ระกำ
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นไม้ผลยืนต้น ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมและบำรุงต้นดีจะอายุถึง 100 ปี สกุลเดียวกัน
กับสละมีลักษณะและนิสัยทางธรรมชาติเหมือนกัน ปลูกได้ทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล ชอบดิน
ร่วนปนทราย มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ทนแล้งแต่ไม่ทนต่อสภาพน้ำขังค้างนาน
* เจริญเติบโตดีอากาศร้อนชื้น หน้าดินมีความชื้นสูง จึงควรมีเศษพืชแห้งคลุมผิวหน้าดินตลอด
เวลา ช่วงต้นเล็กต้องให้น้ำทุก 2-3 วัน แต่เมื่อต้นโตจนทางหรือก้านใบยาวออกมาเกยซ้อนกับต้น
ข้างเคียงช่วยบังแสงแดดได้ ถ้ามีเศษพืชแห้งคลุมหน้าดินหนาๆก็อาจจะให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้งก็ได้ตาม
ความเหมาะสม......แม้จะชอบความชื้นสูงแต่ก็ทนแล้งได้ดีเพียงแต่อาจจะให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่
ควรเท่านั้น
* พืชสกุลระกำมีทั้งสิ้น 18 ชนิด แต่ในประเทศไทยมีเพียง 4-5 ชนิด ได้แก่ สละ. สะ
ละ. สะกำ. ระกำ. และส้มหลุมพี. ซึ่งไม้ผลทั้ง 5 ชนิดนี้มีลักษณะลำต้นคล้ายคลึงกันมาก
* ลักษณะลำต้นเมื่อโตจะทอดยาวไปตามผิวพื้นดิน มีรากงอกออกมาหากินที่ผิวหน้าดินตื้น
แต่ไปได้ไกลจากต้นถึง 2 ม.
* ต้นโตให้ผลผลิตแล้วต้องการแสงแดด 50-100 เปอร์เซ็นต์ จึงสามารถปลูกแซมแทรก
ระหว่างไม้ใหญ่ เช่น ทุเรียน มะม่วง มะพร้าว ที่แสงแดดส่องถึงพื้นรำไรๆได้เป็นอย่างดี
* ดอกตัวผู้กับดอกตัวเมียอยู่แยกกันคนละต้น ดอกตัวผู้มีเกสรละเอียด ขนาดเล็กกว่าและมี
จำนวนมากกว่าดอกตัวเมีย
* การปลูกระกำต้องให้มีทั้งต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย อัตราส่วน 1 : 3-5 แซมสลับแบบ
กระจายทั่วแปลงปลูกเสมอ เพื่ออาศัยเกสรตัวผู้เข้าผสมกับเกสรตัวเมียจึงจะได้ผล
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสาร
อาหาร/ฮอร์โมนหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) แล้วผสมกันแล้วพัฒนา
เป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
* ต้นที่ได้รับการปฏิบัติบำรุงดีจะออกดอกทุกเดือนตลอดปีแบบไม่เป็นรุ่น แต่จะติดผลดีเพียงครั้ง
เดียว โดยเริ่มออกดอกชุดแรกในเดือน พ.ย.-ธ.ค. หลังจากดอกบานแล้วประมาณ 1 เดือนเริ่ม
ติดผล และผลแก่เก็บเกี่ยวได้หลังผสมติด 6 เดือน (มิ.ย.-พ.ค.) หลังจากดอกชุดแรกออก
มาแล้วจะมีดอกชุดหลังออกตามมาเรื่อยๆ ทุก 20 วัน แบบนี้จึงทำให้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ทุก
เดือนเช่นกัน
* ระกำอายุต้นเกิน 7 ปี ได้รับการปฏิบัติบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่อง
นานนับหลายปีจะทยอยออกดอกแล้วมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวได้ติดต่อกันนานถึง 8-10 เดือน
