-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 332 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ระกำ





                  ระกำ

      ลักษณะทางธรรมชาติ                
    * เป็นไม้ผลยืนต้น ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมและบำรุงต้นดีจะอายุถึง  100 ปี สกุลเดียวกัน
กับสละมีลักษณะและนิสัยทางธรรมชาติเหมือนกัน ปลูกได้ทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล  ชอบดิน
ร่วนปนทราย มีอินทรีย์วัตถุมากๆ  ทนแล้งแต่ไม่ทนต่อสภาพน้ำขังค้างนาน
               
    * เจริญเติบโตดีอากาศร้อนชื้น หน้าดินมีความชื้นสูง จึงควรมีเศษพืชแห้งคลุมผิวหน้าดินตลอด
เวลา ช่วงต้นเล็กต้องให้น้ำทุก 2-3 วัน  แต่เมื่อต้นโตจนทางหรือก้านใบยาวออกมาเกยซ้อนกับต้น
ข้างเคียงช่วยบังแสงแดดได้ ถ้ามีเศษพืชแห้งคลุมหน้าดินหนาๆก็อาจจะให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้งก็ได้ตาม
ความเหมาะสม......แม้จะชอบความชื้นสูงแต่ก็ทนแล้งได้ดีเพียงแต่อาจจะให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่
ควรเท่านั้น    
                
    * พืชสกุลระกำมีทั้งสิ้น 18 ชนิด แต่ในประเทศไทยมีเพียง 4-5 ชนิด ได้แก่  สละ. สะ
ละ. สะกำ. ระกำ. และส้มหลุมพี.  ซึ่งไม้ผลทั้ง 5 ชนิดนี้มีลักษณะลำต้นคล้ายคลึงกันมาก
    * ลักษณะลำต้นเมื่อโตจะทอดยาวไปตามผิวพื้นดิน  มีรากงอกออกมาหากินที่ผิวหน้าดินตื้น
แต่ไปได้ไกลจากต้นถึง  2 ม.
               
    * ต้นโตให้ผลผลิตแล้วต้องการแสงแดด 50-100 เปอร์เซ็นต์  จึงสามารถปลูกแซมแทรก
ระหว่างไม้ใหญ่  เช่น  ทุเรียน มะม่วง มะพร้าว ที่แสงแดดส่องถึงพื้นรำไรๆได้เป็นอย่างดี
    * ดอกตัวผู้กับดอกตัวเมียอยู่แยกกันคนละต้น ดอกตัวผู้มีเกสรละเอียด ขนาดเล็กกว่าและมี
จำนวนมากกว่าดอกตัวเมีย
               
    * การปลูกระกำต้องให้มีทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย  อัตราส่วน 1 : 3-5  แซมสลับแบบ
กระจายทั่วแปลงปลูกเสมอ  เพื่ออาศัยเกสรตัวผู้เข้าผสมกับเกสรตัวเมียจึงจะได้ผล
    * เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสาร
อาหาร/ฮอร์โมนหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) แล้วผสมกันแล้วพัฒนา
เป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
               
    * ต้นที่ได้รับการปฏิบัติบำรุงดีจะออกดอกทุกเดือนตลอดปีแบบไม่เป็นรุ่น แต่จะติดผลดีเพียงครั้ง
เดียว  โดยเริ่มออกดอกชุดแรกในเดือน พ.ย.-ธ.ค. หลังจากดอกบานแล้วประมาณ 1 เดือนเริ่ม
ติดผล  และผลแก่เก็บเกี่ยวได้หลังผสมติด 6 เดือน (มิ.ย.-พ.ค.)  หลังจากดอกชุดแรกออก
มาแล้วจะมีดอกชุดหลังออกตามมาเรื่อยๆ  ทุก 20 วัน  แบบนี้จึงทำให้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ทุก
เดือนเช่นกัน  
               
    * ระกำอายุต้นเกิน 7 ปี ได้รับการปฏิบัติบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่อง
นานนับหลายปีจะทยอยออกดอกแล้วมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวได้ติดต่อกันนานถึง 8-10 เดือน
    * วิธีพิสูจน์รสชาติหรือคุณภาพของระกำ  ทำโดยสุ่มเด็ดผลสุดท้ายของกระปุกปลายทะลาย
ชิมก็จะรู้ว่าแก่จัดสมควรเก็บเกี่ยวได้แล้วหรือยัง  ทั้งนี้ควรเก็บเกี่ยวเมื่อผลแก่จัดครบอายุ (28-30
สัปดาห์หรือ 7-8 เดือน หลังดอกบาน) พอดี  ถ้าผลแก่จัดครบอายุแล้วปล่อยคาต้นไว้ 10-15
วันจะทำให้รสขมกลิ่นไม่หอม  
               
