข้าวแบบนาดำกันทั้งนั้น มีแต่พี่ไทย ทำนาหว่าน




ยังมีต่อ....อีก ยาวครับ...

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 14/01/2013 7:51 pm    ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร ภาค 4 พืชผักผลไม้ขึ้นห้าง,ส่งออก และเกรดฟุตบา ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:




รูปที่ 10 ปลูกหัวไชเท้าต้องให้ได้แบบนี้
COMMENT :
เตรียมดิน (สำคัญที่สุด) ..... ขี้ไก่ แกลบดิบ กระดูกป่น ยิบซั่ม....บ่มดินด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24

บำรุงระยะลงหัวแล้ว :
ทางใบ......ไบโออิ + 5-10-40 + สารสมุนไพร ทุก 10 วัน
ทางราก.....ระเบิดเถิดเทิง 5-10-40 ทุก 20 วัน

หมายเหตุ :
แปลงไชเท้าที่บ่อพลอย ใช้สูตรนี้ได้หัวใหญ่กว่าน่อง ส่งโรงงานทำไขเท้าแบบหั่นเป็นเส้น ดีมาก




รูปที่ 18 น่าจะเป็น "เพลี้ยอ่อน" นะครับ....ขอทราบวิธีป้องกัน และการกำจัดด้วย
ตอบ :
เหล้าขาว 1 ล. + น้ำส้มสายชู 150 ซีซี. ผสมกันได้ "หัวเชื้อ" เข้มข้นพร้อมใช้
ใช้ "น้ำ 20 ล. + หัวเชื้อ 15-20 ซีซี." ฉีดตอนค่ำ วันเว้นวัน

หมายขเหตุ :
ทดสอบความช้มข้นของหัวเชื้อ โดยทดลองฉีดที่ยอด 1 ยอดก่อน เช้ารุ่งขึ้น ถ้าใบไม่ไหม้ถือว่า O.K. ใช้ต่อไปได้.....
แต่ถ้าเช้ารุ่งขึ้นใบไหม้ แสดงว่าหัวเชื้อเข้มข้นมาก ให้ลดอัตราใช้ลงมา

เพลี้ยอ่อนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ไต้ใบพืช ให้ฉีดเน้นที่ใต้ใบ
เพลี้ยอ่อนโดนสารตัวนี้ ตัวดำปี๋ ตายสนิท



.
[/quote][/quote]

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 16/01/2013 9:07 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 14/01/2013 8:53 pm    ชื่อกระทู้: Re: เกษตรสัญจร ภาค 4 พืชผักผลไม้ขึ้นห้าง,ส่งออก และเกรดฟุตบา ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:




รูปที่ 15 เน้นที่ฝักข้าวโพด อันนี้ข้อมูลบอกว่า เป็นต้นตระกูลของข้าวโพด
รบกวนลุงคิมกรุณาหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ

ตอบ :


.




ไทยพัฒนาข้าวโพดสีม่วง ต้านมะเร็ง-ชะลอแก่









สำเร็จ! ไทยพัฒนาข้าวโพดสีม่วง ต้านมะเร็ง-ชะลอแก่ (กรมประชาสัมพันธ์)

ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดตรัง ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและปลูกข้าวโพดเหนียวพันธุ์แฟนซีสีม่วง 111 และพันธุ์สีขาวม่วง 212 พบคุณสมบัติเยี่ยมด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง เตรียมเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้รุ่นแรก เพื่อแจกจ่ายแก่เกษตรกรที่สนใจ

ทางศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดตรัง ประสบความสำเร็จ ในการปลูกข้าวโพดเหนียว พันธุ์แฟนซีสีม่วง 111 และพันธุ์แฟนซีสีขาวม่วง 212 จากการพัฒนาสายพันธุ์มาจาก ข้าวโพดสีม่วงผสมกับข้าวโพดเหนียว ทำให้ได้ข้าวโพดเหนียวสีม่วง ที่มีฝักใหญ่ รสชาตินุ่มลิ้น หวานและเหนียว

โดย สีม่วงเข้มในเมล็ดนั้น เป็นสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งชนิดเนื้องอก เสริมให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรคและสมานแผล เสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง ชะลอการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและชะลอความแก่

นอกจากนี้ ข้าวโพดพันธุ์ดังกล่าว ยังให้ผลผลิตสูงถึง 2,500-3,000 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใช้ระยะเวลาในการปลูกประมาณ 60-70 วัน โดยขณะนี้ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดตรัง จะทำการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้รุ่นแรก เพื่อนำไปทำการขยายพันธุ์เพิ่ม ให้ได้ในปริมาณที่มากขึ้น ก่อนนำไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรผู้สนใจ ทั้งในจังหวัดตรังและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเผยแพร่การปลูกข้าวโพดพันธุ์ดังกล่าว สร้างรายได้เสริม โดยเฉพาะตลาดคนรักสุขภาพให้การตอบรับอย่างมาก ซึ่งหลังทดลองจำหน่ายฝักสดแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชม ภายในศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดตรัง ปรากฏว่าปริมาณสินค้า มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ข้าวโพดแฟนซีสีม่วง กำลังได้ความสนใจจากเกษตรกร ซึ่งทางศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดตรัง จะส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปปลูกในไม่ช้านี้ ซึ่ง เชื่อว่าข้าวโพดเหนียวสีม่วงนี้ จะเป็นที่นิยมรับประทานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีรสชาติดี คุณค่าทางอาหารสูง และเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ



http://board.postjung.com/594553.html[/quote]


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 17/04/2013 12:57 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 16/04/2013 10:17 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 4 ตอนที่ 7 พืชผักหลากหลายสายพันธุ์

ผมว่างเว้น ห่างหายไปจากกระทู้นี้ซะนาน ...ไม่ทราบว่า ดูรูปผักและผลไม้จากกระทู้นี้แล้ว มีใครเอาไปต่อยอดเป็นแนวคิดปลูกขาย หรือปลูกไว้กินเองบ้างหรือไม่.....