* วิธีพิสูจน์รสชาติหรือคุณภาพของระกำ ทำโดยสุ่มเด็ดผลสุดท้ายของกระปุกปลายทะลาย
ชิมก็จะรู้ว่าแก่จัดสมควรเก็บเกี่ยวได้แล้วหรือยัง ทั้งนี้ควรเก็บเกี่ยวเมื่อผลแก่จัดครบอายุ (28-30
สัปดาห์หรือ 7-8 เดือน หลังดอกบาน) พอดี ถ้าผลแก่จัดครบอายุแล้วปล่อยคาต้นไว้ 10-15
วันจะทำให้รสขมกลิ่นไม่หอม
* เมื่อผลโตเท่าหัวนิ้วโป้มือให้เริ่มห่อผลด้วยกระสอบปุ๋ย พร้อมกับใช้เชือกผูกทะลายยกขึ้น
เพื่อไม่ให้ทะลายสัมผัสพื้นดิน การห่อผลนอกจากช่วยป้องกันศัตรูพืชแล้วยังช่วยรักษาสีผิวให้สวยสด
ได้อีกด้วย
* ทะลายที่ติดผลจำนวนมากควรปลิดผล (เหมือนซอยผลองุ่น) ออกบ้างเพื่อเปิดพื้นที่ให้ผล
ที่เหลือได้ขยายขนาด ซึ่งจะทำให้ได้ผลขนาดใหญ่ขึ้น
* ได้ผลระกำสดแก่จัดมาแล้วคลุมทับด้วยกระสอบป่านเปียกทิ้งไว้ 7-10 วันเพื่อให้ลืมต้นจะ
ช่วยให้กลิ่นและรสชาติดีขึ้น
* ระกำป่า คือ ตัวเดียวกันกับระกำบ้าน จนมีคนเก็บมาขายแล้วอ้างว่าเป็นระกำบ้านได้ แต่เนื่อง
ระกำป่าไม่ได้รับการบำรุง ลักษณะผลในบางต้นอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง เพราะฉะนั้นจึงต้องสังเกต
ให้ดี
สายพันธุ์
- พันธุ์มีหนาม : ลักษณะผลยาว เนื้อมาก รสหวาน
- พันธุ์ไร้หนาม : ลักษณะผลกลมป้อม เมล็ดใหญ่ เนื้อน้อย รสหวานอมเปรี้ยว
การขยายพันธุ์
แยกหน่อ :
โดยขุดแยกหน่อที่เกิดจากตอต้นแม่ ขุดแยกมาแล้วชำในถุงต่ออีกอย่างน้อย 6 เดือน จน
เห็นว่าต้นสมบูรณ์แข็งแรงได้ใบใหม่ 3-5 ใบแล้วจึงนำไปปลูกในแปลงจริง ระกำที่ปลูกจากหน่อใน
ระยะต้นเล็กจะโตช้า หลังจาก 1-2 ปีหลังปลูกไปแล้วจึงจะโตเร็วตามปกติ เมื่อโตขึ้นไม่กลายพันธุ์
เพาะเมล็ด :
โดยการเลือกเมล็ดจากผลและต้นที่สมบูรณ์ เมล็ดระกำชนิดมีรู 2 รูหัวท้าย เมื่อโตขึ้น
ส่วนใหญ่จะเป็นต้นตัวผู้ ส่วนเมล็ดชนิดมีรู 3 รูหัวท้ายและกลางผล เมื่อโตขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นต้นตัว
เมีย นำเมล็ดลงเพาะในกระบะเพาะหรือในถุงด้วยวัสดุเพาะทั่วๆไป เลี้ยงจนกระทั่งได้ใบ 3-5 ใบ
แล้วจึงนำลงปลูกในแปลงจริง ระกำที่ปลูกจากเมล็ดเมื่อโตขึ้นจะกลายพันธุ์
ชำตา :
โดยการตัดต้นแม่ที่อายุเกิน 10 ปี ให้ผลผลิตดี ผ่าต้นแม่ทางขวางเป็นแว่นรูปลิ่ม ใน
1 ชิ้นให้มีตา 1-2 ตา ต้นแม่ 1 ต้นจะได้ประมาณ 25 ชิ้น ตัดเป็นชิ้นแล้วนำลงแช่ในไคตินไค
โตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริม 12-24 ชม. ครบกำหนดแล้วนำขึ้นผึ่งลม แห้งแล้วทาด้วยปูนกิน
หมาก เมื่อปูนกินหมากแห้งก็ให้นำลงเพาะในกระเพาะชำบนวัสดุเพาะชำธรรมดาๆ เลี้ยงต้นกล้าจน
ได้ใบ 2-3 ใบ ให้ย้ายลงถุงดำแล้วอนุบาลต่อจนได้ใบ 3-5 คู่ จึงนำลงปลูกในแปลงจริง ต้นพันธุ์
ระกำประเภทนี้เมื่อโตขึ้นจะไม่กลายพันธุ์
ระยะปลูก
- ระยะปกติ 6 X 6 ม. หรือ 6 X 8 ม.
- ระยะชิด 3 X 4 ม. หรือ 4 X 4 ม.