     * เมื่อผลโตเท่าหัวนิ้วโป้มือให้เริ่มห่อผลด้วยกระสอบปุ๋ย  พร้อมกับใช้เชือกผูกทะลายยกขึ้น
เพื่อไม่ให้ทะลายสัมผัสพื้นดิน การห่อผลนอกจากช่วยป้องกันศัตรูพืชแล้วยังช่วยรักษาสีผิวให้สวยสด
ได้อีกด้วย
                
    * ทะลายที่ติดผลจำนวนมากควรปลิดผล (เหมือนซอยผลองุ่น) ออกบ้างเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผล
ที่เหลือได้ขยายขนาด  ซึ่งจะทำให้ได้ผลขนาดใหญ่ขึ้น
               
    * ได้ผลระกำสดแก่จัดมาแล้วคลุมทับด้วยกระสอบป่านเปียกทิ้งไว้ 7-10 วันเพื่อให้ลืมต้นจะ
ช่วยให้กลิ่นและรสชาติดีขึ้น   
               
    * ระกำป่า คือ ตัวเดียวกันกับระกำบ้าน จนมีคนเก็บมาขายแล้วอ้างว่าเป็นระกำบ้านได้ แต่เนื่อง
ระกำป่าไม่ได้รับการบำรุง  ลักษณะผลในบางต้นอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง  เพราะฉะนั้นจึงต้องสังเกต
ให้ดี 
                

      สายพันธุ์
               
    - พันธุ์มีหนาม   :  ลักษณะผลยาว  เนื้อมาก  รสหวาน
               
    - พันธุ์ไร้หนาม  :  ลักษณะผลกลมป้อม  เมล็ดใหญ่  เนื้อน้อย  รสหวานอมเปรี้ยว
  
                 
      การขยายพันธุ์
               
      แยกหน่อ :
  
               
      โดยขุดแยกหน่อที่เกิดจากตอต้นแม่ ขุดแยกมาแล้วชำในถุงต่ออีกอย่างน้อย 6 เดือน จน
เห็นว่าต้นสมบูรณ์แข็งแรงได้ใบใหม่ 3-5 ใบแล้วจึงนำไปปลูกในแปลงจริง  ระกำที่ปลูกจากหน่อใน
ระยะต้นเล็กจะโตช้า หลังจาก 1-2 ปีหลังปลูกไปแล้วจึงจะโตเร็วตามปกติ เมื่อโตขึ้นไม่กลายพันธุ์
      เพาะเมล็ด :                  
      โดยการเลือกเมล็ดจากผลและต้นที่สมบูรณ์  เมล็ดระกำชนิดมีรู 2 รูหัวท้าย  เมื่อโตขึ้น
ส่วนใหญ่จะเป็นต้นตัวผู้  ส่วนเมล็ดชนิดมีรู 3 รูหัวท้ายและกลางผล เมื่อโตขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นต้นตัว
เมีย  นำเมล็ดลงเพาะในกระบะเพาะหรือในถุงด้วยวัสดุเพาะทั่วๆไป  เลี้ยงจนกระทั่งได้ใบ 3-5 ใบ
แล้วจึงนำลงปลูกในแปลงจริง  ระกำที่ปลูกจากเมล็ดเมื่อโตขึ้นจะกลายพันธุ์
      ชำตา :                  
      โดยการตัดต้นแม่ที่อายุเกิน 10  ปี  ให้ผลผลิตดี  ผ่าต้นแม่ทางขวางเป็นแว่นรูปลิ่ม ใน
1 ชิ้นให้มีตา 1-2 ตา ต้นแม่ 1 ต้นจะได้ประมาณ  25 ชิ้น  ตัดเป็นชิ้นแล้วนำลงแช่ในไคตินไค
โตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริม 12-24 ชม.  ครบกำหนดแล้วนำขึ้นผึ่งลม  แห้งแล้วทาด้วยปูนกิน
หมาก  เมื่อปูนกินหมากแห้งก็ให้นำลงเพาะในกระเพาะชำบนวัสดุเพาะชำธรรมดาๆ  เลี้ยงต้นกล้าจน
ได้ใบ 2-3 ใบ ให้ย้ายลงถุงดำแล้วอนุบาลต่อจนได้ใบ 3-5 คู่ จึงนำลงปลูกในแปลงจริง  ต้นพันธุ์
ระกำประเภทนี้เมื่อโตขึ้นจะไม่กลายพันธุ์
                 

      ระยะปลูก
               
    - ระยะปกติ  6 X 6 ม. หรือ  6 X 8 ม.
               
    - ระยะชิด   3 X 4 ม. หรือ  4 X 4 ม.  
                