แต่เท่าที่รู้ก็น่าจะมี สมาชิกหลายท่าน ที่อยากทำผักส่งออก สอบถามรายละเอียด PM มาที่ผม ๆ ก็ให้ข้อมูล บอกให้โทรไปติดต่อกับเพื่อนของลูกสาวที่เค้าทำผักส่งออกเอาเอง จะสำเร็จ ประการใดหรือไม่ ผมก็ไม่ได้ติดตาม

คุยต่อเลยนะครับ



1) ไม่ทราบว่ามะเขืออะไร คล้ายมะเขือเปราะ ลูกใหญ่ แต่กินไม่อร่อยเลย
เป็นไม้ประดับซะมากกว่า





2) คนปลูกแตงโม น่าจะคิดทำนะ...ไอ้ที่ปลูกให้เลื้อยบนดินให้ผลผลิตต่อไร่จำนวนมาก
แต่คุณภาพต่ำน่ะ เลิกได้แล้ว เค้าทำกันแบบนี้ครับ ถึงจะขายได้ราคา





3) มะม่วงอะไรครับลุง อร่อยหรือเปล่าครับ แล้วเค้าเอาอะไรพันโคนต้น...เพื่ออะไรครับ ...





4) ปุ๋ยปลาหมัก ต้องสูตรนี้ครับ รับรองได้เลยว่า ออกลูกเป็นลิง เอ๊ย ออกลูกไม่หยุด







5– 6 มะขามยักษ์ ผมเห็นนิยมปลูกกันจังเลย....ฝักใหญ่มาก กินอร่อยมั๊ยครับลุง





7 ..มะเดื่อตุรกี ใช้ทำอะไรได้ครับ





8 โห...อะไรกันนี่ เห็นแล้วทึ่ง ทำได้ยังไง มีอะไรต่อมิอะไรมั่งครับเนี่ย







9 – 10 ฟักทองยักษ์





11 ลูกเก๋ากี๊ สมุนไพรเครื่องตุ๋นยาจีนครับ







12 – 13 ไร่ปอเทืองหรือเปล่า ไม่แน่ใจครับ





14 – ไม่ใช่บ้านเราแน่ ๆ





15 – เอาดอกมาสกัดยากันยุง





16 – เข้าใจทำ





17 – เลี้ยงผึ้ง





18 – ตัวช่วยผสมเกสร





19 – เข้าใจทำจริง ๆ





20 – แอปเปิลสีแดง






21 – ลูกอะไรเอ่ย ไม่รู้จักครับ





22 – แบลคเบอรี่





23 – ลูกไหน รสเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ





24 – ลูกหม่อนครับ

ยังมีต่อครับ

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 16/04/2013 8:57 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:





1) ไม่ทราบว่ามะเขืออะไร คล้ายมะเขือเปราะ ลูกใหญ่ แต่กินไม่อร่อยเลย เป็น
ไม้ประดับซะมากกว่า
ตอบ :
มะเขือพม่า พม่าชอบกิน ที่ไร่กล้อมแกล้มเคยปลูก ลูกโตน้องๆมะพร้าว แต่โทษ
ที แหล็ก-ม่าย-ร่าย เนื้อเหนียว เปลือกเหนียว ชี้บบบบบ








5– 6 มะขามยักษ์ ผมเห็นนิยมปลูกกันจังเลย....ฝักใหญ่มาก กินอร่อยมั๊ยครับลุง
ตอบ :
มะขามหวานฝักยักษ์ กินสด ใช้ทำมะขามแช่อิ่ม ดีมากๆ เพราะเนื้อเยอะ ถ้ารอให้
สุกจะทำมะขามเปียก ไม่ดี เพราะเนื้อน้อยมากๆ ฝักแก่แล้วเนื้อเหี่ยว






.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 21/04/2013 1:58 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 4
ตอนที่ 8 มะเขือเทศรูปหัวใจ” พืชผัก เพื่อสุขภาพ ของ เจียไต๋




ทุกวันนี้ กระแสการดูแลสุขภาพกำลังมาแรงทีเดียว การรับประทานผักก็เป็นอีกทางเลือกของการดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากคนไทยจำนวนมาก เพราะได้รับสารอาหารมากมาย รับประทานแล้วไม่อ้วนอีกต่างหาก

แต่คนบางกลุ่มยังไม่นิยมรับประทานผัก เพราะมีรสชาติไม่ถูกปาก ไม่โดนใจ บริษัท เจียไต๋ จำกัด จึงได้พัฒนามะเขือเทศพันธุ์ใหม่ “มะเขือเทศรูปหัวใจ พันธุ์โทเมโทเบอร์รี่ (Tomatoberry)” ที่มีสีแดงสะดุดตา ดึงดูดให้ผู้คนที่ใส่ใจสุขภาพ หันมารับประทานผักกันมากขึ้น


พันธุ์ทนร้อน และการจัดการที่ดีคือกุญแจสำคัญ :
คุณสุรนาท องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจครบวงจร บริษัท เจียไต๋ จำกัด เล่าว่า มะเขือเทศรูปหัวใจ (Tomatoberry) พัฒนาพันธุ์โดยบริษัทเมล็ดพันธุ์ชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นคู่ค้าของเจียไต๋ ที่ตั้งใจพัฒนามะเขือเทศสายพันธุ์นี้ให้มีรูปลักษณ์แปลกใหม่ ลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือลูกสตรอเบอรี่ สีแดงสด เพิ่มความหวาน และลดความเปรี้ยวลง (Acid) เพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มผู้ใหญ่ วัยทำงาน เยาวชน วัยรุ่น ให้หันมารับประทานมะเขือเทศสดกันมากขึ้น

แนวคิดดังกล่าว ตรงกับความต้องการของเจียไต๋ที่ต้องการเห็นคนไทยมีโอกาสบริโภคผักที่มีรสชาติอร่อยคุณภาพดี เจียไต๋จึงร่วมมือกับพันธมิตรชาวญี่ปุ่น พัฒนามะเขือเทศรูปหัวใจ ซึ่งเติบโตดีในอุณหภูมิหนาวเย็น กลายเป็น “สายพันธุ์ทนร้อน” ผนวกกับ “การจัดการที่ดี” จนสามารถปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจได้ในสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของไทยได้สำเร็จตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน และเริ่มผลิตสินค้าออกวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 ปรากฏว่า กลายเป็นสินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะสินค้าโดนใจกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย



โรงเรือนระบบปิด การจัดการง่าย ปลูกได้ตลอดปี :
คุณพิพัฒน์พงษ์ ยงขามป้อม ผู้จัดการฟาร์มปากช่อง ของ เจียไต๋ โทร. (085) 305-7041 พาไปชมแปลงปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจ ภายในโรงเรือนระบบปิด เรียกว่า โรงเรือนหลังคาฟันเลื่อย (Saw Tooth Greenhouse) เพราะมีลักษณะหลังคาโค้งคล้ายฟันเลื่อย หน้ากว้างช่วงละ 6.4 เมตร แต่ละหลังเชื่อมต่อด้วยรางน้ำเหล็ก โรงเรือนนี้สามารถระบายอากาศได้สูงทั้งด้านข้างและด้านบน เพราะมีหน้าต่างกว้าง 1.5 เมตร บริเวณหลังคา ส่วนด้านข้างติดมุงตาข่ายกันแมลง ช่วยเพิ่มพื้นที่ระบายอากาศร้อน และถ่ายเทอากาศเย็นหมุนเวียนเข้าสู่โรงเรือนได้ง่าย เหมาะสำหรับปลูกพืชผัก ที่ต้องใช้พื้นที่ในการผลิตครั้งละมากๆ โดยเฉพาะพืชเถาเลื้อยที่ต้องการขึ้นค้าง เช่น มะเขือเทศเชอร์รี่ พริกหวาน แตงโม เมล่อน แคนตาลูป ฯลฯ

คุณพิพัฒน์พงษ์ เล่าว่า มะเขือเทศรูปหัวใจ อยู่ในกลุ่มมะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomato) มีลักษณะเติบโตแบบเลื้อย มะเขือเทศประเภทนี้ ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมจะสามารถเจริญเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด มีกิ่งแขนงขนาดใกล้เคียงกับลำต้น 2-3 แขนง และมีแขนงย่อยได้อีกไม่จำกัด ช่อดอกแรกเกิดระหว่าง ข้อที่ 8 และ 9 ช่อดอกต่อมาจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 ข้อ ลำต้นอาจจะสูงหรือยาวกว่า 10 เมตร

มะเขือเทศ สามารถเจริญเติบโตทางด้านลำต้น ใบ และออกดอกได้ดีตลอดทั้งปี แต่การติดผลของมะเขือเทศต้องการสภาพอากาศค่อนข้างเย็น อุณหภูมิกลางวันที่เหมาะสม อยู่ที่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิกลางคืน ประมาณ 16-20 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิกลางคืนสูงกว่า 22 องศาเซลเซียส จะทำให้มะเขือเทศไม่ติดผลหรือติดผลได้น้อยมาก ฝนและความชื้นสูงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้โรคทางใบและทางรากระบาดรุนแรง

ดังนั้น ฤดูปลูกที่เหมาะสมที่สุดจึงอยู่ในช่วงฤดูหนาว โดยมีช่วงหยอดเมล็ดเพาะกล้า อยู่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม ซึ่งนอกจากสภาพอากาศจะเหมาะสมต่อการติดผล ทำให้ได้ผลผลิตสูงแล้ว ยังมีศัตรูพืชรบกวนน้อย ต้นทุนการผลิตจึงต่ำกว่าการปลูกในฤดูอื่นด้วย

แปลงปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจอาศัยดูแลจัดการเช่นเดียวกับมะเขือเทศทั่วไป จะใช้ระยะเวลาเพาะกล้า 25-30 วัน ปลูกอีก 50-60 วัน เริ่มออกดอก ประมาณ 30 วัน ต้นมะเขือเทศเชอร์รี่จะมีอายุการปลูก ประมาณ 7-8 เดือน อายุเก็บเกี่ยวนาน 3-4 เดือน

ทุกวันนี้ เจียไต๋ ใส่ใจดูแลการผลิตมะเขือเทศรูปหัวใจ บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความพิถีพิถันทุกขั้นตอน เริ่มจากคัดเมล็ดพันธุ์อย่างดี มาปลูกในโรงเรือนและปลูกแบบไม่ใช้ดิน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมี

แต่ละวัน คนงานจะเก็บบันทึกข้อมูลภายในฟาร์มอย่างละเอียด เช่น อุณหภูมิสูงสุด ต่ำสุดแต่ละวัน ความเข้มแสง ความเร็วลม ความชื้นสัมพัทธ์ ค่าความชื้นภายในวัสดุปลูก วัดค่าความเป็นกรด-ด่าง ของน้ำ (pH) และค่าการนำไฟฟ้าของสารละลาย (EC) บันทึกการพบโรคและแมลงภายในแปลงปลูก บันทึกการใช้ปุ๋ย ยา และสารกำจัดศัตรูพืช บันทึกการเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อต้น รวมทั้งตรวจเช็กคุณภาพผลผลิตก่อนเก็บเกี่ยว คือวัดค่าความหวาน (เปอร์เซ็นต์บริกซ์) และชั่งน้ำหนักผล

สำหรับแปลงปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจที่เข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้ คุณพิพัฒน์พงษ์ เล่าว่า เริ่มเพาะกล้า วันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ย้ายปลูก วันที่ 1 สิงหาคม 2555 โดยปลูกในระยะ 50x50 เซนติเมตร โดยใช้ขุยมะพร้าวเป็นวัสดุปลูก ใช้ระบบน้ำแบบขาปักน้ำหยด อัตราการไหล 3 ลิตร ต่อชั่วโมง ให้น้ำ 1.4 ลิตร ต่อต้น ต่อวัน แบ่งให้น้ำ วันละ 7 รอบ เริ่มตั้งแต่ 08.00-14.00 น. ปริมาณที่ให้ต่อรอบ 200 มิลลิลิตร ต่อรอบ ต่อต้น และให้ปุ๋ยไปพร้อมระบบน้ำ 5 รอบ ต่อวัน จาก 7 รอบ ค่า ec = 1.6 ms/cm, ค่า pH ของน้ำ = 6.5 และเริ่มเก็บผลผลิต ตุลาคม 2555 จนถึงเดือนมกราคม 2556 ให้ผลผลิตโดยเฉลี่ย ต้นละ 3 กิโลกรัม

คุณพิพัฒน์พงษ์ เล่าว่า ขณะนี้ ต้นมะเขือเทศยาว 10 กว่าเมตร สามารถเติบโตได้ 15-20 เมตร เพราะโรงเรือนแห่งนี้ติดตั้งอุปกรณ์เชือกสลิงสำหรับดึงให้ต้นมะเขือเทศเอนไปตามความยาวของเชือก ทำให้ดูแลจัดการได้สะดวก แม้จะเป็นพันธุ์ทนร้อน แต่หากอุณหภูมิกลางวันสูงเกินกว่า 35 องศาเซลเซียส ก็ทำให้มะเขือเทศพันธุ์นี้ติดผลได้ยาก จึงต้องใส่ใจดูแลโดยเฉพาะการให้น้ำ และฉีดพ่นฮอร์โมนเพื่อช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การติดผลของมะเขือเทศให้มากขึ้น