วิธีช่วยผสมเกสร
วิธีที่ 1 .... เด็ดดอกตัวผู้ที่เกสรแก่จัดพร้อมผสมมาทั้งดอก แล้วนำมาถูสัมผัสเบาๆบน
ดอกตัวเมียที่เกสรตัวเมียพร้อมรับการผสม หรือเคาะเบาๆพอให้ละอองเกสรตัวผู้ปลิวหล่นใส่เกสรตัวเมีย
วิธีที่ 2 ..... เคาะหรือเขี่ยเกสรตัวผู้ใส่ถ้วยหรือแก้วที่มีน้ำอยู่ก่อน ผสมละอองเกสรตัวผู้
ให้เข้ากับน้ำดีทั่วถึง แล้วนำไปฉีดพ่นใส่ดอกตัวเมียที่เกสรตัวเมียพร้อมรับการผสมแล้ว
วิธีที่ 3 ..... เคาะหรือเขี่ยเกสรตัวผู้ใส่ถ้วยหรือแก้ว ใส่แป้งทาตัวเด็ก อัตราส่วน
1 : 1 ใช้ปลายพู่กันคนเคล้าให้เข้ากันดีแล้วใส่กระบอกฉีดเกสร นำไปฉีดพ่นใส่ดอกตัวเมียที่เกสร
พร้อมรับการผสมแล้ว....เกสรตัวผู้ผสมแป้งทาตัวเด็กใส่กลักฟิล์ม ปิดฝาสนิท เก็บในตู้เย็นที่ช่อง
แช่เย็นธรรมดา อยู่ได้นาน 3-6 เดือน
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก(มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา...แห้งเก่าข้ามปี)ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่มล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขต
ทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อ
เนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตก
ใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาด
ของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพ
ความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งใบ :
ช่วงต้นเล็กไม่ควรตัดกิ่งหรือทาง ปล่อยเลี้ยงไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพราะอาศัยใบ
ช่วยบังแสงงแดด แต่เมื่อต้นใหญ่และอายุมากขึ้นกิ่งหรือทางล่างสุดจะโน้มลงปกดินให้ตัดออกได้ แต่
กิ่งหรือทางที่ยังตั้งชี้ขึ้นได้ดีอยู่ให้คงไว้ ตัดแต่งปีละ 1 ครั้งหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตชุดใหญ่
ตัดแต่งราก :
ระกำไม่ชอบการตัดแต่งราก ต้นอายุหลายปีระบบรากเก่าและแก่มากให้ใช้วิธีพูนโคนต้นเพื่อ
ล่อรากให้ขึ้นมาที่ผิวพื้น จากนั้นให้ฮอร์โมนบำรุงรากต้นจะแตกรากออกมาใหม่จำนวนมากและมี
ประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อระกำ
1.ระยะกล้า – ยังไม่ให้ผลผลิต
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 25-5-5(200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+สารสกัด
สมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น ทุก 15-20 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (4-5 กก.)/เดือน/ไร่
- ให้น้ำเปล่าปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
ระยะต้นเล็กถ้าขาดน้ำต้นจะชะงักการเจริญเติบโต
2.ระยะต้นโตให้ผลผลิตแล้ว
ทางใบ :
- ในรอบ 15-20 วัน ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม
100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.1 ครั้งกับให้น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้
เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 สลับกับ 21-7-14 (4-5 กก.)/เดือน/ไร่
- ให้น้ำเปล่าปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- การให้ปุ๋ยทางราก ถ้าให้ 8-24-24 สองรอบแล้วให้ 21-7-14 หนึ่งรอบไปเรื่อยๆ
จะช่วยให้ระกำต้นนั้นออกดอกติดผลและมีผลขนาดใหญ่ตลอดปี
3.บำรุง “ดอก + ผล” หลายรุ่น
ทางใบ :
ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบลงถึงพื้น
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 สลับกับ 21-7-14(4-5 กก.)/ไร่/เดือน
- ให้น้ำเปล่าทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ถ้าติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ และ แคลเซียม โบรอน. 2-3 เดือน/ครั้ง โดยแบ่ง
ให้ตลอดระยะเวลาที่มีผลผลิตอยู่บนต้นจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากแบกภาระเลี้ยงผลจำนวนมากบนต้น
- ต้นที่ได้รับแคลเซียม (ยิบซั่มธรรมชาติ และ แตลเซียม โบรอน)สม่ำเสมอจะช่วยให้เนื้อ
ส่วนท้ายผลเต็มและคุณภาพดี
*********************************
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.