      วิธีช่วยผสมเกสร
               
      วิธีที่ 1 ....
เด็ดดอกตัวผู้ที่เกสรแก่จัดพร้อมผสมมาทั้งดอก แล้วนำมาถูสัมผัสเบาๆบน
ดอกตัวเมียที่เกสรตัวเมียพร้อมรับการผสม หรือเคาะเบาๆพอให้ละอองเกสรตัวผู้ปลิวหล่นใส่เกสรตัวเมีย
     
วิธีที่ 2 ..... เคาะหรือเขี่ยเกสรตัวผู้ใส่ถ้วยหรือแก้วที่มีน้ำอยู่ก่อน ผสมละอองเกสรตัวผู้
ให้เข้ากับน้ำดีทั่วถึง แล้วนำไปฉีดพ่นใส่ดอกตัวเมียที่เกสรตัวเมียพร้อมรับการผสมแล้ว
      วิธีที่ 3 ..... เคาะหรือเขี่ยเกสรตัวผู้ใส่ถ้วยหรือแก้ว  ใส่แป้งทาตัวเด็ก  อัตราส่วน
1 : 1  ใช้ปลายพู่กันคนเคล้าให้เข้ากันดีแล้วใส่กระบอกฉีดเกสร นำไปฉีดพ่นใส่ดอกตัวเมียที่เกสร
พร้อมรับการผสมแล้ว....เกสรตัวผู้ผสมแป้งทาตัวเด็กใส่กลักฟิล์ม  ปิดฝาสนิท  เก็บในตู้เย็นที่ช่อง
แช่เย็นธรรมดา  อยู่ได้นาน 3-6 เดือน
                

      เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ  
               
    - ใส่ปุ๋ยคอก(มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา...แห้งเก่าข้ามปี)ปีละ 2 ครั้ง
  
  - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง               
    - ให้กระดูกป่น  ปีละ 1 ครั้ง  
               
    - คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่มล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
    - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง               
      หมายเหตุ :
               
    - การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่  ปลาสด  เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขต
ทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อ
เนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน  
               
    - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตก
ใบอ่อน  ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่  การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาด
ของเชื้อราได้  
                
    
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพ
ความสมบูรณ์สูง
                

      เตรียมต้น 
               
      ตัดแต่งใบ :
               
      ช่วงต้นเล็กไม่ควรตัดกิ่งหรือทาง  ปล่อยเลี้ยงไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพราะอาศัยใบ
ช่วยบังแสงงแดด แต่เมื่อต้นใหญ่และอายุมากขึ้นกิ่งหรือทางล่างสุดจะโน้มลงปกดินให้ตัดออกได้  แต่
กิ่งหรือทางที่ยังตั้งชี้ขึ้นได้ดีอยู่ให้คงไว้  ตัดแต่งปีละ 1 ครั้งหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตชุดใหญ่
      
ตัดแต่งราก :
      ระกำไม่ชอบการตัดแต่งราก ต้นอายุหลายปีระบบรากเก่าและแก่มากให้ใช้วิธีพูนโคนต้นเพื่อ
ล่อรากให้ขึ้นมาที่ผิวพื้น จากนั้นให้ฮอร์โมนบำรุงรากต้นจะแตกรากออกมาใหม่จำนวนมากและมี
ประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
    



             
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อระกำ        

    1.ระยะกล้า – ยังไม่ให้ผลผลิต
               
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 25-5-5(200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+สารสกัด
สมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น  ทุก 15-20 วัน
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
      ทางราก :
               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (4-5 กก.)/เดือน/ไร่
  
  - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน               
      หมายเหตุ :
               
      ระยะต้นเล็กถ้าขาดน้ำต้นจะชะงักการเจริญเติบโต
        

    2.ระยะต้นโตให้ผลผลิตแล้ว
               
      ทางใบ :
               
    - ในรอบ 15-20 วัน ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม
100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.1 ครั้งกับให้น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้
เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น
               
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน 
               
      ทางราก :
               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 สลับกับ 21-7-14 (4-5 กก.)/เดือน/ไร่
    - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน               
      หมายเหตุ :
               
    - การให้ปุ๋ยทางราก  ถ้าให้ 8-24-24 สองรอบแล้วให้ 21-7-14 หนึ่งรอบไปเรื่อยๆ 
จะช่วยให้ระกำต้นนั้นออกดอกติดผลและมีผลขนาดใหญ่ตลอดปี 
      

    3.บำรุง  “ดอก + ผล”  หลายรุ่น
               
      ทางใบ :
            
      
ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น
     
 ทางราก :               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 สลับกับ 21-7-14(4-5 กก.)/ไร่/เดือน
    - ให้น้ำเปล่าทุก 2-3 วัน                 
     หมายเหตุ :                
                 
   
 - ถ้าติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ และ แคลเซียม โบรอน. 2-3 เดือน/ครั้ง โดยแบ่ง
ให้ตลอดระยะเวลาที่มีผลผลิตอยู่บนต้นจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากแบกภาระเลี้ยงผลจำนวนมากบนต้น
            
    - ต้นที่ได้รับแคลเซียม (ยิบซั่มธรรมชาติ และ แตลเซียม โบรอน)สม่ำเสมอจะช่วยให้เนื้อ
ส่วนท้ายผลเต็มและคุณภาพดี
   







             *********************************









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-07-16 (5116 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©