คนงานจะคอยดูแลตัดแต่งกิ่ง เพื่อเลี้ยงต้นให้สมบูรณ์ที่สุด โดยเลี้ยงผลมะเขือเทศเฉลี่ย ช่อละ 12-15 ลูก โดยธรรมชาติ มะเขือเทศจะคลายน้ำบริเวณขั้ว ดังนั้น เวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต จะเด็ดให้มีส่วนขั้วติดกับผลมะเขือเทศเพื่อช่วยยืดอายุความสดไว้ได้นานๆ ช่วงเช้าคนงานจะเลือกเก็บผลสีแดงสด เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร และนำเข้าห้องเย็นทันทีเพื่อเก็บรักษาความสดก่อนจำหน่าย



เจียไต๋ เดินหน้า ขยายกำลังผลิตเอาใจตลาด :
มะเขือเทศรูปหัวใจ เปี่ยมด้วยสารสีแดงไลโคปีน (Lycopene) ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งมากกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า สารไลโคปีนช่วยลดอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ มะเขือเทศรูปหัวใจยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามิน เอ และวิตามิน ซี มีในปริมาณสูง แถมมีรสชาติที่อร่อยกว่ามะเขือเทศธรรมดา เพราะมีกลิ่นหอม รสหวาน เนื้อหนา เปลือกบาง เนื้อแน่น ไร้เมล็ด รับประทานแทนผลไม้ได้

เจียไต๋ มีเป้าหมายผลิตมะเขือเทศรูปหัวใจเพื่อทดแทนการนำเข้ามะเขือเทศเชอร์รี่จากเมืองนอก ที่จำหน่ายในราคาสูงถึงแพ็กละ 70-100 บาท และมีความหวาน ประมาณ 8 บริกซ์ แต่เจียไต๋สามารถผลิตมะเขือเทศรูปหัวใจออกขายในราคาเพียงแพ็กละ 39 บาท แถมมีความหวานมากกว่า 10 บริกซ์ จึงถือเป็นสินค้าทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่นิยมรับประทานผักเพื่อสุขภาพ

คุณสุรนาท เล่าเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน เจียไต๋ ปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจภายในฟาร์มแห่งนี้ จำนวน 3,944 ต้น ปีนี้บริษัทมั่นใจศักยภาพการผลิต โดยวางแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น ประมาณ 10,000 ต้น เพื่อรองรับการผลิตให้ครอบคลุมผู้บริโภคมากขึ้น

นอกจากนี้ เจียไต๋ ตั้งใจพัฒนาวิธีการปลูกให้ทันสมัย มีรูปแบบที่ชัดเจน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความต้องการในอนาคตที่เราเชื่อว่าต้องมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเจียไต๋จะถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรได้นำเมล็ดพันธุ์ไปปลูกในลักษณะคอนแทร็กฟาร์มมิ่งได้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้สำหรับเกษตรกร สำหรับผู้ที่สนใจมะเขือเทศรูปหัวใจ พันธุ์โทเมโทเบอร์รี่ สามารถเลือกซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าดิเอ็มโพเรี่ยม ห้างสรรพสินค้าพารากอน ฟู้ดแลนด์ และ ซีพี เฟรชมาร์ท ทุกสาขาทั่วประเทศ



http://www.matichon.co.th/


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 22/04/2013 11:48 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 4 ตอนที่ 9 โฮลฟู้ด อาหารธรรมชาติ

“โฮลฟู้ด” คืออะไร ?



ผัก ผลไม้ ที่ปลูกแบบธรรมชาติ โดย ไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ หรือเมล็ดธัญพืช ถั่วต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการขัดสี คือตัวอย่างที่ดีของ “โฮลฟู้ด”

โฮลฟู้ด คืออาหารที่ไม่ปนเปื้อนสารเคมีและไม่ผ่านกระบวนการหรือแม้จะผ่านกระบวนการก็น้อยที่สุด เพื่อให้คงคุณค่าสารอาหารไว้ได้มากที่สุด โฮลฟู้ด จะปราศจากการปรุงแต่งรสชาติ กลิ่นและสี เช่น เติมเกลือ ไขมัน หรือสารกันบูดลงไป ดังนั้นการรับประทาน โฮลฟู้ด เท่ากับรับประทานอาหารธรรมชาติซึ่งจะได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่อยู่ในอาหารนั้น ๆ ไปเต็ม ๆ

ในแต่ละวัน ร่างกายของเราต้องการสารอาหารจำเป็นทั้งวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด ซึ่งโฮลฟู้ดอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญเหล่านี้ อีกทั้งยังมีเส้นใยอาหารสูงและมีสารพฤกษเคมีหรือไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrient) อันเป็นสารที่พบเฉพาะในพืชผักผลไม้ที่ทำให้มีสี กลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว มีประโยชน์โดดเด่น ซึ่งไฟโตนิวเทรียนส์มีนับพันๆ ชนิด ในปัจจุบันก็ยังมีการค้นพบชนิดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น



ทำไมจึงควรรับประทาน “โฮลฟู้ด” เป็นประจำ ...
อย่างไรก็ตาม การได้รับสารอาหารเพียงบางชนิด อาจจะไม่ได้ประโยชน์มากนักเมื่อเทียบกับการได้รับสารอาหารหลายชนิดพร้อม ๆ กัน เหตุผลก็เพราะสารอาหารต่าง ๆ จะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็มักจะต้องพึ่งพาและทำงานเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกัน (Synergy) ราวกับทำงานเป็นทีม จึงจะเกิดประโยชน์ในการนำไปใช้ในร่างกาย เช่น วิตามินอี วิตามินซี ต้องทำงานร่วมกับซีลีเนียม เพราะซีลีเนียมเป็นโคเอนไซม์ของสารต้านอนุมูลอิสระ จะทำงานเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน จึงช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารโฮลฟู้ดให้หลากหลายในหนึ่งวันนั่นเอง

แต่ทุกวันนี้เรากลับรับประทานอาหารสำเร็จรูปมากขึ้นเพราะวิถีชีวิตที่เร่งรีบ จึงได้รับสารอาหารไม่เพียงพอโดยเฉพาะจากผัก ผลไม้และอาหารที่ปรุงสดใหม่ ซึ่งอาหารสำเร็จรูปมักจะผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน จึงทำให้สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการและถูกเติมสารปรุงแต่งต่างๆ มากมาย จึงเป็นที่มาของปัญหาสุขภาพในยุคปัจจุบัน ได้แก่ ภาวะการขาดโภชนาการที่เหมาะสม โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิต เป็นต้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากอาหารนั่นเอง ดังนั้นการหันมาหาโฮลฟู้ดที่มีคุณค่าโภชนาการสูงจึงเป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม


ตัวอย่างของ โฮลฟู้ด ที่ดีหาได้ง่าย เช่น ...
ผัก ผลไม้สด ที่มีไฟโตนิวเทรียนท์ พร้อมวิตามินและแร่ธาตุ
ธัญพืชไม่ขัดสี ให้วิตามินและแร่ธาตุ พร้อมเส้นใยอาหารสูง



อาหารบางชนิดที่ไม่ควรมองข้ามที่ให้คุณค่า โฮลฟู้ด และมีไฟโตนิวเทรียนท์ เช่น ...
สาหร่ายสไปรูไลนา ที่ให้ทั้งวิตามินบี แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี โปรตีน และไฟโตนิวเทรียนท์กลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของเซลล์
ชาขาว แหล่งของไฟโตนิวเทรียนท์กลุ่มโพลีฟีนอลที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
เห็ดหลินจือ ที่มีโพลีแซคคาไรด์ บำรุงร่างกาย ลดความอ่อนล้า
วีทกราสหรือต้นอ่อนข้าวสาลี ที่มีคลอโรฟิลล์ วิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน และเอนไซม์บางชนิดที่ช่วยขจัดสารพิษและบำรุงร่างกาย


สารอาหารจาก “โฮลฟู้ด” ดีอย่างไร ?
หากเรารับประทาน โฮลฟู้ด หลากหลายชนิดในหนึ่งวัน เราจะได้สารอาหารจำเป็นมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยให้เอนไซม์ในร่างกายทำงานดีขึ้น คุณสมบัติโดดเด่นคือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ Anti-Aging ชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ต้านการอักเสบ เสริมภูมิต้านทาน ปกป้องเราจากโรคเรื้อรังต่างๆ นอกจากนี้เส้นใยอาหารใน โฮลฟู้ด ยังช่วยดักการดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกาย กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากในหนึ่งวันเราได้รับทั้งวิตามิน แร่ธาตุ โฮลฟู้ดที่ให้ไฟโตนิวเทรียนส์ พร้อมด้วยเส้นใยอาหารอย่างครบถ้วนจากสารอาหารธรรมชาติอย่างสม่ำเสมอ ก็มั่นใจได้ว่าสุขภาพเราจะได้รับการดูแลอย่างดีด้วยเกราะอันแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน



http://www.vcharkarn.com/

กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 01/05/2013 8:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 4 ตอนที่ 10 พืชผักแปลก ๆ

ดูเล่น ๆ ครับ หรือใครคิดจะเอาไปทำเองก็ไม่มีใครว่า อาจจะเกิดประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย




1. ผักไฮโซ





2. ผักคอนโด





3. ผัก High Grow




(4)


(5)

4. – 5 ลูกผักหวานบ้านครับ




(6)


(7)

6 – 7 ลูกหม่อนต่างสายพันธุ์





8- ต้นอะไรไม่ทราบครับ เห็นลูกมันแปลกดี





9- ชมพู่ม่าเหมี่ยวครับ





10. – ไม่รู้จักจ๊ะ ละมุดจากป่าหิมพานต์มั๊ง





11 – ลูกตะลิงปริงครับ จิ้มกะปิหวานนะ อร่อยอย่าบอกใครเลย น้ำลายไหลว่ะ





12. รู้หรือยังว่าทำไม เมล่อน ญี่ปุ่นจึงแพงนักแพงหนา ลูกละ 30,000 บาท




(13)


(14)


(15)

13 – 15 ข้าวโพดหลากสีสัน




(16)


(17)


(1Cool

16 – 18 ทุเรียนเทศครับ




(19)


(20)


(21)


(22)

19 – 22 คุณทำเองได้นะ





23 .- ใครไม่รู้จักดอกนี้ก็แย่แล้ว





24 – ดอกครามจ้า




(25)


(26)

25 – 26 ดอกผกากรอง ความสวยที่มาพร้อมกับความเหม็นเขียว





27 – มะระขี้นก





28 – มะงั่วหาว มะนาวโห่





29 – ส้มแขก




(30)


(31)



(32)

30 – 32 บัวหิมะครับ





33 – ผักกาดน้ำ หรือ หญ้าเอ็นยึด





34 – ดอกไม้ชนิดนี้สีสวยมาก เป็นกำมะหยี่ แต่กลิ่น อย่าบอกใครเลย ดอกอุตพิษครับ





35 – เห็นเค้าขียนไว้ดีเลย ก๊อปเอามาวาง....


ยังมีต่อนะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 01/05/2013 9:00 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:




12. รู้หรือยังว่าทำไม เมล่อน ญี่ปุ่นจึงแพงนักแพงหนา ลูกละ 30,000 บาท

ปลูกในโรงเรือน หน้าหนาวอุณหภูมิต่ำกว่าติดลบ ต้องใช้ HEATER ให้ความร้อน เป็นเหตุให้ต้นทุนสูง





(1Cool

16 – 18 ทุเรียนเทศครับ

ทำสารสมุนไพรกำจัดหนอน ดีมากๆ






27 – มะระขี้นก

ใบมีสารกำจัดหนอน






33 – ผักกาดน้ำ หรือ หญ้าเอ็นยึด

มีสารกำจัดวัชพืช (ยาฆ่าหญ้า)





.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 02/05/2013 7:21 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

[quote="kimzagass"]
DangSalaya บันทึก:




12. รู้หรือยังว่าทำไม เมล่อน ญี่ปุ่นจึงแพงนักแพงหนา ลูกละ 30,000 บาท

ปลูกในโรงเรือน หน้าหนาวอุณหภูมิต่ำกว่าติดลบ ต้องใช้ HEATER ให้ความร้อน เป็นเหตุให้ต้นทุนสูง

การจับลูกมาห้อยเรียงเป็นแถว ทำได้ไม่ยาก ผมพยายามมองที่ดิน ดูความสมบูรณ์ของลำต้นและใบ ... สารอาหารในดินต้องมีมากตามที่เมลล่อนต้องการ คงจะยุ่งยากเอาการ




(1Cool

16 – 18 ทุเรียนเทศครับ

ทำสารสมุนไพรกำจัดหนอน ดีมากๆ

จะหาเมล็ดพันธุ์ได้จากที่ไหนล่ะครับลุง เพราะคงมีคนปลูกน้อย





27 – มะระขี้นก

ใบมีสารกำจัดหนอน

ลูกที่ยังไม่แก่เกินไป ผ่าครึ่งดิบ ๆ จิัมน้ำพริก อร่อยอย่าบอกใคร ไม่ขม แก้ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ ที่สำคัญ กินเป็นยาอายุวัฒนะ




33 – ผักกาดน้ำ หรือ หญ้าเอ็นยึด

มีสารกำจัดวัชพืช (ยาฆ่าหญ้า)

บ้านยัยถนอมคนทำนาใกล้กัน มีขึ้นเป็นดงเลยครับลุง หมดดงแน่ ๆ คราวนี้ ยัยหนอมเอ๊ย...





อาบู อือ ย่า ...ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับลุง

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 03/05/2013 9:17 pm    ชื่อกระทู้: ขอต่อยอด มะเขือเทศรูปหัวใจของเจียไต๋ครับ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:
สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 4
ตอนที่ 8 มะเขือเทศรูปหัวใจ” พืชผัก เพื่อสุขภาพ ของ เจียไต๋




ทุกวันนี้ กระแสการดูแลสุขภาพกำลังมาแรงทีเดียว การรับประทานผักก็เป็นอีกทางเลือกของการดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากคนไทยจำนวนมาก เพราะได้รับสารอาหารมากมาย รับประทานแล้วไม่อ้วนอีกต่างหาก

แต่คนบางกลุ่มยังไม่นิยมรับประทานผัก เพราะมีรสชาติไม่ถูกปาก ไม่โดนใจ บริษัท เจียไต๋ จำกัด จึงได้พัฒนามะเขือเทศพันธุ์ใหม่ “มะเขือเทศรูปหัวใจ พันธุ์โทเมโทเบอร์รี่ (Tomatoberry)” ที่มีสีแดงสะดุดตา ดึงดูดให้ผู้คนที่ใส่ใจสุขภาพ หันมารับประทานผักกันมากขึ้น


พันธุ์ทนร้อน และการจัดการที่ดีคือกุญแจสำคัญ :
คุณสุรนาท องนิธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจครบวงจร บริษัท เจียไต๋ จำกัด เล่าว่า มะเขือเทศรูปหัวใจ (Tomatoberry) พัฒนาพันธุ์โดยบริษัทเมล็ดพันธุ์ชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นคู่ค้าของเจียไต๋ ที่ตั้งใจพัฒนามะเขือเทศสายพันธุ์นี้ให้มีรูปลักษณ์แปลกใหม่ ลักษณะคล้ายรูปหัวใจหรือลูกสตรอเบอรี่ สีแดงสด เพิ่มความหวาน และลดความเปรี้ยวลง (Acid) เพื่อดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มผู้ใหญ่ วัยทำงาน เยาวชน วัยรุ่น ให้หันมารับประทานมะเขือเทศสดกันมากขึ้น

แนวคิดดังกล่าว ตรงกับความต้องการของเจียไต๋ที่ต้องการเห็นคนไทยมีโอกาสบริโภคผักที่มีรสชาติอร่อยคุณภาพดี เจียไต๋จึงร่วมมือกับพันธมิตรชาวญี่ปุ่น พัฒนามะเขือเทศรูปหัวใจ ซึ่งเติบโตดีในอุณหภูมิหนาวเย็น กลายเป็น “สายพันธุ์ทนร้อน” ผนวกกับ “การจัดการที่ดี” จนสามารถปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจได้ในสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของไทยได้สำเร็จตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน และเริ่มผลิตสินค้าออกวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 ปรากฏว่า กลายเป็นสินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะสินค้าโดนใจกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย



โรงเรือนระบบปิด การจัดการง่าย ปลูกได้ตลอดปี :
คุณพิพัฒน์พงษ์ ยงขามป้อม ผู้จัดการฟาร์มปากช่อง ของ เจียไต๋ โทร. (085) 305-7041 พาไปชมแปลงปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจ ภายในโรงเรือนระบบปิด เรียกว่า โรงเรือนหลังคาฟันเลื่อย (Saw Tooth Greenhouse) เพราะมีลักษณะหลังคาโค้งคล้ายฟันเลื่อย หน้ากว้างช่วงละ 6.4 เมตร แต่ละหลังเชื่อมต่อด้วยรางน้ำเหล็ก โรงเรือนนี้สามารถระบายอากาศได้สูงทั้งด้านข้างและด้านบน เพราะมีหน้าต่างกว้าง 1.5 เมตร บริเวณหลังคา ส่วนด้านข้างติดมุงตาข่ายกันแมลง ช่วยเพิ่มพื้นที่ระบายอากาศร้อน และถ่ายเทอากาศเย็นหมุนเวียนเข้าสู่โรงเรือนได้ง่าย เหมาะสำหรับปลูกพืชผัก ที่ต้องใช้พื้นที่ในการผลิตครั้งละมากๆ โดยเฉพาะพืชเถาเลื้อยที่ต้องการขึ้นค้าง เช่น มะเขือเทศเชอร์รี่ พริกหวาน แตงโม เมล่อน แคนตาลูป ฯลฯ

คุณพิพัฒน์พงษ์ เล่าว่า มะเขือเทศรูปหัวใจ อยู่ในกลุ่มมะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomato) มีลักษณะเติบโตแบบเลื้อย มะเขือเทศประเภทนี้ ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมจะสามารถเจริญเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด มีกิ่งแขนงขนาดใกล้เคียงกับลำต้น 2-3 แขนง และมีแขนงย่อยได้อีกไม่จำกัด ช่อดอกแรกเกิดระหว่าง ข้อที่ 8 และ 9 ช่อดอกต่อมาจะเกิดขึ้นทุกๆ 3 ข้อ ลำต้นอาจจะสูงหรือยาวกว่า 10 เมตร

มะเขือเทศ สามารถเจริญเติบโตทางด้านลำต้น ใบ และออกดอกได้ดีตลอดทั้งปี แต่การติดผลของมะเขือเทศต้องการสภาพอากาศค่อนข้างเย็น อุณหภูมิกลางวันที่เหมาะสม อยู่ที่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิกลางคืน ประมาณ 16-20 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิกลางคืนสูงกว่า 22 องศาเซลเซียส จะทำให้มะเขือเทศไม่ติดผลหรือติดผลได้น้อยมาก ฝนและความชื้นสูงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้โรคทางใบและทางรากระบาดรุนแรง

ดังนั้น ฤดูปลูกที่เหมาะสมที่สุดจึงอยู่ในช่วงฤดูหนาว โดยมีช่วงหยอดเมล็ดเพาะกล้า อยู่ระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม ซึ่งนอกจากสภาพอากาศจะเหมาะสมต่อการติดผล ทำให้ได้ผลผลิตสูงแล้ว ยังมีศัตรูพืชรบกวนน้อย ต้นทุนการผลิตจึงต่ำกว่าการปลูกในฤดูอื่นด้วย

แปลงปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจอาศัยดูแลจัดการเช่นเดียวกับมะเขือเทศทั่วไป จะใช้ระยะเวลาเพาะกล้า 25-30 วัน ปลูกอีก 50-60 วัน เริ่มออกดอก ประมาณ 30 วัน ต้นมะเขือเทศเชอร์รี่จะมีอายุการปลูก ประมาณ 7-8 เดือน อายุเก็บเกี่ยวนาน 3-4 เดือน

ทุกวันนี้ เจียไต๋ ใส่ใจดูแลการผลิตมะเขือเทศรูปหัวใจ บนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยความพิถีพิถันทุกขั้นตอน เริ่มจากคัดเมล็ดพันธุ์อย่างดี มาปลูกในโรงเรือนและปลูกแบบไม่ใช้ดิน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมี

แต่ละวัน คนงานจะเก็บบันทึกข้อมูลภายในฟาร์มอย่างละเอียด เช่น อุณหภูมิสูงสุด ต่ำสุดแต่ละวัน ความเข้มแสง ความเร็วลม ความชื้นสัมพัทธ์ ค่าความชื้นภายในวัสดุปลูก วัดค่าความเป็นกรด-ด่าง ของน้ำ (pH) และค่าการนำไฟฟ้าของสารละลาย (EC) บันทึกการพบโรคและแมลงภายในแปลงปลูก บันทึกการใช้ปุ๋ย ยา และสารกำจัดศัตรูพืช บันทึกการเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อต้น รวมทั้งตรวจเช็กคุณภาพผลผลิตก่อนเก็บเกี่ยว คือวัดค่าความหวาน (เปอร์เซ็นต์บริกซ์) และชั่งน้ำหนักผล

สำหรับแปลงปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจที่เข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้ คุณพิพัฒน์พงษ์ เล่าว่า เริ่มเพาะกล้า วันที่ 5 กรกฎาคม 2555 ย้ายปลูก วันที่ 1 สิงหาคม 2555 โดยปลูกในระยะ 50x50 เซนติเมตร โดยใช้ขุยมะพร้าวเป็นวัสดุปลูก ใช้ระบบน้ำแบบขาปักน้ำหยด อัตราการไหล 3 ลิตร ต่อชั่วโมง ให้น้ำ 1.4 ลิตร ต่อต้น ต่อวัน แบ่งให้น้ำ วันละ 7 รอบ เริ่มตั้งแต่ 08.00-14.00 น. ปริมาณที่ให้ต่อรอบ 200 มิลลิลิตร ต่อรอบ ต่อต้น และให้ปุ๋ยไปพร้อมระบบน้ำ 5 รอบ ต่อวัน จาก 7 รอบ ค่า ec = 1.6 ms/cm, ค่า pH ของน้ำ = 6.5 และเริ่มเก็บผลผลิต ตุลาคม 2555 จนถึงเดือนมกราคม 2556 ให้ผลผลิตโดยเฉลี่ย ต้นละ 3 กิโลกรัม

คุณพิพัฒน์พงษ์ เล่าว่า ขณะนี้ ต้นมะเขือเทศยาว 10 กว่าเมตร สามารถเติบโตได้ 15-20 เมตร เพราะโรงเรือนแห่งนี้ติดตั้งอุปกรณ์เชือกสลิงสำหรับดึงให้ต้นมะเขือเทศเอนไปตามความยาวของเชือก ทำให้ดูแลจัดการได้สะดวก แม้จะเป็นพันธุ์ทนร้อน แต่หากอุณหภูมิกลางวันสูงเกินกว่า 35 องศาเซลเซียส ก็ทำให้มะเขือเทศพันธุ์นี้ติดผลได้ยาก จึงต้องใส่ใจดูแลโดยเฉพาะการให้น้ำ และฉีดพ่นฮอร์โมนเพื่อช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์การติดผลของมะเขือเทศให้มากขึ้น

คนงานจะคอยดูแลตัดแต่งกิ่ง เพื่อเลี้ยงต้นให้สมบูรณ์ที่สุด โดยเลี้ยงผลมะเขือเทศเฉลี่ย ช่อละ 12-15 ลูก โดยธรรมชาติ มะเขือเทศจะคลายน้ำบริเวณขั้ว ดังนั้น เวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต จะเด็ดให้มีส่วนขั้วติดกับผลมะเขือเทศเพื่อช่วยยืดอายุความสดไว้ได้นานๆ ช่วงเช้าคนงานจะเลือกเก็บผลสีแดงสด เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร และนำเข้าห้องเย็นทันทีเพื่อเก็บรักษาความสดก่อนจำหน่าย



เจียไต๋ เดินหน้า ขยายกำลังผลิตเอาใจตลาด :
มะเขือเทศรูปหัวใจ เปี่ยมด้วยสารสีแดงไลโคปีน (Lycopene) ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งมากกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า สารไลโคปีนช่วยลดอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ มะเขือเทศรูปหัวใจยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามิน เอ และวิตามิน ซี มีในปริมาณสูง แถมมีรสชาติที่อร่อยกว่ามะเขือเทศธรรมดา เพราะมีกลิ่นหอม รสหวาน เนื้อหนา เปลือกบาง เนื้อแน่น ไร้เมล็ด รับประทานแทนผลไม้ได้

เจียไต๋ มีเป้าหมายผลิตมะเขือเทศรูปหัวใจเพื่อทดแทนการนำเข้ามะเขือเทศเชอร์รี่จากเมืองนอก ที่จำหน่ายในราคาสูงถึงแพ็กละ 70-100 บาท และมีความหวาน ประมาณ 8 บริกซ์ แต่เจียไต๋สามารถผลิตมะเขือเทศรูปหัวใจออกขายในราคาเพียงแพ็กละ 39 บาท แถมมีความหวานมากกว่า 10 บริกซ์ จึงถือเป็นสินค้าทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่นิยมรับประทานผักเพื่อสุขภาพ

คุณสุรนาท เล่าเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน เจียไต๋ ปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจภายในฟาร์มแห่งนี้ จำนวน 3,944 ต้น ปีนี้บริษัทมั่นใจศักยภาพการผลิต โดยวางแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น ประมาณ 10,000 ต้น เพื่อรองรับการผลิตให้ครอบคลุมผู้บริโภคมากขึ้น

นอกจากนี้ เจียไต๋ ตั้งใจพัฒนาวิธีการปลูกให้ทันสมัย มีรูปแบบที่ชัดเจน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความต้องการในอนาคตที่เราเชื่อว่าต้องมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเจียไต๋จะถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรได้นำเมล็ดพันธุ์ไปปลูกในลักษณะคอนแทร็กฟาร์มมิ่งได้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้สำหรับเกษตรกร สำหรับผู้ที่สนใจมะเขือเทศรูปหัวใจ พันธุ์โทเมโทเบอร์รี่ สามารถเลือกซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าดิเอ็มโพเรี่ยม ห้างสรรพสินค้าพารากอน ฟู้ดแลนด์ และ ซีพี เฟรชมาร์ท ทุกสาขาทั่วประเทศ


http://www.matichon.co.th/

.


สวัสดีครับลุงคิม.... และสมาชิกสีสันชีวิตไทยทุกท่าน

พอดีผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเขือเทศรูปหัวใจ ของ บริษัท เจียไต๋ มา
ก็เลยขอนำเสนอให้เพื่อน ๆ ที่ชอบปลูกมะเขือเทศได้ดูกันครับ ...ที่บ้านผมอยากปลูก แต่ทำได้ยากเพราะหลังเกี่ยวข้าว คนทำนาก็จะเผาฟาง ยอดมะเขือเทศ พอโดนควันไฟ ยอดมันจะหงิก ทำยังไงก็ไม่หาย ตัดยอดทิ้ง ออกยอดใหม่มันก็ แอ๊บแบ๊ว ซังกะตายอยู่อย่างนั้น ไม่โต ไม่ตาย จ๋องกรอดอยู่อย่างนั้น ถอนทิ้งลูกเดียว




รูปที่ 1 ...ผมเป็นสมาชิกนิตยสาร " ผลิใบ " ของกรมวิชาการเกษตร เป็นนิตยสารรายเดือน ออกเดือนละคร้ง ก่อนน้ำท่วมก็ออกตรงเดือนดีอยู่ แต่หลังน้ำลด ออกไม่ตรงเดือน....การเป็นสมาชิก ฟรีครับ

ฉบับที่เห็นอยู่นี้เป็น ปีที่ 16 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนกุมภาพันธุ์ 2556 ผมได้รับเมื่อ 27 เมย.56





รูปที่ 2 เป็นรูปหลังปก มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ มะเขือเทศ รูปหัวใจ ของ บ.เจียไต๋ ซึ่งให้ชื่อว่า " โทเมโทเบอร์รี่ " ครับ เมื่อมีข้อมูลมาแบบนี้ ผมก็ต้องนำเสนอให้เพื่อนที่ชอบมะเขือเทศได้รู้กันเอาไว้

ข้อมูลคร่าว ๆ บอกว่า

" ..........เกษตรกรที่สนใจจะปลูกมะเขือเทศรูปหัวใจนี้ สามารถติดต่อกับบริษัท เจียไต๋ จำกัด ได้โดยตรง ทางบริษัทยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ให้ แต่ต้องทำในลักษณะ คอนแท็กฟาร์มมิ่ง เพื่อควบคุมคุณภาพและปริมาณป้องกันผลผลิตล้นตลาดทำให้ราคาตก...."





รูปที่ 3 สวย น่ารัก วันวาเลนไทน์ จะขายดี

ไหน ๆ ก็เข้ามาเรื่องมะเขือเทศแล้ว ขอนำเสนอมะเขือเทศแปลก ๆ ต่อไปเ้ลยนะครับ





รูปที่ 4 สายพันธุ์อะไรไม่ได้บอกเอาไว้





รูปที่ 5 มะเขือเทศพันธุ์ลูกยาว





รูปที่ 6 มะเขือเทศพันธุ์เลื้อย




7.-


8.-


9.-

รูปที่ 7 - 9 มะเขือเทศพันธุ์ เหลือง หลายรูปแบบครับ





รูปที่ 10 มะเขือเทศพันธุ์ สีม่วง





รูปที่ 11 มะเขือเทศพันธุ์เขียว





รูปที่ 12 มะเขือเทศพันธุ์ แขวนเป็นไม้ประดับ





รูปที่ 13 มะเขือเทศพันธุ์ ....ไม่ทราบครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 24/06/2013 9:50 am    ชื่อกระทู้: ทุเรียน หลินลับแล - หลงลับแล ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม …..และ สมช.สีสันชีวิตไทยทุกท่าน

เกษตรสัญจร ภาค 4 ตอนที่ 11 ทุเรียน หลินลับแล - หลงลับแล


ฟังลุงคิมพูดถึงทุเรียนพื้นพันธุ์พื้นเมืองของอุตรดิตถ์ สองสายพันธุ์
(1) หลินลับแล
(2) หลงลับแล



รูปที่ 1 หลินลับแล กับ หลงลับแล ลูกไหนคือหลิน- ลูกไหนคือหลง- ไม่ทราบครับ มันมีก้นแหลน กับก้นป้าน ถ้าพูดฟังง่าย ๆ แบบชาวบ้าน ๆ ก็ ตูดแหลม กับตูดป้าน





รูปที่ 2 อันนี้คือ หลินลับแล เปลือกบาง เนื้อแน่ พูใหญ่ นักชิมทุเรียนบอกว่า หลินลับแล เนื้อละเอียดกว่า หลงลับแล และราคาแพงกว่าหลงลับแลด้วย





รูปที่ 3 นี้คือหมอนทองครับ





รูปที่ 4 ลูกกีวี่ครับ พันธุ์ลูกใหญ่





รูปที่ 5 กีวี่พันธุ์ลูกเล็ก





รูปที่ 6 การเพาะเมล็ดกีวี่





รูปที่ 7 กล่ำปลอดสารพิษ





รูปที่ 8 ปลูกผักในโรงเรือน





รูปที่ 9 มะเดื่อฝรั่ง กำลังออกลูก





รูปที่ 10 ลูกมะเดื่อฝรั่ง....รสชาดเป็นยังไงเอ่ย....เหมือนเอาเสาไฟฟาดปากมั๊ยครับลุง





รูปที่ 11 ลูกมะเดื่อฝรั่ง





รูปที่ 12 ดูคล้าย ๆ องุ่น แต่ตูดมีจุก...ลูกอะไรครับลุง





รูปที่ 13 ผู้รักษาสมดุลย์ธรรมชาติ ที่มักจะถูกทำลายไปด้วยกัน





.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©